ตอนที่ 1412 ส่งทัพ
ในที่สุดไช่จื่อหยวนก็ได้ระบายสิ่งที่เก็บเอาไว้ออกมาเสียที เขาบอกกับไป๋ชิงเหยียนอย่างความจริงจังว่าควรให้ไป๋จิ่นจื้อเรียนหนังสือมากกว่า ไช่จื่อหยวนไม่ได้คิดว่าไป๋จิ่นจื้อไม่มีกลยุทธ์ในการทำสงคราม ทว่า เขาแค่คิดว่าควรให้ไป๋จิ่นจื้อเรียนหนังสือเพื่อปรับเปลี่ยนนิสัยของตัวเองให้ใจเย็นลงกว่านี้
ไป๋จิ่นจื้อมีชีวิตที่ราบรื่นเกินไปจนนางเกิดความประมาทและหยิ่งผยองในตัวเองเกินไปสักนิด หากวันหน้าพบศัตรูที่แข็งแกร่งไป๋จิ่นจื้ออาจเสียเปรียบฝ่ายตรงข้ามได้
เดิมทีไช่จื่อหยวนอยากสอนไป๋จิ่นจื้อเล่นหมากล้อมเพื่อแก้นิสัยของนาง ถือว่าเป็นการเรียนรู้กลยุทธ์การรบในรูปแบบหนึ่ง
ทว่า ไป๋จิ่นจื้อเป็นคนที่มีความอดทนเพียงชั่วครู่เท่านั้น ตอนแรกนางตั้งใจเรียนกันกับไช่จื่อหยวนเป็นอย่างดี…นางคิดว่าเมื่อกลับมาจะได้มาเล่นหมากล้อมเป็นเพื่อนพี่หญิงใหญ่ได้ ทว่า เมื่อเรียนไปได้สองวัน เมื่อไช่จื่อหยวนถือกระดานหมากเดินมาให้ไป๋จิ่นจื้ออีกครั้งในวันที่สาม สาวน้อยกลับวิ่งหนีเขาไปอย่างรวดเร็วทันที!
เมื่อวานไช่จื่อหยวนไปพบไป๋จิ่นจื้อ ทว่า ไป๋จิ่นจื้อกลับปีนกำแพงหนีเขาออกไปเสียก่อน!
หากไช่จื่อหยวนไม่ใช่คนเข้มแข็ง ป่านนี้เขาคงโมโหไป๋จิ่นจื้อจนกระอักเลือดไปแล้ว
ทว่า สิ่งพวกนี้ล้วนไม่ใช่สิ่งสำคัญ เมื่อกล่าวเรื่องเหล่านี้จบไช่จื่อหยวนจึงเรียบเรียงถ้อยคำอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวกับไป๋ชิงเหยียน
“เกาอี้อ๋องโตเป็นสาวแล้ว ทว่า นางเอาแต่ขลุกอยู่กับพวกทหารในค่ายทหารทั้งวัน ฝ่าบาททรงไม่คิดว่าเกาอี้อ๋อง…อาจจะมีคนในใจแล้วบ้างหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“ผู้ใดกัน”
ไป๋ชิงเหยียนเงยหน้ามองไช่จื่อหยวน ไป๋ชิงเหยียนคิดอยู่เสมอว่าน้องสาวของนางยังเล็กอยู่ นางไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย
เมื่อเห็นท่าทีตกใจของไป๋ชิงเหยียนไช่จื่อหยวนจึงรีบโค้งกายคำนับหญิงสาว จากนั้นกล่าวขึ้น
“ไช่จื่อหยวนไม่ดีเองที่ทำฝ่าบาทตกพระทัย! เดิมทีกระหม่อมตั้งใจว่าจะทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทตั้งแต่กลับมา ทว่า ฝ่าบาททรงงานยุ่งตลอดเวลากระหม่อมจึงไม่กล้ามารบกวนฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ!”
“เจ้าลองเล่าให้ข้าฟังที…”
ไป๋ชิงเหยียนหวนนึกถึงจดหมายที่ไป๋จิ่นจื้อส่งมาให้ท่านอาสะใภ้สามแล้วอดคิดไม่ได้ว่าคนผู้นั้นอาจเป็นหลู่หยวนเผิง
“ฝ่าบาท จื่อหยวนรู้สึกว่าหลานชายของหลู่ไท่เว่ยและคุณชายซือหม่าดูเหมือนจะมีใจให้เกาอี้อ๋องทั้งคู่พ่ะย่ะค่ะ ทว่า เกาอี้อ๋องสนิทสนมกับพวกเขา เห็นทุกคนเป็นดั่งสหายของตัวเอง เกรงว่านางอาจไม่เคยสังเกตพ่ะย่ะค่ะ”
ไช่จื่อหยวนก้มหน้าพลางกล่าวต่อ
“จื่อหยวนไม่ใช่ญาติผู้ใหญ่ของเกาอี้อ๋อง อีกทั้งไม่ใช่สตรีเหมือนนาง ดังนั้นเรื่องบางเรื่องกระหม่อมจึงไม่สามารถกล่าวกับเกาอี้อ๋องตามตรงได้จึงได้แต่มารบกวนฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนตะลึง นางได้ยินไช่จื่อหยวนกล่าวต่อ
“กระหม่อมคิดว่าหลู่ไท่เว่ยจงรักภักดีต่อฝ่าบาทด้วยความจริงใจ ทว่า บัดนี้หลู่ไท่เว่ยอยู่เหนือคนนับแสนอยู่ใต้ฝ่าบาทเพียงคนเดียว บุตรชายของหลู่ไท่เว่ยก็เป็นถึงเสนาบดีกรมขุนนางที่มีอำนาจโยกย้ายคนในราชสำนัก หลู่หยวนชิ่งหลานชายของหลู่ไท่เว่ยเป็นคนมีความสามารถโดดเด่นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ หนทางข้างหน้าของเขายังอีกยาวไกล! กระหม่อมคิดว่าหากต้องแต่งงานเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์จริงๆ ฝ่าบาทควรพิจารณาซือหม่าผิงซึ่งคมในฝักและบิดาถูกเนรเทศไปยังแดนไกลดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ เช่นนี้ซือหม่าผิงจะได้รับใช้ฝ่าบาทอย่างเต็มที่พ่ะย่ะค่ะ!”
ไช่จื่อหยวนคิดว่าตัวเองคือหนึ่งในคนของตระกูลไป๋อย่างแท้จริงถึงกล้าเสี่ยงกล่าวถ้อยคำเช่นนี้กับไป๋ชิงเหยียน
“จื่อหยวนทราบดีว่าฝ่าบาทไม่เคยคิดใช้การแต่งงานของคุณชายและคุณหนูตระกูลไป๋เป็นเครื่องมือทางการเมือง จื่อหยวนแค่คิดว่าตอนนี้เกาอี้อ๋องยังไม่ได้รู้สึกสิ่งใดกับคนทั้งสอง ทว่า กระหม่อมมองออกว่าสองคนนั้นจริงใจต่อเกาอี้อ๋องจริงๆ ฝ่าบาทสามารถให้คนชี้แนะเกาอี้อ๋องในเรื่องนี้ได้พ่ะย่ะค่ะ”
ไช่จื่อหยวนเรียบเรียงคำกล่าว จากนั้นกล่าวต่อ
“ทว่า หากเกาอี้อ๋องไม่ได้มีใจให้ทั้งสองคนนั้นก็แล้วไปพ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋ชิงเหยียนนิ่งคิดไปครู่ใหญ่ เมื่อได้สติจึงกล่าวขึ้น
“ลำบากไช่เซียนเซิงแล้ว เดี๋ยวข้าจะลองถามความรู้สึกของเสี่ยวซื่อเอง”
“พ่ะย่ะค่ะ…”
ไช่จื่อหยวนรับคำ
“ฝากไช่เซียนเซิงดูแลเรื่องการเดินทางไปต้าเหลียงครั้งนี้ด้วย”
ไป๋ชิงเหยียนกล่าว
“ฝ่าบาทไม่ต้องเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ จื่อหยวนจะทำให้เต็มที่ที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”
หานเฉิงอ๋องที่อยู่ไกลถึงเมืองเหยียนไห่ได้รับจดหมายลับจากภรรยาเป็นลำดับแรก
ภรรยาของหานเฉิงอ๋องเล่าเรื่องที่เฉิงหย่วนจื้อ เสิ่นเหลียงอวี้ เหล่าผิงเกาและแม่ทัพคนอื่นๆ ของต้าโจวไปรวมตัวกันบีบบังคับให้ไป๋ชิงเหยียนยึดอำนาจทางทหารคืนจากหานเฉิงอ๋อง ทว่า สุดท้ายกลับถูกไป๋ชิงเหยียนทำโทษโบยและลดตำแหน่งในกองทัพให้หานเฉิงอ๋องฟังในจดหมาย
นางเขียนเล่าอย่างละเอียดว่าไป๋ชิงเหยียนบอกกับพวกของเฉิงหย่วนจื้อว่านางเชื่อใจในตัวหานเฉิงอ๋อง
ความจริงสิ่งที่หานเฉิงอ๋องหวาดกลัวมากที่สุดตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ก็คือความหวาดระแวงของไป๋ชิงเหยียน
หลายวันมานี้ทหารเก่าของต้าเหลียงเอาแต่เป่าหูเขาว่าที่ฝ่าบาทส่งเขามาที่ต้าเหลียงเป็นเพราะต้าโจวไม่มีทหารเรือที่เก่งกาจเหมือนต้าเหลียง หากต้าโจวฝึกฝนทหารเรือยอดฝีมือสำเร็จฝ่าบาทจะเรียกเขากลับเมืองหลวงทันที จักรพรรดินีของต้าโจวไม่ได้เชื่อใจเขา นางแค่หลอกใช้เขาเท่านั้น!
ความจริงหานเฉิงอ๋องรู้สึกไม่สบอารมณ์มาก ที่เขาส่งจดหมายลับไปให้ไป๋ชิงเหยียนตอนแรกเพราะต้องการปกป้องชาวบ้านที่อาศัยอยู่ติดชายทะเล ทว่า ไป๋ชิงเหยียนกล่าวว่ายินดีเชื่อใจเขา ยินดีให้เขาเป็นคนนำทัพทหารเรือ ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นเพราะไป๋ชิงเหยียนใจกว้างคิดให้โอกาสเขา ทว่า ตอนนี้ทหารเก่าของซีเหลียงที่อยู่รอบกายเขาเอาแต่เป่าหูเขาเช่นนี้ เมื่อหานเฉิงอ๋องคิดได้ว่าไป๋ชิงเหยียนไม่มีทหารเรือยอดฝีมือจริงๆ จึงอดรู้สึกเสียใจและผิดหวังไม่ได้
เดิมทีเขาคิดว่าแค่ได้ปกป้องคุ้มครองชีวิตของชาวบ้านแถบชายทะเลก็เพียงพอแล้ว
เขาคิดกระทั่งว่าครั้งนี้ไป๋ชิงเหยียนคงไม่ส่งกองทัพมาให้เขาเพิ่มตามที่เขาขอในจดหมายแน่นอน
ทว่า จดหมายของภรรยาของหานเฉิงอ๋องส่งมาได้ทันเวลาพอดี ตอนนี้หานเฉิงอ๋องรู้สึกมั่นใจขึ้นมาก
เมื่อคิดได้ว่าไป๋ชิงเหยียนปกป้องเขาจากขุนนางราชสำนักต้าโจวหานเฉิงอ๋องก็รู้สึกผิดขึ้นทันที เขารู้สึกโชคดีที่ชีวิตนี้ได้พบกับจักรพรรดิที่ทรงคุณธรรมที่เห็นความสามารถและปณิธานของเขาอย่างแท้จริง
จดหมายฉบับนี้เหมือนเป็นจดหมายสร้างกำลังใจให้หานเฉิงอ๋องทำให้อารมณ์ของเขาดีขึ้นกว่าหลายวันที่ผ่านอย่างเห็นได้ชัด
เขารู้ว่าไป๋ชิงเหยียนแบกรับความกดดันในราชสำนักแทนเขาแล้ว หากครั้งนี้เขาไม่ได้กำลังเสริมเขาก็จะไม่โทษไป๋ชิงเหยียน เขาเพิ่งมาถึงเมืองเหยียนไห่แท้ๆ กลับรีบร้อนขอกองทัพเสริมจากไป๋ชิงเหยียน ผู้อื่นไม่รู้ว่าเขามีสายลับอยู่ในแคว้นตงอี๋ พวกเขาย่อมสงสัยและหวาดระแวงเขาเป็นธรรมดา
ไป๋ชิงเหยียนต้องปกปิดความลับเรื่องสายลับเอาไว้ หญิงสาวจึงไม่สามารถเปิดเผยเรื่องนี้กับขุนนางในราชสำนักได้
ดังนั้นเขาต้องเตรียมวางแผนการรบใหม่หากไป๋ชิงเหยียนไม่สามารถส่งกำลังเสริมมาให้เขาได้
หานเฉิงอ๋องยืนนิ่งอยู่หน้ากระบะทรายจำลองสถานการณ์รบพักใหญ่ จากนั้นหันไปสั่งทหารที่ยืนอยู่หน้ากระโจม
“ไปเชิญแม่ทัพทุกคนมาหาข้าที”
เช้าวันต่อมาขุนนางในราชสำนักต้าโจวถกเถียงกันเรื่องที่หานเฉิงอ๋องขอทัพเสริมจากไป๋ชิงเหยียนไม่หยุดหย่อน
หลู่ไท่เว่ยซึ่งเป็นผู้นำของขุนนางในราชสำนักออกมาคัดค้านเรื่องการส่งทัพไปยังต้าเหลียงเป็นคนแรก