อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร – ตอนที่ 445 ไม่พูดถึงตอนนั้น

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 445 ไม่พูดถึงตอนนั้น

เรือยอร์ชหรูหรา ‘ครามแห่งทะเล’ แบบสามชั้นลำนี้เป็นของอวิ๋นไป๋

ตี้อู๋เปียนให้อาคุนติดต่อกัปตัน กัปตันก็เหมือนผู้จัดการใหญ่หลัวชิ่งของโรงแรมไห่เทียนที่ได้รับการแจ้งล่วงหน้า พออาคุนติดต่อไปก็ออกทะเลได้อย่างราบรื่น

ออกไปได้ไม่นานผู้กำกับหนิงก็อาการไม่ค่อยดี

หน้าซีด เวียนหัวอยากอาเจียน มีเหงื่อออกตลอด

นี่คืออาการเมาเรืออย่างรุนแรง

เหลียงจีพูดด้วยความสงสาร “ผู้กำกับหนิงคะ ฉันเอาเรือเล็กพากลับไปส่งดีไหมคะ ฝืนต่อไปคงได้อีกไม่กี่ชั่วโมงแน่ค่ะ”

เรือยอร์ชลำใหญ่ลำนี้มีเรือเล็กอยู่ด้วย ซึ่งเธอพายเป็นพอดี

ผู้กำกับหนิงส่ายหน้า ยืนยันจะไม่กลับไป

พวกเด็กๆ เด็กผู้หญิงยังไม่เป็นอะไรเลย ลูกผู้ชายสูงหนึ่งร้อยแปดสิบหกเซนติเมตรอย่างเขากลับเมาเรือ!

ขายหน้าชะมัด!

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังต้องช่วยดูพวกเด็กๆ ด้วย ถึงแม้ตอนนี้พวกเด็กๆ จะดูเขาอยู่ก็ตาม…

อวิ๋นสุ่ยเหยาพูดด้วยความเป็นห่วง “น้าชิงคะ ให้พี่เหลียงจีไปส่งกลับฝั่งดีกว่าค่ะ บนเรืออยู่กันตั้งหลายคน ไม่ต้องห่วงพวกเรานะคะ”

มู่หว่านพูดต่อ “นั่นสิคะน้าชิง เมารถเมาเรือมันแย่มากเลยนะคะ อย่าฝืนเลยค่ะ หนูปกป้องทุกคนได้”

นับตั้งแต่เมื่อคืนพวกเด็กๆ ก็เรียกหนิงชิงตามอวิ๋นสุ่ยเหยา

เจียงเฟิงเหมียนพยักหน้า “นั่นสิๆ บนเรือมีผู้ใหญ่เยอะกว่าเด็ก น้าชิงรีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”

พวกเด็กๆ กับพวกบอดี้การ์ดก็ช่วยกันเกลี้ยกล่อม

ผู้กำกับหนิงครุ่นคิด หากเขาอยู่บนเรือต่อทุกคนก็ต้องเป็นห่วง เที่ยวไม่สนุก ไม่สู้กลับไปดีกว่า

“ก็ได้ งั้นพวกเสี่ยวหว่านกับอาคุนดูแลเด็กๆ ด้วยนะ โดยเฉพาะเสี่ยวจิน ต้องมีคนประกบตลอดเวลา”

รายนี้ยังเด็กเหลือเกิน ไม่รู้หรอกว่าอันตรายคืออะไร

พวกมู่หว่านพยักหน้า “พวกเราทราบค่ะ”

เหลียงจีให้ลูกเรือบอกกัปตันให้หยุดเรือก่อน จากนั้นถึงปล่อยเรือเล็กลง

เธอลงไปก่อนแล้วถึงรับผู้กำกับหนิงลงไป

พอผู้กำกับหนิงถึงเรือเล็กก็อ้วกทันที

กลิ่นไม่พึงประสงค์ลอยกระจายไปทั่วอากาศ

เหลียงจีไม่รู้สึกอะไร แต่ผู้กำกับหนิงอายมาก หน้าที่เดิมทีซีดเริ่มแดงขึ้นมา

“ไม่เป็นไรค่ะ อาการตอบสนองทางร่างกายแบบนี้เราควบคุมไม่ได้ จับให้ดีนะคะ ฉันจะพายแล้ว”

เดิมทีอยากให้เขาบ้วนปากหน่อย แต่น่าเสียดายตรงนี้ไม่มีที่ให้เขาบ้วนน้ำ จะให้บ้วนลงทะเลก็ไม่ได้หรือเปล่า หรือจะกลับขึ้นเรือใหญ่ไปเข้าห้องน้ำก็ลำบากเกินไป

อดทนไปก่อนแล้วกัน

ผู้กำกับหนิงหน้าแดงพยักหน้า “อืม กลับเถอะ”

รีบขึ้นฝั่งอาการจะได้ดีขึ้น

เมาเรือสุดแสนจะทรมาน!

เหลียงจีโบกมือให้คนบนเรือยอร์ชแล้วพายเรือพาผู้กำกับหนิงออกจากตรงนั้น

ไม่นานก็ถึงฝั่ง

โรงแรมไห่เทียนเป็นโรงแรมเจ็ดดาว ที่นี่มีชายหาดส่วนตัว มีคนดูแลโดยเฉพาะ

ดังนั้นพอเห็นมีเรือเข้ามา พนักงานก็รีบเข้าไปช่วยประคองทันที

เหลียงจีวานให้พนักงานช่วยทำความสะอาดเรือเล็ก

พนักงานยิ้มรับ

เหลียงจีมองป้ายชื่อตรงหน้าอกของอีกฝ่าย กะว่ากลับถึงโรงแรมแล้วจะให้ทิป

คนสมัยนี้ไม่ค่อยใช้เงินสดแล้ว แต่เธอเตรียมไว้ตลอด เผื่อฉุกเฉิน

ผู้กำกับหนิงพอได้เหยียบพื้นก็รู้สึกดีขึ้นมาก

“หนิง…ชิง ฉันจะพากลับไปกินยานะคะ”

ผู้กำกับหนิงมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง เลี่ยงความยุ่งยากได้ก็เลี่ยง เธอจึงเปลี่ยนคำเรียก

อีกทั้งเขาก็โตกว่าเธอไม่กี่ปี จะให้เรียกน้าตามพวกเด็กๆ ก็เคอะเขินไปหน่อย

“เหลียงจี ตอนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องกินยาหรอก ไม่ต้องประคองด้วย ผมเดินเองได้ ขอบใจนะ”

ถึงจะไม่ต้องกินยา แต่ก็ต้องกลับไปบ้วนปากทำความสะอาดเปลี่ยนเสื้อผ้าหน่อย

ตอนนี้เนื้อตัวมีแต่กลิ่นไม่พึงประสงค์ อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่เขาก็รังเกียจตัวเอง

“ได้ค่ะ งั้นเดินเองนะคะ”

ไม่ใช่ว่าเธอไม่เห็นใจ แต่กลัวมีคนจำผู้กำกับหนิงได้ เดี๋ยวพวกเขาจะกลายเป็นข่าวฉาว

เธอไม่แคร์พวกข่าวฉาว แต่ด้วยความที่สถานะพิเศษ ทางที่ดีอย่าเป็นข่าวหน้าหนึ่งของวงการบันเทิงจะดีกว่า

ผู้กำกับหนิงพยักหน้า เดินกลับโรงแรมโดยรักษาระยะห่างกับเหลียงจี

พอถึงล็อบบี้เหลียงจีก็ถาม “ฉันจะขึ้นไปหยิบชุดว่ายน้ำที่ห้อง เดี๋ยวจะไปดูเสี่ยวเยาเยาที่ศูนย์ฝึก อยากไปด้วยกันไหมคะ”

“ได้ ผมไปด้วย คุณเสร็จแล้วมารอตรงล็อบบี้นะ ผมขออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”

“ค่ะ”

ทั้งสองคนอยู่ห้องชุดเพรสซิเดนท์สวีทชั้นเดียวกัน จึงขึ้นลิฟท์พร้อมกัน

“คุณมาพักผ่อนแบบนี้ไม่กลัวคนจำได้เหรอคะ”

“กลัวทำไม ผมไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย”

“…ก็จริงค่ะ หลายปีมานี้ดูเหมือนจะไม่เคยเห็นคุณเป็นข่าวกับดาราหญิงคนไหนเลย”

“ผมเป็นนายทุน ใครกล้าปล่อยข่าว”

จ้ะ พ่อคนเก่ง!

“ผมต้องทะนุถนอมตัวเองเพื่อเมียในอนาคต จะทำตัวเองเสื่อมเสียชื่อเสียงไม่ได้”

เหลียงจี “…”

เธอขำได้ไหม ให้กลั้นขำบ่อยๆ มันไม่ดีต่อร่างกาย!

“จะว่าไป ทำไมเสี่ยวเยาเยาถึงเรียกนักบินมาช่วยงานล่ะ…อ้อ แต่ก็ไม่แปลก เธอยุ่งเสียขนาดนั้น…”

เขาเคยไปอยู่ที่หมู่บ้านเถาหยวนมาระยะหนึ่ง ย่อมรู้ความเก่งของเด็กสาวคนนี้

“ใช่ค่ะ เสี่ยวเยาเยายุ่งเกินไป ฉันเพิ่งเคยเห็นเด็กสาวที่งานยุ่งขนาดนี้เป็นครั้งแรก”

“เสี่ยวเยาเยาเข้าร่วมงานแข่งขันกีฬาก็เหนือความคาดหมายแล้ว แต่ก็ไม่สิ้นเปลืองพรสวรรค์ดีนะ”

มีเทคนิคพิเศษอยู่กับตัว เล่นกีฬาก็ไม่เหนื่อยเท่าไร

“ก็แค่ครั้งเดียวค่ะ”

ผู้กำกับหนิงพยักหน้า

เสี่ยวเยาเยาเป็นลูกศิษย์ของหมอเทวดาหยวน วันหน้าก็ต้องเป็นหมออย่างแน่นอน

“เหลียงจี เสี่ยวเยาเยาจ้างคุณมาเท่าไร ผมก็เตรียมจะซื้อเครื่องบิน ต้องการหานักบินสักคน พอจะมีใครแนะนำบ้างไหม”

“เสี่ยวเยาเยาไม่ได้เป็นคนจ่ายเงินเดือนฉัน คนตระกูลเย่ว์ยกฉันให้เสี่ยวเยาเยา เลยแล้วแต่ทางตระกูลเย่ว์จ่ายให้ค่ะ”

“คนในครอบครัวเสี่ยวเยาเยา…ห้างเทียนเย่ว์เหรอ” เขารู้แค่สถานะของเด็กสาวคนนี้ที่รู้จักกันดีทั้งหมู่บ้านเถาหยวน แต่เรื่องอื่นไม่รู้

ผู้กำกับหนิงเป็นลูกพี่ลูกน้องกับหยางชิงเฉวียนแม่ของอวิ๋นสุ่ยเหยาก็จริง แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดกับตระกูลตี้ ส่วนหยางชิงเฉวียนก็วางตัวเป็น ไม่มีทางเอาข้อมูลลับเฉพาะพวกนี้เที่ยวไปบอกคนตระกูลหนิง

“ค่ะ เทียนเย่ว์”

พอไปถึงชั้นบนสุด เหลียงจีสังเกตสีหน้าของผู้กำกับหนิง ดีกว่าเมื่อครู่เยอะแล้ว เธอจึงกลับห้องตัวเองด้วยความสบายใจ

เอาชุดว่ายน้ำใส่ในถุงซักรีดของทางโรงแรม จากนั้นก็หยิบเงินสดจากเงินจำนวนหนึ่งหมื่นออกมาจากกระเป๋าแล้วลงไปชั้นล่าง

เธอขอกาแฟจากล็อบบี้มาแก้วหนึ่งแล้วนั่งรอหนิงชิง

ประมาณครึ่งชั่วโมงคนที่เธอรออยู่ก็ลงมา

ทั้งสองคนเดินออกไปทางทะเล

ยัดเงินค่าทิปให้พนักงานที่เมื่อครู่ช่วยพวกเขาทำความสะอาดเรือเล็กพร้อมกัน

พนักงานถือเงินไล่ตามพวกเขา บอกว่ารับไว้ไม่ได้

เหลียงจีกับผู้กำกับหนิงวิ่งเร็ว พนักงานไล่ตามทันที่ไหนกัน อีกทั้งตอนนี้ยังเป็นเวลาทำงาน ห้ามละทิ้งหน้าที่ พอวิ่งตามไประยะหนึ่งเห็นว่าตามไม่ทันแล้วจึงจำต้องกลับไป

เหลียงจีกับผู้กำกับหนิงไม่ได้ยินเสียงเรียกแล้วจึงหันกลับไปมองแล้วมองหน้ากัน จากนั้นก็หัวเราะพร้อมกัน

“หนิงชิง คุณว่าพี่คนนั้นจะโกรธไหม”

“ไม่หรอก โรงแรมทางนี้รับทิปได้”

“งั้นก็ดี ไม่อย่างนั้นเดิมทีก็สร้างความยุ่งยากให้อยู่แล้ว กลัวจะทำเขาถูกด่าอีก…”

หนิงชิงหันหน้าไปยิ้มพูดกับเหลียงจี “นึกไม่ถึงว่าคุณจะพกเงินไว้ให้ทิปด้วย”

“ถ้าฉันรู้ว่าคุณจะให้ฉันก็ไม่ให้หรอก ฉันคิดว่าผู้ชายจะไม่ใส่ใจอะไรพวกนี้เสียอีก”

“ผมไปมาหลายที่ ให้ทิปบ่อย ชินแล้ว”

“อ้อ”

ทั้งสองคนวิ่งมาระยะหนึ่งแล้ว จึงใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีก็ถึงศูนย์ฝึกเรือใบ

เจอมู่เถาเยาขึ้นจากทะเลพอดี เหลียงจีวิ่งเข้าไปหาด้วยความดีใจ “เสี่ยวเยาเยา”

มู่เถาเยามองสองคนที่วิ่งจับมือมาทางเธอ แสดงสีหน้าไม่เข้าใจ

เหลียงจีกับหนิงชิงเห็นสายตาของมู่เถาเยา จากนั้นก็เห็นว่ามือตัวเองจับกับอีกฝ่าย ต่างมีสีหน้างุนงง

พวกเขาจับมือกันตั้งแต่เมื่อไร ทำไมถึงไม่รู้ตัวเลย จับมือกันมาแบบนี้ตลอดทางเลยเหรอ

สายตาของมู่เถาเยาละจากมือของพวกเขาไปที่ใบหน้า จากนั้นก็อดยิ้มไม่ได้

สองคนนี้ไม่รู้ตัวแน่ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น

พอเห็นพวกเขาจูงมือกันเธอยังคิดว่าเป็นรักแรกพบพัฒนาความสัมพันธ์ไปไวเสียอีก

เดิมทีทั้งสองคนไม่ได้คิดอะไรมาก แต่พอได้ยินเสียงมู่เถาเยาหัวเราะ เหลียงจีกับผู้กำกับหนิงก็ปล่อยมือกันอย่างเกร็งๆ

“เมื่อกี้พวกเราถูกคนวิ่งไล่ตามก็เลย…สงสัยพี่จะจับมือเขาวิ่งด้วยความตกใจน่ะ”

ผู้กำกับหนิงพยักหน้า “ใช่ๆ”

เมื่อกี้เขาเผลอจับโดยอัตโนมัติแน่ๆ

มู่เถาเยายิ้มพลางส่ายมือ “ไม่ต้องอธิบายหรอกค่ะ เอาเป็นว่าตามนั้นค่ะ”

เหลียงจี “…” พูดเหมือนไม่มีอะไร แต่ทำไมกลิ่นตุๆ

ผู้กำกับหนิง “…” ทำไมรู้สึกเหมือนยิ่งอธิบายก็ยิ่งยุ่งล่ะ

“พี่เหลียงจี น้าชิง ทำไมถึงโดนวิ่งไล่ตามล่ะคะ ใครวิ่งไล่”

เหลียงจีจึงเล่าเรื่องเมื่อครู่ให้มู่เถาเยาฟัง

“งั้นตอนนี้พวกเขาออกทะเลไปกันยังคะ” มู่เถาเยาหันไปมองทะเล เห็นเรือยอร์ชลำหนึ่งอยู่ไกลๆ

“อืม พวกเขาออกไปแล้ว หนิงชิงเมาเรือหนักมาก พี่เลยเอาเรือเล็กพายกลับมาส่งเขา”

“เมื่อก่อนน้าชิงไม่เคยนั่งเรือเหรอคะ”

หนิงชิงพูดอย่างอายๆ “น้าก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองเมาเรือ ปกติไม่เมารถ ทำไมถึงเมาเรือได้ ประเด็นคือเมื่อก่อนก็ไม่เมา! น้าเคยนั่งพวกเรือสำราญด้วย”

“พูดยากค่ะ อาการเมารถเมาเรือเกิดจากการทำงานของระบบประสาทที่ค่อนข้างเปราะบาง…สภาพร่างกายที่แตกต่างกันอาการก็จะหนักเบาแตกต่างกันไป วิธีที่ใช้รักษาก็จะไม่เหมือนกันด้วย…เดี๋ยวกลับไปหนูจะจัดยาบำรุงให้นะคะ”

“เอาสิ เสี่ยว…”

“ซาลาเปาน้อย”

“เสี่ยวเยาเยา”

ผู้กำกับหนิงยังไม่ทันพูดจบก็มีเสียงเรียกขัดจังหวะขึ้นมา

ทั้งสามคนหันไปมอง เห็นตี้อู๋เปียนกับโค้ชหร่วนกำลังเดินมาทางพวกเขา

มู่เถาเยาพูดกับทั้งสองคน “เราไปคุยกันด้านในดีกว่าค่ะ”

เหลียงจีกับผู้กำกับหนิงจึงเดินตามเธอกลับไปด้วยกัน

ตี้อู๋เปียนที่เดินมาแล้วถามกับทั้งสองคน “น้าชิงกับเหลียงจีมาได้ยังไงครับ คนอื่นๆ ล่ะ”

ผู้กำกับหนิงอธิบาย “พวกเขาออกทะเลไปแล้ว น้าเมาเรือหนัก เหลียงจีก็เลยใช้เรือเล็กพายกลับมาส่ง”

โค้ชหร่วนมองผู้กำกับหนิงแล้วถามขึ้น “ท่านนี้คือ หน้าคุ้นๆ นะ…”

มู่เถาเยาแนะนำให้รู้จัก “โค้ชหร่วนคะ นี่น้าหนิงชิงญาติของพวกเราค่ะ น้าชิงมาที่นี่คนเดียว พวกเราบังเอิญเจอกันเมื่อคืนที่ชั้นดาดฟ้า”

“หนิงชิง ผู้กำกับหนิง!”

ผู้กำกับหนิงยิ้มตอบ “ผมรู้จักโค้ชหร่วน แต่ไม่คิดว่าโค้ชหร่วนจะรู้จักผมด้วย”

“ลูกสาวผมชอบดูหนังที่คุณถ่ายมาก ดาราที่ชอบมากที่สุดก็ราชินีภาพยนตร์หยางกับราชินีภาพยนตร์ถัง เป็นดาราหญิงที่ปรากฏในหนังหรือละครของคุณบ่อยๆ ผมกับภรรยาอยากไม่รู้จักคงยาก”

“บังเอิญจังครับ! ลูกสาวโค้ชอายุเท่าไร อยากได้ลายเซ็นไหมครับ ไม่งั้นเรามาแลกลายเซ็นกันไหมครับ ผมเคยดูโค้ชแข่งขันตอนเด็กๆ ด้วย” ไปดูสนามจริงเลยนะ!

“เหรอครับ! ฮ่าๆ…อย่าไปพูดถึงตอนนั้นเลยครับ ยุคนี้เป็นยุคของหนุ่มสาวแล้ว ลูกสาวผมอายุสิบหก เพิ่งขึ้นมอสี่ เด็กคนนี้ไม่มีพรสวรรค์ทางกีฬาเลย ดีที่คะแนนสายวัฒนธรรมดีหน่อย ถ้าเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็คงสอบติดมหาวิทยาลัยที่อยากเข้าได้ไม่ยาก”

พอพูดถึงลูกสาว โค้ชหร่วนก็ทั้งเสียดายทั้งภูมิใจ

เขาไม่เคยยุ่งเรื่องการเรียนของลูกเลย แต่ลูกสาวกลับเรียนใช้ได้

ถึงแม้จะสู้เด็กเรียนขั้นเทพแบบเสี่ยวเยาเยาไม่ได้ แต่สำหรับคนธรรมดาก็นับว่าดีมากแล้ว เขากับภรรยาพึงพอใจ

มู่เถาเยายิ้มถาม “หร่วนซู่อยากสอบเข้าที่ไหนเหรอคะ”

“เห็นว่าอยากเข้าสถาบันศิลปะการแสดงเหยียนหวง แต่โค้ชกับแม่เขาไม่อยากให้เข้าวงการบันเทิงเท่าไร เด็กคนนี้นิสัยตรงไปตรงมา ไม่มีเล่ห์เหลี่ยม กลัวจะเสียเปรียบ”

คนที่ตรงไปตรงมามักอีคิวไม่สูง

“วันหน้าถ้าหร่วนซู่อยากเข้าวงการบันเทิงจริงๆ ก็ให้เสี่ยวหว่านช่วยดูได้ค่ะ ผู้จัดการส่วนตัวของเสี่ยวหว่านคืออาฉือซาน เมื่อก่อนอาฉือซานเป็นผู้จัดการส่วนตัวของราชินีภาพยนตร์หยางค่ะ”

“เอ๊ะ เสี่ยวหว่านยังไม่เข้าวงการบันเทิงทำไมมีผู้จัดการส่วนตัวแล้วล่ะ” เมื่อวานกินข้าวเย็นด้วยกันถึงรู้ว่ามู่หว่านเรียนอยู่ที่สถาบันศิลปะการแสดงเหยียนหวง

“ช้าเร็วยังไงก็ต้องเข้า เดี๋ยวเทอมหน้าอาซานจะเริ่มให้เข้ากองถ่ายแล้วค่ะ”

ตอนนี้ฉือปู้อี๋ยังเด็ก อาซานก็ยังต้องรักษาตัว ระยะนี้จึงให้มู่หว่านตั้งใจเรียนไปก่อน

ผู้กำกับหนิงยิ้มพูด “ถ้าน้าเจอบทที่เหมาะกับเสี่ยวหว่านจะเอาให้พี่ซานดูก่อน เสี่ยวหว่านมีพวกเราช่วยดูอยู่ ไม่ต้องกลัวจะถูกใครเอาเปรียบ”

มู่เถาเยายิ้ม “เสี่ยวหว่านมีฝีมือติดตัว หนูไม่กังวลเลยสักนิดค่ะ”

ส่วนเรื่องไปดื่มเหล้าเป็นเพื่อน เสี่ยวหว่านไม่มีทางไปอยู่แล้ว จึงไม่ต้องกังวลว่าจะถูกวางยา

ผู้กำกับหนิงยิ้ม “ก็จริง เสี่ยวหว่านของพวกเราแทบไม่ต้องกลัวใคร โค้ชหร่วนครับ ถ้าวันหน้าลูกสาวโค้ชหร่วนอยากเข้าวงการบันเทิง ผมช่วยหาผู้จัดการส่วนตัวกับผู้ช่วยเก่งๆ ให้ได้นะครับ หรือจะเซ็นสัญญากับบริษัทผมก็ได้”

บริษัทของเขาใสสะอาด ไม่มีเรื่องโสมมแน่นอน

ไปข้างนอกก็ปกป้องนักแสดงอย่างดี

“งั้นก็เยี่ยมไปเลยครับ! ขอบคุณผู้กำกับหนิง!”

“ไม่เป็นไรครับ พวกเราก็ถือเป็นคนกันเอง”

โค้ชหร่วนพยักหน้าด้วยความดีใจ

มู่เถาเยา “พี่เหลียงจี น้าชิงคะ อยากนั่งกันอยู่ที่ชายหาดหรืออยากไปเล่นน้ำทะเลคะ”

เหลียงจีหยิบถุงใส่ชุดว่ายน้ำขึ้นมา “พวกเราเอาชุดว่ายน้ำมาด้วย เตรียมจะลงเล่นน้ำ โค้ชหร่วนคะ ขอยืมวินด์เซิร์ฟเล่นได้ไหมคะ”

“เล่นวินด์เซิร์ฟเป็นกันด้วยเหรอ”

วินด์เซิร์ฟเป็นกิจกรรมทางน้ำที่เพิ่งนิยมกัน คนเล่นเป็นจึงมีไม่มาก แต่มันเท่ห์และมีเสน่ห์มาก!

หนุ่มสาวจะชอบจึงไม่ใช่เรื่องแปลก

เพียงแต่คนที่เล่นได้ดีมีไม่เท่าไรยกเว้นนักกีฬาอาชีพ

เหลียงจียิ้มตอบ “เคยเล่นค่ะ แต่ก็แค่เล่นเอาสนุกๆ เทียบกับเสี่ยวเยาเยาไม่ได้”

ผู้กำกับหนิง “ผมก็เล่นได้ครับ หลังจากดูการแข่งขันของโค้ชหร่วนตอนอายุสิบกว่าผมก็ลงทุนไปเรียนที่ทะเลทางตะวันตกเลยครับ ต่อมาเป็นทหารเลยไม่ได้เล่นแล้ว”

พอได้ฟังแบบนี้ตี้อู๋เปียนก็แอบอาย

เพราะขนาดแค่ว่ายน้ำเขาก็ยังไม่เป็น!

จึงเปลี่ยนเรื่องคุย “ซาลาเปาน้อย…”

“ไว้ฉันสอนให้”

ตี้อู๋เปียน “…”

เขาไม่ได้หมายความแบบนั้น!

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

Status: Ongoing
มองจากภายนอกเธอคือหญิงสาวจากหมู่บ้านชนทบทที่ห่างไกล แม้รูปโฉมไม่ธรรมดาแต่จะมีอะไรมากไปกว่านั้น แต่ใครเลยจะรู้ว่าเบื้องหลังของเธอนั้นคือ ‘หมอเทวดา’ ผู้มีฝีมือไม่เป็นสองรองใคร!นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีในเมืองใหญ่ นางเอกเก่งทั้งรักษาโรคและวรยุทธ์โคจรมาเจอกับพระเอกขี้โรคสุดหลงตัวเอง!โลกของอดีตจักรพรรดินีอย่าง มู่เถาเยา ถึงคราวกลับตาลปัตรเมื่อต้องมากลายเป็นเด็กทารกที่ยังมีความทรงจำเดิมในชาติก่อน?! อีกทั้งโลกใหม่นี้ยังแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงหลายปีผันผ่านเธอหลอมรวมเข้ากับโลกใหม่ใบนี้ได้อย่างสมบูรณ์พร้อมได้รับวาสนาเป็นศิษย์ของหมอเทวดาผู้เก่งกาจประสบการณ์และพรสวรรค์มากมายในชาติก่อนแล้วทำให้เธอเก่งกาจเหนือกว่าผู้ใดพร้อมก้าวเข้าสู่เมืองหลวงเพื่อร่ำเรียนและฝึกฝนหาประสบการณ์ชีวิตในโลกใหม่แปลกหน้าใบนี้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท