ตอนที่ 1339 งดงามราวดอกไม้
หวังหลิ่วซื่อเข้าวังไปพบฮูหยินสี่หวังซื่อตามคำสั่งของสามี นางบอกจุดประสงค์ของสามีพลางยัดเยียดหลานสาวของตัวเองซึ่งอยู่ไกลถึงกว่างหลิงลงไปในจุดประสงค์ที่มาในครั้งนี้ด้วย
หวังซื่ออ่อนแอเพราะมารดาของตัวเองอยู่ในกำมือของสามีภรรยาคู่นี้ นางกลัวว่าหากนางไม่ตอบตกลงพวกเขาจะเอาความโกรธไปลงกับมารดาของตัวเองจึงได้แต่ยอมรับปาก
ก่อนงานเลี้ยงชมดอกไม้ในวังหลวงหนึ่งวันเมืองหลวงของต้าโจวครึกครื้นมาก สตรีสูงศักดิ์ที่มีบุตรสาวถึงวัยออกเรือนในเมืองหลวงต่างส่งคนไปสืบว่าบุตรสาวตระกูลอื่นแต่งกายกันเช่นไรเพื่อที่ตัวเองจะได้แต่งกายให้งดงามและเป็นที่สะดุดตามากกว่า
แม้จะเป็นงานเลี้ยงชมดอกไม้…ทว่า ทุกคนต่างรู้ดีว่าไทเฮาและฮูหยินไป๋คนอื่นๆ ต้องการชมดอกไม้งดงามอย่างบุตรสาวของพวกนางต่างหาก ว่าง่ายๆ ก็คืองานเลี้ยงดูตัวนั่นเอง!
ตระกูลที่ฉลาดและมีสติอย่างเช่นตระกูลของหลู่ไท่เว่ยไม่ได้ให้บุตรสาวของตัวเองแต่งกายโดดเด่นจนเป็นที่จับตามอง ไม่ใช่ว่าไป๋ชิงเหยียนจะไม่อนุญาตให้น้องชายของตัวเองแต่งงานกับตระกูลสูงศักดิ์และมีอำนาจในเมืองหลวง ทว่า ไป๋ชิงเหยียนเมตตาตระกูลของพวกเขามากพอแล้ว เกิดเป็นมนุษย์ต้องรู้จักพอเสียบ้าง
ดังนั้นหลู่ไท่เว่ยจึงเรียกพบลูกสะใภ้และหลานสาวที่จะไปร่วมงานเลี้ยงชมดอกไม้ในวังหลวงคืนก่อนวันจัดงานเลี้ยงเพื่อเตือนสติให้ทุกคนปฏิบัติตัวตามปกติ ห้ามหวังสูงคิดเป็นดองกับราชวงศ์เด็ดขาด
ทว่า มารดาของหลู่หยวนเผิงกลับมีแผนการอื่นในใจ ในเมื่อพ่อสามีของนางไม่อนุญาตให้หลานสาวในตระกูลหวังสูงแต่งงานกับราชวงศ์ นางก็จะไปตีสนิทกับบรรดาฮูหยินของตระกูลไป๋แทน นางจะบรรยายความดีของหลู่หยวนเผิงให้ฮูหยินไป๋เหล่านั้นฟัง ไม่แน่ดอกฟ้าของตระกูลไป๋อาจตกเป็นของตระกูลหลู่ของนางก็ได้!
หลู่ไท่เว่ยมองเห็นแสงเปล่งประกายในแววตาของมารดาของหลู่หยวนเผิงจึงกำชับต่อ “พวกเจ้าอย่าได้คิดเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการแต่งงานของบุรุษในตระกูลหลู่ ข้าจะเป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้เอง ผู้ใดกล้าทำสิ่งใดลับหลังข้าจงเขียนใบหย่ากลับไปใช้ชีวิตที่ตระกูลของตัวเองได้เลย!”
หลู่ไท่เว่ยกล่าวเตือนด้วยวาจาร้ายแรง รอยยิ้มบนใบหน้าของลูกสะใภ้สองคนหายวับไปในทันที สีหน้าของพวกนางซีดเผือดลงกว่าเดิม จากนั้นรีบสลัดแผนการที่มีอยู่ในใจทิ้งไปทันที พ่อสามีของพวกนางเป็นคนเด็ดขาด พวงนางไม่กล้าขัดคำสั่งของเขาแม้แต่น้อย
ฮูหยินสามหลี่ซื่อยุ่งจนหัวหมุน เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จจึงนั่งพักด้วยความเหนื่อยล้า ทว่า ในใจกำลังมีความสุขและตื่นเต้นมาก
นี่คือครั้งแรกที่ตระกูลไป๋จัดงานเลี้ยงขึ้นหลังจากตระกูลไป๋เกิดปัญหา แม้วังหลวงจะเทียบกับจวนไป๋ที่พวกนางเคยอาศัยอยู่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ ทว่า การจัดงานเลี้ยงในวังหลวงมีกฎเกณฑ์ของวังหลวงอยู่จึงไม่ได้ยุ่งยากมากนัก ทว่า หลี่ซื่อเพิ่งจะได้มีงานทำหลังจากว่างมานาน แม้ร่างกายจะเหนื่อยมาก ทว่า นางสุขใจเป็นที่สุด
หลี่ซื่อเพิ่งยกถ้วยชาขึ้นจิบได้อึกหนึ่งก็ได้ยินเสียงไป๋ชิงเหยียนดังมากจากนอกตำหนัก “ข้าได้ยินคนรายงานว่าท่านอาสะใภ้สามเหนื่อยจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ข้าก็นึกว่าท่านอาสะใภ้สามจะเหนื่อยจนร่างกายรับไม่ไหวเสียอีก เหตุใดสีหน้าของท่านจึงได้ดูสดใสกว่าเมื่อก่อนอีกละเจ้าคะ”
หลี่ซื่อรีบวางถ้วยชาในมือลง นางอดตำหนินางกำนัลในใจไม่ได้ว่าไม่ยอมรายงานว่าไป๋ชิงเหยียนมาหานาง หลี่ซื่อลุกเดินเข้าไปยังห้องด้านในกับไป๋ชิงเหยียนยิ้มๆ “ข้าอยู่ในวังอย่างไม่มีสิ่งใดทำจนเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก ดีที่ท่านพี่สะใภ้ใหญ่หางานมาให้ข้าทำ!”
ขันทีและนางกำนัลในตำหนักต่างคุกเข่าลงบนพื้น ไป๋ชิงเหยียนเห็นหูหมัวมัวซึ่งเป็นหมัวมัวข้างกายของท่านอาสะใภ้สามคุกเข่าอยู่บนพื้นเช่นเดียวกันจึงชะงักฝีเท้าลง ไป๋ชิงเหยียนกล่าวกับหูหมัวมัวว่าต่อไปไม่ต้องทำเช่นนี้ ทว่า หูหมัวมัวกลับกล่าวอย่างซาบซึ้งใจ “ตอนนี้คุณหนูใหญ่คือจักรพรรดินี หม่อมฉันควรทำเช่นนี้เพคะ”
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้ฝืนใจหูหมัวมัว นางเดินไปนั่งบนเก้าอี้ริมหน้าต่างกับหลี่ซื่อ จากนั้นยื่นจดหมายที่ไป๋จิ่นจื้อส่งมาให้หลี่ซื่อด้วยมือทั้งสองข้าง “ท่านอาสะใภ้สาม นี่คือจดหมายของเสี่ยวซื่อที่ส่งมาให้เจ้าค่ะ…”
หลี่ซื่อได้ยินว่าเป็นจดหมายของบุตรสาวจึงยิ้มออกมาด้วยความดีใจ นางรีบรับมาเปิดอ่านพลางแสร้งบ่นอย่างไม่พอใจ “เจ้าเด็กคนนี้ ข้ายังนึกว่านางปีกกล้าขาแข็งจนไม่สนใจแม่อย่างข้าแล้ว ยังดีที่รู้จักส่งจดหมายมาให้ข้า”
ไป๋ชิงเหยียนเห็นอาสะใภ้สามกำลังอ่านจดหมายของไป๋จิ่นจื้อจึงเอื้อมมือไปรับถ้วยชามาจากหูหมัวมัวมาดื่ม จากนั้นใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดมุมปากเล็กน้อย ไม่นานจึงเห็นสีหน้าของหลี่ซื่อเคร่งขรึมลง
ไป๋ชิงเหยียนไม่ได้เปิดอ่านจดหมายที่ไป๋จิ่นจื้อส่งมาให้หลี่ซื่อ เมื่อเห็นสีหน้าดีใจของหลี่ซื่อแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมลงจึงเป็นกังวลขึ้นมาเช่นเดียวกัน ทว่า นางไม่ได้ส่งเสียงรบกวนอาสะใภ้สามของตัวเอง
ไม่นานหลี่ซื่อก็อ่านจดหมายในมือจบ จากนั้นเงยหน้ามองไป๋ชิงเหยียนด้วยท่าทีอึกอัก “อาเป่า…”
“มีเรื่องอันใดเจ้าคะ” ไป๋ชิงเหยียนรับจดหมายไปจากหลี่ซื่อ จากนั้นกวาดสายตาอ่านจดหมายของไป๋จิ่นจื้ออย่างคร่าวๆ
ไป๋จิ่นจื้อเขียนเล่าเรื่องน่าสนใจที่เกิดขึ้นในค่ายทหารให้หลี่ซื่อฟัง ยกตัวอย่างเช่นเรื่องที่หลู่หยวนเผิงทะเลาะกับทหารของต้าเยี่ยน ทว่า ไม่ยอมลงมือกับฝ่ายนั้นเสียทีจนนางโมโหแทบตาย ต่อมาเขาถูกแม่ทัพเฉิงด่าซ้ำอีกรอบ หลู่หยวนเผิงจึงถลกแขนเสื้อเดินกลับไปหาทหารต้าเยี่ยนอีกครั้ง ทว่า กลับถูกฝ่ายนั้นกล่าวจนงุนงงไปหมด สุดท้ายยังเผลอหลุดปากออกมาอีกว่าตัวเองคือหลานชายของหลู่ไท่เว่ย
ต่อมาข่าวลือยิ่งไกลเกินความเป็นจริง…ถึงขนาดมีข่าวลือว่าหลู่หยวนเผิงคือบุตรชายนอกสมรสของหลู่ไท่เว่ย
ต่อมาแม่ทัพเสิ่นออกมารับประกันด้วยตัวเองว่าหลู่หยวนเผิงคือหลานชายสายหลักของหลู่ไท่เว่ย ข่าวลือในค่ายทหารจึงสงบลง
ไป๋จิ่นจื้อยังเล่าเรื่องที่หลู่หยวนเผิงและซือหม่าผิงได้รับมอบหมายให้ไปดูแลจัดการเรื่องของชาวบ้านลี้ภัยให้หลี่ซื่อฟังด้วย ผลปรากฏว่าหลู่หยวนเผิงกลายเป็นที่ต้องตาของสตรีซีเหลียงนางหนึ่ง สตรีผู้นั้นใจกล้ากว่าสตรีต้าโจวมากจนหลู่หยวนเผิงรับมือกับนางไม่ไหว ไป๋จิ่นจื้อจึงช่วยบอกกับสตรีนางนั้นว่าหลู่หยวนเผิงมีใจเป็นสตรียิ่งกว่าสตรีนางนั้นเสียอีก ทว่า หลู่หยวนเผิงกลับชักดาบออกมาจะประลองกับนาง
ผลสุดท้ายหลู่หยวนเผิงถูกแส้ของไป๋จิ่นจื้อโบยไปสามทีจึงยอมสงบลง เขานอนร้องไห้อยู่บนพื้นพลางตะโกนว่าคุณหนูสี่ตระกูลไป๋ทำร้ายร่างกายเขา
ไป๋จิ่นจื้อกล่าวในจดหมายว่าหลู่หยวนเผิงเป็นคนประหลาด เขาเป็นคนชักดาบออกมาประลองกับนางแท้ๆ หากนางไม่ตีเขาก่อนจะรอให้เขามาทำร้ายนางหรืออย่างไรกัน! ไป๋จิ่นจื้อยิ่งมั่นใจในความคิดของตัวเองว่าใจของหลู่หยวนเผิงคือสตรีอ่อนแอคนหนึ่ง
ไป๋ชิงเหยียนอ่านจดหมายถึงตรงนี้จึงรู้สึกไม่ชอบมาพากลขึ้นมา เหตุใดเรื่องสนุกที่ไป๋จิ่นจื้อเขียนเล่าในจดหมายถึงมีแต่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลู่หยวนเผิงกัน
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองอาสะใภ้สาม
หลี่ซื่อกำผ้าเช็ดหน้าในมือของตัวเองแน่น นางเดาว่าไป๋จิ่นจื้ออาจมีใจให้หลู่หยวนเผิงผู้นั้น มิเช่นนั้นบุตรสาวคงไม่เขียนถึงเขาในจดหมายที่ส่งมาให้นางเช่นนี้
ทว่า คนเป็นแม่อย่างนางไม่สามารถกล่าวเรื่องนี้ออกมาอย่างโจ่งแจ้งได้ หลี่ซื่อหันไปทางหูหมัวมัว…
หูหมัวมัวรีบพาขันทีและนางกำนัลทั้งหมดออกไปจากตำหนักอย่างรู้งาน เมื่อภายในตำหนักเหลือเพียงไป๋ชิงเหยียนกับหลี่ซื่อ หลี่ซื่อจึงกล่าวขึ้น “อาเป่า เจ้าคิดว่า…หลู่หยวนเผิง”
“เสี่ยวซื่อนิสัยเหมือนเด็ก นางคงคิดว่าหลู่หยวนเผิงเป็นเพียงสหายที่น่าสนใจเท่านั้นเจ้าค่ะ!” ไป๋ชิงเหยียนกล่าวพลางวางจดหมายลงตรงหน้าหลี่ซื่อยิ้มๆ “แม้ปกติเสี่ยวซื่อจะชอบเรื่องสนุก ทว่า นางมีขอบเขตกับเรื่องเหล่านี้ดี ที่สำคัญมีอาฉี อาอวี๋และจิ่นซิ่วคอยดูแลอยู่ พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้เสี่ยวซื่อทำสิ่งใดนอกลู่นอกทางแน่นอนเจ้าค่ะ ทว่า ถึงแม้เสี่ยวซื่อจะมีใจให้หลู่หยวนเผิงขึ้นมาจริงๆ แม้เมื่อก่อนหลู่หยวนเผิงจะเป็นเพียงคุณชายเจ้าสำราญไม่เอาไหนในเมืองหลวง ทว่า เขาเผยความสามารถของตัวเองออกมาให้เห็นหลังจากเข้าร่วมกองทัพแล้ว ชาติตระกูลก็คู่ควรกับเสี่ยวซื่อมากเจ้าค่ะ!”