ตอนที่ 143 กลัว
เสี่ยวเหลียนก้าวเข้ามาเปิดหีบออกอย่างไม่คิดอันใด
หีบสี่เหลี่ยมอัดเรียงแน่นไปด้วยเงินก้อน แสงวาวระยิบสะท้อนเข้าตาผู้ดูแลร้านหูกับคนงาน
ไม่รอให้ทั้งสองคนตั้งสติได้ เสี่ยวเหลียนก็เปิดอีกหีบหนึ่ง แล้วก็เปิดทีละหีบ ผู้ดูแลร้านหูกับหลิวโจวยิ่งแตกตื่นตกใจ
“พวกนี้…” ผู้ดูแลร้านหูลมหายใจกระชั้นถี่ ยื่นมือไปคล้ายว่าไม่ใช่มือตนเอง “หีบเหล่านี้ล้วนเป็นเงินก้อนหรือขอรับ”
ซินโย่วอมยิ้มพยักหน้า
ผู้ดูแลร้านกระตุกแขนเสื้อซินโย่ว เอ่ยอย่างคับแค้นใจ “ท่านเจ้าของร้าน เรื่องผิดกฎหมายทำไม่ได้อย่างเด็ดขาด!”
ด้วยความสามารถหาเงินหาทองของเจ้าของร้าน ทำมาหากินสุจริตไปก็เพียงพอแล้ว!
เสี่ยวเหลียนขำพรืด “ผู้ดูแลร้านกล่าวอันใดน่ะ นี่คือเงินของคุณหนูเรา”
“เงินท่านเจ้าของร้าน” ผู้ดูแลร้านหูมองไปทางซินโย่วงงงัน
เห็นผู้ดูแลร้านตกใจไม่น้อย ซินโย่วยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “อืม สมบัติตระกูลโค่วข้า ตอนเข้าเมืองหลวงมานำมาจวนรองเจ้ากรมด้วย ตอนนี้ข้าโตแล้ว ก็ไปขอคืนจากท่านยายมานิดหน่อย”
“นิดหน่อย…” หลิวโจวกรามแทบร่วง
นี่มันภูเขาเงินก้อนน้อยๆ ชัดๆ เจ้าของร้านเรียกว่า นิดหน่อย!
“ผู้ดูแลร้าน หลิวโจว รบกวนตรวจนับสักหน่อย”
ผู้ดูแลร้านหูสบตากับหลิวโจวเดินตัวลอยเข้าไปใน ‘ภูเขาเงิน’
“คุณหนู สือโถวมาแจ้งว่าใต้เท้าเฮ่อมาขอพบท่านขอรับ” เจี้ยงซวงเข้ามารายงาน
ซินโย่วคาดเดาว่าใต้เท้าเฮ่อต้องมาเพราะเรื่องค่าตอบแทนเป็นแน่ จึงรีบก้าวออกไปด้านหน้า
แม้ในใจเฮ่อชิงเซียวถูกเงินหกพันตำลึงทำเอาตะลึงไปไม่น้อย แต่สีหน้ายังคงสงบนิ่งดังเดิม พอซินโย่วเข้ามา ก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงสง่ากำลังเหม่อลอยอยู่
เฮ่อชิงเซียวได้ยินเสียงฝีเท้าก็หันหลังมา เพราะสือโถวอยู่ จึงถามว่า “คุณหนูโค่ว สะดวกคุยสักครู่หรือไม่”
ซินโย่วนำเขาเข้าไปในห้องรับรอง รินน้ำชาให้พลางยิ้มถามขึ้นว่า “ใต้เท้าเฮ่อกลับไปแล้วยังกลับมาอีก มีธุระอันใดหรือเจ้าคะ”
เฮ่อชิงเซียวหยิบกล่องเล็กออกมาวางตรงหน้าซินโย่ว
“ก่อนหน้านี้ข้าไม่คิดว่าค่าตอบแทนของคุณหนูโค่วจะถึงกับสูงถึงหกพันตำลึง เงินมากมายเช่นนี้รับไม่ได้จริงๆ”
“ทำไมรับไม่ได้เจ้าคะ ไม่ใช่ว่าตกลงกันเรียบร้อยแล้วหรือว่ามอบให้ใต้เท้าเฮ่อร้อยละหนึ่ง?” ซินโย่วเอียงหน้าเล็กน้อย สีหน้าไม่เข้าใจอย่างยิ่ง
“แต่ว่าร้อยละหนึ่ง…”
ร้อยละหนึ่ง เหตุใดจึงหกพันตำลึง!
“ร้อยละหนึ่งก็หกพันตำลึงพอดี ครั้งนี้ข้าได้เงินมาหกแสน” ซินโย่วเอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
เฮ่อชิงเซียว “…” ดังนั้นไม่ใช่ว่าคุณหนูโค่วตั้งใจให้มาก แต่นางได้มาถึงหกแสนตำลึง!
ใช้เวลาทำใจให้นิ่งสงบลงได้เป็นนาน ก่อนฮ่อชิงเซียวจะมองซินโย่วด้วยแววตาสับสนอยู่บ้าง “หกพันตำลึงมากเกินไปจริงๆ ข้าเพียงแค่เป็นเพื่อนคุณหนูโค่วไปที่ต่างๆ ละอายใจที่จะรับไว้อย่างยิ่ง ขอคุณหนูโค่วรับคืนไปด้วย”
ซินโย่วผลักกล่องเล็กกลับคืน “ในสายตาข้า หกพันตำลึงไม่มากไปแม้แต่น้อย ข้าอาศัยบารมีใต้เท้าเฮ่อสยบโจรร้าย หรือว่าไม่ควรค่ากับหกพันตำลึง”
เฮ่อชิงเซียวได้ยิน มุมปากก็กระตุก
เขาไปร้านรับฝากเงินมาสองแห่งก็มิได้แสดงสถานะ รู้ว่าเขาเป็นเจิ้นฝูสื่อกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน ก็มีเพียงรองเจ้ากรมต้วน คำว่า ‘โจรร้าย’ จากปากคุณหนูผู้นั้นโค่วหมายถึงผู้ใดย่อมกระจ่างชัด
ใช้คำว่า ‘โจรร้าย’ มาหมายถึงลุงตนเอง คุณหนูโค่วช่างเอาแต่ใจตนเองเสียจริง ควรรู้ว่าผู้ที่ถูกธรรมเนียมคำสอนจารีตผูกรัดไว้ หลายเรื่องในฐานะรุ่นหลาน แม้ถูกข่มเหงรังแก แต่ต่อหน้าคนนอกก็ไม่อาจกล่าวว่าผู้อาวุโสได้แม้แต่คำเดียว
บางทีตั้งแต่รู้ความมาก็รู้ว่าตนเองมีกุญแจคล้องกายติดตัวมาแต่กำเนิด เฮ่อชิงเซียวจึงชื่นชมผู้ที่ดำรงอยู่อย่างไร้พันธนาการอิสระเสรีอย่างมาก
“คุณหนูโค่ว…”
เห็นเฮ่อชิงเซียวจะปฏิเสธ ซินโย่วสีหน้าบึ้งตึงทันที “ใต้เท้าเฮ่อ หรือท่านอยากให้ข้าเป็นคนไม่รักษาสัตย์เจ้าคะ”
“แต่ว่า…”
“หรือใต้เท้าเฮ่อคิดว่า วาจาสัตย์ข้าไม่ควรค่าถึงหกพันตำลึง?”
เฮ่อชิงเซียวไร้คำพูด
ซินโย่วยัดกล่องเล็กใส่มือเขา ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ใต้เท้าเฮ่อ หากรู้สึกว่ามากกว่าที่คาดไว้ เช่นนั้นก็ช่วยงานข้าอีกเรื่องหนึ่งได้หรือไม่เจ้าคะ”
เฮ่อชิงเซียวจ้องมองกล่องเล็กอยู่ครู่หนึ่ง ยามนี้ได้แต่ทำใจยอมรับ หากปฏิเสธต่อไป คุณหนูโค่วก็จะโมโหแล้ว
คุณหนูโค่วโกรธกับเขาหน้าหนารับเงินผู้อื่นแทนคำขอบคุณหกพันตำลึง เขาเลือกอย่างหลังดีกว่า
“คุณหนูโค่วเชิญกล่าว”
ซินโย่วกลับไปเรือนตะวันออกร้านหนังสือแล้วก็จัดระเบียบรายการเรียบร้อย นำออกมาส่งให้ “รายการเหล่านี้คือร้านค้า ใคร่ขอให้ใต้เท้าเฮ่อช่วยข้าตรวจดูหน่อยว่ามีปัญหาหรือไม่เจ้าคะ”
ของที่จวนรองเจ้ากรมคายออกมา เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้พวกเขาฮุบกลับไป ร้านค้าเหล่านี้ราคาแสนห้าหมื่นตำลึงหรือไม่ ไม่ใช่ว่ารองเจ้ากรมต้วนเอ่ยเท่าไรก็เท่ากัน
แต่ร้านค้าเหล่านี้ตั้งอยู่กระจายหลายพื้นที่ กิจการก็แตกต่างกัน หากให้นางค่อยๆ ตรวจสอบก็จะเสียเวลามากเกินไป ในเมื่อใต้เท้าเฮ่อรู้สึกว่ารับหกพันตำลึงมากไป ก็พอดีได้ช่วยนางทำงานเล็กน้อย เช่นนี้ใต้เท้าเฮ่อก็จะสบายใจ นางเองก็เบาใจ
เฮ่อชิงเซียวรับมากวาดตามอง “ร้านค้าเหล่านี้…”
“ล้วนเป็นของข้า”
มือเฮ่อชิงเซียวที่ถืออยู่สั่นเล็กน้อย เงียบไปนานไม่เอ่ยอันใด
“ใต้เท้าเฮ่อ?”
“อ้อ ได้ คุณหนูโค่วต้องการเมื่อใด”
“ไม่รีบ ก่อนปีใหม่ก็ได้เจ้าค่ะ”
อีกไม่นานก็ปีใหม่แล้ว
พอเฮ่อชิงเซียวไปแล้ว ซินโย่วก็กลับเรือนตะวันออก
เจี้ยงซวงเฝ้าประตูอยู่ ผู้ดูแลร้านหูกับหลิวโจวหลงทางอยู่ในภูเขาเงินทองไปแล้ว เสี่ยวเหลียนอยู่ช่วยข้างๆ ฟางหมัวมัว…
“แม่นมร้องไห้ทำไมหรือ” นางเดินเข้าไปถาม
ฟางหมัวมัวปาดน้ำตา สีหน้าตื่นเต้นดีใจ “บ่าวดีใจ ดีใจที่…”
นางถูกจวนรองเจ้ากรมไล่ไปอยู่โรงบ้านนอกเมือง แม้แต่ฝันก็ยังไม่กล้าฝันว่าจะมีวันนี้
“หากนายหญิงได้รู้ จะดีใจเพียงใด” ฟางหมัวมัวน้ำตาไหลพราก
สำหรับนายหญิงแล้ว คุณหนูเติบโตมาได้อย่างปลอดภัย ได้ออกเรือนอย่างสมศักดิ์ศรี ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
ฟางหมัวมัวคิดถึงมารดาโค่วชิงชิงที่ฝากฝังบุตรสาวไว้กับนางยามนอนป่วยอยู่บนเตียงก็ปวดใจ สองมือประนมขึ้นพึมพำ “นายหญิง ตอนนี้คุณหนูโตแล้ว มีความสามารถ ท่านวางใจได้แล้ว…”
ซินโย่วผินหน้าหลบขอบตาแอบแดง
ค่ำคืนนี้ ผู้ดูแลร้านหูกับหลิวโจวประคองกันไปกินข้าวที่เรือนตะวันตก
เรือนตะวันตกติดกับประตูโรงพิมพ์ คนส่วนใหญ่ในร้านหนังสือล้วนมากินข้าวและนอนกันที่เรือนตะวันตก
“ท่านผู้ดูแลร้าน ดูแล้วเหนื่อยมาก หน้าร้านงานยุ่งอีกแล้วหรือ” หัวหน้าจ้าวถามอย่างงุนงง
แม้กระแส ‘วาดหนัง’ ยังคงร้อนแรงอยู่ แต่ในเมื่อไม่พิมพ์เพิ่มแล้ว หนังสือใหม่ท่านซงหลิงก็ยังไม่ออก ระยะนี้การค้าร้านหนังสือก็เรื่อยๆ ไม่นับว่ายุ่งมาก
ผู้ดูแลร้านหูโบกมือพัลวันอย่างไร้เรี่ยวแรง “อย่าถามเลย กินข้าว”
ซาลาเปาหมั่นโถวขาวนวลยกขึ้นโต๊ะ ผู้ดูแลร้านหูคิดถึงเงินก้อนขาวขึ้นมา ตะเกียบก็ร่วงลงบนโต๊ะทันที
“ท่านผู้ดูแลร้าน เป็นอันใดไปหรือ”
ผู้ดูแลร้านหูจ้องมองหัวหน้าจ้าว พลันถามขึ้นว่า “น้องจ้าว เจ้าเคยเห็นเงินก้อนจนกลัวบ้างไหม”
หัวหน้าจ้าวนิ่งอึ้งไปทันที ยื่นมือไปอังหน้าผากผู้ดูแลร้านหู
หมดกันๆ ตาเฒ่าหูคล้ายเสียสติไปแล้ว!
ท่ามกลางแสงเทียนในเรือนตะวันออกในห้อง ซินโย่วเรียกเสี่ยวเหลียนมาพบ
“คุณหนูมีอันใดสั่งการหรือเจ้าคะ” จนถึงตอนนี้ แววตาเสี่ยวเหลียนก็ยังทอประกายตื่นเต้นดีใจ
ซินโย่วพลิกฝ่ามือวางตราประทับสองชิ้นลงบนโต๊ะ
“ตราประทับสองชิ้นนี้ก็คือของร้านรับฝากเงินจิ่นเซิงหนึ่ง ของร้านรับฝากเงินเป่าอันอีกหนึ่ง ทั้งหมดเบิกถอนได้สี่แสนตำลึง”
เสี่ยวเหลียนงุนงงนิ่งอึ้งไปทันที ไม่รู้ว่าซินโย่วเอ่ยเรื่องพวกนี้กันนางทำไม