ตอนที่ 411 ครอบครัวของเซี่ยปิงชิงมา(1)
ตอนที่ 411 ครอบครัวของเซี่ยปิงชิงมา(1)
เมื่อเห็นเซี่ยอวี๋เซิงกับเริ่นม่านนี ฉินมู่หลานก็ทราบจุดประสงค์ที่พวกเขามาเหมือนกัน จึงขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้น “พวกพี่ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจฉันหรอกเหรอคะ”
เมื่อได้ยินฉินมู่หลานพูดแบบนี้ เซี่ยอวี๋เซิงก็รีบพูดขึ้นทันที “มู่หลาน ครั้งก่อนเป็นความผิดฉันเอง ฉันมัวแต่ห่วงศักดิ์ศรีลูกผู้ชายจนค้ำคอ เลยไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด แต่ตอนนี้ฉันเชื่อแล้ว เธอช่วยรักษาให้ฉันหน่อยไดไหม” เขาได้แต่รู้สึกเสียใจที่ตอนนั้นไม่ยอมให้ฉินมู่หลานจ่ายยาให้ ไม่อย่างนั้นตอนนี้ก็คงไม่ต้องกังวลขนาดนี้
เริ่นม่านนีที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดด้วย “ใช่แล้วมู่หลาน อวี๋เซิงเขารู้ตัวว่าทำผิดไปแล้ว”
แต่ครั้งนี้หล่อนรอบคอบมากกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานกับคนอื่นเพิ่งกลับมา จึงรีบคว้ามือเซี่ยอวี๋เซิงเอาไว้ ก่อนเอ่ยขึ้น “มู่หลาน พวกเธอไปพักผ่อนกันก่อยเถอะ เดี๋ยวฉันกับอวี๋เซิงจะรออยู่ข้างนอกก่อน ตกลงไหม”
เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็พยักหน้า แล้วพูดขึ้น “ค่ะ เดี๋ยวฉันขอไปเก็บของให้เรียบร้อยก่อน”
“ได้ เธอรีบไปจัดการเถอะ”
พูดจบ เริ่นม่านนีก็ดึงมือเซี่ยอวี๋เซิงให้ออกไปรอในห้องโถงใหญ่ข้างหน้า
ทุกคนจึงได้ทราบถึงการมาของเซี่ยอวี๋เซิง ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือแปลกใจนิดหน่อย แต่พวกหล่อนก็ไม่ได้พูดอะไร แล้วรีบไปหาเด็กทั้งสองแทน
“ชิงชิง เฉินเฉิน พวกหลานเหนื่อยหรือเปล่า ดีใจไหมที่ได้เจอพ่อ”
เด็กทั้งสองรู้สึกเหนื่อยนิดหน่อย แต่พวกเขาก็มีความสุขมากที่ได้เจอคุณย่ากับคุณยาย จึงพยักหน้ายิ้มแล้วตอบกลับ “ดีใจ”
เมื่อได้เห็นความน่ารักของเด็กทั้งสอง ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือก็รู้สึกใจละลาย ก่อนจะเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “พวกหลานหิวกันไหม อยากกินอะไรหน่อยไหม”
“หิว…”
เด็กทั้งสองพยักหน้าแล้วตอบกลับ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู จนคนมองรู้สึกว่าทำไมพวกเขาถึงได้น่ารักขนาดนี้
ซูหว่านอี๋เห็นแบบนี้ จึงรีบบอกกล่าว “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวยายไปทำอะไรให้เจ้าหนูสองคนกินก่อนนะ”
“แม่คะ หนูก็หิวเหมือนกัน หนูจะกินด้วยค่ะ”
“ได้ๆๆ จะข้ามลูกไปได้ยังไงกันล่ะ” เมื่ออยู่ต่อหน้าลูกสาว ซูหว่านอี๋ก็รู้สึกเหมือนความอดทนลดลง ก่อนจะโบกมือแล้วหันหลังเดินไปที่ห้องครัว
ฉินมู่หลานถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ออกมาเล็กน้อย พลางแตะจมูกของเด็กทั้งสอง แล้วพูดขึ้น “ตั้งแต่มีพวกลูกสองคน ยายของลูกก็ไม่ค่อยสนใจแม่แล้ว”
เหยาจิ้งจือที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินแบบนี้ก็อดหัวเราะแล้วพูดเสียไม่ได้ “มู่หลาน เธอยังจะแข่งกับเจ้าหนูสองคนนี้อีกเหรอ” พูดจบ หล่อนก็ถามเรื่องเซี่ยเจ๋อหลี่ขึ้นมาอีกครั้ง
“แม่วางใจเถอะค่ะ ทางฝั่งอาหลี่ทุกอย่างราบรื่นดี และครั้งนี้ที่พวกเราไป ก็ได้ไปร่วมงานแต่งของเจียงเฉิงกับเนี่ยนอันด้วยนะคะ คึกครื้นมากเลย”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเหยาจิ้งจือก็ดูตื่นตกใจ
“เนี่ยนอันแต่งกับเจียงเฉิงเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ยินดีกับพวกเขาด้วยนะ” ทั้งสองพูดคุยกันขณะก้าวเดิน จนไปถึงสวนหลังบ้าน
เหยาจิ้งจือได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในบ้านเมื่อเร็ว ๆ นี้ให้มู่หลานได้ฟังด้วย “ที่บ้านเรียบร้อยดี พอรู้ว่าเธอจะกลับมาวันนี้ ฉันกับหว่านอี๋ก็เลยไม่ได้ไปโรงงาน แต่พวกพ่อของเธอยุ่งกันหมด ส่วนปิงชิงก็ไปหาพี่สาวที่บ้าน”
ฉินมู่หลานรับฟังสิ่งที่เหยาจิ้งจือเล่าอย่างเงียบ ๆ ทั้งสองรู้สึกว่ายังคุยกันได้ไม่นาน ซูหว่านอี๋ก็เดินเข้ามาหาพร้อมกับถ้วยบะหมี่แล้ว
“กลัวพวกเด็ก ๆ สองคนจะหิว แม่ก็เลยรีบทำบะหมี่ให้ พวกลูกกินรองท้องให้อิ่มกันไปก่อน แล้วอยากกินอะไรค่อยบอกแม่ เดี๋ยวตอนเย็นแม่ทำของอร่อยให้”
ได้ยินซูหว่านอี๋พูดแบบนี้ ฉินมู่หลานจึงบอกกล่าวตามตรง “แม่คะ หนูอยากกินซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานค่ะ”
“ได้ เดี๋ยวตอนเย็นแม่ทำให้นะ”
หลังจากมู่หลานและเด็กทั้งสองกินบะหมี่เสร็จแล้ว มู่หลานก็ส่งเด็กทั้งสองให้ซูหว่านอี๋และเหยาจิ้งจือดูแลต่อ
“แม่คะ หนูฝากดูลูกก่อนนะคะ หนูขอไปตรวจเซี่ยอวี๋เซิงก่อน”
ซูหว่านอี๋ไม่ค่อยปลื้มตระกูลเซี่ยสักเท่าใด แต่เมื่อนึกถึงปัญหาของเซี่ยอวี๋เซิงแล้ว หล่อนจึงไม่พูดอะไร เพียงแค่เอ่ยขึ้น “ได้ ลูกรีบไปเถอะ เดี๋ยวทางนี้พวกเราดูแลเอง”
จนกรทั่งฉินมู่หลานเดินมาถึงหน้าห้องโถงใหญ่ ก็เห็นเซี่ยอวี๋เซิงกับเริ่นม่านนีนั่งรออยู่ตรงนั้นอย่างสงบเสงี่ยม สีหน้าของเริ่นม่านนีนิ่งสงบมาก แต่สีหน้าของเซี่ยอวี๋เซิงดูกังวลไปหมด เขาเห็นฉินมู่หลานมาแล้วก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วพูด “มู่หลาน เธอมาแล้ว”
ฉินมู่หลานเห็นท่าทางตื่นเต้นของเซี่ยอวี๋เซิง ก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น “รอนานเลยสินะคะ”
“ไม่หรอก ไม่หรอก”
เซี่ยอวี๋เซิงส่ายหัว หลังจากนั้นก็เชิญให้ฉินมู่หลานนั่งลงข้าง ๆ เขา “มู่หลาน ลำบากเธอแล้ว”
“ไม่ได้ลำบากอะไรขนาดนั้นหรอกค่ะ เอาล่ะ ยื่นแขนออกมาหน่อยค่ะ”
เซี่ยอวี๋เซิงได้ยินแบบนี้ก็รีบยื่นมืออกไป พลางบอกกล่าว “มู่หลาน ครั้งนี้เธอต้องช่วยพี่ด้วยนะ”
ฉินมู่หลานเห็นว่าเซี่ยอวี๋เซิงพูดคำว่าพี่ออกมา ก็อดปรายตามองเขาเสียไม่ได้ ก่อนจะพูดขึ้น “พอแล้วค่ะ ไม่ต้องพูดแล้ว”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยอวี๋เซิงก็เงียบลงทันที
เริ่นม่านนีเห็นแบบนี้ก็แอบเบะปากนิดหน่อย มีหมอมากมายที่ไม่สามารถรักษาอาการของเขาได้ สุดท้ายเซี่ยอวี๋เซิงจึงตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของอาการตัวเอง ในที่สุดจึงยอมเชื่อฉินมู่หลาน ก่อนหน้านี้เขามัวทำอะไรอยู่กันนะ
แต่เมื่อไม่นานมานี้ชีวิตของหล่อนนับว่าค่อนข้างดี หลังผ่านช่วงเวลาขมขื่นมาตลอดหลายปี สุดท้ายตระกูลเซี่ยก็ทราบว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่หล่อน ตอนนี้คุณนายเซี่ยกับว่านจี้อวิ๋นแม่สามีจึงใจดีกับหล่อนมาก ด้วยความที่กลัวว่าหล่อนจะไม่ชอบเซี่ยอวี๋เซิงแล้ว
ฉินมู่หลานตรวจชีพจรให้เซี่ยอวี๋เซิงอย่างละเอียด หลังจากนั้นก็ดึงมือกลับ
เซี่ยอวี๋เซิงเห็นแบบนี้ จึงเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล “มู่หลาน อ…อาการของฉันรักษาได้ใช่ไหม ครั้งก่อนเธอพูดเอาไว้ชัดเจนแล้ว ว่าขอแค่ดูแลร่างกายดี ๆ สักสองสามปีก็จะหายดี”
เมื่อเห็นเซี่ยอวี๋เซิงกังวลมากจนเหงื่อเริ่มตก ฉินมู่หลานก็ไม่ได้ปิดบังซ่อนเร้นอะไร แล้วบอกกล่าวตามตรง “ใช่ค่ะ รักษาได้อยู่แล้ว เดี๋ยวฉันจะเขียนใบสั่งยาให้ พี่เอายาไปกินก่อนครึ่งเดือน แล้วหลังจากนั้นจะตรวจให้อีกรอบค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยอวี๋เซิงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาไม่อยากจะฟังคำตอบเชิงลบอีกต่อไปแล้ว
แน่นอนว่าเริ่นม่านนีก็มีความสุขมากเช่นกัน เพราะอย่างไรหล่อนกับเซี่ยอวี๋เซิงก็เป็นสามีภรรยากัน ขอเพียงอาการของเซี่ยอวี๋เซิงหาย พวกเขาก็จะมีลูกของตัวเองได้ “มู่หลาน ขอบคุณเธอมากจริง ๆ นะ”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ส่ายหัวแล้วบอกกล่าว “ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ เป็นเพราะก่อนหน้านี้พวกพี่ขอร้องให้ช่วย ฉันก็ต้องยอมรักษาให้อยู่แล้วค่ะ”
หลังจากพูดจบ ฉินมู่หลานก็เริ่มเขียนใบส่งยาให้ทันที หลังจากเขียนเสร็จก็ส่งไปให้เซี่ยอวี๋เซิงพลางบอกกล่าว “พี่ไปซื้อยาตามสูตรนี้มา ดื่มวันละสองครั้งเช้าและเย็น แล้วอีกครึ่งเดือนค่อยกลับมาใหม่ค่ะ”
เซี่ยอวี๋เซิงรับใบสั่งยาไปด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็รีบพยักหน้าแล้วบอกกล่าวทันที “ได้ ฉันจะดื่มยาให้ตรงเวลาเลย”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานตรวจเซี่ยอวี๋เซิงเสร็จแล้ว เริ่นม่านนีก็อดก้าวเดินไปข้างหน้าเสียไม่ได้ พลางเอ่ยถาม “มู่หลาน แล้วของฉันต้องทำตามด้วยไหม”
“ของพี่ไม่ต้องค่ะ รอให้ร่างกายของพี่อวี๋เซิงใกล้จะหายแล้ว พี่ค่อยกินยาบำรุงเพิ่มก็ไม่สายค่ะ”
เริ่นม่านนีได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ได้ ฉันจะฟังเธอหมดเลย”
หลังจากพูดจบ เริ่นม่านนีก็หยิบซองแดงที่เตรียมเอาไว้ตั้งแต่เช้าออกมา ก่อนจะพูดขึ้น “มู่หลาน ขอบคุณเธอมากจริง ๆพวกเราไปโรงพยาบาลมาหลายที่มาก หาหมอมาตั้งหลายคน พวกเขาต่างบอกว่าอาการของอวี๋เซิงไม่มีทางรักษาได้ จนมีแค่เธอเท่านั้นแหละที่เป็นความหวังเดียวของพวกเรา”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พอรู้ว่าลูกชายหลานชายเป็นฝ่ายมีปัญหาเสียเองก็เปลี่ยนท่าทางปุบปับเลยนะตระกูลเซี่ย
ไหหม่า(海馬)