บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1307 อหังการและห้าวหาญ

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1307 อหังการและห้าวหาญ

บทที่ 1307 อหังการและห้าวหาญ

การถกวิถีเต๋าระหว่างเฉินซีและเหยียนอวิ๋นจบลงในเวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา แต่ผลกระทบที่ทุกคนได้รับนั้น ถือได้ว่าน่าตื่นเต้นที่สุดในการถกวิถีเต๋ารอบที่สอง

เหตุผลก็คือ พลังฝีมือที่เฉินซีได้เผยออกมานั้น มันช่างท้าทายสวรรค์และทรงพลังเกินไปจริง ๆ ซึ่งเป็นการบดขยี้เหยียนอวิ๋นในตลอดการต่อสู้ จนอีกฝ่ายแทบสิ้นใจ

รูปแบบการต่อสู้ที่เร้าใจและความสามารถในการครอบงำนี้ ทำให้เหล่าศิษย์และเหล่าอาจารย์จากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋ารู้สึกตื่นเต้นและยินดีอย่างยิ่ง

ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ พวกเขารู้สึกถูกกดขี่และทนทุกข์ทรมานมาอย่างยาวนานเหลือเกิน ในขณะนี้ ความรู้สึกสูญเสีย ความโกรธ ความรำคาญ ความกังวล และความวิตกกังวลในใจทั้งหมดได้ถูกระบายออกไปจนหมดสิ้น และมันก็เป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง

ในขณะเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นศิษย์หรืออาจารย์ของสำนักศึกษาระทมสันต์ ล้วนแต่มีสีหน้าเศร้าหมอง และเผยให้เห็นความกรุ่นโกรธ เนื่องจากเฉินซีลงมืออย่างโหดเหี้ยมเกินไป และเกือบจะทำให้เหยียนอวิ๋นพิการ ซึ่งต้องใช้เวลากว่าหนึ่งปี กว่าเหยียนอวิ๋นจะหายเป็นปกติ

ช่างเป็นไอ้สารเลวจริง ๆ!

นี่เป็นการตัดสินของอาจารย์และเหล่าศิษย์ของสำนักศึกษามหาเดียวดายและสำนักศึกษานภาไพศาลที่มีต่อเฉินซีในทำนองเดียวกัน

“ไม่นึกเลย ไม่นึกเลยจริง ๆ ว่าหลังจากที่เจ้าบรรลุขอบเขตเซียนทองคำขั้นสูงแล้ว พลังฝีมือจะพัฒนาไปมากขนาดนี้” หวังต้าวหลูเดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจ และชมเชยอย่างไม่ขาดปาก

ส่วนเยี่ยถัง จ้าวเมิ่งหลี และคนอื่น ๆ ต่างจ้องมองเฉินซีราวกับเป็นตัวประหลาด การแสดงฝีมือในสนามประลองก่อนหน้านี้ ไม่เพียงแต่เหนือกว่าเท่านั้น แต่ยังโหดเหี้ยมและไร้ความปรานี!

เฉินซีเพียงยิ้ม และกล่าวว่า “ข้าบอกแล้ว ว่าอย่าได้แปลกใจเกินไป”

พวกเขาต่างกล่าวสิ่งใดไม่ออก

ท่ามกลางบรรยากาศที่อึกทึกครึกโครมนี้ เสียงที่คมชัดและเศร้าหมองของเซียวเชียนซุ่ยก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ฮึ่ม! อย่าชะล่าใจให้มากนัก! การถกวิถีเต๋าของเจ็ดสำนักยังไม่สิ้นสุด แต่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋ากลับกำลังเฉลิมฉลองล่วงหน้าแล้วหรือ?!”

ทันทีที่สิ้นคำ มันก็ระงับเสียงเซ็งแซ่รอบข้างทันที โดยเฉพาะเมื่อตระหนักได้ว่ารอบที่สามกำลังจะเริ่มขึ้น ความตื่นเต้นบนใบหน้าของศิษย์หลายคนก็ลดลงอย่างมาก และถูกแทนที่ด้วยสีหน้าหนักใจอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าคำกล่าวของเซียวเชียนซุ่ยจะเต็มไปด้วยคำถากถาง แต่ก็เป็นความจริง มันเป็นเพียงรอบที่สองของการถกวิถีเต๋า และยังมีรอบสุดท้ายหลังจากนี้!

ชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศโดยรอบก็เริ่มหนักอึ้งและกดดัน

เหตุผลนั้นง่ายมาก แม้ว่าเฉินซีจะได้รับชัยชนะ แต่สถานการณ์ของสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าก็ยังเสียเปรียบอย่างยิ่ง เนื่องจากเหลือเฉินซีเพียงคนเดียวในรอบที่สาม ในขณะที่ สำนักศึกษาระทมสันต์ สำนักศึกษามหาเดียวดาย และสำนักศึกษานภาไพศาล รวมเหลือศิษย์อยู่ถึงเจ็ดคน ซึ่งไม่นับว่านเจี้ยนเซิงที่สละสิทธิ์ไปก่อนหน้านี้!

เมื่อรวมกับกฎของรอบที่สาม ซึ่งอนุญาตให้ศิษย์สามารถเลือกและท้าทายคู่ต่อสู้ได้อย่างอิสระ เฉินซีจึงเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด

ลองคิดดู ถ้าศิษย์ทั้งเจ็ดคนท้าทายเฉินซีพร้อมกัน จะอะไรเกิดขึ้น?

“พวกเขาคงไร้ยางอายขนาดนั้นกระมัง?” ศิษย์คนหนึ่งขมวดคิ้วและเป็นกังวลอย่างยิ่ง

“ไร้ยางอาย? เพื่อให้มาซึ่งตำแหน่งผู้ชนะเลิศ พวกมันย่อมคิดท้าทายศิษย์พี่เฉินซีอย่างแน่นอน ตราบใดที่พวกมันเอาชนะศิษย์พี่เฉินซีได้ ตำแหน่งผู้ชนะเลิศก็จะอยู่ในกำมือของพวกมัน” ศิษย์อีกคนถอนหายใจ และรู้สึกว่ามีโอกาสสูงที่เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นในรอบที่สามของการถกวิถีเต๋า

ในช่วงเวลาหนึ่ง ความกังวลเล็ก ๆ ก็เกิดขึ้นในใจของทุกคนอีกครั้ง แม้เฉินซีจะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้สำเร็จ แต่…เขาจะต้านทานการท้าทายของศิษย์จากทั้งสามสำนักได้อย่างไร

โดยเฉพาะบุคคลที่น่าเกรงขามเช่นเซียวเชียนซุ่ยที่ไม่ด้อยไปกว่าว่านเจี้ยนเซิง ก็ปรากฏตัวอยู่ในหมู่ศิษย์ทั้งเจ็ดคนนั้น!

“เฉินซี” หวังต้าวหลูขมวดคิ้ว พลางครุ่นคิดอย่างลึกซึ้งเป็นเวลานาน และเขาก็รู้สึกลังเล ก่อนที่จะตัดใจถาม “เฉินซี… เจ้ามั่นใจเพียงใด?”

สิ้นคำ เยี่ยถังและคนอื่น ๆ ก็จ้องมองมาเช่นเดียวกัน พวกเขาทราบอย่างชัดเจนว่า เซียวเชียนซุ่ยเป็นคู่ต่อสู้ที่รับมือยากที่สุดในรอบที่สาม

แม้ว่าเฉินซีจะสามารถเอาชนะเซียวเชียนซุ่ยได้ แต่ก็ยังมีศิษย์อีกหกคนที่จ้องมองมาด้วยความเป็นศัตรู และไม่มีใครที่อ่อนแอในหมู่พวกเขา!

ที่สำคัญ ตามกฎของรอบที่สาม ไม่อนุญาตให้พักและฟื้นพลัง กล่าวอีกนัยหนึ่ง หากเฉินซีถูกท้าทาย เขาจะต้องต่อสู้ต่อไปโดยไม่อาจหยุดพัก

ด้วยวิธีนี้ สถานการณ์ที่เฉินซีเผชิญอยู่ก็จะเสียเปรียบมากยิ่งขึ้น

เฉินซีเพียงไหวไหล่ จากนั้นเผยรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย “เราจะรู้ผลได้ ก็หลังจากที่ข้าต่อสู้กับพวกเขาแล้วเท่านั้น ก็อย่างที่ข้าบอกไปแล้ว คอยดูอย่างใจเย็น มีการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นอีกมากมายกำลังจะเกิดขึ้น”

น้ำเสียงที่เฉยชา ทว่าแฝงไปด้วยอารมณ์ขัน แต่กลับทำให้หัวใจของหวังต้าวหลูและคนอื่น ๆ มีความมั่นใจและสงบมากขึ้น พวกเขาจึงไม่กังวลเหมือนก่อนหน้านี้

ชื่อของศิษย์ที่เข้าร่วมในรอบสุดท้าย ได้ถูกเปิดเผยแล้ว

โดยเรียงตามลำดับ ได้แก่ เฉินซีจากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า เซียวเชียนซุ่ย เหอเลี่ยนฉี และหวังเซวี่ยชงจากสำนักศึกษาระทมสันต์ อู่ฟางจวินและเยว่อวี่จากสำนักศึกษามหาเดียวดาย อวี่ซิวสุ่ยและไฉ่ทาจากสำนักศึกษานภาไพศาล

ศิษย์ทั้งหมดแปดคน

ผู้ที่เป็นที่สนใจมากที่สุดในหมู่พวกเขา ย่อมเป็นเซียวเชียนซุ่ย เพราะตามข่าวลือ พลังฝีมือของคนผู้นี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าว่านเจี้ยนเซิงเลย นอกจากเซียวเชียนซุ่ยแล้ว อีกหกคนก็ยังน่าเกรงขามอย่างมากเช่นกัน และนี่เห็นได้ชัดจากความสามารถในการเข้าสู่รอบที่สามของการถกวิถีเต๋า

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นเซียวเชียนซุ่ยหรืออีกหกคน พวกเขาก็ไม่เป็นที่รู้จักในภพเซียนแม้แต่น้อย กระทั่งข้อมูลที่ได้รับจากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า ทั้งเจ็ดคนนั้น ไม่ใช่ตัวตนอันดับต้น ๆ ในสำนักของตนด้วยซ้ำ

แต่กลับสามารถระเบิดพลังฝีมือที่เกินความคาดหมายของทุกคนในระหว่างการถกวิถีเต๋า และไม่อาจปฏิเสธได้ว่า มันเกี่ยวข้องกับนิกายอำนาจเทวะอย่างแน่นอน

และเพราะเช่นนั้น รวมถึงเหตุผลอื่น ๆ … เฉินซีจึงเกลียดและชิงชังนิกายอำนาจเทวะถึงขีดสุด!

มีการจับสลากอีกรอบก่อนที่การถกวิถีเต๋ารอบสุดท้ายจะเริ่มขึ้น

มันไม่ใช่เพื่อประโยชน์ในการจัดคู่ต่อสู้ให้กับศิษย์ที่เข้าร่วม และเป็นเพียงการตัดสินลำดับที่พวกเขาต่อสู้เท่านั้น เช่น ศิษย์ที่จับสลากได้หมายเลขหนึ่ง จะเป็นคนแรกที่ออกไปท้าทาย และศิษย์คนนั้นสามารถเลือกศิษย์คนใดก็ได้จากเจ็ดคนที่เหลือให้เป็นคู่ต่อสู้ของตน

“เฉินซี ไม่นึกเลยว่าเจ้าแสดงฝีมือได้น่าเกรงขามเช่นนี้ มันทำให้ข้าปรารถนาที่จะต่อสู้กับเจ้า ดังนั้นเจ้าต้องยืนหยัดให้จงได้ และไม่ถูกกำจัดโดยคนอื่นไปเสียก่อน!” เซียวเชียนซุ่ยจ้องมองเฉินซี ใบหน้าที่มืดมน และเรียวยาว เต็มไปด้วยรอยยิ้มเย็นชา ทันทีกล่าวจบ เขาก็ไม่สามารถยับยั้งตัวเองจากการเลียริมฝีปากด้วยลิ้นสีแดงเข้ม ช่างน่าสยดสยองและกดดันอย่างแท้จริง

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอน” เฉินซียิ้มขณะที่กล่าวเบา ๆ แต่ทุกคำกลับชัดเจน ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ฉายแววความหนาวเย็นที่เสียดแทงลึกไปถึงกระดูก

เซียวเชียนซุ่ยหายใจเข้าลึก ๆ ในขณะที่ใบหน้ากลายเป็นสีแดงและบิดเบี้ยว “ประเสริฐ ประเสริฐมาก ข้ารู้สึกได้ว่าเลือดในร่างกายของข้าเดือดพล่านไปหมดแล้ว ความรู้สึกแบบนี้…มันเยี่ยมมาก…”

ตัวประหลาด!

เหล่าศิษย์ที่อยู่รอบ ๆ พลันสาปแช่งในใจเมื่อเห็นฉากนี้ เพราะตั้งแต่ต้นจนจบ เซียวเชียนซุ่ยได้เผยนิสัยที่บิดเบี้ยว บ้าคลั่ง และผิดปกติ ซึ่งทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง

“ฮึ่ม! ช่างโอ้อวดอะไรเช่นนี้!”

“อย่าเสียเวลาไปกับเขาเลย ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนความจริงที่ว่า สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าได้ถูกลิขิตให้พ่ายแพ้ แม้แต่เจ้าเฉินซี ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้เช่นกัน!”

“เราจะได้รับตำแหน่งผู้ชนะเลิศในการถกวิถีเต๋านี้อย่างแน่นอน!”

หวังเซวี่ยชงและคนอื่น ๆ กวาดสายตาเย็นชาไปทางเฉินซี ซึ่งเผยให้เห็นท่าทางภาคภูมิ ดูมั่นใจและมุ่งมั่นที่จะได้รับตำแหน่งผู้ชนะเลิศ

ดูเหมือนคนเหล่านี้จะร่วมมือกันจริง ๆ… เฉินซีไม่ได้สั่นคลอนกับเรื่องนี้ และจ้องมองอีกฝ่ายขณะจมอยู่กับความคิด

ไม่นานนัก การจับสลากก็เริ่มขึ้น

มันอาจจะโชคดีหรืออาจจะไม่ก็ได้ แต่เฉินซีจับสลากได้หมายเลขแปด ดังนั้นเขาจึงถูกกำหนดให้ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องรอให้คนอื่นมาท้าทายตน

ในทางกลับกัน เซียวเชียนซุ่ยและคนอื่น ๆ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงเย็น สายตาที่จ้องมองเฉินซีก็เต็มไปด้วยความสงสารและจิตสังหารอันแรงกล้า

ทำไมจึงเป็นเช่นนี้?

เมื่อพวกเขาเห็นผลลัพธ์ดังกล่าว เหล่าอาจารย์และศิษย์จากสำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋าล้วนตกตะลึง หัวใจอดที่จะบีบรัดไม่ได้

“คนเหล่านี้ช่างโง่เขลาจริง ๆ เฉินซีจะแพ้ได้อย่างไร” ในมุมหนึ่งท่ามกลางฝูงชน หลิงไป๋ขี่หลังปุกปุยสีขาวหิมะของชิงชิง พลางกลอกตาอย่างดูแคลน

หลังจากนั้น เขาก็มุ่งความสนใจไปที่การเคี้ยวผลไม้อมตะในมือช้า ๆ อาหมาน ไป๋คุย และชิงชิงต่างก็มุ่งความสนใจไปที่อาหารในมือเช่นกัน และเลิกสนใจเหตุการณ์ในสนามประลองไปโดยปริยาย

เมื่อชิงเยี่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างเห็นฉากนี้ ก็อดขบขันไม่ได้ ความกังวลที่ต่อเฉินซีก็สลายไปอย่างไร้ร่องรอย

แก๊ง!

เสียงระฆังที่คุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง และม่านการถกวิถีเต๋ารอบสุดท้ายก็ถูกรูดออก

ศิษย์ที่จับได้หมายเลขหนึ่ง คืออวี่ซิวสุ่ยจากสำนักศึกษานภาไพศาล เขามีใบหน้าหล่อเหลาและคมคาย มีท่าทางสง่างาม และถือพัดหยกทองคำทมิฬไว้ในมือ

เมื่อระฆังดังขึ้น เขาก็แทบไม่ลังเลที่จะชี้พัดหยกในมือไปทางเฉินซี แล้วเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะกล่าวอย่างภาคภูมิ “เฉินซี ข้าจะถกวิถีเต๋ากับเจ้าเอง!”

แม้พวกเขาจะตระหนักดีว่า ผลลัพธ์เช่นนี้จะต้องเกิดขึ้น แต่ผู้ชมก็ยังอดไม่ได้ที่จะแตกตื่น และรู้สึกกังวล

เฉินซีเพียงส่ายศีรษะ “ในเมื่อเจ้ากังวลมากที่จะถูกกำจัด เช่นนั้นก็ตามที่เจ้าต้องการ”

ทันทีที่สิ้นคำ อวี่ซิวสุ่ยหัวเราะเสียงเย็น “ช่างฟังดูอวดดีอะไรเช่นนี้!”

เฉินซีไหวไหล่และไม่กล่าวอะไรอีก

คนอื่น ๆ ออกจากสนามประลองทันที เหลือเพียงเฉินซีและอวี่ซิวสุ่ยที่ยืนประจันหน้ากัน

ชั่วขณะหนึ่ง บรรยากาศกลายเป็นการเผชิญหน้าและเต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟันทันที สายตาของทุกคนที่อยู่รอบ ๆ จ้องมองไปที่สนามประลองเป็นตาเดียว บรรยากาศเงียบกริบจนไม่ได้ยินแม้แต่เสียงลมหายใจ

“เริ่มเถอะ!” อวี่ซิวสุ่ยกล่าวอย่างภาคภูมิ ร่างกายเรืองรองไปด้วยแสงสีฟ้าอ่อน มันดูเลือนรางราวกับภาพฝัน แต่ในขณะเดียวกันมันก็ปล่อยคลื่นพลังผันผวนอันน่าสะพรึงกลัวที่ทำให้ใจสั่นไหว

เฉินซีพลิกฝ่ามือ น้ำเต้าสีเหลืองโบราณออกมา พื้นผิวของมันถูกจารึกไว้ด้วยลวดลายของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว พืชพรรณ สรรพสัตว์ และอื่น ๆ อีกมากมาย ทันทีที่มันปรากฏ ก็ปล่อยคลื่นพลังปราณฟ้าดินหนาแน่น

มันเป็นหนึ่งในสุดยอดสมบัติของสำนักศึกษานภาไพศาล น้ำเต้าฟ้าดิน!

ก่อนหน้านี้ เฉินซีได้ใช้ผนึกเทวศสวรรค์ของสำนักศึกษาระทมสันต์เพื่อทุบเหยียนอวิ๋นผู้เป็นศิษย์ของสำนักศึกษาระทมสันต์ จนอีกฝ่ายอาบไปด้วยเลือดจวนสิ้นใจ ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับอวี่ซิวสุ่ยจากสำนักศึกษานภาไพศาล เฉินซีได้หยิบน้ำเต้าฟ้าดินของสำนักศึกษานภาไพศาลออกมา เพื่อต่อสู้กับอวี่ซิวสุ่ย!

ริมฝีปากของหลายคนกระตุกวูบเมื่อได้เห็นฉากนี้

เวลาเช่นนี้ แต่ศิษย์พี่เฉินซียังคงอหังการและห้าวหาญ มันทำให้พวกเราไม่สามารถห้ามตัวเองจากการหัวเราะได้

ความวิตกกังวลในใจของพวกเขาสลายไปอย่างมาก

ในทางกลับกัน ใบหน้าของพิสดารเฟิงของสำนักศึกษานภาไพศาลก็ดิ่งลงทันที…

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท