ตอนที่ 441 เรียนผูกเชือกก่อน
หลังพักกลางวัน มู่เถาเยากับตี้อู๋เปียนก็ได้กำชับบอดี้การ์ด เหลียงจี กับพวกมู่หว่านให้ดูแลพวกเด็กๆ จากนั้นก็ตามโค้ชหร่วนไปศูนย์ฝึกพร้อมโค้ชคนอื่นๆ
จากโรงแรมไห่เทียนเดินเลาะไปตามชายหาดด้านขวาสิบนาทีก็ถึงศูนย์ฝึกเรือใบทีมชาติ
โค้ชหร่วน “เสี่ยวเยาเยา โค้ชจะพาไปเปลี่ยนชุดว่ายน้ำที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านะ”
“ได้ค่ะ”
โค้ชหร่วนหันไปถามพวกโค้ชคนอื่นๆ “พวกนายจะขึ้นเรือด้วยไหม เอาชุดว่ายน้ำมากันหรือเปล่า”
ทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกัน “เอามา”
“งั้นก็ไปเปลี่ยนให้หมด”
มู่เถาเยาหันไปถาม “ตี้…พี่สามล่ะ”
“ฉันจะดูเธอเล่นที่ชายหาด ไม่ขึ้นเรือ ไม่ว่ายน้ำ”
อันที่จริงเขาก็เอากางเกงว่ายน้ำมา เดิมทีอยากอาศัยโอกาสนี้เผยกล้ามเนื้อแปดแพ็กให้ซาลาเปาน้อยดูหน่อย แต่สภาพใบหน้าตอนนี้มันไม่เข้ากับรูปร่างเลยสักนิด!
หัวนี้เหมือนเอามาต่อใหม่ ไม่ได้เข้ากับสภาพเดิมเท่าไรเลย!
ดังนั้นไว้ครั้งหน้าดีกว่า
“งั้นคุณรออยู่ที่นี่ก่อน พวกเราขอไปเปลี่ยนชุดว่ายน้ำ”
“อืม”
มู่เถาเยากับพวกโค้ชไปเปลี่ยนชุดว่ายน้ำออกมา
เนื่องจากเป็นนักกีฬากันทั้งนั้น ต่อให้พวกโค้ชเริ่มมีอายุกันแล้ว แต่รูปร่างก็ยังดีอยู่
มู่เถาเยายิ่งกว่า
เธอสวมชุดว่ายน้ำแขนยาวขายาวสีดำ ไม่เผยให้เห็นเนื้อหนังเลยสักนิด แต่กลับแสดงให้เห็นสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ
ตี้อู๋เปียนมองรูปร่างสะโอดสะองของเธอ มองไม่ออกเลยว่าภายในได้แฝงเรี่ยวแรงมหาศาลไว้ ทำไมมันเยอะถึงขั้นที่น่าตกใจเกินกว่าจะจินตนาการ
“คุณชายเล็ก น้ำกับเครื่องดื่มของที่นี่มาจากทางศูนย์ฝึก ดื่มตามสบายนะครับ”
โค้ชหร่วนเป็นคนหัวไวและมองสถานการณ์ออก เขาเห็นพวกโค้ชเถียนเรียกแบบนั้นก็เลยเรียกตาม
ตี้อู๋เปียนส่ายมือ บอกให้พวกเขาไปทำหน้าที่ของตัวเอง
โค้ชหร่วนจึงพาทุกคนไปยังอ่าวที่มีเรือใบจอดอยู่
“เสี่ยวเยาเยา เธอน้ำหนักเบา เลยเลือกเรือใบประเภทเลเซอร์เรเดียลให้ก่อน”
“ค่ะ”
“ยังจำได้ไหมว่าเล่นยังไง”
“จำได้ค่ะ หนูเล่นได้”
“งั้นก็ดี เดี๋ยวลองดูนะ โค้ชจะดูให้ว่าตรงไหนไม่ถูก”
“ค่ะ”
“เล่นวินด์เซิร์ฟเป็นไหม”
“เป็นค่ะ”
“งั้นวันนี้บ่าย เอาวินด์เซิร์ฟกับเรือใบเล็กก่อน”
“ค่ะ”
มู่เถาเยาขานรับแบบสบายๆ
เธอชอบกีฬาเรือใบมาก
เมื่อชาติที่แล้วเธอไม่มีโอกาสได้เห็นทะเล ดังนั้นชาตินี้ตอนที่เห็นทะเลเป็นครั้งแรกในวัยไม่กี่ขวบเธอก็ตัดสินใจแล้วว่าต้องใกล้ชิดกับสายลมธรรมชาติแบบนี้ให้ได้
ตลอดทางมีคนทักทายพวกโค้ชตลอด มู่เถาเยามาที่นี่ก็ได้พบกับนักกีฬาที่เคยได้เหรียญทอง เหรียญเงิน เหรียญทองแดง
สิ่งที่แตกต่างจากการฝึกหลายรายการก่อนหน้านี้คือ ตอนนี้เป็นเวลากลางวัน เธอได้เห็นนักกีฬาหลายคนกำลังฝึกอยู่
ทุกคนก็มองเธอด้วยความสงสัย
โค้ชหร่วนไม่ได้แนะนำให้ทุกคนรู้จัก พามู่เถาเยาตรงไปที่เรือใบสำหรับคนเดียว “เสี่ยวเยาเยา การแล่นเรือใบต้องใช้การเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนหลายอย่าง มีทั้งการปรับใบเรือ การกดด้านข้าง และการปรับสถานะ ซึ่งล้วนต้องใช้กำลังอย่างมาก”
“วางใจได้ค่ะโค้ช พละกำลังหนูไม่มีปัญหา”
“อืม โค้ชได้ฟังโค้ชคนอื่นๆ มาแล้ว พละกำลังเธอเหนือคนปกติมาก ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ใช้แค่พละกำลังมันไม่พอ เธอเคยเล่นด้วยตัวเองน่าจะรู้นะว่ามันต้องใช้ประโยชน์จากปัจจัยหลายอย่าง เช่น ทิศทางลม คลื่น กระแสน้ำ และอื่นๆ เพื่อผลักให้เรือไปข้างหน้า และยังต้องมีความสามารถพยากรณ์การเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม…”
บลาๆๆ
“ลมเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยดันเรือใบ มันจะส่งผลต่อทุกการเคลื่อนไหวของเรือใบ…”
ต่อให้เดิมทีรู้อยู่แล้ว แต่มู่เถาเยาก็ยังคงตั้งใจฟังที่โค้ชหร่วนสอน
กว่าจะได้ลงมือเล่นจริงก็อีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา
มู่เถาเยาต่ออุปกรณ์เรือเองคนเดียว
โค้ชหร่วนเห็นเธอทำอย่างคล่องแคล่วก็พอใจมาก
อันที่จริงการต่ออุปกรณ์เรือใบเป็นอะไรที่ค่อนข้างง่าย สิ่งสำคัญคือการทำปมเชือก เพราะปมเชือกดีไม่ดีจะเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยในการแล่น
ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นนักกีฬาหรือนักเล่นเรือใบสมัครเล่นล้วนต้องหัดมัดปมเชือกก่อนเริ่มเรียนการประกอบอย่างเป็นทางการ
มู่เถาเยาประกอบเรืออยู่ในน้ำ
หางเสือ พังงา พังงารอง ใบเรือ…ประกอบตามลำดับ
ถึงแม้ตัวขับเคลื่อนเรือใบจะเป็นแรงลม แต่ในระหว่างที่แล่นไป คนแล่นจะพบว่าการใช้ประโยชน์จากแรงลมนั้นมีอยู่อย่างจำกัด
การจะให้แรงลมดันเรือไปข้างหน้าจำเป็นต้องบังคับเรือให้อยู่ในมุมที่ถูกต้องกับทิศทางลม
ทุกครั้งที่ทิศทางลมเปลี่ยน เรือใบจะต้องเปลี่ยนมุมตามไปด้วย เวลานี้จึงต้องปรับมุมของใบเรือ
หลักการพื้นฐานเรื่องมุมของเรือใบสามารถใช้กับกิจกรรมทางน้ำได้หลายประเภท
มู่เถาเยาแล่นเรือใบเลเซอร์อย่างสนุกสนาน
พวกโค้ชอยู่บนเรือที่ใหญ่กว่าหน่อยอีกลำหนึ่ง มองมู่เถาเยาแล่นเรืออยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
สองชั่วโมงต่อมาทุกคนก็กลับไปจุดเดิม
มู่เถาเยาพูดอย่างมีความสุข “โค้ชคะ เรือลำนี้ใช้ได้เลยค่ะ”
“แน่นอน! ก็ต้องดูด้วยนะว่าใครดูแลอยู่!”
โค้ชเถียนพูดขมุบขมิบ “ตัวเองไม่ได้ซ่อมบำรุงกับดูแลรักษาเสียหน่อย”
“…ยังไงฉันก็ดูแลมันละกัน” เขาเป็นลูกพี่ใหญ่ของศูนย์ฝึกเชียวนะ!
โค้ชหลี่ยิ้มมองมู่เถาเยาด้วยสายตาอ่อนโยน “เสี่ยวเยาเยาเล่นเรือใบตอนอายุสิบหก ตอนนี้ก็ผ่านมาสองสามปีแล้วยังเล่นได้คล่อง ทำเซอร์ไพรส์ให้พวกเราอีกแล้วนะ”
“หนูเล่นตลอดช่วงหน้าร้อนตอนอายุสิบหก พออายุสิบเจ็ดก็เล่นหนึ่งเดือนเต็ม…ตอนนี้ค่อนข้างยุ่ง แถมบริเวณแถบที่อยู่ก็ไม่มีทะเล หลังจากอายุสิบแปดก็เลยไม่ได้เล่นเรือใบอีกเลยค่ะ…ในบรรดากีฬาที่หนูเลือกลงแข่งมีแค่ขี่ม้าที่ฝึกบ่อยค่ะ”
โค้ชจางยิ้มพูด “เธอมีพรสวรรค์รอบด้านเลยจริงๆ โค้ชไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน”
คนที่เก่งเฉพาะด้านมีเยอะมาก แต่คนที่เก่งรอบด้านมีไม่มาก
โค้ชอันพยักหน้า “นั่นสิ บางคนไอคิวสูงก็จริง แต่ลองให้ไปผัดข้าวดูสิ มีสิทธิ์ทำครัวระเบิดได้!”
มู่เถาเยา “…”
เธอพูดได้ไหมว่าเธอก็ทำอาหารไม่เก่ง แต่เรื่องระเบิดครัวไม่มีแน่นอน!
เวลานี้มีกลุ่มคนรายล้อมเข้ามา
ชายหนุ่มคนหนึ่งสวมแว่นกันแดด ใส่กางเกงขาสั้นลายดอก รองเท้ากันน้ำ ผิวที่อยู่นอกร่มผ้ามีสีคล้ำแต่เปล่งประกาย เขามองมู่เถาเยาแต่กลับถามโค้ชหร่วน “โค้ชครับ น้องผู้หญิงคนนี้เป็นญาติโค้ชเหรอครับ ทำไมผมเพิ่งเคยเจอที่นี่ครั้งแรก เมื่อก่อนไปเล่นอยู่ที่ไหน”
เขาเห็นแล้ว น้องคนนี้เล่นเรือใบเก่งมาก!
มู่เถาเยายิ้ม “สวัสดีค่ะเฉินหมิ่น ฉันมู่เถาเยาค่ะ”
คนนี้คือแชมป์เรือใบงานกีฬาระดับนานาชาติครั้งก่อน เป็นนักกีฬาที่โค้ชหร่วนปั้นขึ้นมา
เธอรู้จักผ่านทางโทรทัศน์
อันที่จริงกีฬาเรือใบไม่เหมือนกีฬาชนิดอื่น อายุคนเล่นอยู่ในวงกว้าง ในการแข่งขันระดับโลกก็ยังมีแชมป์โลกวัยห้าสิบให้เห็น
แต่ทว่าโค้ชหร่วนกลับเลือกที่จะออกมาเป็นโค้ชทีมชาติในช่วงที่ตัวเองกำลังรุ่งโรจน์และอยู่ในช่วงวัยที่ดีที่สุดของการเล่นกีฬา
มู่เถาเยานับถือในจุดนี้มาก
เพราะโค้ชส่วนใหญ่จะยอมถอยออกมาเป็นโค้ชก็ต่อเมื่อตัวเองถึงวัยแล้ว ไม่เหมาะที่จะเป็นนักกีฬาอีกต่อไป