ตอนที่ 161 คารวะสุรา
ซินโย่วคำนับองค์หญิงเสวียน “ถวายพระพรองค์หญิงเพคะ”
องค์หญิงเสวียนหลุบตาลง น้ำเสียงเบานิ่มนวลเหมือนบุคลิกนาง “คุณหนูโค่วไม่ต้องมากพิธี”
จากนั้นก็ไม่ได้พูดอันใดอื่นอีก
ซิ่วอ๋องยิ้มถามข่งฝู “เหตุใดฝูเอ๋อร์จึงมาจากทางนี้”
“หม่อมฉันพาพี่โค่วไปดูลูกหมูป่ามาเพคะ”
ซิ่วอ๋องอดมองซินโย่วทีหนึ่งไม่ได้ น้ำเสียงอ่อนโยนยิ่งขึ้น “อากาศหนาวมาก เจ้ากับคุณหนูโค่วรีบกลับเข้าไปในห้องเถอะ”
“พี่ใหญ่กับพี่เสวียนเสด็จกลับด้วยกันไหมเพคะ” ข่งฝูถามออกไปอย่างนั้น
ซิ่วอ๋องหันไปถามว่า “เสวียนเอ๋อร์จะกลับไหม”
องค์หญิงเสวียนพยักหน้าเล็กน้อย
ซิ่วอ๋องเผยรอยยิ้มให้ข่งฝูกับซินโย่ว “เช่นนั้นก็กลับด้วยกัน”
อากาศหนาว คนที่มาเดินเล่นข้างนอกแทบจะมีแต่บุตรหลานหนุ่มสาวที่ติดตามผู้อาวุโสในตระกูลมา พอเห็นพวกซิ่วอ๋องเดินมาก็ทักทายกัน ส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นไปทางซินโย่ว
พอทุกคนเดินผ่านไป ก็เริ่มมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้นเบาๆ
“นั่นใช่คุณหนูโค่วกระมัง เหตุใดนางมาเดินอยู่กับซิ่วอ๋องและองค์หญิงเสวียนได้”
“เพราะช่วยคุณหนูข่งไว้กระมัง ข้าเห็นคุณหนูข่งเดินอยู่กับคุณหนูโค่วไม่ห่าง สนิทยิ่งกว่ากับองค์หญิงเสวียนอีก”
“คุณหนูโค่วช่างโชคดีจริง”
นึกถึงกิจการรุ่งเรืองของร้านหนังสือชิงซง นึกถึงร้านค้าสิบกว่าร้านกระจายทั่วเมืองหลวง ชายหนุ่มหญิงสาวที่คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดและคิดร่วมวงศ์ราชนิกุลก็อดมองอย่างอิจฉาไม่ได้
ซินโย่วเข้าประตูมาก็เห็นชิ่งอ๋อง
ชิ่งอ๋องกวาดตามองมายังทุกคน พลางเดินไปหาซิ่วอ๋อง “เสด็จพี่ใหญ่มาเช้าจริง ไปเดินที่สวนต้นเหมยมาหรือ”
“เพียงแค่พบกันโดยบังเอิญ” ซิ่วอ๋องมีท่าทีเกรงใจต่อชิ่งอ๋อง
ซินโย่วมองดูเงียบๆ ในใจคิดว่าฮ่องเต้ทรงละเลยซิ่วอ๋องดังคาด ไม่เช่นนั้นท่าทีชิ่งอ๋องคงไม่ปล่อยตัวตามสบายเช่นนี้
ท่าทางปล่อยตัวตามสบายเช่นนี้ไม่ใช่ท่าทางปล่อยตัวตามสบายแบบฉบับที่ทำให้ผู้คนรู้สึกคุ้นเคยสนิทสนมผ่อนคลาย แต่เป็นท่าทางวางตัวสูงส่งกว่า ไม่เห็นความสำคัญของอีกฝ่าย
เห็นท่าทางชิ่งอ๋องกระทำต่อซิ่วอ๋องเช่นนี้ กับองค์หญิงเสวียนเองก็เช่นกัน
ขณะนางกำลังคิดเช่นนี้ ชิ่งอ๋องก็เดินผ่านองค์หญิงเสวียนไปคุยกับซินโย่ว
“คุณหนูโค่วก็มาหรือ”
“ถวายบังคมชิ่งอ๋อง”
ชิ่งอ๋องมองประเมินสาวน้อยสีหน้านิ่งเรียบตรงหน้าด้วยสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม แต่ในใจเริ่มคุกรุ่น แต่ไรมาเขารังเกียจคนที่ไม่รู้จักสถานะตนเองอย่างมาก
สาวน้อยผู้นี้หน้าตาละม้ายคล้ายท่านอาเขา ยังเคยทำให้มารดาเขาโมโห หรือนางคิดว่าตนเองสูงส่ง จนทำให้ราชนิกุลให้ความสำคัญกับนาง?
น่าขันสิ้นดี
ซินโย่วไม่ใช่คนโง่เขลา รู้สึกได้ถึงความประสงค์ร้ายของชิ่งอ๋องที่มีต่อนางไม่น้อย
ในยามนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงข่งฝูเอ่ยเรียก “พี่เฮ่อ”
หลายคนหันมองไปพร้อมกัน ก็เห็นเฮ่อชิงเซียวก้าวเข้ามา
วันนี้เขาสวมชุดยาวสีเขียวน้ำทะเลคลุมทับด้วยเสื้อตัวนอกสีดำ ยังมีเสื้อคลุมสีดำดังหมึกปลิวสะบัด ตัดกับสีหิมะขาวสะอาดบนพื้น เห็นอยู่ว่ามิใช่การแต่งกายที่เหนือสามัญ แต่กลับทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาจากไปได้
เฮ่อชิงเซียวเห็นซินโย่วข้างกายข่งฝู สีหน้าก็มิได้แปรเปลี่ยน แต่กลับรู้สึกร้อนตัวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
คุณหนูโค่วได้เอ่ยเตือนเขาว่าระยะนี้ให้หลบเลี่ยงงานเลี้ยง และเขาก็เคยคิดว่าจวนองค์หญิงใหญ่น่าจะเชิญคุณหนูโค่ว
“ถวายบังคับฝ่าบาททั้งสามพระองค์” เฮ่อชิงเซียวถวายบังคมให้สององค์ชายและหนึ่งองค์หญิง อมยิ้มตอบข่งฝู ก่อนพยักหน้าให้ซินโย่ว “คุณหนูโค่ว”
“ใต้เท้าเฮ่อ” ซินโย่วคำนับตอบก่อนเหลือบมองชิ่งอ๋อง
ใต้เท้าเฮ่อเป็นคนระงับอารมณ์ตนเองได้ แท้จริงเกิดเรื่องอันใดขึ้น จึงทำให้องค์ชายผู้นี้โมโหเพียงนั้น
มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “พี่ใหญ่ น้องรอง ทุกคนมาอยู่ตรงนี้ทำอันใด ไม่เข้าไปด้านใน”
ข่งฝูเอ่ยน้ำเสียงดีใจ “พี่ใหญ่”
‘จิ้งอันโหว’ ข่งรุ่ยเดินเข้ามาจูงมือข่งฝู “ข้างนอกหนาว เข้าไปข้างในกันก่อนเถอะ”
ขณะนี้แขกเหรื่อมากันไม่น้อย ยามนี้เข้านั่งประจำที่ตามลำดับชั้นและความสนิทสนมในงานกันแล้ว
ซินโย่วไม่คิดว่านางถึงกับถูกจัดให้นั่งโต๊ะเดียวกับองค์หญิงเสวียน ยังมีสาวน้อยอีกสองสามคนที่นางไม่รู้จัก
สาวน้อยเหล่านั้นเห็นชัดว่าคุ้นเคยสนิทสนมกับดี พากันทักทายองค์หญิงเสวียนแล้วก็หันมาสนใจซินโย่ว
“เจ้าก็คือคุณหนูโค่วหรือ” สาวน้อยชุดแดงมองมาด้วยแววตาอยากรู้
ซินโย่วตอบรับทันที “ข้าเอง”
“ได้ยินว่าเจ้ามีร้านค้ามากมายจริงหรือ”
“ก็ไม่นับว่ามาก เพียงแค่สิบกว่าร้านเท่านั้น”
“มีจริงด้วย!”
สาวน้อยในชุดเสื้อตัวสั้นสีชมพูเจือสีส้มแบบผลซิ่ง อีกคนถามอย่างตื่นเต้นถึงท่านซงหลิง “นิยายใหม่ท่านซงหลิงจะออกวางขายเมื่อไร ท่านซงหลิงอายุเท่าไร หน้าตาเป็นอย่างไร”
คำถามมาเป็นชุด ซินโย่วตอบเพียงหนึ่งคำถาม “นิยายใหม่ท่านซงหลิงกำหนดออกในเดือนสิบสอง”
สาวน้อยหลายคนได้ถามในสิ่งที่อยากถามแล้วก็ไม่คิดสนใจซินโย่วอีก แต่หันไปสนทนากันเอง
บนโต๊ะทิ้งซินโย่วกับองค์หญิงเสวียนนั่งเหงากันสองคน
ซินโย่วไม่คิดสนใจ กินอาหารไปเงียบๆ นางมองออกแล้วว่า สตรีสูงศักดิ์เหล่านี้ไม่ได้คิดสนใจสนทนากับนางจริงๆ เพียงแค่อยากรู้อยากเห็นเท่านั้น
หลังคารวะสุราได้สามรอบ บรรยากาศงานเลี้ยงก็เริ่มครึกครื้นขึ้นมา
ชิ่งอ๋องดื่มไปไม่น้อย ท่าทางเหมือนเริ่มเมากรึ่ม ตบไหล่ข่งรุ่ย “วันนี้ยังเชิญคุณหนูโค่วมา ดูท่าเสด็จอาให้ความสำคัญกับคุณหนูโค่วมาก”
ข่งรุ่ยฝืนทนอึดอัดกับการถูกสัมผัสแตะเนื้อต้องตัว เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ท่านแม่ย่อมให้ความสำคัญกับผู้มีพระคุณช่วยฝูเอ๋อร์เอาไว้”
ชิ่งอ๋องเลิกคิ้ว “กล่าวเช่นนี้ ข้าก็ควรเอ่ยขอบคุณต่อคุณหนูโค่วแล้ว” เขาพูดไปก็ยกสุราเดินไป
ข่งรุ่ยรู้ว่าชิ่งอ๋องเป็นคนอารมณ์แปรปรวนยากคาดเดา จึงรีบไล่ตามไป
ชิ่งอ๋องเดินอ้อมฉากกำบังปักไหมมา ก็เห็นซินโย่วนั่งอยู่เงียบๆ
สตรีสูงศักดิ์หลายคนพอเห็นชิ่งอ๋องก็หยุดสนทนากัน
ชิ่งอ๋องยกจอกสุราเดินเข้ามา ไม่สนใจการถวายคำนับของสตรีอื่น แต่มองตรงไปที่ซินโย่ว
“วันนี้ถือโอกาสงานเฉลิมฉลองวันคล้ายวันพระราชสมภพของเสด็จอา ข้าขอคารวะคุณหนูโค่วหนึ่งจอก”
พอเอ่ยจบ ทุกคนก็มองไปทางซินโย่วอย่างตกใจ
ซินโย่วเผยสีหน้าสงสัย “หม่อมฉันมิบังอาจ ชิ่งอ๋องทำให้หม่อมฉันอายุสั้นแล้วเพคะ”
“มิบังอาจอันใดกัน ไม่มีคุณหนูโค่ว น้องสาวข้าก็คงได้รับบาดเจ็บ น้องไต้เจ๋อก็ทำความผิดใหญ่หลวง คุณหนูโค่วช่วยคนใกล้ชิดของข้าไว้ถึงสองคน สุราจอกนี้วันนี้คุณหนูโค่วไม่อาจปฏิเสธ”
ชิ่งอ๋องกวักมือเรียกสาวใช้ หยิบจอกสุราจากบนถาดส่งให้นาง
บนโต๊ะซินโย่วเองก็มีสุรา แต่เป็นสุราผลไม้ที่เหมาะกับหญิงสาวดื่ม ส่วนสุราที่ชิ่งอ๋องส่งมากลับเป็นสุราฤทธิ์แรง
ทุกคนในที่นั้นต่างมองชิ่งอ๋องแล้วก็มองซินโย่ว รู้ว่ามีเรื่องสนุกให้ชมแล้ว
“ชิ่งอ๋อง ในแก้วคุณหนูโค่วก็มีสุรา…”
ชิ่งอ๋องตัดบทข่งรุ่ยด้วยอาการเมา “หากพี่รุ่ยคิดคารวะสุราคุณหนูโค่ว ก็รอให้ข้าคารวะเสร็จก่อนค่อยว่ากัน”
ข่งรุ่ยแววตาเคร่งเครียด เพราะเป็นงานวันเกิดท่านแม่ ไม่อาจเกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งได้
ซินโย่วไม่เข้าใจที่ชิ่งอ๋องแล่นมาแสดงอาการเมาสุราต่อหน้านาง แต่พอเหลือบมองไปเห็นยังเฮ่อชิงเซียวที่เดินเข้ามา ภาพที่ปรากฏขึ้นมาก่อนหน้านี้ก็ปรากฏอีกครั้ง
ที่แท้ในภาพที่เห็นก็คือยามนี้
ซินโย่วรับจอกสุราที่ชิ่งอ๋องส่งมาดื่มไปคำหนึ่ง นางดื่มอย่างไม่ลังเล ไม่เพียงชิ่งอ๋องตกตะลึง คนที่เห็นฉากนี้ล้วนรู้สึกคาดไม่ถึง
เฮ่อชิงเซียวชะงักฝีเท้า