คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง – ตอนที่ 365 มีการค้ามาถึงหน้าประตู

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 365 มีการค้ามาถึงหน้าประตู

ฝนในฤดูใบไม้ร่วงหนาวเย็น

เมื่อผ่านพ้นการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงไป อากาศก็เริ่มเย็นขึ้น

สำนักเซ่าฝู่จะร่วมมือกับเรือนพักร่ำรวย ไม่เพียงแค่การซื้อขายผ้าผืน อีกทั้งยังคิดจะซื้อหญ้าสำหรับปศุสัตว์

สนามเลี้ยงปศุสัตว์ของเรือนพักร่ำรวยขยายใหญ่ขึ้นทุกปี มันกลายเป็นแหล่งจัดหาหญ้าสำหรับปศุสัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่นครบาลไปแล้ว

หญ้าสำหรับปศุสัตว์ไม่ได้มีราคาแพง แต่เป็นทรัพยากรที่ไม่อาจขาดแคลนได้

สำนักเซ่าฝู่กำลังเตรียมตัวสำหรับทำสงครามในฤดูหนาว ต้องการหญ้าสำหรับปศุสัตว์จำนวนมาก ดังนั้นจึงมีความคิดที่จะร่วมมืออีกครั้ง

ฉางกุ้ยพ่อบ้านของสนามปศุสัตว์ย่อมอยากทำการค้า

มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกส่วน เงินรางวัลปลายปีย่อมจะมากขึ้น

แต่พ่อบ้านใหญ่หานฉีจงไม่เต็มใจ

“ตอนนั้นสำนักเซ่าฝู่ทำกับเรือนพักร่ำรวยของเราเหมือนรองเท้า เวลานี้พวกเขาบอกร่วมมือก็ร่วมมือหรือ เรือนพักร่ำรวยของพวกเราเป็นสิ่งใดในสายตาของสำนักเซ่าฝู่ สตรีในหอนางโลมหรือ เรียกก็มา ไล่ก็ไป บอกสำนักเซ่าฝู่ ไม่มีหญ้าสำหรับปศุสัตว์ เรือนพักร่ำรวยไม่กล้าอาจเอื้อมสำนักเซ่าฝู่ที่สูงส่ง การค้านี้ไม่ทำ!”

ฉางกุ้ยทำหน้าเศร้า “หากปฏิเสธสำนักเซ่าฝู่ตรงๆ คงไม่ดีนัก! ต้องรายงานเถ้าแก่ก่อนหรือไม่ ไม่แน่เถ้าแก่อาจเต็มใจที่จะซ่อมแซมความสัมพันธ์กับสำนักเซ่าฝู่ เพราะอย่างไรแล้วปริมาณการสั่งซื้อของสำนักเซ่าฝู่ค่อนข้างมาก กำไรก็ดีไม่น้อย”

มันก็เป็นความจริง

สำนักเซ่าฝู่ยอมเสียเงิน

ถึงแม้จะเป็นตอนยากจนที่สุด ไร้เกียรติที่สุด แต่สำนักเซ่าฝู่ก็ไม่ขาดเงินในการซื้อสิ่งของ พวกเขายอมลงทุนใช้เงินจำนวนมาก!

อย่างไรแล้ว ‘ความจน’ ของสำนักเซ่าฝู่แตกต่างจาก ‘ความจน’ ในความหมายทั่วไป

สำนักเซ่าฝู่ไม่มีเงินไหลเวียนหลักล้านก็ถือว่ายากจน อีกทั้งยังยากจนจนหมดหนทาง

หากเป็นพ่อค้า แม้จะเป็นพ่อค้าแนวหน้า หากในมือมีเงินหมุนเวียนหนึ่งล้านก้วนก็ถือว่าเป็น ‘เศรษฐี’ แล้ว!

ความร่ำรวยพุ่งทะยานขึ้นฟ้า!

ฉางกุ้ยอยากร่วมมือกับสำนักเซ่าฝู่มาก ปริมาณการสั่งซื้อมาก จ่ายเงินก็รวดเร็ว

การค้าที่มาหาถึงหน้าประตู ไม่มีเหตุผลต้องผลักออกไป

ถึงแม้ที่ผ่านมาจะเคยมีความขัดแย้งกัน แต่คำโบราณว่าไว้ ไม่มีมิตรสหายถาวร มีเพียงผลประโยชน์ถาวร

หานฉีจงไม่พอใจอย่างมาก

บนตัวเขายังคงมีกลิ่นอายของบัณฑิต เจ้าเหยียดหยามข้า ยังคิดจะร่วมมือกับข้า ฝันไปเถิด!

ความทะนงตนของบัณฑิตจะละทิ้งไปได้อย่างไร

เขาเป็นพ่อบ้านใหญ่ของเรือนพักร่ำรวยไม่ผิด แต่เขาก็เป็นบัณฑิต

เขากัดฟัน “ความเห็นของข้าก็คือไม่ทำการค้ากับสำนักเซ่าฝู่ เจ้าเป็นพ่อบ้านของสนามปศุสัตว์ การค้านี้จะทำหรือไม่ เจ้าตัดสินใจ ข้าจะรายงานเถ้าแก่ตามจริง เถ้าแก่ย่อมมีความคิดของตนเอง”

อย่างไรก็ตามเขาก็ยังเป็นพ่อบ้านใหญ่ของเรือนพักร่ำรวย ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของเรือนพัก

การค้าที่มาเยือนถึงหน้าประตู ลองคุยดูก่อน

จะปฏิเสธหรือไม่ ยังต้องขอคำชี้แนะจากเถ้าแก่

สำนักเซ่าฝู่เสนอให้มีการร่วมมือเอง เยียนอวิ๋นเกอย่อมยินดี

นางไม่ใช่บัณฑิต ไม่มีเหตุผลผลักเงินที่กำลังจะถึงมือออกไป

เกียรติยศ?

ตอนนั้นสำนักเซ่าฝู่ยกเลิกการสั่งซื้อ หากพูดตามตรงก็เป็นแค่เรื่องธรรมดาของการค้า

การค้า อาจจะมีร่วมมือในเดือนนี้ เดือนหน้าก็เลิกร่วมมือ

เรื่องของการค้า ไม่ว่าอย่างไรก็ยอมรับได้

ส่วนท่าทีของพระราชบุตรเขยจ้ง เยียนอวิ๋นเกอไม่สนใจแม้แต่น้อย

นางทำการค้ากับสำนักเซ่าฝู่ ไม่ใช่กับตระกูลจ้ง

พระราชบุตรเขยจ้งคือพระราชบุตรเขยจ้ง สำนักเซ่าฝู่คือสำนักเซ่าฝู่ นางแยกแยะได้

นางส่งจดหมายให้ฉางกุ้ย บอกให้เขาทำการค้ากับสำนักเซ่าฝู่อย่างวางใจ แต่ก่อนอื่นคือต้องจ่ายค่าสินค้าก่อน ไม่อนุญาตให้ติดหนี้

สินค้าที่ขายออกไปแล้วเกิดปัญหาใด ล้วนจะไม่รับผิดชอบ

เมื่อฉางกุ้ยได้สัญญาณ เขาก็ดีใจอย่างมาก

สิ้นปีนี้ย่อมมีเงินรางวัล

หานฉีจงไม่เต็มใจนัก เขารู้สึกว่าเถ้าแก่ขาดความทะนงตน

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะ “เจ้าก็ศึกษาตำราประวัติศาสตร์ คงจะรู้ว่าราชวงศ์ในประวัติศาสตร์กับต่างเผ่าเดี๋ยวรบเดี๋ยวสันติเป็นประจำ ห้าสิบปีก่อน เรียกได้ว่าเป็นศัตรูที่ต้องตายไปข้าง ไม่ฆ่าอีกฝ่ายให้ตายจนหมดก็คงรู้สึกผิดต่อพลทหารที่เสียสละไปจำนวนมาก แต่ในชั่วพริบตาก็เริ่มเจรจาเพื่อเรียกร้องสันติภาพ เจรจาเพื่อการค้า เจรจาเพื่อผลประโยชน์…จากความคิดของเจ้า ราชสำนักไร้ความทะนงตน อับอายขายหน้าอย่างมากหรือไม่”

หานฉีจงโต้แย้ง “เรื่องใหญ่ของบ้านเมืองจะเอามารวมกับการค้าได้อย่างไร”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม “เนื่องจากเป็นการค้าดังนั้นจึงต้องยืดหยุ่น ไม่ใช่ข้าไร้ความทะนงตน หากแต่ความทะนงตนไม่ได้ใช้ในด้านนี้ หากวันนี้มีคนล่วงเกินจวนองค์หญิง เจ้าลองดูว่าข้าจะมีความทะนงตนหรือไม่”

“แต่ก่อนหน้านี้สำนักเซ่าฝู่บังอาจผิดสัญญา ยกเลิกการสั่งซื้อ เถ้าแก่ไม่รู้สึกถูกเหยียดหยามหรือ”

เยียนอวิ๋นเกอขมวดคิ้ว “เพียงเพราะยกเลิกการสั่งซื้อก็คิดว่าถูกเหยียดหยาม เจ้าทำให้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปหรือไม่ หากเจ้าเชื่อมโยงเรื่องการยกเลิกการสั่งซื้อกับการแต่งงานของข้า มันคงมีความเหยียดหยามปะปนอยู่ในนั้น แต่ทางข้า การค้าก็คือการค้า การแต่งงานก็คือการแต่งงาน ข้าไม่เคยเอามันมาปนกันเป็นเรื่องเดียว”

“แต่หัวหน้าสำนักเซ่าฝู่คือพระราชบุตรเขยจ้ง นายน้อยจ้งก็…”

เยียนอวิ๋นเกอโบกมือเป็นเชิงไม่ให้เขาพูดต่อ “เจ้าดูถูกข้าเกินไป หัวใจของข้าไม่ได้คับแคบเพียงนั้น อีกทั้งไม่มีทางเกิดความไม่พอใจเพราะมีคนไม่ชอบข้า ข้าก็คือข้า ไม่จำเป็นต้องประจบผู้ใด

คนที่ไม่เกี่ยวข้องจะชอบข้าหรือไม่ มีอคติต่อข้าหรือไม่ เกี่ยวอันใดกับข้า หลายปีมานี้ เจ้าก็ยังไม่อาจมองข้ามไปได้ ยังคงสนใจสายตาของผู้อื่นเกินไป มีชีวิตอยู่อย่างไม่เป็นอิสระมากพอ”

หานฉีจงยิ้มขมขื่น “บางทีข้าศึกษามาทั้งชีวิตก็ไม่อาจไปถึงระดับของเถ้าแก่ในเวลานี้ ไม่อาจหลุดพ้นจากสายตาของผู้อื่นเหมือนเถ้าแก่ ใช้ชีวิตอย่างอิสระอยู่บนโลก อย่างไรข้าก็เป็นคนธรรมดา ข้าให้ความสำคัญต่อความคิดของผู้อื่น สนใจภาพจำของข้าในใจของผู้อื่น”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้ม “เจ้าไม่ต้องฝืนตัวเอง! แต่ละคนย่อมมีวิธีการใช้ชีวิตของตนเอง เพียงแค่เจ้ารู้สึกสบายใจ มีความพอใจและรู้สึกประสบความสำเร็จ มีชีวิตอยู่อย่างไรก็คือมีชีวิตอยู่ คนบนโลกมีเป็นหมื่นเป็นพัน จะบังคับให้ทุกคนใช้ชีวิตเหมือนกันทั้งหมดได้อย่างไร”

“เถ้าแก่ช่างมองเรื่องในโลกอย่างทะลุปรุโปร่ง แต่คนในโลกต่างชอบใช้มาตรฐานไปบังคับผู้อื่น คุณหนูใช้ชีวิตเช่นนี้ เกรงว่าจะต้องถูกวิจารณ์ไปทั้งชีวิต!”

เยียนอวิ๋นเกอได้ยินจึงหัวเราะร่า “ไม่ปิดบังเจ้า นับแต่ข้าจำความได้ ข้าก็ถูกคนวิจารณ์ ข้าเติบโตขึ้นภายใต้คำวิจารณ์ ฝึกฝนจนแข็งแกร่งดุจกำแพงทองแดงผนังเหล็ก ไม่เกรงกลัวคำสบประมาทใด ความรังเกียจ ความเข้าใจผิดหรือแม้แต่ความเกลียดแค้นของผู้อื่น…สำหรับข้าไม่เคยเป็นปัญหา

ดังนั้น เจ้าไม่ต้องกังวลว่าชื่อเสียงของข้าจะเสื่อมเสียเพียงเพราะร่วมมือกับสำนักเซ่าฝู่ ยิ่งไม่ต้องเชื่อมโยงความทะนงตนกับการค้านี้ การค้าก็คือการค้า เป็นการซื้อขายแลกเปลี่ยนธรรมดา ไม่มีสิทธิ์เชื่อมโยงกับความทะนงตน!”

หานฉีจงสูดลมหายใจเข้า “ระดับของข้าไม่อาจเทียบเถ้าแก่ เถ้าแก่ก็คือเถ้าแก่ มองได้ยาวไกลยิ่งกว่าคนธรรมดาอย่างพวกข้า อีกทั้งทะลุปรุโปร่งมากกว่า”

“เอาเถิด ไม่ต้องประจบ นานทีจะมาเมืองหลวง อยู่ต่ออีกหลายวัน เดินเล่นให้ทั่ว ไม่ต้องรีบกลับเรือนพัก”

“ขอรับ!”

การค้าหญ้าสำหรับปศุสัตว์ไม่อาจส่งผลกระทบใดต่อเมืองหลวงที่กว้างใหญ่

แม้แต่องค์หญิงเฉิงหยางยังไม่รู้เรื่องนี้

นางกำลังกลุ้มใจแทนฮองเฮาจ้งซูอวิ้น

หลายวันก่อน จ้งซูอวิ้นถูกตรวจพบว่าตั้งครรภ์ แต่สุดท้ายเมื่อผ่านไปไม่นาน นางกลับแท้ง

องค์หญิงเฉิงหยางโกรธมาก สงสัยว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของคน

นางให้ฮองเฮาจ้งซูอวิ้นพักรักษาอย่างวางใจ นางจะตรวจสอบวังหลังด้วยตนเอง

การกระทำนี้ทำให้พระพันปีเถาขุ่นเคือง

เรื่องในวังหลังจะให้คนนอกแทรกแซงได้อย่างไร

ถึงแม้จะต้องการตรวจสอบวังหลัง แต่ก็ควรจะเป็นหน้าที่ของพระพันปีเถา

ทำให้ทั้งคู่ปะทะกันขึ้นมา

พระพันปีเถาพูดอย่างตรงไปตรงมา “เฉิงหยาง มือของเจ้ายื่นยาวเกินไป วังหลังไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรแทรกแซง ข้าหลวงในวังหลังก็ไม่ต้องให้เจ้าลงโทษ คราวก่อนเจ้ากำจัดข้าหลวงในตำหนักเว่ยยางโดยพลการ ข้าก็อยากตักเตือนเจ้า

แต่เห็นแก่ที่เจ้ารักบุตรสาวมาก สุดท้ายข้าเลือกที่จะอดทน ไม่คิดว่าครั้งนี้เจ้าจะทำเกินกว่าเหตุยิ่งกว่าเดิม ไม่เพียงจะแทรกแซงตำหนักเว่ยยาง อีกทั้งยังคิดจะแตะต้องทั้งวังหลัง เจ้าเห็นข้าเป็นสิ่งใด ของประดับหรือ”

องค์หญิงเฉิงหยางหัวเราะอย่างดูถูก “ฮองเฮาเพิ่งตรวจพบว่าตั้งครรภ์ ผ่านไปเพียงไม่กี่วันก็แท้ง ถึงแม้หมอหลวงจะหาสาเหตุไม่ได้ แต่ผู้ใดกล้าบอกว่าเรื่องนี้ไม่น่าสงสัย ฮองเฮาตั้งครรภ์ยังรักษาไว้ไม่ได้ ก็เพราะวังหลังไม่สะอาด

หลายวันนี้ พระพันปีทรงทำสิ่งใดต่อเรื่องการแท้งของฮองเฮาหรือไม่ ในเมื่อพระพันปีไม่อาจทวงความเป็นธรรมแทนฮองเฮา เช่นนั้นหม่อมฉันขอบังอาจออกหน้าบรรเทาความทุกข์แทนพระพันปี ตรวจสอบเรื่องนี้ ผิดหรือ”

พระพันปีเถาโกรธมาก “เจ้าบอกว่าบรรเทาความทุกข์แทนข้า แต่เจ้าได้รับอนุญาตจากข้าหรือไม่ มีพระราชโองการของข้าหรือไม่ แทรกแซงวังหลังโดยไม่มีพระราชโองการ ตรวจสอบทุกคนในวังหลัง เจ้าต้องโทษประหาร!”

องค์หญิงเฉิงหยางก้มหน้ายิ้มเหยียด “ขอบังอาจทูลถามพระพันปี พระองค์จะทรงประหารหม่อมฉันหรือ”

พระพันปีเถาทำหน้าเคร่งขรึม “โทษประหารไม่ต้อง แต่ก็ต้องมีบทลงโทษ เจ้าออกจากวังไปบัดนี้ ไม่มีพระราชโองการของข้า เจ้าไม่อาจเหยียบเข้าวังหลวงแม้แต่ก้าวเดียว”

“พระองค์มีสิทธิ์ใด”

“สิทธิ์ที่ข้าเป็นพระพันปี ข้ามีอำนาจในวังหลัง”

“หม่อมฉันเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดของฮองเฮา น้องสาวของฮ่องเต้องค์ก่อน…”

“กลับไปโอ้อวดที่จวนองค์หญิงของเจ้า ภายในพระราชวัง ข้ามีอำนาจ ข้าบอกเจ้า อย่าว่าแต่มารดาผู้ให้กำเนิดฮองเฮา แม้จะเป็นฮองเฮาเองก็ต้องฟังคำสั่งข้า จะตัดสินใจโดยพลการได้อย่างไร!”

องค์หญิงเฉิงหยางโกรธจนหน้าแดงหน้าขาว ราวกับเปิดโรงย้อมสี

พระพันปีเถาไม่ไว้หน้านาง “ผู้ใดก็ได้ ส่งองค์หญิงเฉิงหยางออกจากวัง บอกองครักษ์ประตูวัง ไม่มีคำสั่งของข้า ต่อจากนี้ไม่อนุญาตให้องค์หญิงเฉิงหยางเข้าวัง”

“พระองค์ทรงรังแกกันเกินไปแล้ว!” องค์หญิงเฉิงหยางตะโกนด้วยความโกรธ

พระพันปีเถาหัวเราะ “ข้าจะรังแกเจ้า เจ้าจะทำอย่างไรได้ ตอนที่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังทรงมีชีวิตอยู่ ข้ายังโบยเจ้าได้ เวลานี้ข้ายิ่งทำแบบเดิมได้ ส่งนางออกไป!”

ทันทีที่สิ้นคำสั่ง เหมาเส้าเจี้ยนนำข้าหลวงมายังข้างตัวขององค์หญิงเฉิงหยาง “องค์หญิง เชิญเถิด! หวังว่าท่านจะให้ความร่วมมือ จะได้ไม่เสียเกียรติของท่าน”

ไร้เหตุผล!

รังแกกันเกินไป!

องค์หญิงเฉิงหยางกัดฟันกรอด “ดี ดีมาก! ข้าจะออกจากวังบัดนี้! ข้าอยากจะดูว่าพระองค์จะทรงให้ความเป็นธรรมฮองเฮาได้หรือไม่”

พูดจบ นางก็สะบัดแขนเสื้อจากไปด้วยความโกรธ ไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้!

ข่าวความขัดแย้งระหว่างพระพันปีเถากับองค์หญิงเฉิงหยางถูกแพร่กระจายไปทุกครัวเรือนเหมือนติดปีก

…………………………………….

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

Status: Ongoing
ณหนูจวนอื่นชื่นชอบแพรพรรณงดงาม กวี ภาพเขียน บุรุษหล่อเหลา แต่คุณหนูสี่จวนโหวกลับคลั่งไคล้ในเงินทอง! การค้ารูปแบบใดที่แผ่นดินนี้ไม่เคยมีล้วนออกมาจากสมองของนางและทั้งหมดล้วนทำให้เงินทองไหลมาเทมา!นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ!คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนักใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใดแต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลกอาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย!ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน!เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดาด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท