ขณะที่เรือเข้าใกล้ฝั่งกลุ่มผู้ฝึกหัดก็ปีนขึ้นไปบนดาดฟ้า มันเป็นช่วงบ่ายที่มีแดดจัดและคลื่นซัดเข้าหาชายหาดในขณะที่มีร่างเพรียวบาง2ตัวเดินเข้าใกล้ป่าจากระยะไกล
“นี่คือทวีปยาลา? สวยงามอะไรขนาดนี้!”
“พวกเค้าที่กำลังมาใช่เอลฟ์หรือเปล่าว?”
“เราควรทักทายพวกเค้ามั้ย?”
การเป็นจุดสนใจของเอลฟ์ทำให้เลเวสรู้สึกรำคาญ “มันมีอะไรน่าสนใจหรอ? พวกมันน่ารักงั้นหรอ?”
ไม่มีใครใส่ใจเค้าเค้า ทุกคนหันความสนใจลงไป ทุกคนต่างก็อยากรู้เกี่ยวกับเผ่าพันธุ์ที่มีอายุยืนยาวที่ว่ากันว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่พระเจ้าชื่นชอบ แม้แต่กลุ่มของบอห์ลก็ขยับไปข้างหน้าเพื่อพยายามดู!
ในระยะไกลทั้งสองร่างขึ้นเรือของคนรับใช้พ่อมดก่อนที่จะคว้าเชือกและกระโดดขึ้นไปบนดาดฟ้าของเรือ ทั้งคู่ลงด้วยท่าทางสง่างามเหมือนกับดอกไม้ที่ร่วงหล่นและพวกเค้าสวมเสื้อคลุมผ้าไหมยาวๆพร้อมเครื่องมือลึกลับที่อยู่บนหลังของเค้า เสื้อผ้าและลวดลายของพวกเค้าแตกต่างจากสิ่งที่เห็นในทวีปของมนุษย์อย่างสิ้นเชิง ปัจจุบันบนเอเลนเทรนการแต่งตัวคือท่อนบนรัดๆและท่อนล่างด้วยเสื้อผ้าทั่วไป เสื้อผ้าหลวมๆจะมีแค่พระเท่านั้นที่สวมใส่ แต่เสื้อผ้าที่เอลฟ์ทั้งสองสวมนั้นมีความสง่างามและงดงามกว่ามาก กระเป๋าจักสานที่พวกเค้าถือนั้นก็ดูซับซ้อนมาก
ในแสงตะวันที่ส่องสว่างเอลฟ์ทั้งสองได้เปิดใบหน้าของพวกเค้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อคลุม ใบหน้าที่สวยงามและไร้ที่ติ หน้าตาที่ละเอียดอ่อนของพวกเขาเปล่งประกายเกือบจะทำให้ตาพร่า ผู้คนทุกคนต่างประทับใจและเกือบหยุดหายใจ แม้แต่ดวงตาที่หยิ่งยโสของเลเวสก็แทบจะลืมไม่ขึ้น
เอลฟ์ทั้งสองคน คนหนึ่งชายและอีกคนหญิงยืนอยู่ต่อหน้าพวกเค้าเหมือนเหล่าเทวดาที่สืบเชื้อสายมาจากสวรรค์ พวกเค้ามีหูแหลมและผมสีเงินมันวาว ความงามอันเลิศล้ำและผิวสีซีดของพวกเค้าทำให้ทุกคนถอยหลังกลับ รัศมีที่มีเสน่ห์ของพวกเค้าเป็นสิ่งที่ต่างออกไปในทวีปเอเลนโดยสิ้นเชิง!
เช่นเดียวกับนางฟ้าที่มาจากสวรรค์เอลฟ์ทั้งสองยังสังเกตดูพ่อมดฝึกหัดบนดาดฟ้า พวกเค้าไม่เคยพบมนุษย์มาก่อนเลย เอลฟ์ผู้หญิงแนะนำตัว “สวัสดี ฉันเวนดี้และนี่พี่ชายฉัน โวลด์เตอร์”
อย่างไรก็ตามการแนะนำตัวของเวนดี้นั้นเป็นภาษาSylrซึ่งเป็นภาษาของเอลฟ์ดังนั้นจึงไม่มีใครเข้าใจมัน ในเวลานี้เลเวสตะโกนแนะนำตัวเอง แน่นอนเวนดี้มองเค้าด้วยความสับสนแต่ก็ตกใจเมื่อเลเวสเอนตัวมาข้างหน้าหลังจากที่แนะนำตัวเพื่อจุมพิตไปที่มือของเธอ โวลด์เตอร์โกรธขึ้นมาทันทีและเค้าก็ผลักเวเลสลงไปนอนกับพื้น
ทุกคนในที่นั่นหัวเราะลั่นในขณะที่เลเวสสั่นไปด้วยความโกรธและอับอาย ในตอนนี้ผู้รับใช้พ่อมดได้ทำการประกาศ “หากทุกคนโอเคแล้วกรุณาลงไปจากดาดฟ้า วันนี้อากาศดีมากดังนั้นเราจะแล่นบนผิวน้ำ โปรดระวัง!”
เมื่อเรือออกเดินทางผู้ฝึกที่ถูกขังอยู่ข้างในเรือมาระยะหนึ่งต่างกลับไปที่ห้องครัวและกินอาหารก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่ดาดฟ้าเพื่อพักผ่อนใต้แสงอาทิตย์ เด็กฝึกสองสามคนพยายามเข้าใกล้เอลฟ์หญิงเวนดี้ หนึ่งในผู้ฝึกเหล่านั้นคือบอห์ลผู้ซึ่งไร้ยางอายอ้างว่าต้องการเรียนภาษาเอลฟ์เพื่อเข้าหาเธอ
ในอีกด้านหนึ่งผู้ฝึกหญิงสองสามคนเข้าหาโวลด์เตอร์ ทุกคนปรารถนาความงามเสมอและผู้ฝึกส่วนใหญ่บนเรือนั้นอายุยังน้อยดังนั้นพวกเค้าจึงอยู่ในวัยนั้น หลังจากเอสเอส อิเตอนิตี้ได้วนรอบทวีปยาลาอีกครั้งก่อนที่จะหันเรือกลับไปที่ป่าแห่งความมืดดังนั้นสิ้นสุดการเดินทาง!
ภายในป่าแห่งความมืดปราสาทที่อยู่ใต้หอคอยวุ่นวายไปด้วยมดครึ่งคนและทาสซึ่งทั้งหมดกำลังเตรียมงานเลี้ยง ในห้องโถงโต๊ะถูกปกคลุมไปด้วยอาหารและจานจำนวนมากและเตาผิงก็สว่าง แม้ว่าอาณาจักรของลุห์มานจะอยู่ทางใต้แต่มันก็เข้าสู่ฤดูหนาวแล้วดังนั้นมันจึงหนาวมาก
เอสเอสอิเตอนิตี้เทียบท่าเรือเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ในไม่ช้าผู้ฝึกชุดแรกแห่งหอคอยพ่อมดก็มาถึงและมีส่วนร่วมในงานเลี้ยงที่ลูซีหยูเตรียมไว้ให้พวกเค้าในฐานะสมาชิกของหอคอยพ่อมดและเป็นหนึ่งในสมาชิกของแผนพ่อมดฝึกหัด5ปีแรก!
ในเวลาพลบค่ำทุกคนบนเรือเอสเอสอิเทอนิตี้ได้ขึ้นฝั่งที่ป่าแห่งความมืด สำหรับผู้ฝึกที่ขึ้นเรือกลุ่มแรกๆมันเป็นการเดินทางที่ยาวนานมากกว่า1เดือน หลังจากลงเรือแล้วทุกคนก็โล่งใจที่ได้เดินบนพื้นแข็งๆอีกครั้ง
“เราถึงแล้วหรอ?”
“ในที่สุดเราก็ถึงแล้วใช่มั้ย?”
“นี่คือหอคอยพ่อมด? ทำไมฉันไม่เห็นอะไรเลย?”
หลังจากทุกคนลงจากเรือพวกเค้าเห็นชายฝั่งที่เรียบง่ายและท่าเรือที่สร้างขึ้นใหม่ บนท่าเรือสากอนได้รออยู่แล้ว เมื่อเห็นว่าเรือมาถึงในที่สุดเค้าก็เข้ามาหาทันที “พ่อมดฝึกหัดทั้งหลายมองมาทางนี้และเดินตามฉันมา”
ตามเส้นทางที่ปูด้วยหินและสะพานไม้ข้ามแม่น้ำสากอนพาพวกเค้าไปทีประตูหิน ทุกคนตามเค้าเข้าไปในถ้ำขนาดใหญ่ซึ่งส่องสว่างด้วยคบเพลิงบนผนัง พวกเค้าแต่ละคนรู้สึกถึงความลึกลับในสภาพแวดล้อมที่มีแต่แสงสลัว!
ความรู้สึกนี้ทวีคูณขึ้นด้วยเกวียนแปลกๆที่อยู่ตรงหน้าเค้า มันเหมือนรถม้าที่ไม่มีม้า “มันคืออะไร? มันจะวิ่งได้อย่างไรถ้าไม่มีม้า?” ผู้ฝึกคนหนึ่งพูดขึ้นมา
บอห์ลมีความรู้เล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่องนี้เนื่องจากเค้าแก่กว่าคนอื่นเล็กน้อย “นี่เป็นเหมือนอุโมงค์ขุดและรถขุด แต่ฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อน มันจะพาไปไหน? หอคอยพ่อมดไม่ได้สร้างอยู่ใต้ดินใช่มั้ย?”
ผู้ฝึกทั้งหมดตามสากอนไปที่เกวียนแต่ละคนมีความอยากรู้อยากเห็น หลังจากผู้ฝึกสิบกว่าคนขึ้นไปบนเกวียนแล้วสากอนก็ไปที่ข้างหน้ารถไฟและดึงคันโยก ไม่นานเกวียนก็เริ่มขยับและเร่งความเร็วบนราง พ่อมดฝึกหัดก็กรีดร้องด้วยความกลัวทันที ความมืดบวกกับความเร็วทำให้พวกเค้ารู้สึกเหมือนกำลังลอยอยู่ในก้อนเมฆ สากอนจุดตะเกียงซึ่งส่องสว่างทั้งเกวียนและทำให้เห็นผู้ฝึกสองสามคนที่มอบอยู่ที่พื้นด้วยความกลัวซึ่งทำให้ทุกคนหัวเราะกันหนักมาก!
หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็ชินกับความเร็วซึ่งต่อมาก็กลายเป็นตื่นเต้นมากกว่าหวาดกลัว ผู้ฝึกสองสามคนยังคงกลัวอยู่และร้องออกมาซึ่งนั่นทำให้สากอนตำหนิอย่างรุนแรง
เกวียนเดินทางไปข้าหน้าอย่างไม่หยุดยั้งจากชายแดนป่าแห่งความมืดไปถึงแกนกลางขณะที่มันเดินทางเข้าหาภูเขามืดของหอคอยพ่อมดที่ซึ่งลูซีหยูรอมาเป็นเวลานานแล้ว!