สตรีแกร่งตระกูลไป๋ – ตอนที่ 1316 บทเรียนในอดีต

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 1316 บทเรียนในอดีต

“ฝ่าบาท!” แม่ทัพอีกคนก้าวไปด้านหน้าพลางคุกเข่าลง

“หากฝ่าบาททรงสงสารทหารอย่างพวกเรา ไม่อยากให้พวกเราสละชีพโดยเปล่าประโยชน์ก็ควรถือโอกาสนี้ทำลายล้างต้าเยี่ยนให้ดับสูญพ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นหากต้าเยี่ยนตั้งตัวได้ พวกเราจะยิ่งทำสงครามได้ยากกว่าเดิม ทหารต้องสละชีพมากกว่าเดิม ข้อเสนอของต้าเยี่ยนไม่มีผลดีต่อต้าโจวสักนิด ฝ่าบาทอย่างทรงพระทัยอ่อนเด็ดขาดนะพ่ะย่ะค่ะ…”

“ใต้เท้าหลู่จิ้นมีความเห็นเช่นไร…” ไป๋ชิงเหยียนยกถ้วยชาในมือขึ้นพลางเอ่ยถาม

หลู่จิ้นรีบก้าวไปด้านหน้า เขาทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนแล้วกล่าวขึ้น

“เรื่องนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียพ่ะย่ะค่ะ ต้าเยี่ยนอาจเสนอแผนการนี้ขึ้นมาเพื่อยื้อเวลาให้ตัวเองพักฟื้นเหมือนดั่งที่ขุนนางคนอื่นๆ กล่าว พวกเขาอาจกำหนดระยะเวลาสามปีเพื่อสร้างตัวเองให้กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง จากนั้นเปิดศึกกับต้าโจวก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”

ขุนนางต้าโจวคนอื่นพากันพยักหน้าเห็นด้วย

ทว่า หลู่จิ้นกลับกล่าวต่อ “ทว่า หากต้าเยี่ยนทำไปเพราะรู้สึกผิดและต้องการชดเชยให้ต้าโจวดั่งที่อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนตรัสออกมจริงๆ ต้าโจวอาจยึดครองต้าเยี่ยนได้โดยไม่สูญเสียเลือดเนื้อแม้แต่น้อย แต่นั่นต้องอยู่ในเงื่อนไขที่อ๋องเก้าแห่งต้าเยี่ยนไม่ได้โกหกพวกเรา ยินดีเดิมพันกับต้าโจวด้วยความจริงใจพ่ะย่ะค่ะ”

“แล้วอย่างไรต่อ” หลู่ไท่เว่ยหันไปทางหลู่จิ้น

“ใต้เท้าหลู่จิ้นเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้กันแน่”

หลู่จิ้นทำความเคารพไป๋ชิงเหยียนอีกครั้ง จากนั้นกล่าวต่อ

“ข้อเสนอในการรวมสองแคว้นเป็นหนึ่งอย่างสันติวิธีน่าดึงดูดมาก เป็นดั่งที่ผู้สำเร็จราชการแห่งต้าเยี่ยนกล่าว ชาวบ้านและขุนนางแทบทุกคนในเมืองของต้าเยี่ยนที่ต้าจิ้นยึดมาเป็นของเราลุกขึ้นต่อต้านกองทัพไป๋ด้วยชีวิต เมืองอื่นๆ นอกเหนือจากเมืองหลวงแห่งนี้พังยับเยินไม่เป็นท่า ชาวบ้านล้มตายแทบทั้งเมือง แม่ทัพทุกคนน่าจะรับรู้เรื่องนี้ดี!”

ขุนนางในราชสำนักพยักหน้า

“ที่ตอนนั้นชาวเมืองต้าเยี่ยนลุกขึ้นต่อต้านพวกเราจนตัวตายเป็นเพราะระบอบการปกครองของต้าเยี่ยนดี ทว่า ระบอบการปกครองของราชวงศ์ต้าจิ้นในตอนนั้นไม่ดีสักเท่าใดนัก”

หลู่จิ้นกล่าวอย่างไม่รีบร้อน

“ดังนั้นเมื่อพวกยึดเมืองของต้าเยี่ยนมาเป็นของต้าจิ้นได้ ชาวบ้านส่วนใหญ่ของต้าเยี่ยนจึงตัดสินใจทิ้งบ้านเกิดของตัวเองติดตามต้าเยี่ยนไป”

ขุนนางที่ค่อนข้างมีอายุในราชสำนักยังจดจำเรื่องเหล่านี้ได้ดี

“ทว่า ระบอบการปกครองของต้าโจวในตอนนี้ดีสำหรับชาวบ้านมากกว่าระบอบการปกครองของต้าเยี่ยนมาก” ขุนนางคนหนึ่งกล่าวขึ้น

“เป็นเช่นนี้จริง ทว่า ชาวบ้านของต้าเยี่ยนจะรับรู้ได้อย่างไรกัน”

หลู่จิ้นกล่าวยิ้มๆ

“มีชาวเมืองต้าเยี่ยนกี่คนที่รู้หนังสือ มีกี่คนที่สนใจเรื่องการเมืองของแคว้น…และจะมีสักกี่คนที่จะมาสนใจการเมืองของแคว้นต้าโจวของพวกเรา”

หลู่จิ้นเห็นขุนนางผู้นั้นไม่กล่าวสิ่งใดต่อจึงกล่าวต่อ

“ดังนั้นหากต้องการทำสงคราม…พวกเราก็ต้องเตรียมรับมือกับสงครามที่ต้องสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ที่สำคัญเมื่อชนะสงครามพวกเรายังต้องมาบูรณะแคว้นต้าเยี่ยนที่พังทลายยับเยินอีก”

“หากไม่ทำสงครามล่ะ” เสิ่นซือคงร่วมแสดงกับหลู่จิ้นอย่างสมบทบาท

“หากไม่ทำสงคราม ทว่า ตกลงใช้วิธีที่ต้าเยี่ยนเสนอ เช่นนั้นพวกเราก็ต้องทำให้แน่ใจว่าแคว้นที่พ่ายแพ้จากการแข่งขันด้วยระบอบการปกครองจะไม้ผิดคำสัญญา ต้องทำให้แน่ใจว่าต้าเยี่ยนจะไม่เล่นตุกติกกับต้าโจว!”

หลู่จิ้นจูงบทสนาไปในทิศทางที่ไป๋ชิงเหยียนสั่งไว้ก่อนหน้านี้

“ขอเพียงต้าเยี่ยนไม่คิดผิดคำสัญญา กระหม่อมมั่นใจว่าความสามารถของต้าโจวในตอนนี้สามารถเอาชนะแคว้นต้าเยี่ยนได้พ่ะย่ะค่ะ…”

“ใต้เท้าหลู่จิ้นกล่าววาจาสวยหรู คิดนำแคว้นไปเดิมพันกับแคว้นศัตรู เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าใต้เท้าหลู่จิ้นกล่าวไม่เหมือนคนของต้าโจวเลยสักนิด ยังคิดจะลองดูสักครั้งอีก! เจ้าจะแน่ใจได้อย่างไรว่าต้าเยี่ยนจะไม่ผิดสัญญากับพวกเราอีก ผู้ใดในที่นี้กล้ารับประกันเรื่องนี้บ้าง!”

แม่ทัพคนหนึ่งกลอกตาใส่หลู่จิ้นอย่างทนไม่ไหว เขารู้สึกโมโหกับคำกล่าวของหลู่จิ้นยิ่งนัก กล่าวเช่นนี้ไม่สู้ไม่กล่าวออกมาเลยเสียยังดีกว่า

“พวกเราแค่กำลังปรึกษากันเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องโมโหใส่พวกเดียวกันเองเช่นนี้” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวออกมายิ้มๆ

“ไม่ปิดบังทุกท่าน ข้ายังรู้สึกหวั่นไหวกับข้อเสนอการแข่งขันด้วยระบอบการปกครองของสองแคว้นเลย ชีวิตของทหารทุกคนล้วนมีค่า หากสามารถรวมสองแคว้นเป็นหนึ่งได้โดยไม่เสียเลือดเนื้อก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับชาวบ้านของสองแคว้น!”

“ฝ่าบาท!”

หลิวหงก้าวไปด้านหน้า

“เหล่าทหารสละชีพเพื่อปกป้องแคว้นและชาวบ้าน ฝ่าบาทอย่างทรงลืมเรื่องนี้สิพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมในฐานะทหารคนนหนึ่งไม่อาจทำใจเอาแคว้นไปเดิมพันเพื่อปกป้องชีวิตของทหารได้พ่ะย่ะค่ะ!”

“ไม่ได้น่ะพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!”

“ฝ่าบาท นี่คือแผนลวงของต้าเยี่ยนชัดๆ ฝ่าบาทจะตกลงไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ!”

“ฝ่าบาทอย่างทรงลืมเรื่องที่จางอี้เดินทางไปเจรจาขอให้แคว้นฉู่ถอยทัพออกไปหกร้อยลี้ ทว่า สุดท้ายแคว้นฉินกลับทำลายสัญญาพันธมิตรยกทัพบุกไปโจมตีแคว้นฉู่ทันทีที่กองทัพหลักของแคว้นฉินกลับถึงแคว้นฉินนะพ่ะย่ะค่ะ บทเรียนในอดีตมีให้เห็นอยู่มากมาย ฝ่าบาททรงพิจารณาให้ดีนะพ่ะย่ะค่ะ”

ขุนนางต้าโจวที่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ต่างคุกเข่าขอร้องให้ไป๋ชิงเหยียนพิจารณาอีกครั้ง

“ลุกขึ้นเถิด!”

ไป๋ชิงเหยียนกล่าวยิ้มๆ

“เป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีความเห็นต่างในราชสำนัก อย่าเอาแต่คุกเข่าขอร้องข้าเช่นนี้ ราชสำนักของพวกเราไม่ควรเป็นเช่นนี้!”

ขุนนางต้าโจวรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนไม่ได้โกหก ปกติราชสำนักต้าโจวมีแต่ความครึกครื้น ขุนนางทุกคนสามัคคีปรองดอง ไป๋ชิงเหยียนไม่ใช่จักรพรรดิที่ไม่รับฟังความเห็นของผู้อื่น นี่เป็นครั้งแรกที่เหล่าขุนนางคุกเข่าขอร้องให้ไป๋ชิงเหยียนพิจารณาอีกครั้ง

เว่ยจงส่งสัญญาณให้ขันทีเล็กที่ยืนอยู่ตามเสาต่างๆ เข้าไปประคองให้ขุนนางเหล่านั้นลุกขึ้นยืน

“ข้ามีความคิดที่สามารถรับประกันได้ว่าต้าเยี่ยนจะไม่กล้าผิดสัญญากับพวกเราหากพวกเขาแพ้การเดิมพัน”

ไป๋ชิงเหยียนลุกขึ้นยืนพลางกล่าวขึ้นอย่างไม่รีบร้อน

“ให้แม่ทัพที่เก่งกาจที่สุดสามคนของต้าเยี่ยนมาเป็นตัวประกันที่ต้าโจว!”

ใจของขุนนางต้าโจวเต้นรัวขึ้นทันที

“คนที่หนึ่งคืออ๋องเก้ามู่หรงเหยี่ยนซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการของต้าเยี่ยน คนที่สองคือแม่ทัพใหญ่เซี่ยสวิน ส่วนอีกคนคือองค์ชายสองมู่หรงผิงแห่งต้าเยี่ยน”

ไป๋ชิงเหยียนยืนเอามือไขว้หลังอยู่บนแท่นบัลลังก์สูงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ “ต้าโจวร่วมมือกับต้าเยี่ยนทำลายล้างซีเหลียงจนดับสูญ พวกเราจึงรู้ว่าผู้สำเร็จราชการมู่หรงเหยี่ยนผู้นั้นเก่งกาจเรื่องการทำสงครามมาก คนต่อไปคือแม่ทัพใหญ่เซี่ยสวินที่ยึดหนานเยี่ยนกลับคืนมาได้สำเร็จ ส่วนอีกคนก็คือองค์ชายสองมู่หรงผิงที่มีบทบาทสำคัญในสงครามยึดหนานเยี่ยนเช่นเดียวกัน หากแม่ทัพทั้งสามคนที่เก่งกาจเรื่องการทำสงครามถูกจับเป็นตัวประกันอยู่ที่ต้าโจว ต้าโจวจะต้องกลัวว่าต้าเยี่ยนจะผิดสัญญากับพวกเราอีกหรือ”

ทุกคนรู้ว่าแม่ทัพใหญ่คือขวัญกำลังใจสำคัญที่สุดในการทำสงคราม

ต่อให้ทหารจะกล้าหาญเพียงใด ทว่า หากแม่ทัพของเขาเป็นคนไร้ค่า ทหารผู้นั้นก็ไร้ประโยชน์ทันที

ส่วนแม่ทัพใหญ่ที่กล้าหาญและแข็งแกร่ง ต่อให้ทหารในมือของพวกเขาจะอ่อนแอไร้ประโยชน์เพียงใดเขาสามารถทำให้เกิดเรื่องเหลือเชื่อขึ้นได้แน่นอน ยกตัวอย่างเช่นตอนที่ไป๋ชิงเหยียนเอาชนะซีเหลียงที่หุบเขาเวิ่งได้ด้วยกำลังทหารที่น้อยกว่า

เหล่าขุนนางเริ่มก้มหน้าปรึกษากันว่าวิธีนี้ใช้ได้ผลหรือไม่

“หากพวกเราบอกต้าเยี่ยนว่าพวกเราต้องการให้พวกเขาส่งคนทั้งสามมาเป็นตัวประกันที่ต้าโจวหากต้าเยี่ยนต้องการแข่งขันกับต้าโจวด้วยระบอบการปกครอง…”

ต่งซือถูเงยหน้ามองไปทางไป๋ชิงเหยียน

“เกรงว่าต้าเยี่ยนก็คงขอให้พวกเราส่งคนไปเป็นตัวประกันที่ต้าเยี่ยนเหมือนกัน…”

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

Status: Ongoing
นิยายจีนโบราณเข้มข้น ปะทะคารม ทดสอบไหวพริบ สนุกถึงใจ!เพราะถูกคนชั่วหลอกใช้ชาติก่อนคนทั้งตระกูลของนางจึงต้องตายอย่างน่าอนาถ ไร้ซึ่งคนทวงถามความเป็นธรรมชาตินี้นางหวนกลับมาก่อนเรื่องราวเกิดขึ้น แม้เพียงเล็กน้อยแต่หากสามารถช่วยเหลือคนในครอบครัวได้แม้สักคนนางก็ยินดีทุ่มเทกำลังให้ถึงที่สุดสตรีตระกูลไปแต่ไรมาแกร่งกล้ำเพียบพร้อมบุ๋นบู๊ แม้ไร้ซึ่งที่พึ่งพิงแล้วจริงแต่ก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดมากดขี่ได้!และเพราะเรื่องราวที่เปลี่ยนแปลงไปนางจึงได้พบกับ ‘เขา’ ไวกว่าชาติก่อนเขาผู้นี้แม้ภายนอกดูป็นมิตรและสง่งามกว่าใคร แต่นงแจ่มแจ้งดีว่าเขาเจ้าเล่ห์และอำหิตมากเพียงไหนชาติก่อนแม้ยืนกันคนละฝั่งแต่บุรุษผู้นี้กลับเป็นผู้มอบทางรอดให้แก่นาง อย่างนั้นชาตินี้นางก็ย่อมตอบแทนเขาเป็นอย่างดีเช่นกัน“แม่นางไปช่วยเหลือข้าหลายครั้งหลายครา ใช่ว่าชื่นชอบข้าหรือไม่?”“คุณชายเข้าใจผิดแล้วล่ะ”“ข้าช่วยเหลือแม่นางไปมาหลายครั้งหลายครา แม่นางไปมีใจชื่นชอบข้าบ้างหรือไม่?”“…”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท