บทที่ 37 ในเมื่อผู้คุมสอบไม่เชื่อ เขาเลยต้องพิสูจน์แล้วค่อยเดินจากไป
ในตอนนี้เอง แม้แต่ซ่งหว่านเอ๋อก็ยังต้องตกตะลึง
เธอเองก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนักแต่นี่เองก็ทำให้เธอพลันคิดไปถึงคำพูดของเจียงฮ่าวก่อนที่จะเข้าห้องสอบด้วยเช่นกัน
“หรือว่าที่ผ่านมาเจียงฮ่าวเก็บซ่อนฝีมือเอาไว้จริงๆ”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอหันไปดูคำถามทั้งสามสิบห้าข้อที่ตัวเองได้ทำไว้ ความสงสัยในใจเธอนั้นกลับไม่ได้ลดน้อยถอยลงเลยแม้แต่น้อย กลับกันจะยิ่งมากขึ้นซะด้วยซ้ำ
อีกฝากฝั่งหนึ่งนั้น ฉินโชวเองก็รู้สึกตกใจไม่น้อยกับท่าทีของเจียงฮ่าว ความวิตกในใจของมันนั้นเริ่มก่อตัวขึ้น
อย่างไรก็ตาม มันจำข้อมูลที่ได้ให้คนสืบสวนมาได้เป็นอย่างดี นี่ทำให้ตัวมันนั้นผ่อนคลายมากขึ้น
และนี่เองทำให้ข้อสันนิฐานหนึ่งปรากฎขึ้นมาในใจ
“เป็นไปได้ว่ามันยอมแพ้จนถอดใจไปแล้ว ก็ดี ตกตายด้วยตัวเองก็ยังดีกว่าล่ะนะ”
หลังจากคิดได้ดังนี้ ตวมันนั้นก็ไม่ได้ใส่ใจอีกและหันไปตอบคำถามอย่างไรความกังวล
ในตอนนี้เอง ผู้คุมสอบได้ขมวดคิ้วแน่น เขาจ้องมองไปยังเจียงฮ่าวและเดินไปหาอย่างช้าๆ
เขาพลิกดูกระดาษคำตอบของเจียงฮ่าวอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะพูดออกมาว่า
“อาจารย์ไม่สามารถเก็บกระดาษคำตอบได้ในตอนนี้ ตามกฎ อาจารย์จะเก็บหลังจากเวลาทำข้อสอบผ่านไปแล้วสี่สิบนาที”
“อย่างไรก็ตาม เธอนั้นไม่สมควรจะเขียนคำตอบลงไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลังแบบนี้ ตัวเธอเองก็อยู่ชั้นปีที่สามแล้ว และเหลืออีกเพียงไม่ถึงเดือนก็ถึงเวลาสอบเข้าแล้ว”
“อาจารย์ของเธอเองก็น่าจะบอกไปแล้วนี่ว่าการสอบในครั้งนี้มีความสำคัญยังไง เธอควรจะตั้งใจทำไม่ใช่ว่าเห็นข้อสอบแล้วก็ยอมถอดใจ ต่อให้เธอเขียนคำตอบได้หมดทุกข้อก็ไม่ได้หมายความว่าจะตอบถูกหมดทุกข้อหรอกนะ”
ผู้คุมสอบพูดออกมาอย่างหวังดี
อย่างไรก็ตาม เจียงฮ่าวนั้นมั่นใจแล้วว่าคำตอบของเขาถูกต้องที่สุดแล้ว จึงไม่ได้ยอมรับความหวังดีนี้
“อาจารย์ครับ ผมเองก็ตรวจสอบคำตอบเหล่านี้ไปสามสี่รอบแล้ว”
ถึงจะดูเกินจริงแต่คำพูดของเขาไม่ได้โกหกแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ผู้คมสอบไม่เชื่อเจียงฮ่าว และเขาเองก็ไม่คิดว่าเจียงฮ่าวจะเพิกเฉยต่อคำแนะนำของเขาแบบนี้เหมือนกัน
เขาได้ขมวดคิ้วนั่น และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างน่าขนลุก
“ก็ดี ในเมื่อเธอว่าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร แต่ยังไงซะ อาจารย์ก็ต้องให้เธอนั่งเฉยๆไปก่อนแล้วกัน อย่าได้ไปรบกวนคนอื่น หลังจากผ่านไปอีกสิบนาทีแล้วเธอค่อยขอส่งกระดาษคำตอบใหม่อีกครั้ง”
เมื่อพูดจบ เขาไม่ได้ใส่ใจเจียงฮ่าวอีกต่อไป เขาค่อยๆเดินกลับไปยังที่นั่งอาจารย์
“ทุกคนๆควรจะตรวจสอบคำตอบของตัวเองให้ดี อย่ากระซิบพูดคุยกัน ยังมีเวลาเหลืออีกมากนัก”
เมื่อเห็นดังนี้ เจียงฮ่าวเองก็รู้ดีว่าทำอะไรไม่ได้แล้วจึงทำได้เพียงฝุบตัวนอนไปกับพื้นโต๊ะเท่านั้น
ไม่นานนัก สิบนาทีก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เจียงฮ่าวได้ยกมือขึ้นอีกครั้งพร้อมคำพูดเหมือนเดิม
เมื่อผู้คุมสอบได้เห็นแล้วว่าเจียงฮ่าวเป็นเด็กที่เขาสั่งสอนไม่ได้จึงได้รู้สึกรังเกลียดเดียดฉันท์และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยียบ
“ในเมื่อเธอมั่นใจนักล่ะก็เดินออกมาส่ง แล้วอย่าไปกวนคนอื่นล่ะ”
ทุกๆคนในห้องรู้สึกประหลาดใจในทันทีเมื่อเห็นว่าเจียงฮ่าวนั้นเดินออกไปส่งกระดาษคำตอบจริงๆ
นี่ทำให้ทุกคนนั้นบังเกิดความรู้สึกที่หลากหลาย
แต่ความรู้สึกเหล่านั้นกลับเต็มไปด้วยความสงสัยและสมเพชในตัวเจียงฮ่าว
มีเพียงซ่งหว่านเอ๋อเท่านั้นที่จ้องมองเจียงฮ่าวด้วยสายตาเป็นกังวล
เจียงฮ่าวเองก็ทำเพียงแค่มองกลับไปพร้อมขยิบตาหนึ่งข้างไปหนึ่งที
ในตอนนี้ ผู้คุมสอบได้พูดออกมาอีกครั้ง
“เอาล่ะ เธอวางกระดาษคำตอบแล้วก็ออกไปได้แล้ว ต่อให้อยู่ไปก็ทำได้แค่ก่อกวนคนอื่นๆที่ตั้งใจสอบอยู่เท่านั้น”
“….”
ระหว่างทางกลับบ้าน เจียงฮ่าวได้คิดจะหาอะไรบางอย่างย่อยสลายไปพลางๆ ดูเหมือนว่าตัวเขานั้นจะไม่ได้นึกถึงการพนันระหว่างเขากับฉินโชวเลยแม้แต่น้อย
“เร็วเข้า ใครก็ได้รีบเรียกรถพยาบาลให้ที อย่ามัวแต่ดูอยู่เฉยๆสิ”
“หยุดโวยวายได้แล้วน่า พวกเขาก็พยายามโทรอยู่ไม่เห็นรึไง”
“ถอยไปห่างๆหน่อยอากาศจะได้ไหลเข้ามาได้ อย่างมายืนมุงดูเขาสิ”
“เฮ้ ใครก็ได้พาสองคนนี้ไปโรงพยาบาลเร็วเข้า”
“ไอ้ฉิบหาย ใครกันที่กล้าทำแบบนี้เนี่ย อย่าให้รู้นะ”
“…”
ในตอนนี้เอง เจียงฮ่าวได้ยินเสียงโวยวายดังมาจากข้างหน้าพร้อมกับฝูงชนที่อยู่รายรอบในสวนที่มีชื่อว่าสวรรค์ชั้นฟ้า
เขารู้ในทันทีว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ
ถึงแม้เขาจะไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้มากนัก แต่ในเมื่อตอนนี้เขาว่างอยู่ เขาเลยคิดว่าจะเข้าไปร่วมมุงดูสักหน่อย
หลังจากเจียงฮ่าวแหวกฝูงชนเข้าไปดูอย่างยากลำบาก เขาก็ได้เห็นสาวสวยอ่อนวัยคนหนึ่งนั่งคุกเข่าลงกับพื้น พร้อมกอดร่างของชายแก่คนหนึ่งที่อยู่ในชุดจีนนิยมพร้อมทั้งร้องไห้ออกมาอย่างสะอึกสะอื้น
ดวงตาของชายแกคนนี้ได้เหลือกขึ้นจนขาวโพลนพร้อมร่างกายที่ซีดเผือด