ตอนที่ 428 ฝีมือของเหยียนหวง
มู่หว่านกับผู้บัญชาการเยี่ยต่อสู้กันประมาณครึ่งชั่วโมงถึงหยุด
ทั้งสองคนสนุกสนานมาก
“เสี่ยวเยาเยา ฉันว่าฉันก้าวหน้าขึ้นแล้วล่ะ”
ผู้บัญชาการเยี่ยก็มีสีหน้าเบิกบาน “เสี่ยวเยาเยา อาก็มีความรู้สึกแบบนั้น”
มู่เถาเยายิ้มดวงตาโค้งมน เห็นได้ชัดว่าดีใจแทนพวกเขาด้วย
“อาเยี่ยรู้จักกับลุงจงพ่อบ้านของตี้อู๋เปียนไหมคะ”
“รู้จักสิ เมื่อก่อนก็อยู่ค่ายเดียวกัน ทำไมเหรอ”
“หนูสอนวิชาพลังฝ่ามือให้ลุงจงไป คิดว่าก็เหมาะกับอาเยี่ยเหมือนกัน ถ้ามีเวลาให้ลุงจงสอนได้นะคะ”
“เสี่ยวเยาเยาพูดจริงเหรอ อาอายุปูนนี้แล้วยังฝึกได้อีกเหรอ” ผู้บัญชาการเยี่ยมีสีหน้าตะลึง
“ได้สิคะ วิชาพลังฝ่ามือนั่นเหมาะกับคนที่อายุมากหน่อยฝึกค่ะ คนอายุน้อยยังฝึกได้ไม่ดีเท่าเลยค่ะ พวกบอดี้การ์ดของตี้อู๋เปียนก็ฝึกกัน แต่ยังไม่ได้สามสิบเปอร์เซ็นต์ของลุงจงเลยค่ะ”
“เอาสิ ไว้เดี๋ยวอาจะติดต่อเขาไป!”
มู่เถาเยาพยักหน้า
ตี้อู๋เปียนหายดีแล้วไม่ต้องอยู่ที่เมืองเย่ว์ตูระยะยาวอีก ลุงจงจึงกลับวังตระกูลตี้
มู่หว่านใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาเปล่งประกาย จับแขนมู่เถาเยาส่ายไปมาพลางพูด “เสี่ยวเยาเยา ฉันอยากสู้กับเธอ อยากดูว่าจะก้าวหน้าได้ทันทีเลยอีกไหม”
มู่เถาเยามองมู่หว่าน จากนั้นก็มองพวกทหารที่อยู่รอบๆ
ตี้อู๋โยวกับผู้บัญชาการเยี่ยเข้าใจความหมายของเธอ
ซังเฟยยิ้มพูด “เสี่ยวหว่าน มาฝึกกับฉันดีกว่า”
มู่เถาเยาพยักหน้า “ซังเฟยกับเยี่ยเซียวพร้อมกัน เสี่ยวหว่านสู้ให้เต็มที่”
เยี่ยเซียวย่อมไม่คัดค้าน
ครั้นแล้วจึงเริ่มการต่อสู้แบบสองต่อหนึ่ง
พวกทหารอยากให้ตัวเองมีดวงตาหลายคู่เสียจริงๆ
ให้ตายเหอะ สาวน้อยคนนี้เก่งเป็นบ้า!
เวลาครึ่งชั่วโมงเต็มๆ มู่หว่านสู้กับผู้ชายสองคนโดยที่แรงไม่ตกเลยสักนิด
เมื่อใกล้ถึงหนึ่งชั่วโมงอยู่ๆ มู่หว่านก็ระเบิดพลัง ซัดผู้ชายสองคนกระเด็นไปไกล
“ฮ่าๆ…ฉันก้าวหน้าขึ้นอีกแล้ว! เสี่ยวเยาเยา ฉันก้าวหน้าแล้ว ก้าวหน้าแล้ว!”
มู่หว่านวิ่งไปรอบๆ พวกมู่เถาเยาด้วยความดีใจ ราวกับไม่รู้จักเหนื่อย
ส่วนผู้ชายสองคนนั้นเกือบลุกไม่ขึ้น
มู่เถาเยาดึงมู่หว่านลงมา ไม่ให้วิ่งทั่วแล้ว “เสี่ยวหว่าน เดี๋ยวฉันช่วยปรับการหายใจให้”
มู่หว่านหยุดลงถึงได้รู้สึกเหนื่อย พูดด้วยท่าทางน่าสงสาร “เสี่ยวเยาเยา ฉันเหนื่อย”
มู่เถาเยาหลุดหัวเราะ “เธอต้องเหนื่อยอยู่แล้ว เล่นออกกำลังหนักไปตั้งชั่วโมงครึ่ง บอกไม่เหนื่อยร่างกายเธอคงไม่มีเลือดเนื้อแล้วล่ะ”
ปกติฝึกวิทยายุทธ์มากสุดก็หนึ่งชั่วโมง ระหว่างนั้นยังมีพักประมาณสิบห้านาที ซึ่งก็หมายความว่าฝึกจริงประมาณสี่สิบห้านาที
คนสมัยนี้ชีวิตปกติสุข ไม่มีไล่ฆ่าเหมือนชาติที่แล้ว ดังนั้นต่อให้ฝึกวิทยายุทธ์ก็ไม่ถึงกับต้องเคร่งครัดมากนัก สิ่งสำคัญคือยืนหยัดอดทน
อีกทั้งมันเป็นแค่การฝึกเท่านั้น ไม่ได้ต้องนำไปใช้อย่างแท้จริง
ดังนั้นเสี่ยวหว่านออกกำลังหนักหน่วงนานขนาดนี้จะรู้สึกเหนื่อยก็เรื่องปกติ
ไม่ดูเสียบ้างว่าสองหนุ่มของค่ายทหารเหนื่อยจนหอบแทบสลบแล้ว
สองสาวนั่งลง มู่เถาเยาใช้ฝ่ามือแนบหลังของมู่หว่านแล้วปล่อยพลังช่วยปรับการหายใจให้
สามนาทีต่อมาก็หยุด มู่หว่านกลับมาสดชื่น สีหน้าเบิกบาน ไม่มีความเหนื่อยจากเมื่อครู่แล้ว
“ฉันรู้สึกดีมากเลย! เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง!”
มู่เถาเยายิ้มพลางพยักหน้า “ยิ่งวรยุทธ์สูงก็ยิ่งก้าวหน้ายาก แต่พอพัฒนาขึ้นแล้วมันก็คือความสูงอีกระดับ”
ผู้บัญชาการเยี่ยเห็นแล้วก็ตาร้อน
“เสี่ยวเยาเยา ลองกับอู๋โยวหน่อยไหม”
“ได้ค่ะ”
ตี้อู๋โยวย่อมไม่ติดอะไร เขาก็อยากก้าวหน้า!
แต่มู่เถาเยาเอาชนะเขาได้ในสามสิบกระบวนท่า
พวกทหารสงสัยว่าตัวเองตาลาย ยังมีหลายคนที่ขยี้ตา
แม้แต่ตี้อู๋โยวเองยังมึนงง ราวกับยังไม่เริ่ม แต่ก็เหมือนว่าสู้มานานแล้ว…
ผู้บัญชาการเยี่ยช็อกมาก “…เสี่ยวเยาเยาใช้กำลังภายในเหรอ”
มู่เถาเยาส่ายหน้า “คนนอกไม่ถึงกับต้องให้หนูใช้กำลังภายในค่ะ”
ผู้บัญชาการเยี่ย “…ตอนนี้อู๋เปียนก็ฝึกยุทธ์…ได้ยินว่าฝึกได้ดีด้วย…”
“ตี้อู๋เปียนมีพรสวรรค์สูง อีกสักปีน่าจะตามศิษย์พี่ใหญ่ของหนูทันค่ะ”
“…แล้วศิษย์พี่ใหญ่ของหนูเทียบกับหนูล่ะ”
“ด้อยกว่าหน่อยค่ะ”
ตี้อู๋โยว “อู๋เปียนเคยบอกว่า เธอสู้กับอาจารย์รองก็ยังเก่งกว่า”
เขารู้สึกว่า ใช้คำว่า ‘ยากเกินกว่าจะคาดเดา’ กับเด็กสาวคนนี้จะเหมาะสมที่สุด
มู่เถาเยายิ้มตาโค้ง “ค่ะ หนูเก่งกว่าอาจารย์รองแค่นิดหน่อย”
ตี้อู๋โยวตาลุกวาว “เสี่ยวเยาเยา เธอว่าอย่างพี่เหมาะจะฝึกวิทยายุทธ์ไหม”
ขนาดอู๋เปียนยังฝึกได้ เขาก็น่าจะได้เหมือนกันหรือเปล่า พรสวรรค์น่าจะยังพอมี
“พี่อู๋โยวเป็นเมล็ดพันธุ์ชั้นดีของการฝึกยุทธ์เลยค่ะ อีกไม่กี่วันหนูจะทำยากำลังภายในมาให้กิน มีกำลังภายในแล้วขยันฝึกหน่อย พอคงที่แล้วหนูจะหาศิษย์หลานมาช่วยฝึกให้ค่ะ…อ้อจริงสิ หมิงเจ๋อศิษย์หลานที่ช่วยฝึกให้ตี้อู๋เปียนอีกไม่นานก็สอนเขาไม่ได้แล้ว เอามาสอนพี่อู๋โยวได้พอดีเลยค่ะ”
“ดีเลย!” ใช่ว่าตี้อู๋โยวจะไม่อิจฉาที่พวกเยี่ยอิ่งได้ไปเรียนวิทยายุทธ์ที่หมู่บ้านเถาหยวน แต่เขาทิ้งค่ายทหารไปนานไม่ได้
“สุดสัปดาห์หน้าหนูกลับหมู่บ้านเถาหยวนจะไปเก็บสมุนไพรมาทำยากำลังภายในให้ค่ะ”
ผู้บัญชาการเยี่ยรีบพูดขึ้น “เสี่ยวเยาเยา อาขอด้วยสิ”
“อาเยี่ยต้องฝึกวิชาพลังฝ่ามือกับลุงจงต้องกินยากำลังภายในอยู่แล้วค่ะ”
“เยี่ยมไปเลย!”
พวกหัวหน้าทหารกับเหล่าทหารล้อมกันเข้ามา มองมู่เถาเยาด้วยสายตาอ้อนวอน
ผู้บัญชาการเยี่ย “…เสี่ยวเยาเยา ดูสิ ทำยากำลังภายในเยอะหน่อยได้ไหม อยู่ๆ อาก็เกิดความคิดอยากทำหน่วยพิเศษขึ้นมาไว้ทำภารกิจที่ดูไม่น่าเป็นไปได้…”
ขณะเดียวกันก็ให้แต่ละประเทศทั่วโลกได้เห็นฝีมือของประเทศเหยียนหวง! พวกกลุ่มคนแผนสูงจะได้เลิกคิดไม่ดีกับพวกเขา!
มู่เถาเยายิ้มพลางพยักหน้า “ได้ค่ะ ไว้สุดสัปดาห์หนูกลับหมู่บ้านเถาหยวนจะดูว่าเก็บสมุนไพรได้แค่ไหน พอถึงตอนนั้นจะให้ซังเฟย เยี่ยเซียว หรือไม่ก็ลุงจงสอนทุกคนฝึกให้ยาออกฤทธิ์นะคะ”
“ได้ๆๆ!” ผู้บัญชาการเยี่ยยิ้มกว้าง
พวกทหารก็ยิ้ม อีกทั้งยังสาบานอยู่ในใจว่าจะต้องชิงเอายากำลังภายในมาให้ได้!
ผู้ชายทุกคนล้วนมีความฝันอยากเป็นจอมยุทธ์
“งั้น อาเยี่ยคะ พวกเราขอกลับก่อน ไม่อย่างนั้นพวกอาจารย์จะรอนานค่ะ”
“อาขอตามไปเจออาจารย์ของหนูด้วย”
“ได้ค่ะ”
พวกมู่เถาเยาเดินทางกลับ
ความสุขของผู้บัญชาการเยี่ยแผ่ซ่านออกมาจากทุกรูขุมขน
“เสี่ยวเยาเยา ว่างๆ ก็มาที่ค่ายบ่อยๆ นะ อาจะทำบัตรผ่านให้ เข้าออกได้ตลอดเวลา” คนที่แม้แต่ตระกูลตี้ยังเชื่อใจเต็มร้อย เขาย่อมไม่มีทางสงสัยแน่นอน
“ไม่ต้องหรอกค่ะอาเยี่ย ถ้าหนูจะมาหนูจะบอกลุงตี้ค่ะ”
“ก็ได้ ไว้มาก็โทรหาอานะ อาจะออกมารับ”
“ได้ค่ะ ไว้ถึงตอนนั้นหนูจะโทรบอกอาเยี่ยก่อนค่ะ อยากมาดูว่าฝึกถึงขั้นไหนแล้ว”
“ได้เลย! ฮ่าๆ…”
หัวเราะอยู่ไม่กี่วินาทีทันใดนั้นผู้บัญชาการเยี่ยก็เกิดความคิด “ไม่งั้นเสี่ยวเยาเยามาเป็นครูฝึกที่ค่ายไหม ไม่งั้นเสียดายความสามารถแย่!”
ดูเหมือนจะไม่มีใครสามารถเอาวิทยายุทธ์ไปใช้ได้อย่างแท้จริงยกเว้นทหาร
แต่ผู้หญิงมีวิชาป้องกันตัวไว้เป็นเรื่องดี
แม้ประเทศเหยียนหวงจะมีการรักษาความปลอดภัยดี แต่คนเลวกำจัดอย่างไรก็ไม่หมด ผู้หญิงต่อสู้เป็นก็คือการรับประกันเรื่องความปลอดภัยอย่างหนึ่ง
มู่เถาเยายิ้ม “หนูไม่มีเวลาค่ะอาเยี่ย”
อวิ๋นสุ่ยเหยาพูด “อาเยี่ยคะ พี่เยาเยายุ่งมาก ต้องเก็บหน่วยกิตปริญญาเอกให้ครบในหนึ่งปี แถมยังต้องเตรียมลงแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ…”
ผู้บัญชาการเยี่ยฟังอวิ๋นสุ่ยเหยาพูดรัวๆ ก็ชักกระสับกระส่ายแล้ว “เสี่ยวเยาเยา หนูเก่งเหมือนอู๋เปียนเลยนะเนี่ย!”
มู่เถาเยายิ้ม “หนูก็แค่สนใจหลายอย่าง เลยอยากลองเล่นให้หมดค่ะ”
ตี้อู๋โยว “สำหรับเธออาจแค่เล่นๆ แต่สำหรับหลายคนมันคือระดับสูงที่ต่อให้พยายามมากก็ยากที่จะไปถึงได้”
“ถ้าชอบก็ตั้งใจศึกษา ถึงจะทำมันได้ดีค่ะ”
“ก็จริงนะ”