ตอนที่ 1337 ไร้น้ำยา
คนสูงศักดิ์ที่มีอำนาจมากในราชวงศ์ต้าจิ้นต่างหวาดกลัวและขอเพียงมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างสงบหลังไป๋ชิงเหยียนขึ้นครองราชย์เท่านั้น
ขุนนางและเชื้อพระวงศ์เก่าที่อยากต่อกรกับไป๋ชิงเหยียนเพราะคิดว่าไป๋ชิงเหยียนไม่กล้าทำสิ่งใดพวกเขาเพราะต้องควบคุมสถานการณ์ในราชสำนักให้มั่นคงล้วนถูกไป๋ชิงเหยียนจัดการจนเกลี้ยงแล้ว ตอนนี้ไป๋ชิงเหยียนไม่เคยสนับสนุนตระกูลสูงศักดิ์ตระกูลใดในราชสำนักเลย ไม่เพียงแต่ตระกูลต่งซึ่งเป็นตระกูลท่านยายของไป๋ชิงเหยียนเท่านั้น บรรดาอาสะใภ้ของหญิงสาวก็ต่างกดตระกูลฝั่งมารดาของตัวเองไม่ให้เชิดหน้าชูตามากเกินไปเช่นเดียวกัน
ไป๋ชิงเหยียนเพิ่งแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ให้บรรดาน้องสาวและน้องชายของตัวเองเมื่อไม่นานมานี้ทั้งๆ ที่ขึ้นครองราชย์มานานแล้วเพราะต้องการแต่งตั้งพวกเขาเป็นอ๋องหลังจากพวกเขาทำลายล้างซีเหลียงได้และต้องการแสดงให้เหล่าขุนนางในราชสำนักได้เห็น ให้บรรดาอาสะใภ้ของนางมีข้ออ้างใช้ปลอบคนในตระกูลฝั่งมารดาของตัวเอง
ทว่า ตอนนี้ไป๋ชิงเหยียนยังไม่รู้ว่าการที่นางแต่งตั้งบรรดาน้องๆ เป็นอ๋องกลับทำให้ญาติของอาสะใภ้ของนางเหล่านั้นเริ่มมีความคิดบางอย่างขึ้นมาอีกครั้ง
ทว่า บรรดาอาสะใภ้สามารถอ้างกับญาติของตัวเองได้ว่าพวกไป๋ชิงฉีและไป๋ชิงอวี๋ได้บรรดาศักดิ์มาจากการเสียสละชีวิตไปออกรบที่สนามรบ ไป๋ชิงเหยียนปฏิบัติต่อพี่น้องแท้ๆ และลูกพี่ลูกน้องเหมือนกัน หากพวกเขาอยากได้ตำแหน่งก็ควรไปออกรบสร้างความดีความชอบเอง ไป๋ชิงเหยียนเกิดในตระกูลนักรบ หญิงสาวย่อมปฏิบัติต่อทหารเป็นอย่างดีแน่
ทว่า บรรดาอาสะใภ้ของไป๋ชิงเหยียนสามารถแต่งเข้าตระกูลไป๋ได้แสดงว่าตระกูลฝั่งมารดาของพวกนางล้วนไม่ธรรมดา ในเมื่อพวกเขาสามารถให้ทายาทของพวกเขาเสพสุขกับตำแหน่งสูงในเมืองหลวงได้ พวกเขาจะตัดใจส่งทายาทของตัวเองไปลำบากในสนามรบได้อย่างไรกัน
ดังนั้นทุกครั้งที่ตระกูลฝั่งมารดาของอาสะใภ้เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ ขอเพียงอาสะใภ้ของไป๋ชิงเหยียนอ้างเรื่องความดีความชอบทางทหารขึ้นมาคนเหล่านั้นก็จะเงียบเสียงลงทันที ทว่า คนเหล่านั้นมักเอ่ยถึงเรื่องที่บรรดาอาสะใภ้ของไป๋ชิงเหยียนได้รับการดูแลอย่างดีตอนก่อนออกเรือนขึ้นมาเพื่อทวงบุญคุณ บรรดาอาสะใภ้จึงต้องมอบเงินทองของตัวเองให้คนเหล่านั้นเพื่อตัดรำคาญ สำหรับไป๋ชิงเหยียนเรื่องเหล่านี้ไม่สำคัญเท่าใดนัก นางแอบชดเชยให้บรรดาอาสะใภ้ของตัวเองก็สิ้นเรื่อง
กล่าวได้ว่าต้าโจวในตอนนี้แทบไม่มีเรื่องที่ไป๋ชิงเหยียนหนักใจเกิดขึ้นเลยสักเรื่อง
ทว่า ข้างกายของเซียวหรงเหยี่ยนกลับมีแต่คนที่เป็นภาระและทำอันใดคนเหล่านั้นไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าเซียวหรงเหยี่ยนไม่ได้สุขสบายอยู่ในต้าเยี่ยนเหมือนอย่างที่ข่าวลือแพร่กระจายออกมา ทว่า เขามีแต่ความอึดอัดใจที่ไม่สามารถระบายให้ผู้อื่นรับฟังได้
“ถ่ายถอดคำสั่งให้ออกตามจับจงสิงเสี่ยวกลับมาให้ได้ หากปล่อยให้กั๋วจิ้วเหย่ผู้นี้เขามาลอบสังหารขุนนางของต้าโจวในดินแดนของพวกเราและจากไปได้อย่างอิสระ ต้าโจวของพวกเราก็คงไร้น้ำยาเกินไปแล้ว”
เว่ยจงรีบรับคำ เขาเตรียมออกไปถ่ายทอดคำสั่งก็ได้ยินไป๋ชิงเหยียนกล่าวต่อด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เราต้องการตัวเขาภายในสามวันไม่ว่าจะเป็นหรือตาย!”
“พ่ะย่ะค่ะ!” เว่ยจงรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนกำลังโมโหจริงๆ แล้ว เขารีบเดินไปถ่ายทอดคำสั่งทันที
ทว่า เว่ยจงเพิ่งเดินออกไปได้ไม่นาน ยังไม่ได้เขียนถ่ายทอดราชโองการเลยด้วยซ้ำก็ได้รับรายงานว่ากั๋วจิ้วเหย่จงสิงเสี่ยวกลับมาแล้ว
จงสิงเสี่ยวเดินทางไปยังศาลต้าหลี่เพื่อพบมือสังหารผู้นั้นด้วยตัวเอง ความจริงแล้วเขาไม่ได้หนีไปเหมือนที่ได้รับรายงานก่อนหน้านี้ ทว่า เขาถูกขังอยู่แต่ในที่พักจึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นบ้าง เขาอยากจบเรื่องนี้โดยเร็วที่สุดจะได้เจรจาเรื่องระหว่างสองแคว้นต่อจึงให้องครักษ์พาเขาหนีออกจากที่พักเพื่อไปช่วยศาลต้าหลี่แก้ไขคดี ไม่ได้หลบหนีไปอย่างที่ทุกคนเข้าใจ
ไป๋ชิงเหยียนได้ยินรายงานจึงหัวเราะออกมาเบาๆ นี่คงเป็นฝีมือของเซียวหรงเหยี่ยน มีเพียงเซียวหรงเหยี่ยนคนเดียวเท่านั้นที่สามารถพาจงสิงเสี่ยวหลบหนีออกจากที่พักไปได้ ชายหนุ่มคงบอกเรื่องการตายของมือสังหารผู้นั้นให้จงสิงเสี่ยวรับรู้และสั่งให้จงสิงเสี่ยวเดินทางไปแก้ต่างต่อหน้ามือสังหารผู้นั้นที่ศาลต้าหลี่โดยแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่ามือสังหารเสียชีวิตไปแล้ว
ไป๋ชิงเหยียนที่กำลังอ่านฎีกาอยู่ได้ยินเว่ยจงรายงานเรื่องนี้จึงกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ในเมื่อกั๋วจิ้วเยว่มามอบตัวด้วยตัวเองก็จับเขาขังไว้ก่อน”
นี่คงเป็นชะตาของจงสิงเสี่ยว เขาเอาตัวรอดจากเหตุการณ์ครั้งนี้ไปได้อย่างหวุดหวิด ความจริงไป๋ชิงเหยียนตั้งใจจะจับเขากลับมาเพียงศพเท่านั้น…
ในเมื่อเซียวหรงเหยี่ยนยื่นมือช่วยเหลือชีวิตของคนโง่เขลาผู้นี้ ไป๋ชิงเหยียนก็จะปล่อยให้จงสิงเสี่ยวมีชีวิตอยู่ในเมืองหลวงต้าโจวต่อไปอีกสักพัก
คุณหนูแปดไป๋หว่านชิงแอบมองพี่สาวของตัวเองอยู่ที่ด้านหลังเสาต้นใหญ่ เด็กสาวตัวน้อยเห็นพี่หญิงใหญ่ใช้ผ้าขนหนูอุ่นที่ชุนเถาส่งให้เช็ดมือของตัวเองจนสะอาด จากนั้นยกถ้วยชาร้อนขึ้นจิบทีละนิดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ เป็นภาพที่น่ามองยิ่งนัก
ไป๋ชิงเหยียนวางถ้วยชาในมือลง จากนั้นยกพู่กันในมือขึ้นอีกครั้งพลางกล่าวยิ้มๆ “ไม่รู้ว่าในตำหนักของเรามีหนูตัวเล็กแอบย่องเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด…”
ไป๋หว่านชิงได้รับการอบรมสั่งสอนจากฉีซื่อด้วยตัวเอง เมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนี้จึงรู้ทันทีว่าพี่หญิงใหญ่รู้ตัวแล้วว่านางซ่อนตัวอยู่หลังเสา เด็กน้อยเดินออกมาจากหลังเสาสีแดงต้นใหญ่ จากนั้นวิ่งเข้าไปหาพี่สาวของตัวเองทันที
เด็กสาวตัวน้อยก้มรอดแขนของไป๋ชิงเหยียนปีนขึ้นไปนั่งบนตักของหญิงสาวเหมือนที่เคยทำ “พี่หญิงใหญ่ ท่านแม่ขอยืมตัวฉินหมัวมัวจากท่านป้าสะใภ้ใหญ่มาสอนมารยาทให้ข้า ข้าได้ยินว่าฉินหมัวมัวเป็นคนสอนมารยาทให้พี่หญิงใหญ่ ฉินหมัวมัวเข้มงวดหรือไม่เจ้าคะ”
เด็กน้อยเกาะแขนของไป๋ชิงเหยียนพลางเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตากลมโตราวกับลูกองุ่นมองไปทางพี่สาวของตัวเองด้วยแววตาเปล่งประกาย ในแววตาเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ
“ฉินหมัวมัวอ่อนโยนกว่าผู้ใดทั้งหมดแล้ว นางไม่เหมือนกับหมัวมัวสอนมารยาทเหล่านั้น!” ไป๋ชิงเหยียนวางพู่กันในมือลง จากนั้นโอบน้องสาวไว้ในอ้อมแขน หญิงสาวเอื้อมมือไปจัดปอยผมของเสี่ยวปาแล้วลูบจุกบนศีรษะทั้งสองข้างของน้องสาวเบาๆ พลางกล่าวขึ้นยิ้มๆ “ขอเพียงเสี่ยวปาทำตามที่ฉินหมัวมัวสอนก็ไม่มีสิ่งใดต้องเป็นกังวล ที่สำคัญเสี่ยวปาของพวกเราฉลาดถึงเพียงนี้ ฉินหมัวมัวสอนเพียงครั้งเดียวเสี่ยวปาต้องทำได้แน่!”
เด็กล้วนชอบได้ยินคำชมจากผู้ใหญ่ เด็กน้อยคลี่ยิ้มกว้างออกมาทันที ไม่มีท่าทีกังวลเหมือนเมื่อครู่อีกแม้แต่น้อย “แน่นอนเจ้าค่ะ!”
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองชุนเถาซึ่งยืนยิ้มอยู่ด้านข้างพลางกล่าวขึ้น “เจ้าบอกว่าท่านแม่ให้ฉินหมัวมัวนำนมแพะมาให้ข้าไม่ใช่หรือ ยกนมแพะและขนมรังนกนึ่งเข้ามาที”
“เจ้าค่ะ!” ชุนเถารับคำยิ้มๆ แล้วออกไปเตรียมของ
ขนมรังนกนึ่งมีรสชาติหวาน เสี่ยวปาชอบทานของหวาน ทว่า อาสะใภ้ห้าเห็นร่างที่อ้วนกลมของเสี่ยวปาจึงกลัวว่านางจะทานของหวานจนเกินพอดีและจะรู้สึกเสียใจภายหลังยามโตเป็นสาวจึงห้ามเสี่ยวปาทานของหวานเหล่านี้มากเกินไป ทว่า ไป๋ชิงเหยียนคิดว่าเด็กๆ ต้องอ้วนกลมถึงจะดูน่าเอ็นดู เมื่อโตขึ้นและเริ่มฝึกฝนร่างกายไขมันส่วนเกินเหล่านั้นจะไม่มีผลอันใดทั้งสิ้น เสี่ยวอู่คือตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน
“พี่หญิงใหญ่ วันมะรืนจะมีงานเลี้ยงชมดอกไม้แล้ว ท่านแม่จะเชิญลูกของขุนนางที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับข้าเข้ามาในวัง ให้ข้าเลือกสหายศึกษาตำราด้วยตัวเองจริงหรือไม่เจ้าคะ” เสี่ยวปารู้สึกตื่นเต้นมาก
เด็กๆ ชอบเล่นรวมกลุ่มกัน แม้ในวังหลวงจะกว้างใหญ่ มีนางกำนัลที่อายุรุ่นราวคราวกับเดียวเสี่ยวปามากมาย เด็กน้อยยังได้รับความรักจากผู้ใหญ่ทุกคนจนเหลือล้น ทว่า นางกำนัลเหล่านั้นหวาดกลัวและเกรงใจเสี่ยวปา ยามอยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่เสี่ยวปาต้องระวังกิริยาของตัวเองดังนั้นเด็กสาวจึงรู้สึกเหงาอย่างอดไม่ได้
แม้ในวังจะมีวั่งเกอ ทว่า วั่งเกอเด็กกว่าเสี่ยวปา เสี่ยวปาจึงไม่ค่อยอยากเล่นกับเขาสักเท่าใดนัก