ตอนที่ 1271 คำนับพลางร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
สติของหลี่เทียนเจียวเลือนรางลงเรื่อยๆ นางพยายามฝืนนั่งหลังตรงอยู่บนบัลลังก์ด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่มี นางกวาดสายตามองไปรอบตำหนักทั้งน้ำตา สายตาของนางพร่ามัวลงเรื่อยๆ นางถอนหายใจออกมาอย่างเสียดาย “มีใจอยากปกครองแคว้น ทว่า เปลี่ยนแปลงสิ่งใดไม่ได้แล้วจริงๆ…”
สิ้นเสียง ดวงตาของนางดับวูบลงทันที
“ฝ่าบาท…” ทหารซีเหลียงก้มศีรษะคำนับพลางร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด
ทหารบางคนยกดาบขึ้นพลางตะโกนลั่น “ฝ่าบาท ชาติหน้ากระหม่อมยินดีติดตามรับใช้ฝ่าบาทและแม่ทัพชราชุยอีกพ่ะย่ะค่ะ”
กล่าวจบจึงใช้ดาบในมือปาดคอของตัวเองทันที
คืนนั้นทหารมากมายของซีเหลียงยอมจำนนต่อต้าเยี่ยนและต้าโจวในเมืองอวิ๋นจิงที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิง ทว่า ตำหนักใหญ่ในวังหลวงของซีเหลียงที่อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนและไป๋ชิงอวี๋ล้อมไว้กลับไม่มีทหารยอมจำนนแม้แต่คนเดียว ไม่มีผู้ใดรอดชีวิตสักคน
เมื่อเสียงในตำหนักเงียบสนิทลงไป๋ชิงอวี๋จึงดันมือของเซียวรั่วไห่ที่ประคองเขาอยู่ออก จากนั้นเดินขึ้นไปบนบันไดตำหนักอย่างช้าๆ เตรียมเปิดประตูตำหนักออก…
เซียวหรงเหยี่ยนกลัวว่าด้านในจะมีกับดักจึงรีบจับแขนของไป๋ชิงอวี๋ไว้ ชายหนุ่มดันร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลของไป๋ชิงอวี๋ไปด้านหลังสองสามก้าว จากนั้นหันไปส่งสัญญาณให้ทหารเปิดประตูตำหนักออก
เยว่สือพาคนเดินไปด้านหน้า เขายกเท้าถีบประตูตำหนักให้เปิดออก
แสงไฟในตำหนักสว่างจนเห็นทุกอย่างชัดเจน ภายในตำหนักเต็มไปด้วยศพ หลี่เทียนเจียวนั่งลืมตาโพลงมองมาทางประตูอยู่บนบัลลังก์จักรพรรดิ หากไม่ใช่เพราะดวงตาของนางไม่กะพริบทุกคนคงไม่เชื่อว่านางเสียชีวิตแล้ว
ไป๋ชิงอวี๋ที่เจ็บหน้าอกจนแทบทนไม่ไหว ชายหนุ่มมองไปทางเซียวหรงเหยี่ยนที่ยืนคุ้มกันอยู่ด้านหน้าเขาแวบหนึ่ง ร่างทั้งร่างของเขาเซล้มไปทางด้านหลังอย่างฝืนไม่ไหวอีกต่อไป
“คุณชายห้า!” เซียวรั่วไห่เบิกตาโพลงพลางวิ่งเข้าไปรับตัวไป๋ชิงอวี๋ไว้ ศีรษะของไป๋ชิงอวี๋จึงไม่กระแทกพื้น
“รีบตามหมอหงมาเร็ว!” เซียวหรงเหยี่ยนย่อกายลงแบกไป๋ชิงอวี๋ขึ้นหลัง จากนั้นตะโกนสั่งเซียวรั่วไห่ “รีบไปสิ!”
จวนไป๋ ณ เมืองหลวง
เด็กสองคนนอนหลับสนิทข้างกายไปชิงเหยียนในเรือนชิงฮุย
ทว่า คืนนี้ไป๋ชิงเหยียนกลับนอนไม่หลับ
บางทีอาจเป็นเพราะความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างพี่น้อง คืนนี้ไป๋ชิงเหยียนจึงหลับฝันถึงไป๋ชิงอวี๋ตอนเป็นเด็ก นางฝันถึงเหตุการณ์ตอนที่ไป๋ชิงอวี๋ถูกม้าสะบัดตกจากหลังม้าตอนเขาเพิ่งเริ่มหัดเรียนขี่ม้า น้องชายของนางกระดูกหัก ทว่า ไม่ส่งเสียงร้องออกมาสักแอะ ได้แต่ส่ายหน้าไม่ยอมกล่าวสิ่งใดออกมาทั้งสิ้น
ไป๋ชิงเหยียนที่นอนไม่หลับลุกขึ้นจากเตียง
ถงหมัวมัวที่อยู่ทางด้านนอกได้ยินความเคลื่อนไหวจึงแหวกม่านเข้ามาด้านใน เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนที่สวมเสื้อคลุมเรียบร้อยกำลังนั่งใส่รองเท้าอยู่ปลายเตียงนางจึงรีบเดินเข้าไปหา ถงหมัวมัวแหวกม่านเตียงมองดูเด็กทั้งสองที่นอนหลับสนิทแวบหนึ่ง จากนั้นกล่าวกับไป๋ชิงเหยียนเสียงเบาหวิว “คุณหนูใหญ่ตื่นขึ้นมาเพราะเหตุใดเจ้าคะ ยังเช้าอยู่เลยเจ้าค่ะ”
“ข้านอนไม่หลับ…” น้ำเสียงของไป๋ชิงเหยียนแหบพร่ามาก
ถงหมัวมัวรีบเดินไปรินน้ำให้ไป๋ชิงเหยียน น้ำอุ่นกำลังดีไป๋ชิงเหยียนสามารถดื่มได้ทันที
เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นจากเตียงถงหมัวมัวจึงรีบเข้าไปช่วยประคองให้นางนั่งลงบนเก้าอี้ ขณะที่ถงหมัวมัวกำลังขยับผ้าม่านปิดเตียงตามเดิมให้เรียบร้อยนางเหลือบเห็นไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านเดินอ้อมฉากกั้นออกไปนั่งที่โต๊ะตำราแล้ว
“ตอนนี้คุณหนูใหญ่ควรพักผ่อนให้มากนะเจ้าคะ” ถงหมัวมัวเดินถือตะเกียงไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะตำรา นางวางตะเกียงลงบนโต๊ะก็เห็นไป๋ชิงเหยียนหยิบพู่กันขึ้นมาวาดรูปคร่าวๆ ของเมืองๆ หนึ่ง หญิงสาวมองรูปภาพนั้นอย่างใช้ความคิด
ถงหมัวมัวคิดว่าฮูหยินใหญ่ของพวกนางทำพลาดไปแล้ว ตอนนั้นฮูหยินสั่งให้เก็บตำราทั้งหมดที่อยู่ในห้องของคุณหนูใหญ่ไป ทว่า ไม่ได้สั่งให้เก็บพู่กันไปด้วย
คำนวณจากเวลาอาอวี๋ถูกจับเป็นตัวประกันในเมืองอวิ๋นจิงนานแล้ว ตอนนี้พวกเขาคงทำสงครามกันแล้ว
ชาติที่แล้วไป๋ชิงเหยียนประมาทเกินไป ตอนที่ท่านปู่ ท่านพ่อ บรรดาท่านอาและน้องชายของนางไปออกรบนางจึงไม่ได้ติดตามสถานการณ์ของพวกเขามากนัก ดังนั้นเมื่อบุรุษของตระกูลไป๋เสียชีวิตอยู่ในสนามรบทั้งหมดนางจึงรับมือไม่ทัน
แม้ว่าตอนนี้เซียวหรงเหยี่ยนจะอยู่ที่สงครามด่านหน้าด้วย แม้ว่าชายหนุ่มจะคอยปกป้องน้องชายและน้องสาวของนาง ทว่า ไป๋ชิงเหยียนก็ยังเป็นกังวลอยู่ดี นางกำลังคาดเดาว่าไป๋ชิงอวี๋ที่อยู่ในอวิ๋นจิงจะร่วมมือกับกองทัพเช่นไร
ภาพสงครามที่เมืองอวิ๋นจิงปรากฏขึ้นในสมองของไป๋ชิงเหยียนซ้ำไปซ้ำมา จากความเข้าใจที่นางมีต่อน้องชายแท้ๆ ของนาง อาอวี๋ต้องเอาตัวเองไปอยู่ในจุดที่อันตรายที่สุดเพื่อให้หลี่เทียนเจียวและแม่ทัพชราชุยซานจงเห็นและวางใจว่าพวกเขายังมีอาอวี๋เป็นไพ่ไม้ตายของซีเหลียงแน่นอน
ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง นางเปิดหน้าต่างออกพลางมองไปบนท้องฟ้าทางทิศใต้ด้วยความรู้สึกกังวล
“คุณหนูใหญ่ของบ่าว!” ถงหมัวมัวรีบเดินไปปิดหน้าต่างทันที “อากาศตอนนี้กำลังหนาว หากคุณหนูโดนลมหนาวจนเป็นไข้ขึ้นมาจะมาร้องไห้เสียใจภายหลังไม่ได้นะเจ้าคะ”
ไป๋ชิงเหยียนยิ้มให้ถงหมัวมัวน้อยๆ นางเอื้อมมือลูบปิ่นปักผมบนศีรษะของตัวเองเบาๆ นางเชื่อว่าไม่ว่าอย่างไรอาเหยี่ยนก็ต้องปกป้องน้องชายและน้องสาวของนางแทนนางได้แน่
อาจเป็นเพราะประสบการณ์ในชาติที่แล้วทำให้ไป๋ชิงเหยียนมักกังวลเกี่ยวกับเหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของครอบครัวของนาง
ทว่า เป็นดั่งคำกล่าวที่ท่านปู่ใช้โน้มน้าวท่านพ่อของนางในตอนนั้น…หากนางไม่ยอมปล่อยมือนางจะรู้ได้อย่างไรว่าบรรดาน้องๆ ของนางอาจบินได้สูงกว่าที่นางคิดเอาไว้
“คุณหนูใหญ่…” องครักษ์ลับเอ่ยเรียกผ่านหน้าต่างเสียงเบา
อาจเป็นเพราะเห็นว่าห้องของไป๋ชิงเหยียนสว่างขึ้นแล้วองครักษ์ลับจึงกล่าวขึ้น
ไป๋ชิงเหยียนอยากเปิดหน้าต่างออก ทว่า ถูกถงหมัวมัวห้ามไว้เสียก่อน นางมองไป๋ชิงเหยียนด้วยแววตาเข้มงวด “บ่าวจะเรียนฮูหยินใหญ่ว่าไม่ให้อนุญาตให้องครักษ์ลับมาหาคุณหนูใหญ่อีกนะเจ้าคะ!”
ไป๋ชิงเหยียน “…”
ไป๋ชิงเหยียนจำต้องชักมือกลับพลางกล่าวขึ้น “มีเรื่องอันใด”
“สายลับมารายงานว่าคนในเมืองหลวงของต้าเหลียงและหยางเจียงเริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้วขอรับ หลู่ไท่เว่ยสั่งให้ทหารลอบจัดทัพเดินทางไปที่นั่นแล้วขอรับ” องครักษ์ลับลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวต่อ “ข้าได้รับข่าวตั้งแต่เมื่อคืน ทว่า กลัวรบกวนการอยู่ไฟของคุณหนูใหญ่จึงไม่ได้มารายงานคุณหนูใหญ่ขอรับ”
“ข้ารู้แล้ว ลำบากเจ้าแล้ว!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวจบจึงกล่าวต่อ “ส่งคนไปบอกหลู่ไท่เว่ยในนามของไทเฮาว่าให้จัดการกับคนที่คิดก่อเรื่องในครั้งนี้ขั้นเด็ดขาด ให้ผู้ที่คิดอยากก่อความวุ่นวายบ้างไม่กล้าสร้างเรื่องขึ้นมาอีก!”
ไป๋ชิงเหยียนรู้ว่าหลู่ไท่เว่ยได้รับอนุญาตจากมารดาของนางแล้วจึงกล้าสั่งเคลื่อนทัพ ท่านแม่อยากให้นางอยู่ไฟโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอื่นจึงไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้นางรับรู้
เงาใต้ต้นไม้ของเรือนชิงฮุยขยับไปมาเล็กน้อย องครักษ์ลับหายตัวไปกลางเรือนชิงฮุยทันที
เป็นดั่งที่ไป๋ชิงเหยียนกล่าวเอาไว้ พวกนางใช้วิธีประนีประนอมกับคนต้าเหลียงมามากแล้ว หากไม่จัดการขั้นเด็ดขาดคนต้าเหลียงพวกนั้นอาจคิดว่าต้าโจวอ่อนแอจึงคิดสร้างปัญหาให้ต้าโจวปวดหัวได้ทุกเมื่อ
แม้ไป๋ชิงเหยียนจะเกิดมาในตระกูลนักรบ แม้นางจะไม่กลัวการทำสงคราม ทว่า ตั้งแต่ที่นางขึ้นมานั่งบนบัลลังก์แห่งนี้นางมีเรื่องต้องพิจารณามากกว่าเก่าหลายเท่านัก ตอนนี้นางยังคงไม่กลัวการทำสงคราม ทว่า นางไม่อยากทำสงครามที่ไม่จบไม่สิ้น
ดังนั้นแม้ครั้งนี้ไป๋ชิงเหยียนจะนับถือความจงรักภักดีต่อต้าเหลียงของคนที่ก่อความวุ่นวายมากเพียงใดนางก็จะใจอ่อนต่อไปไม่ได้เด็ดขาด
วันหน้าต้าโจวจะยิ่งพัฒนาไปได้ไกลและดีขึ้นกว่านี้
หลังจากการสอบหน้าท้องพระโรงสิ้นสุดลง มารดาของนางนำข้อสอบของผู้เข้าสอบทั้งหมดมาให้นางดูหมดแล้ว