ตอนที่ 460 รสชาติของบ้านเกิด
ตอนที่ 460 รสชาติของบ้านเกิด
หลินเซี่ยรอให้อู๋เซิ่งหงทักทายหลิวกุ้ยอิงเสร็จ จากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “มาค่ะ พวกเรามาพูดคุยกันในระหว่างมื้ออาหารกันดีกว่า”
“เถ้าแก่เซี่ยไม่อยู่เหรอครับ?” อู๋เซิงหงถามทันทีเมื่อไม่เห็นเซี่ยไห่
“อารองน่าจะทำงานอยู่ในห้องเต้นรำค่ะ”
เซี่ยเหลยพูดกับหู่จือว่า “หู่จือ ช่วยข้ามไปอีกฝั่งที ชวนตารองมากินข้าวมื้อเย็นด้วยกัน”
“ได้ครับ”
หู่จือวิ่งออกไปหลังรับคำ
ทุกคนนั่งลงรอบโต๊ะ จากนั้นคุณแม่เซี่ยก็ยื่นตะเกียบให้เถ้าแก่อู๋ “เถ้าแก่อู๋ กินข้าวก่อนเถอะค่ะ กว่าเซี่ยไห่จะตามมาคงอีกนานเลย”
“ไว้ค่อยเริ่มกินพร้อมกันตอนเถ้าแก่เซี่ยมาก็ได้ครับ”
“ค่ะ งั้นเรารออีกสักพัก” แม้ว่าพวกเขาไม่แน่ใจว่าเซี่ยไห่เต็มใจจะมาหรือไม่ก็ตาม
เพราะมื้อเที่ยงนี้เขาเองก็หายเข้ากลีบเมฆ
เซี่ยเหลยพูดคุยกับอู๋เซิ่งหง ถามว่า “เถ้าแก่อู๋ คุณทำงานด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มานานแค่ไหนแล้ว?”
“ผมทำงานเป็นช่างก่อสร้างตั้งแต่อายุสิบแปด ตอนแรกผมทำงานร่วมกับคนในพื้นที่ ตระเวนไปสร้างบ้านตามที่ลูกค้าสั่ง กระทั่งสิบปีก่อนผมมีโอกาสได้ไปทำงานที่เชินเฉิง ต่อมาผมพัฒนาเป็นนายตัวเอง เปิดบริษัทรับเหมา มีงานก่อสร้างเข้ามาประปราย แต่ผมค่อนข้างประหยัดอดออม ทำให้ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาผมมีกำลังทรัพย์มากขึ้น ในช่วงกระแสแห่งการปฏิรูปเราได้ก่อสร้างอาคารโรงงานไปแล้วสองแห่ง ลองดูสิครับ นี่คือผลลัพธ์โครงการก่อนหน้าของผม”
อู๋เซิงหงหยิบรูปถ่ายและเอกสารสองฉบับออกจากกระเป๋าของเขาแล้วส่งให้เซี่ยเหลย
เซี่ยเหลยและเซี่ยอวี่มองอย่างพิจารณา เซี่ยเหลยชี้ไปที่อาคารในภาพแล้วถามอู๋เซิ่งหง “สถานที่ในรูปนี้เหมือนจะอยู่ใกล้สนามบินใช่ไหม? คุ้น ๆ เหมือนพวกเราเคยผ่าน”
อู๋เซิ่งหงตอบ “ใช่ครับ มันตั้งอยู่ใกล้สนามบิน”
จากนั้นเขาก็นำเสนอโครงการขนาดเล็กอื่น ๆ รวมถึงเอกสารโครงการก่อสร้างที่เขาได้ทำสัญญาร่วมกับคนอื่น ๆ ด้วย
อู๋เซิ่งหงมีความจริงใจมาก โครงการก่อสร้างทั้งหมดในอดีตสามารถพิสูจน์ตัวตนและความสามารถของเขาได้เป็นอย่างดี หลังจากที่เซี่ยเหลยอ่านจนครบ เขาก็มองอู๋เซิ่งหงด้วยความชื่นชม
เซี่ยเหลยไม่นึกกังวลอีกต่อไป เขาโล่งใจมากที่เห็นว่าลูกสาวของตัวเองได้ร่วมมือทางธุรกิจกับเจ้าของบริษัทที่ทำงานหนักและติดดินคนนี้
อู๋เซิ่งหงยิ้มและบอกว่า “ครอบครัวของผมทำอาชีพเกษตรกร มีฐานะยากจนมาหลายชั่วอายุคน ผมอาศัยการเรียนรู้ทักษะบางอย่าง และค่อย ๆ ต่อยอดไปทีละขั้น โครงการนี้ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก ถึงอย่างนั้นผมก็มีความมั่นใจและเชื่อมั่นในประสบการณ์ของตัวเองที่จะนำไปปฏิบัติ ผมรู้สึกขอบคุณเสี่ยวหลินมากจริง ๆ ที่ไว้วางใจในตัวผม พูดตามตรง ก่อนหน้านี้ผมเคยมีหุ้นส่วน แต่ไม่นานมานี้เขาตัดสินใจถอนทุนออกเนื่องจากเหตุผลหลายประการ เงินทุนของผมเลยมีช่องว่าง เงินลงทุนจำนวนหนึ่งจากเสี่ยวหลินจึงถือเป็นทางออกที่สามารถตอบสนองความต้องการเร่งด่วนของผม
แต่ถึงอย่างนั้นก็มั่นใจได้เลยครับ ผมจะรอจนกว่าจะได้รับทุนคืนจากโครงการที่แล้ว คราวนี้สภาพคล่องทางการเงินก็จะพลิกกลับอย่างง่ายดาย”
หลินเซี่ยยิ้มและพูดว่า “เถ้าแก่อู๋ เราทั้งสองฝ่ายต่างก็ได้รับประโยชน์ร่วมกันแบบ win-win ฉันต้องขอบคุณคุณมากที่ยอมเดินทางมาถึงไห่เฉิงเพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือ ตั้งแต่นี้ไปฉันจะกอดต้นขาของคุณไว้ให้แน่นเลยค่ะ”
“ใช้คำว่าได้รับผลประโยชน์ร่วมกันดีกว่า”
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอย่างมีความสุข หู่จือก็ออกแรงฉุดดึงเซี่ยไห่เข้าไปในร้านอาหาร
หูจื่อเค้นเสียงขณะออกแรงดึงแขนเขาเต็มกำลัง “ตารอง เร็ว ๆ เข้า ทุกคนกำลังรอให้คุณมากินของอร่อยกันอย่างพร้อมหน้านะ”
เซี่ยไห่แสดงสีหน้าไม่เต็มใจอย่างยิ่ง แต่ยอมปล่อยให้หู่จือลากออกมาอย่างอดทน
ดูเหมือนเขาจะต่อต้าน แต่แท้จริงแล้วนั่นเป็นอารมณ์เพียงครึ่งเดียว
ไม่อย่างนั้น ด้วยมวลกายที่ร้อยห้าสิบของเขา ไม่มีทางที่หู่จือจะลากไปไหนมาไหนได้ง่าย ๆ
เมื่ออู๋เซิงหงเห็นเซี่ยไห่ เขาก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและทักทายด้วยรอยยิ้ม “เถ้าแก่เซี่ย ผมรบกวนเวลาทำงานของคุณหรือเปล่า?”
เซี่ยไห่มองดูคนที่เขาเพิ่งจะไล่ออกไปทางอ้อมในตอนเช้า แต่กลับปรากฏตัวขึ้นในร้านอาหารของพี่ใหญ่ในเวลานี้ แถมยังนั่งรวมโต๊ะอาหารมื้อใหญ่กับทุกคนในครอบครัว และได้รับเกียรติจากราชินีภาพยนตร์ชื่อดังอีกด้วย
ฮึ่ม อยากจะรู้นักว่าพวกเขาคิดอะไรกันอยู่
จริงจังกับเขาเสียเหลือเกิน
ที่จริงเขายืนมองสถานการณ์ทุกอย่างของร้านฝั่งตรงข้ามจากบนหน้าต่างชั้นสองตลอดทั้งบ่าย
เดิมทีเขาไม่ได้ตั้งใจจะมากินข้าวกับพวกเขา เพราะสำหรับเขาแล้วอาหารมื้อนี้ถือเป็นงานเลี้ยงหงเหมิน(1)
ต่อให้หลินเซี่ยพยายามหว่านล้อมให้เขาลงทุนในภายหลัง ยังไงเขาก็ไม่มีทางยอมอยู่แล้ว
แต่เพราะเห็นแก่หู่จือที่มาเรียกเขาด้วยตัวเอง และบอกว่าจะไม่มีการหยิบตะเกียบจนกว่าเขาจะไป เขาจึงแวะมาดูเสียหน่อยว่าหลานสาวคนโตของเขาจะป้ายยาด้วยวิธีไหนอีก
เซี่ยไห่พูดว่า “เถ้าแก่อู๋ ไม่รบกวนเลย เชิญนั่งเถอะครับ”
จากนั้นเขาก็เลือกที่นั่งข้าง ๆ เถ้าแก่อู๋
“ทุกคนมาถึงแล้ว มาเริ่มกินอาหารกันเถอะ”
คุณแม่เซี่ยเลื่อนจานอาหารให้เถ้าแก่อู๋ด้วยท่าทางใจดีและกระตือรือร้น “เถ้าแก่อู๋ ลองชิมกับข้าวพวกนี้ดูสิคะ อิงจื่อบอกว่าทั้งหมดเป็นอาหารเลื่องชื่อจากบ้านเกิดของคุณ หวังว่าอาหารเหล่านี้จะช่วยบรรเทาอาการคิดถึงบ้านของคุณได้”
“ขอบคุณครับคุณป้า คุณก็กินด้วยกันนะครับ ขอแกงแป้งข้นให้ผมสักชาม”
หลิวกุ้ยอิงตักแกงแป้งข้นให้อู๋เซิ่งหงอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณครับ”
อู๋เซิ่งหงตักเข้าปาก ทันใดนั้นรสชาติที่ห่างหายไปนานก็อวลอยู่ทั่วลำคอ
“อร่อยสุด ๆ ไปเลย”
ทุกคนคุยกันพลางผลัดกันตักผลัดกันชิม บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเย็นเป็นไปด้วยดี
ไม่มีใครพูดถึงเรื่องการลงทุนเลย
เซี่ยไห่ไม่แน่ใจว่าเถ้าแก่อู๋และหลานสาวของเขามีแผนอะไรกันแน่? พวกเขายอมจบแล้วอย่างนั้นเหรอ? หรือมื้อนี้เป็นแค่การต้อนรับอู๋เซิ่งหงของหลินเซี่ย ไม่มีความหมายอื่นใดแอบแฝง?
แต่หลินเซี่ยนับถืออู๋เซิ่งหงเป็นเหมือนสหายคนหนึ่ง คนอย่างเธอจะล้มเลิกความสนใจไปง่าย ๆ ได้อย่างไร?
แต่ถึงอย่างนั้น ทำไมเธอไม่เอ่ยปากพูดเรื่องการลงทุนตั้งแต่เขาเดินเข้ามาล่ะ?
คนอื่น ๆ ต่างก็กินข้าวและพูดคุยกันตามปกติ มีเพียงเซี่ยไห่แค่คนเดียวที่คิดกังวลสับสนอลหม่าน พยายามเดาสุ่มทุกทาง
หลังจากกินข้าวกันไปได้สักพัก เซี่ยเหลยก็ตบต้นขาของเขาแล้วพูดกับหลิวกุ้ยอิงว่า “ตายล่ะ ผมลืมเตรียมเครื่องดื่มให้เถ้าแก่อู๋ไปซะสนิท”
เซี่ยเหลยไม่มีนิสัยรักการดื่ม ภายในครอบครัวของเขาก็มีแต่ผู้หญิงและเด็ก ดังนั้นเขาจึงไม่เฉลียวใจว่าต้องเลี้ยงรับรองแขกด้วยเหล้า
แต่รอบนี้มีแขกคนสำคัญมาเยือนทั้งที จะไม่เตรียมเหล้าให้อีกฝ่ายได้อย่างไร?
ช่างเสียมารยาทจริง ๆ
อู๋เซิงหงพูดอย่างเร่งรีบ “ผมไม่ดื่มครับ ไม่ต้องเป็นธุระจัดหาให้ก็ได้”
“ไม่ใช่ของมึนเมารสแรงแบบนั้นหรอกครับ แต่เป็นสุราดอกกุ้ยฮวาหอมหวานจากบ้านเกิดของคุณ ลองชิมสักแก้วเถอะ คุณจากบ้านเกิดเมืองนอนมาหลายปีแล้ว นานทีจะมีโอกาสได้ลิ้มรสเหล้าของบ้านเกิด”
เซี่ยเหลยกำลังจะลุกไปหยิบขวดเหล้า แต่หลินเซี่ยพูดขึ้นก่อนว่า “พ่อ นั่งเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันไปเอง”
หลิวกุ้ยอิงยืนขึ้นและพูดว่า “เซี่ยเซี่ย ลูกไม่รู้หรอกว่าอะไรอยู่ตรงไหน ทุกคนนั่งลงเถอะ เดี๋ยวแม่ไปจัดการเอง”
หลิวกุ้ยอิงเข้าครัวไปหยิบสุราดอกกุ้ยฮวาออกมาหนึ่งขวด พร้อมด้วยจอกเหล้าหลายใบ จากนั้นก็จัดการรินเหล้าให้อู๋เซิ่งหงก่อน
“เถ้าแก่อู๋ ลองชิมดูนะคะ นี่เป็นสุราดอกกุ้ยฮวา ของเลื่องชื่อจากบ้านเกิดของเรา”
หลังจากเทแล้ว หล่อนก็ถามเซี่ยไห่ว่า “อารอง อยากดื่มด้วยไหมคะ?”
เซี่ยไห่ที่กำลังรู้สึกฟุ้งซ่าน เมื่อเขาได้ยินคำพูดของหลิวกุ้ยอิงจึงพยักหน้ารับ “รินให้ผมสักแก้วก็ได้พี่สะใภ้”
จู่ ๆ เซี่ยเหลยก็โพล่งขึ้นมาด้วย “รินให้ผมแก้วหนึ่งด้วย”
หลิวกุ้ยอิงมองไปที่เซี่ยเหลย ทักอย่างลังเล “คุณดื่มได้เหรอ?”
เซี่ยเหลยกำลังกินยาจีน ดังนั้นหล่อนต้องระมัดระวังเกี่ยวกับสภาพร่างกายของเซี่ยเหลย จึงหันไปหาคุณแม่เซี่ยอีกครั้งเพื่อขอความเห็นจากนาง
คุณแม่เซี่ยยิ้มแล้วพูดว่า “รินให้เขาหน่อยเถอะ วันนี้เป็นมื้อแห่งความสุข ดื่มนิดหน่อยไม่เสียหาย”
เซี่ยอวี่ยกมือขึ้นเพื่อบอกว่าหล่อนก็จะดื่มด้วยเหมือนกัน
หลิวกุ้ยอิงกลับเข้าครัวไปหยิบจอกเหล้าเพิ่มอีกสองสามแก้วแล้วรินเหล้าตามลำดับ
พร้อมกันนั้นยังเทนมให้หู่จือด้วย
หลังจากรินเหล้าแล้ว เซี่ยเหลยก็ยกแก้วขึ้นแล้วพูดว่า “มา ดื่มกันเถอะ ยินดีต้อนรับเถ้าแก่อู๋อย่างเป็นทางการ”
“ขอบคุณครับ ขอบคุณทุกคนมากจริง ๆ”
เถ้าแก่อู๋ยืนขึ้น ชนแก้วกับพวกเขา จากนั้นก็ขอบคุณพวกเขาอย่างจริงใจ หยิบแก้วเหล้าขึ้นและกระดกดื่มจนหมดในอึกเดียว
หลังจากดื่มเสร็จแล้ว เขาก็เม้มริมฝีปากด้วยสีหน้าพึงพอใจ “สุราดอกกุ้ยฮวาของแท้จากบ้านเกิดจริง ๆ ด้วย”
เขาถามหลิวกุ้ยอิงอย่างสงสัย “คุณสั่งซื้อจากบ้านเกิดโดยตรงเลยเหรอครับ?”
หลิวกุ้ยอิงตอบกลับ “ฉันซื้อมาจากร้านหนึ่งในตลาดค่ะ เจ้าของแผงบอกว่าเหล้าพวกนั้นถูกส่งมาจากเทศมณฑลซีเหออีกทีหนึ่ง”
“โอ้ อย่างนี้นี่เอง” เถ้าแก่อู๋จิบเหล้าอีกครั้ง แล้วเริ่มวิจารณ์รสชาติอย่างมืออาชีพ “ถึงเหล้านี้จะอร่อยมาก แต่ในส่วนของรสชาติก็ยังไม่ดีเท่าเหล้าจากโรงกลั่นเหล้าหลิวจี้ในเมืองของเราหรอกครับ”
เมื่อได้ยินอู๋เซิ่งหงพูดถึงโรงกลั่นเหล้าหลิวจี้ การแสดงออกของหลิวกุ้ยอิงก็เปลี่ยนไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
อู๋เซิ่งหงไม่ทันสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของหลิวกุ้ยอิง เขาจิบเหล้าและเล่าต่อไปว่า “สมัยที่ผมยังทำงานเป็นช่างก่อสร้าง ผมตระเวนรับงานทุกที่ หลังจากไปทำงานอยู่ที่บ้านตระกูลหลิวกว่าครึ่งเดือน ผมได้ดื่มเหล้าดอกกุ้ยฮวาจากร้านพวกเขาทั้งครึ่งเดือนนั่นเลย ความหอมอร่อยบ่งบอกได้ถึงกรรมวิธีกลั่นที่บริสุทธิ์ทีเดียว”
หลินเซี่ยลอบสังเกตการแสดงออกของผู้เป็นแม่ อดไม่ได้ที่จะคิดคาดเดา
ครอบครัวแม่ของเธอเคยทำอาชีพกลั่นเหล้า แถมยังใช้สกุลหลิว เป็นไปได้ไหมว่าโรงกลั่นเหล้าหลิวจี้ที่เถ้าแก่อู๋พูดถึงนั้นเป็นกิจการของครอบครัวแม่?
………………………………………………………………………………………………………………………….
งานเลี้ยงหงเหมิน 鸿门宴 หรืองานเลี้ยงที่ประตูห่านป่า อุปมาถึงการใช้งานเลี้ยงมาเป็นเครื่องมือในการทำร้ายคน มีที่มาจากเหตุการณ์สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์จีน เรื่องราวของหลิวปังที่ถูกเซี่ยงอวี่เรียกตัวให้ไปร่วมงานเลี้ยง แม้จะรู้ว่าเบื้องหน้านั้นเต็มไปด้วยอันตราย แต่จะอันตรายยิ่งกว่าหากเขาไม่ไปตามกำหนด ดังนั้นสิ่งเดียวที่ทำได้คือการเตรียมตัวให้พร้อมเพื่อเดินหน้าเข้าสู่สมรภูมิแล้วหาทางเอาตัวรอดกลับออกมาให้ได้
สารจากผู้แปล
โลกกลมจริงๆ เถ้าแก่อู๋มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับสกุลหลิวหรือเปล่านี่ จะรู้ไหมว่าแม่เซี่ยเซี่ยคือลูกสาวเจ้าของร้านที่ถูกขับออกจากตระกูล
ไหหม่า(海馬)