ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 – ตอนที่ 437 เด็กสาวผู้กล้าหาญเกินวัย

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 437 เด็กสาวผู้กล้าหาญเกินวัย

ตอนที่ 437 เด็กสาวผู้กล้าหาญเกินวัย

เธอกินไอศกรีมอยู่ในอ้อมแขนของเขา ขณะที่เขาช่วยเช็ดครีมจากมุมปากของเธอด้วยกระดาษแผ่นหนึ่งอย่างอดทนและเอาใจใส่

“พวกเราออกไปรับหู่จือกันเถอะค่ะ ฉันคิดถึงเขามาก ไปคราวนี้ฉันซื้อของเล่นและสมุดวาดรูปกลับมาให้เขาด้วย เขาต้องดีใจมากแน่ ๆ”

เฉินเจียเหอบอก “หู่จือตามคุณปู่คุณย่ากับเจียวั่งไปที่บ้านอารองของเขาที่หนานเฉิงแล้ว”

“อ้อ แล้วเมื่อไหร่พวกเขาจะกลับมาล่ะคะ?”

“อีกไม่กี่วันก็กลับแล้วล่ะ”

ดวงตาหมาป่าอันดุร้ายของเฉินเจียเหอกำลังจ้องมองริมฝีปากของเธอ ยิ่งมองก็ยิ่งกลัวว่าเขาจะทำอะไรรุ่มร่าม จึงขยับออกไปด้านข้าง

พอเธอขยับ เขาก็ขยับตาม

หลินเซี่ยกินไอศกรีมหมดลูกแล้วก็กัดกินโคนไอศกรีมต่อ จากนั้นนั่งตัวตรงและมองเขาอย่างจริงจัง “อย่าเพิ่งคิดอะไรไม่ดีไม่งามนะคะ เรายังมีเรื่องต้องคุยกัน”

เฉินเจียเหอแทบรอไม่ไหวจึงถามว่า “เรื่องอะไรเหรอ? เราคุยกันได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว”

ดวงตาของหลินเซี่ยขยับเล็กน้อย ไม่ลืมพูดดักคอเขาล่วงหน้า “ไม่ว่ายังไงคุณก็ให้สัญญากับฉันแล้ว ดังนั้นคุณไม่ได้รับอนุญาตให้กลับลำกะทันหันอีก”

เฉินเจียเหอฟื้นคืนสติกลับมา เริ่มกลัวว่าตัวเองจะติดกับดัก จึงเริ่มระมัดระวังมากขึ้น “งั้นลองมาคุยกันก่อน”

“ลองอ่านนี่ดูก่อนค่ะ

หลินเซี่ยหยิบเอกสารแผนธุรกิจของอู๋เซิ่งหงที่เธอนำกลับมาจากเชินเฉิงออกมาจากกระเป๋า

“แผนดำเนินโครงการอสังหาริมทรัพย์เหรอ?” เฉินเจียเหออ่านอย่างละเอียด มองไปที่หลินเซี่ยอย่างสงสัย “เรื่องนี้เกี่ยวกับพวกเราตรงไหน?”

หลินเซี่ยมองเขาแล้วแนะนำอย่างจริงจัง “เจ้าของบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายนี้มาจากเทศมณฑลซีเหอ ธุรกิจเดิมคือบริษัทรับเหมาก่อสร้าง เป็นเจ้าของกิจการระดับรากหญ้าที่สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยความสามารถของตัวเองทั้งหมด ฉันคิดว่าโครงการที่เขาวางแผนว่าจะพัฒนาและสร้างขึ้นมีแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ดีมาก เลยสนใจอยากลงทุนกับเขา การลงทุนถือได้ว่าเป็นการเข้าสู่วงการอสังหาริมทรัพย์ พอเขาสร้างอาคารย่านการค้าและทำรายได้ หลังจากนั้นเราก็ไม่ต้องทำอะไรเลยนอกจากรอรับเงินปันผล”

เมื่อเฉินเจียเหอได้ยินความคิดของเธอ เขาก็ตอบอย่างเคอะเขิน “ที่รัก ความคิดของคุณเข้าท่าดีอยู่หรอก แต่ครอบครัวเราไม่มีเงินมากขนาดนั้น”

หลินเซี่ยพูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “ฉันรู้ค่ะว่าครอบครัวเราไม่มีเงิน ฉันก็เลยไปขอหยิบยืมเงินจากคุณอาหญิง และหล่อนก็ตอบตกลงที่จะให้ฉันยืมแล้ว”

เฉินเจียเหอขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้ยินแบบนั้น เขามองไปที่หลินเซี่ยแล้วพูดว่า “ที่รัก ผมรู้ดีว่าคุณมีความตระหนักรู้ในการลงทุนและสร้างรายได้อันเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าคุณมีความชำนาญด้านการทำธุรกิจและมีแรงบันดาลใจที่น่าทึ่ง ผมรู้ว่าคุณอยากทำให้ผมกับลูกมีคุณภาพชีวิตที่ดี แน่นอนว่าผมชื่นชมมาก แต่ว่า…”

เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้ววิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของเธอ “คุณไม่จำเป็นต้องกู้ยืมเงินเพื่อลงทุนหรอก ยังไงซะการลงทุนก็มีความเสี่ยง ถ้าเราใช้เงินตัวเอง ต่อให้มีอะไรผิดพลาด คนที่แบกรับความเสี่ยงก็มีแค่พวกเรา แต่ถ้าเราไปยืมเงินคนอื่นแล้วสูญเปล่าขึ้นมาจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ดูจากสภาพคล่องทางการเงินของเราในตอนนี้แล้ว ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณภาพชีวิตของเราต้องตกต่ำลงมากแน่ ผู้ใหญ่ทุกคนในครอบครัวก็จะพลอยกังวลไปด้วย”

“คุณวิเคราะห์ได้ถูกต้องอยู่นะคะ แต่โอกาสที่โครงการของเถ้าแก่อู๋จะล้มเหลวมีน้อยมาก เขาเคยพัฒนาโครงการก่อสร้างหลายโครงการมาก่อนและค่อนข้างมีชื่อเสียงในเชินเฉิง พื้นที่ที่ได้รับเลือกให้กลายเป็นทำเลของโครงการครั้งนี้ ก็คือที่ดินที่อารองเคยประกอบธุกริจขายอาหารทะเล เราเลยมีโอกาสได้รู้จักเขา ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีมาก เราแค่ต้องจ่ายเงินเพื่อลงทุนเท่านั้นเอง ไม่ต้องห่วงกังวลเรื่องอื่น โครงการเสร็จก็รอรับเงินอย่างเดียว ฉันไม่อยากพลาดโอกาสนี้ ช่วยสนับสนุนฉันให้ได้ทำในสิ่งที่อยากทำสักครั้งได้ไหมคะ?”

หลินเซี่ยชี้ให้เขาอ่านจุดสำคัญของเนื้อหาบนเอกสาร จากนั้นมองดูเขาอย่างกระตือรือร้น รอคอยให้เขาตอบตกลง

เฉินเจียเหอถามว่า “แล้วคุณยืมเงินจากคุณอาเท่าไหร่เหรอ?”

“สามแสนหยวน”

“แค่ก ๆๆ” เฉินเจียเหอแทบจะสำลักตายเมื่อได้ยินจำนวนตัวเลขที่ว่า

เมื่อเห็นแบบนั้น หลินเซี่ยก็รีบปลอบเขา “ที่รัก อย่าเพิ่งแตกตื่นสิ”

เฉินเจียเหอดื่มน้ำเพื่อสงบสติอารมณ์ เขามองไปที่หลินเซี่ยและพูดอย่างจริงจัง “เซี่ยเซี่ย สามแสนหยวน… มันออกจะมากเกินไปหน่อย ถ้าเราขาดทุนขึ้นมา แล้วจะหาเงินจากไหนมาคืนอาหญิงของคุณกันล่ะ?”

เขาเติบโตมาในครอบครัวที่มีฐานะดี ได้เห็นโลกภายนอกมาก็มาก

ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังตกใจกับตัวเลขสามแสนหยวน

ทำไมเด็กสาวคนนี้ถึงได้กล้าหาญเกินวัยขนาดนั้น?

คิดอะไรอยู่ถึงหยิบยืมเงินสามแสนหยวนจากคนอื่นมาลงทุน?

เขามองไปที่หลินเซี่ย พยายามเกลี้ยกล่อมเธอด้วยความจริงใจ

“เซี่ยเซี่ย ตอนนี้พวกเราเปิดร้านตั้งสองสาขาแล้วไม่ใช่เหรอ? มาทำธุรกิจในส่วนของตัวเองอย่างปลอดภัยกันดีกว่า ฉายแสงในสายงานที่คุณถนัด เราไม่เข้าใจวงการอสังหาริมทรัพย์ แล้วก็ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเกี่ยวกับเถ้าแก่คนนั้นด้วย ถ้าเงินสูญไปจนหมดเกลี้ยง ลำพังเงินเดือนของผมไม่เพียงพอจะชำระหนี้ ร้านของคุณเองก็อาจจะทำเงินได้มากขนาดนั้นไม่ได้ ดังนั้นอย่าเสี่ยงเลย”

หลินเซี่ยตอบด้วยท่าทางแน่วแน่ “ฉันไม่สูญเงินเปล่าแน่ หลายปีที่ผ่านมาแถวนั้นมีอาคารสำนักงานกับโรงงานสร้างขึ้นในเชินเฉิงหลายแห่ง วันข้างหน้านักธุรกิจชาวต่างชาติก็จะเข้ามามาลงทุนที่เชินเฉิงเพื่อเปิดบริษัทมากขึ้นเรื่อย ๆ แรงงานอพยพก็จะหลั่งไหลเข้าไปที่นั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่นกัน เถ้าแก่อู๋เลือกทำเลที่ตั้งเหมาะมาก พอห้างสรรพสินค้าและอาคารสำนักงานสร้างเสร็จ พวกมันจะกลายเป็นย่านการพาณิชย์ที่สำคัญของเชินเฉิง ทำเลดีก็ยิ่งมีแนวโน้มการพัฒนาที่ดียิ่งขึ้นในอนาคต”

หลินเซี่ยอธิบายอย่างมั่นใจและเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณจนเฉินเจียเหอรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย ด้วยสภาพจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงานของเธอแล้ว การคัดค้านของเขาแทบไม่มีผลเลย

ดังนั้น เฉินเจียเหอจึงตัดสินใจถอยออกมาก้าวหนึ่ง และพูดด้วยน้ำเสียงประนีประนอมว่า “เซี่ยเซี่ย เงินสามแสนไม่ใช่จำนวนน้อย ๆ หรือว่า… ผมจะเก็บออมเงินสักสองหมื่นหยวน แล้วให้คุณเอาไปลงทุนเพื่อทำความเข้าใจตลาดก่อนดีไหม”

เฉินเจียเหอมีความมั่นคงทางอารมณ์สูงมาก แม้ว่าเขาจะไม่เห็นด้วยกับการลงทุนของเธอ แต่ก็ไม่ได้คัดค้านอย่างหัวชนฝา แปลว่าเขาไม่ต้องการลดทอนความกระตือรือร้นของเธอ แต่พยายามตามใจทางอ้อม

พอเงินลงทุนน้อยลง ความเสี่ยงก็ลดน้อยลงตามไปด้วย

หากมันทำเงินได้ก็เป็นเรื่องดี ถ้าขาดทุนก็แค่ควรใช้เป็นบทเรียน

หลินเซี่ยรู้สึกว่าเฉินเจียเหอปฏิบัติต่อเธอเหมือนเป็นลูกสาว แถมยังเต็มใจที่จะเก็บออมเงินสองหมื่นหยวนให้เธอทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่เห็นด้วยเพื่อให้เธอนำไปลงทุนสนุก ๆ เธอก็ซาบซึ้งใจมาก

อย่างไรก็ตาม การลงทุนของเธอกับอู๋เซิ่งหงไม่ใช่แค่เพื่อความสนุกสนานธรรมดา เธอต้องการหาสร้างผลกำไรอย่างจริงจัง

เธอมีความทรงจำจากชาติที่แล้ว จึงรู้ดีว่าอาชีพการงานของอู๋เซิ่งหงนั้นทรงพลังแค่ไหนในปีต่อ ๆ มา ฉะนั้นเธอต้องไม่พลาดโอกาสอันล้ำค่าในการเป็นหุ้นส่วนกับว่าที่นักธุรกิจใหญ่

เธอบอกว่า “ยิ่งลงทุนมากเท่าไหร่ รายได้ก็จะยิ่งมากขึ้นตามไปด้วยในอนาคต ฉันไม่สนใจจะลงทุนแค่สองหมื่นหยวนเพื่อเล่นสนุก ฉันตัดสินใจแล้วว่าต้องลงทุนเป็นเงินก้อนใหญ่”

หลินเซี่ยมองไปที่เฉินเจียเหอ พูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า “ฉันตัดสินใจเรื่องนี้ดีแล้วค่ะ อาหญิงก็ตกลงที่จะให้ฉันยืมเงินด้วย ฉันเตรียมความพร้อมทางจิตใจที่จะเสี่ยงเป็นอย่างดี คุณไม่ต้องกังวลเลย”

เฉินเจียเหอบีบนวดขมับของตัวเองด้วยอาการปวดหัว พยายามทำให้เธอใจเย็นลง “อย่าด่วนตัดสินใจอะไรสุ่มสี่สุ่มห้า ลองไตร่ตรองและทำความเข้าใจให้ชัดเจนก่อน แล้วค่อยมาคุยกัน”

เขาคิดว่าควรไปถามเซี่ยไห่ให้แน่ชัดว่าเรื่องมันเป็นมายังไง

ในเมื่อมีโอกาสที่ดีในการลงทุนเพื่อสร้างรายได้ แล้วทำไมเซี่ยไห่ถึงไม่ลงทุนเอง?

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

การลงทุนก็เหมือนเสี่ยงโชคอะ โชคดีก็ได้กำไรไปเต็มๆ โชคร้ายก็ขาดทุน เซี่ยเซี่ยแน่ใจเหรอว่าการกลับมาเกิดใหม่แล้วทุกอย่างจะเหมือนกับชาติที่แล้ว ไม่แน่ว่าความเปลี่ยนแปลงในชาตินี้อาจสร้างปรากฏการณ์ผีเสื้อขยับปีกก็ได้นะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

Status: Ongoing
เมื่อสวรรค์ได้ให้โอกาสเธอย้อนกลับมาแก้ขในสิ่งที่ผิดพลาด เธอจะใช้โอกาสนี้เป็นช่างเสริมสวยยอดฝีมือให้ได้ตามฝันอย่างไรกันนะ?เรื่องย่อ : ในชาติก่อน หลินเ เป็นสไตสต์คนโง่ผู้ร้ความคิดป็นของตัวเอง จึงถูกดาราดาวรุ่งผู้เป็นเพื่อนสนิทวางแผนทำลายชีวิตจนพังพินาศ ไร้ซึ่งเครดิต ไร้ซึ่งอำนาจ และหน้ามืดตามัวทิ้งสามีพ่อม่ายลูกติดที่คอยสนับสนุนมาตลอดได้ลงค แต่เหมือนสวรรค์ยังคงเห็นใจต่ชะตาชีวิตอันรันทดของเธอ จึงทำให้เธอได้ย้อนกลับมาเกิดใหม่ในปี 1988 อันเป็นปีที่ทุกอย่างยังไม่สายเกินกว่าแก้ หลินเชี่ยจะใช้โอกาสที่ได้มีชีวิตครั้งที่สองเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตัวเองอย่างไรบ้าง?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท