ตอนที่ 510 ยากจะแสดงความเห็น
ตอนที่ 510 ยากจะแสดงความเห็น
หลังจากที่เซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงดื่มอวยพรจนครบคนแล้ว ทุกคนก็เริ่มพูดคุยและรับประทานอาหาร
ขณะสนทนา คุณแม่เซี่ยมองไปที่เฉินเจิ้นเจียง และถามเกี่ยวกับเฉินเจียเหอและหลินเซี่ย
“พ่อเจียเหอ คุณคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับงานแต่งงานของเจียเหอและเซี่ยเซี่ยเหรอ?”
เฉินเจิ้นเจียงพูดอย่างจริงใจว่า “ป้าเซี่ยครับ เราให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ แต่เนื่องจากภาระงานที่รัดตัวทำให้ผมไม่สามารถจัดการทุกอย่างเป็นการส่วนตัวได้ โชคดีที่มีพ่อแม่ของผมคอยดูแลจัดแจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ ส่วนที่เหลือผมและแม่ของเขาจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี”
เฉินเจิ้นเจียงผู้วางตัวห่างเหินและสูงส่งเหนือคนอื่นมาตลอดในเวลานี้ก็ได้มีสถานะเป็นเพียงพ่อของลูกชาย เขาพยายามแสดงความจริงใจต่อพ่อแม่ของฝ่ายหญิง เพื่อเห็นแก่ความสุขของลูกชาย
คุณแม่เซี่ยกล่าวว่า “ดีแล้ว ในเมื่อคุณมีทัศนคติแบบนี้ พวกเราก็รู้สึกโล่งใจ”
เซี่ยเหลยมองโจวลี่หรง ถามว่า “แม่ยายเองก็ไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ใช่ไหมครับ? คุณเป็นแม่สามี ดังนั้นความคิดเห็นของคุณจึงสำคัญมากเหมือนกัน เพราะเราไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นในหมู่บ้านอีก”
ความหมายในคำพูดของเซี่ยเหลยชัดเจนมากว่าเขาไม่พอใจกับพฤติกรรมในอดีตของโจวลี่หรง
พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าครั้งหนึ่งหล่อนทำให้ลูกสาวของเขาตกที่นั่งลำบาก
ใบหน้าของโจวลี่หรงพลันร้อนผ่าวด้วยความละอาย
หล่อนเข้าใจดีว่าเซี่ยเหลยหมายถึงอะไร
หล่อนยืนขึ้น ยกแก้วเหล้าขึ้นมา มองหน้าเซี่ยเหลยและหลิวกุ้ยอิงแล้วพูดอย่างเคร่งขรึม
“พ่อเซี่ยเซี่ย แม่เซี่ยเซี่ย ฉันจะถือโอกาสนี้เพื่อขอโทษพวกคุณอย่างเป็นทางการ”
ในขณะที่คนหนุ่มสาวกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน จู่ ๆ โจวลี่หรงก็บอกว่าต้องการขอโทษ เฉินเจียเหอและคนอื่น ๆ จึงมองไปตามเสียง
เฉินเจียเหอค่อนข้างตกใจกับการกระทำของผู้เป็นแม่
จากนั้นก็สังเกตการเคลื่อนไหวที่โต๊ะของผู้อาวุโสอย่างเงียบ ๆ
“ตอนที่เจียเหอกับเซี่ยเซี่ยแต่งงานกันแรก ๆ เนื่องจากฉันขาดความเข้าใจเกี่ยวกับนิสัยใจคอของเซี่ยเซี่ย ทำให้ฉันหูเบา หลงเชื่อคำใส่ร้ายจากปากคนอื่นจนมีอคติต่อหล่อน ฉันจึงทำพฤติกรรมสุดโต่งบางอย่างซึ่งเป็นการทำร้ายจิตใจเด็ก ๆ และทำให้พ่อแม่อย่างพวกคุณไม่สบายใจอย่างยิ่ง ต้องขอบคุณเซี่ยเซี่ยที่เป็นคนใจกว้าง ไม่สนใจถือสาหาความ ถึงอย่างนั้นฉันก็เฝ้าโทษตัวเองอยู่ในใจเสมอ เมื่อก่อนฉันเป็นคนหัวรุนแรง แข็งกร้าว ชอบแทรกแซงเรื่องส่วนตัวของลูก ๆ มากเกินไป ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้น แต่แล้วเวลาก็พิสูจน์ได้ว่าวิสัยทัศน์ของเจียเหอนั้นถูกต้อง ฉันรู้สึกละอายใจกับเรื่องที่ผ่านมามาก ๆ ค่ะ”
“ฉันขอโทษนะคะ” โจวลี่หรงมองไปที่เซี่ยเหลยและคนอื่น ๆ แล้วพูดอย่างจริงใจ “จากนี้เป็นต้นไป ฉันจะปฏิบัติต่อเซี่ยเซี่ยเหมือนเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของฉันเอง”
เมื่อได้ยินคำสารภาพและขอโทษของโจวลี่หรง หลิวกุ้ยอิงก็รู้สึกว่าตัวเองยังคงด้อยกว่า
แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของลูก ๆ ทั้งสองฝ่าย ถึงพวกเขาจะไม่ค่อยได้เจอหน้ากันบ่อยนัก แต่หลิวกุ้ยอิงก็รู้สึกว่าตัวเองเทียบหล่อนไม่ได้
ในความรู้สึกของหล่อน โจวลี่หรงเป็นผู้หญิงคนเดียวในหมู่บ้านที่ได้ทำงานรับราชการอยู่ในเมือง และได้แต่งงานกับครอบครัวฝ่ายสามีที่ร่ำรวย
หล่อนกลายเป็นผู้หญิงที่ทำให้คนทั้งหมู่บ้านอยากเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
“แม่เจียเหอ เราดีใจมากที่ในที่สุดคุณก็ตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง ก่อนหน้านี้พวกเราตระกูลเซี่ยไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการแต่งงานของเซี่ยเซี่ยกับเจียเหอเหมือนกัน แต่หลังจากเราได้นับญาติกับหล่อนแล้ว หมายความว่าหลังจากนี้หล่อนจะมีครอบครัวคอยปกป้อง หวังว่าคุณจะปฏิบัติต่อหล่อนด้วยความจริงใจ ถ้าวันข้างหน้าคุณยังมีอคติอยู่ ผม เซี่ยเหลย จะไม่ยินยอมเช่นเดียวกัน”
หลังจากที่เซี่ยเหลยพูดจบ เขาก็ยืนขึ้นด้วยท่าทางสุภาพบุรุษ ยกแก้วขึ้นแล้วชนแก้วกับหล่อน
ถือเป็นนิมิตหมายอันดีว่าโจวลี่หรงรู้แจ้งแล้ว
เมื่อเฉินเจียวั่งเห็นการสารภาพอันเด็ดเดี่ยวในตัวผู้เป็นแม่ว่าในที่สุดหล่อนก็เรียนรู้ที่จะควบคุมตัวเอง หัวใจของเขาพลันอ่อนโยนลงมาก ดวงตาของเขาฉายแววโล่งใจขึ้นมาทันที
ขณะเดียวกันก็รู้สึกขมขื่นอยู่ลึก ๆ
ถ้าหล่อนรู้แจ้งให้เร็วกว่านี้สักหน่อย บางทีเขาอาจไม่ต้องป่วยเป็นโรคนี้เลยก็ได้
เฉินเจียวั่งยิ้มเจื่อนให้กับโชคชะตาของตัวเอง ยกแก้วขึ้นจิบเครื่องดื่ม
หลังจากที่โจวลี่หรงนั่งลงตามเดิม เฉินเจิ้นเจียงก็พูดเสริม “พวกเราชอบเซี่ยเซี่ยมาก เจียเหอโชคดีมากที่ได้แต่งงานกับภรรรยาแบบหล่อน ครอบครัวของเราจะปฏิบัติต่อหล่อนอย่างจริงใจแน่นอนครับ เมื่อก่อนภรรยาผมอาจไม่เข้าใจสถานการณ์ ประกอบกับประสบการณ์ชีวิตของเซี่ยเซี่ยนั้นซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก การแต่งงานที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของพวกเขาทำให้เราใช้อารมณ์เป็นใหญ่ ถึงอย่างนั้นภรรยาผมก็ไม่เคยมุ่งเป้ากลั่นแกล้งเซี่ยเซี่ย ไม่ว่าความสัมพันธ์จะเป็นยังไง เราต้องเข้าใจและปรับตัวเข้าหา ตอนนี้เราทุกคนเข้ากันได้เป็นอย่างดีแล้ว ขอให้พวกคุณโปรดมั่นใจ”
“ในเมื่อคุณพูดอย่างนั้น พวกเราในที่นี้ก็จะสบายใจ”
พ่อของเย่ไป๋เป็นนักเขียนชื่อดัง เมื่อแนะนำตัวกลางโต๊ะอาหาร เฉินเจิ้นเจียงและคนอื่น ๆ ก็รู้จักนามปากกาของเขากันทั้งหมด ต่างก็เคยอ่านผลงานชิ้นเอกของเขามาแล้ว
เมื่อเฉินเจิ้นเจียงได้ยินว่าเซี่ยอวี่และเย่ไป๋คบหากัน หัวใจของเขาก็พังทลายลงชั่วขณะหนึ่ง
อาการเหมือนคำพูดของคนยุคนี้ ที่เรียกว่าภาพพจน์แตกสลาย
ราชินีแห่งวงการ กำลังออกเดตกับเพื่อนสนิทคนเก่งของลูกชายเขางั้นเหรอ?
เขาอายุน้อยกว่าหล่อนหลายปีเลยนะ
เฉินเจิ้นเจียงอดไม่ได้ที่จะมองไปยังพวกเขาทั้งคู่
ไม่รู้แน่ชัดว่าเขาอายุเท่าใด… เพราะดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วไม่สามารถบอกได้เลย
“เจียซิ่ง ทำไมวันนี้แฟนนายไม่มาด้วยล่ะ?” เซี่ยไห่ถามเฉินเจียซิ่ง
เฉินเจียซิ่งตอบว่า “หล่อนยังไม่ได้แต่งงาน เลยไม่สะดวกมาร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำภายในครอบครัว”
“คุณได้เจอแฟนใหม่ผมตอนที่พี่สะใภ้เปิดร้านใหม่เมื่อครั้งที่แล้วแล้วนี่ หล่อนดูเป็นไงบ้าง? เราเหมาะสมกันดีหรือเปล่า?”
เซี่ยไห่ตักอาหารพลางพูดว่า “แตกต่างกันเกินไปหน่อย ยากจะออกความเห็น”
เฉินเจียซิ่งมองไปที่เฉินเจียเหออีกครั้ง
เพราะอยากฟังความคิดเห็นจากเขา
แน่นอนว่าเฉินเจียเหอมีความประทับใจที่ดีกับหญิงสาวที่ชื่อหยางหงเสีย
เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเฉินเจียซิ่งจะหาภรรยาที่ดีพร้อม เป็นแม่บ้านแม่เรือนดูแลลูก และมีชีวิตที่ดี
เฉินเจียเหอมองเขาอย่างจริงจังแล้วพูดว่า “ยังไงก็ได้ แต่อย่าทำให้ผู้หญิงดี ๆ เขาต้องผิดหวัง”
เฉินเจียซิ่งคร่ำครวญ “พี่ชาย คนที่มีบาดแผลด้านความรักอย่างผมจะยังมีกำลังไปทำให้คนอื่นผิดหวังได้ยังไง? ผมหวังแค่คนอื่นจะไม่ทำให้ผมบอบช้ำรอบสอง”
ผู้คนที่อยู่ตรงนี้ต่างก็คุ้นเคยกับประสบการณ์ของเฉินเจียซิ่ง จึงมองเขาอย่างเห็นอกเห็นใจ
มีเพียงเฉินเจียเหอและเฉินเจียวั่งเท่านั้นที่ดูไม่แยแส
หลังจากหย่าร้างไม่ถึงสองเดือน เขาก็พาแฟนใหม่กลับมาเปิดตัว แถมยังวางแผนถึงขั้นแต่งงานในเร็ว ๆ นี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่ เขาก็ดูไม่เหมือนคนมีแผลด้านความรักอย่างที่ว่า
ในฐานะพี่ชายคนโต เฉินเจียเหอมีความสุขที่เฉินเจียซิ่งสามารถเอาชนะความสัมพันธ์ที่ล้มเหลวครั้งนั้นได้
แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อรวมกับประสบการณ์ทางอารมณ์ของอีกฝ่ายตั้งแต่วัยเด็กเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เขาก็ต้องกังวลแทนผู้หญิงคนนั้น
กลัวว่าเฉินเจียซิ่งกำลังพยายามดึงหล่อนเข้ามาเติมเต็มความว่างเปล่า
เมื่อเห็นท่าทางโศกเศร้าของเฉินเจียซิ่ง เซี่ยไห่ก็รินเหล้าให้เขาและตบไหล่เพื่อปลอบใจ “เจียซิ่ง นายหลุดพ้นจากทะเลเวิ้งว้างแห่งความทุกข์ตรมมาแล้ว นายมาถูกทางแล้วล่ะ ในอนาคตต้องมีความสุขมากแน่ ๆ อย่าไปคิดถึงเรื่องเศร้า ๆ ที่มันผ่านไปแล้วอีกเลย”
ผู้หญิงที่เหมือนอยู่บนแผงลอยริมทางอย่างเสิ่นเสี่ยวเหมยไม่ควรค่าแก่การกล้ำกลืนฝืนแต่งกับหล่อนไปจนตาย
โชคดีแค่ไหนแล้วที่หย่ากันได้
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ยินข่าวคราวใด ๆ จากตระกูลเสิ่นในช่วงที่ผ่านมาเลย
ตั้งแต่เสิ่นเถี่ยจวินถูกควบคุมตัว คนเหล่านั้นก็หยุดสร้างปัญหา
แน่นอนว่าเสิ่นอวี้อิ๋งก็น่าจะยังอยู่ในระหว่างให้นมลูก ดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะสร้างปัญหาได้
เฉินเจียซิ่งมองเซี่ยไห่อย่างรู้สึกขอบคุณ และชนแก้วกับเขา “อารองเซี่ย ขอบคุณมากที่ปลอบใจ คุณคือคนที่เข้าใจผมมากที่สุด”
เมื่อพูดถึงเรื่องราวในอดีต เขาอดคิดถึงเพื่อนเก่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เฉินเจียซิ่งมองไปที่เย่ไป๋ ซึ่งสายตาของเขาจับจ้องไปที่เซี่ยอวี่ตลอดเวลา เหมือนไม่ใส่ใจฟังการสนทนาของพวกเขาเลย จากนั้นก็ถามซุบซิบ
“หมอเย่ครับ ได้ยินมาว่าคุณไปนัดบอดกับเสิ่นเสี่ยวเหมยมาเหรอ?”
เย่ไป๋ “!!!”
เขาปรับระดับแว่นตา มองดูเฉินเจียซิ่งที่อยู่ ๆ ก็พูดทะลุกลางปล้องขึ้นมา แล้วพูดว่า “เปล่านี่”
“จริงเหรอ? แต่เหมือนผมจะได้ยินเรื่องนี้มาสักพักแล้วนะ”
เย่ไป๋ไม่ตอบ มองเขาด้วยดวงตาที่ลุกเป็นไฟ ถามกลับอย่างยอกย้อน “นายหึงหรือไง หรือยังสนใจติดตามข่าวคราวความเป็นไปของอดีตภรรยาตัวเองหลังหย่า? นายยังปล่อยวางจากหล่อนไม่ได้ล่ะสิ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เห็นใจลี่หรงอยู่หน่อยๆ นะ ที่มีบุคลิกชวนให้คนหนีห่างขนาดนั้น
เจียซิ่งอย่าไปยุ่งกับหมอเย่เลย โดนหมอเย่สวนกลับแล้วจะเจ็บกว่าโดนมีดผ่าตัดกรีดนะ
ไหหม่า(海馬)