ตอนที่ 367 อำนาจพิเศษจากจักรพรรดิ ประหารก่อนทูลรายงาน
เฟ่ยกงกงทำหน้าฉงน เขาไม่รู้ว่าบทสนทนาของทั้งสองคนหมายถึงเรื่องใด
เขารู้สึกว่าตนเองถูกกีดกันไว้ด้านนอก
ในฐานะคนสนิทของท่านอ๋อง เขากลับไม่รู้ว่าท่านอ๋องมีความลับที่ซ่อนอยู่ลึกเช่นนี้
หลายปีนี้ เขาทำงานผ่านมาได้อย่างไร
ตอนท่านอ๋องยังเด็ก เขาก็ติดตามอยู่ข้างกายท่านอ๋อง
ทุกเรื่องของท่านอ๋อง เขาก็รู้ดีเป็นอย่างยิ่ง
แต่ในเวลานี้ เขาพบว่าตนเองเป็นคนโง่
เขาอดมองไปทางสวีกงกงไม่ได้
คนผู้นี้ทำงานอยู่ข้างตัวท่านอ๋องก่อนเขาเสียอีก เขาเหมือนวิญญาณอยู่เสมอ
หากไม่ได้เห็นอีกฝ่ายแก่ชราลงกับตา เขาคงสงสัยว่าอีกฝ่ายเป็นปีศาจ ไม่ใช่มนุษย์
“ท่านอ๋อง”
เขามองอีกฝ่ายตาปริบๆ
ในฐานะคนสนิท เวลานี้ก็ควรให้เขารู้ว่าความจริงที่ว่าคือเรื่องใดหรือไม่
เซียวเฉิงเหวินรู้ว่าเขากำลังคิดสิ่งใด จึงพูดทันที “เรื่องเหล่านี้ เจ้าจะรู้ในไม่ช้า อย่ารีบร้อน”
“กระหม่อมไม่รีบ! กระหม่อมแค่รู้สึกไม่คุ้มค่าแทนท่านอ๋อง ท่านอ๋องต้องเหน็ดเหนื่อยในการช่วยราชสำนักแบ่งเบาความกังวลอยู่ทุกวัน แต่ไม่มีผู้ใดรู้ มิหนำซ้ำยังโทษท่านอ๋องยุ่งไม่เข้าเรื่อง ท่านอ๋องควรเปิดเผยกรงเล็บออกมาให้พวกเขารู้ดีชั่วมานานแล้ว”
“อย่าพูดจาเหลวไหล!”
เซียวเฉิงเหวินตำหนิเสียงเบา
เฟ่ยกงกงก้มหน้าตอบรับ
…
เซียวเฉิงเหวินนั่งรถม้ามุ่งหน้าไปยังพระราชวัง ตลอดทางไร้อุปสรรคกีดขวาง
ในฐานะพี่น้องร่วมมารดาของฮ่องเต้ โอรสองค์โตของพระพันปี ข้าหลวงต่างเกรงใจเขาอย่างมาก
ตำหนักฉางเล่อเต็มไปด้วยเสียงเพลง
พระพันปีเถาเกิดความคิดเรียกนางระบำมาคลายความเบื่อหน่าย
เสียงที่ไพเราะเต็มไปด้วยความอ่อนโยน ทำให้หวนระลึกถึงทิวทัศน์ที่บรรดาดอกไม้เบ่งบานในฤดูใบไม้ผลิ
เมื่อเห็นบุตรชายคนโตมาถึง รู้ว่าเขาไม่ชอบเสียงดัง พระพันปีเถาจึงโบกมือให้นางระบำถอยออกไป
“อากาศหนาว เจ้าไม่พักรักษาตัวอยู่ในจวนอ๋อง เหตุใดจึงวิ่งเข้ามาในวัง ข้าไม่ต้องการการถวายบังคม เจ้ารักษาตัวให้ดีก็เป็นการกตัญญูต่อข้าอย่างที่สุดแล้ว”
พระพันปีเถาไม่โปรดปรานบุตรชายคนโตเหมือนเคย
อีกทั้งไม่เต็มใจให้บุตรชายคนโตเข้ามาถวายบังคม แสดงความกตัญญูมากนัก
ความสัมพันธ์ของแม่ลูกทั้งสองเปราะปรางเหมือนเคย
เซียวเฉิงเหวินนั่งลงกับพื้น กระแอมไอเสียงเบา “วันนี้กระหม่อมเข้าวังมา หนึ่งเพื่อถวายบังคมเสด็จแม่ สองคือกระหม่อมได้ยินข่าวลือหนึ่ง อยากขอคำชี้แนะจากเสด็จแม่ พร้อมทั้งพิสูจน์ความจริง”
พระพันปีเถาถามอย่างไม่ใส่ใจ “ข่าวลือใด”
เซียวเฉิงเหวินโน้มตัวเล็กน้อย พลันพูด “ด้านนอกต่างลือว่า ฮ่องเต้ไม่ทรงยอมปลดรับสั่งกักบริเวณองค์หญิงเฉิงหยางเพราะเรื่องที่ถูกบังคับให้แต่งงานในตอนนั้น”
“เหลวไหล! ข้ารับสั่งให้กักบริเวณองค์หญิงเฉิงหยาง ฮ่องเต้ทรงกตัญญู ไม่ยอมคัดค้านการตัดสินใจของข้า จึงไม่ได้ปลดรับสั่งกักบริเวณองค์หญิงเฉิงหยาง ผู้ใดช่างร้ายกาจปล่อยข่าวลือนี้ออกมา ยั่วยุความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้และฮองเฮาให้บาดหมาง ยั่วยุความเชื่อใจระหว่างฮ่องเต้และตระกูลจ้ง เหมาเส้าเจี้ยน เจ้ารู้เรื่องนี้หรือไม่”
สีหน้าของพระพันปีเถาขุ่นเคืองราวกับไม่รู้เรื่องจริงๆ
เหมาเส้าเจี้ยนยืนออกมา โน้มตัวทูลตอบ “ทูลพระพันปี เรื่องข่าวลือ กระหม่อมได้ยินคนพูดสองประโยคจึงส่งเสียงตำหนิทันที เดิมคิดว่าข่าวลือจะหยุดอยู่ที่ผู้มีปัญญา ไม่คิดว่าจะส่งไปถึงหูของท่านอ๋องผิงชิน กระหม่อมจัดการไม่เหมาะสม กระหม่อมจะส่งคนไปสืบเรื่องนี้ ย่อมต้องสืบให้พบว่าผู้ใดปล่อยข่าวลือ ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้และฮองเฮา”
พระพันปีเถาพยักหน้าระรัว “เจ้ารีบไปสืบ บังอาจใส่ร้ายข้า เรื่องนี้อภัยให้ไม่ได้”
“เสด็จแม่ทรงอย่ารีบร้อน เหมาเส้าเจี้ยนก็อย่ารีบไปสืบความจริง”
เซียวเฉิงเหวินกระแอมไอเสียงเบา “เพราะคนของกระหม่อมสืบข่าวลือนี้มาก่อนแล้ว เสด็จแม่ทรงเดา สุดท้ายสืบไปถึงตัวผู้ใด”
“ผู้ใด หรือเจ้าสืบไปถึงตัวองค์หญิงเฉิงหยาง?”
“ไม่ใช่! ท้ายที่สุดคนของกระหม่อมสืบมาถึงในวัง สืบมาถึงตำหนักฉางเล่อ จึงไม่ได้สืบต่อไป”
“เจ้าบังอาจ!”
พระพันปีเถาโกรธจัด “เจ้าสอง เจ้ากำลังตำหนิข้าหรือ ข้าเข้าใจแล้ว วันนี้เจ้าเข้าวังไม่ได้เพื่อมาถวายบังคมแต่อย่างใด แต่เจ้ากำลังสงสัยว่าข้าปล่อยข่าวลือนี้เพื่อทำลายความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้และฮองเฮา ทำลายความไว้วางใจระหว่างฮ่องเต้และขุนนาง
เจ้ารู้หรือไม่ว่าการตำหนิของเจ้าเป็นความผิดอย่างร้ายแรง แม้แต่ความคิดนี้ก็เป็นความผิดอย่างร้ายแรง สุดท้าย เจ้าไม่เพียงปล่อยให้คนข้างตัวพูดจาเหลวไหล ยังกล้าเข้ามาซักถามข้าในวัง ผู้ใดให้ความกล้านี้แก่เจ้า”
เซียวเฉิงเหวินไม่ทุกข์ร้อน สีหน้าเรียบเฉย
เขาไม่ขยับแม้แต่น้อยเมื่อเผชิญหน้ากับการตำหนิและความโกรธของพระพันปีเถา
เขาพูดอย่างสงบ “กระหม่อมไม่ต้องมีผู้ใดให้ความกล้า ตัวกระหม่อมเองก็มีความกล้าและอำนาจจะซักถามเสด็จแม่”
“เจ้าเหลวไหล! ข้าให้กำเนิดเจ้า เจ้ามีอำนาจใดมาซักถามข้า”
เซียวเฉิงเหวินพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เสด็จแม่ทรงตอบคำถามกระหม่อมก่อนดีกว่า เหตุใดจึงต้องปล่อยข่าวลือเช่นนี้ เสด็จแม่ไม่ทรงรู้หรือ ตระกูลจ้งในวันนี้ไม่เหมือนแต่ก่อนแล้ว เรื่องใหญ่ของบ้านเมืองในเวลานี้ล้วนอาศัยพระราชบุตรเขยจ้งในการดูแล
เพราะเขาเชี่ยวชาญในการบริหารเงิน ฮ่องเต้จึงทรงแต่งตั้งให้เขารับตำแหน่งหัวหน้าสำนักเซ่าฝู่ สถานการณ์ของสำนักเซ่าฝู่จึงดีขึ้น สามารถสนับสนุนสงครามด้านหน้าได้ เสด็จแม่ทรงสร้างความขัดแย้งขึ้นในเวลานี้ นอกจากเพิ่มปัจจัยที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ให้แก่สงครามด้านหน้าแล้ว ยังไม่มีผลประโยชน์แต่อย่างใด หากวันหนึ่ง ฮ่องเต้ประชวรเพราะสงครามไม่ราบรื่น เสด็จแม่ก็ต้องทรงรับผิดชอบด้วยส่วนหนึ่งหรือไม่”
เพล้ง!
น้ำชากระเซ็น สถานการณ์น่ากระอักกระอ่วน!
เซียวเฉิงเหวินไม่หวั่นไหวแม้แต่น้อย
พระพันปีเถายิ้มเย็น “เจ้าเป็นท่านอ๋องแล้ว ความกล้าก็เพิ่มขึ้น บังอาจเข้ามาซักถามข้าถึงในวัง ข้าจะทำเรื่องใดต้องให้เจ้าอนุญาตหรือ เจ้าบังอาจ!”
เซียวเฉิงเหวินก้มหน้ายิ้ม ดวงตาฉายแววเสียดสี “หากพูดเช่นนี้ เสด็จแม่ทรงออกรับสั่งให้ปล่อยข่าวลือนี้จริง ส่วนเป้าหมายก็คงหนีไม่พ้นการโจมตีองค์หญิงเฉิงหยาง โจมตีตระกูลจ้ง”
“ไม่ต้องพูดมาก! เจ้าออกไป ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า”
พระพันปีเถาชี้ไปที่ประตูตำหนัก พลันตวาดเซียวเฉิงเหวิน
เซียวเฉิงเหวินยิ้มเย็น ทันใดนั้นเขายกมือขึ้นชี้ไปที่เหมาเส้าเจี้ยน “ข่าวลือนี้น่าจะเป็นฝีมือของเหมาเส้าเจี้ยน แน่นอน เขาก็แค่ปฏิบัติตามรับสั่ง เหมาเส้าเจี้ยน เจ้าในฐานะคนสนิทของพระพันปี แต่ไม่ได้ทำหน้าที่เกลี้ยกล่อมอย่างสุดความสามารถ เจ้ามีโทษอย่างไร”
เหมาเส้าเจี้ยนทำหน้าฉงน “บังอาจถามท่านอ๋อง ท่านใช้ฐานะใดซักถามกระหม่อม อีกทั้งใช้ฐานะใดลงโทษกระหม่อม”
เซียวเฉิงเหวินหัวเราะเย้ยหยัน “เสด็จแม่และเหมาเส้าเจี้ยน ในเวลานี้ พวกท่านทั้งสองคงคิดว่า กระหม่อมพูดอวดดี อวดฉลาด ไม่รู้ฐานะตัวเอง บังอาจถามเรื่องของตำหนักฉางเล่อ พวกท่านคิดเช่นนี้ กระหม่อมไม่โทษพวกท่าน ไม่รู้พวกท่านทั้งสองเคยได้ยินเรื่องผู้พิทักษ์สิบเก้าหรือไม่”
อันใดนะ
สิ่งใดคือผู้พิทักษ์ที่สิบเก้า?
เหมาเส้าเจี้ยนยังไม่ทันเข้าใจ พระพันปีเถาก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปแล้ว
ได้ยินเพียงเซียวเฉิงเหวินพูดต่อ “ราชวงศ์นี้มีผู้พิทักษ์ทั้งหมดสิบแปดหน่วย มันเป็นเรื่องที่ทุกคนต่างรู้ แต่ไม่รู้ว่าตอนที่ไท่จู่ยังทรงมีชีวิตอยู่ มีผู้พิทักษ์สิบเก้าหน่วยจริงๆ แต่ต่อมาเนื่องจากสาเหตุบางอย่าง ฮ่องเต้ไท่จงจึงปลดผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้าหน่วยทิ้ง
แน่นอน มันเป็นคำอธิบายให้คนภายนอกฟัง ความจริงแล้ว ผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้ามีอยู่เสมอมา อีกทั้งเคลื่อนไหวไปทั่วแผ่นดิน ทั้งภายในและภายนอกราชสำนัก เพียงแต่ช่วงระหว่างปีไท่จง ผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้าเปลี่ยนจากที่แจ้งสู่ที่ลับ ส่วนกระหม่อมก็คือผู้บัญชาการรุ่นที่สิบของผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้า อำนาจพิเศษจากจักรพรรดิ ประหารก่อนทูลรายงาน!”
ทันทีที่สิ้นเสียง ป้ายคาดเอวโลหะสีทองหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเซียวเฉิงเหวิน
ด้านบนสลักไว้ว่า ‘อำนาจพิเศษจากจักรพรรดิ ประหารก่อนทูลรายงาน!’
อีกทั้งยังมีตราประทับของฮ่องเต้ไท่จู่ รวมทั้งชื่อของผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้าหน่วย
พระพันปีเถารู้สึกเพียงเวียนหัวตาลาย
เหมาเส้าเจี้ยนตกใจจนหน้าถอดสี
ในที่สุดเฟ่ยกงกงก็รับรู้ความจริง ที่แท้ท่านอ๋องของเขาคือผู้บัญชาการผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้าหน่วยในตำนาน
มิน่าสวีกงกงถึงทำตัวลับๆ ล่อๆ อีกทั้งยังแทนตัวเองว่าข้าน้อย
ทั้งที่เป็นขันที แต่ไม่เคยแทนตัวเองว่ากระหม่อมแม้แต่ครั้งเดียว
มิน่าในมือของท่านอ๋องมักเสกแหล่งทรัพยากรออกมากลางอากาศได้มากมาย สามารถโยกย้ายกำลังคนได้มากมาย
ที่ผ่านมา ความสงสัยที่คลางแคลงใจได้รับคำตอบทั้งหมดในเวลานี้
เหมาเส้าเจี้ยนพึมพำ “ที่แท้ตำนานคือเรื่องจริง ผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้ามีอยู่ตลอด มีอยู่ตลอด!”
พระพันปีเถากัดฟันกรอด ในใจทั้งตะลึงทั้งโกรธทั้งกลัว “เจ้ามีป้ายคาดเอวนี้ได้อย่างไร เจ้าเป็นผู้บัญชาการผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้าได้อย่างไร”
“เห็นได้ชัดว่าเสด็จแม่ทรงเคยได้ยินเรื่องผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้า อีกทั้งยังเคยพบผู้บัญชาการคนก่อน นอกจากนี้ยังเคยเห็นป้ายคาดเอวนี้” เซียวเฉิงเหวินยิ้มอย่างเข้าใจ
พระพันปีเถากัดฟัน “ใช่ ตอนนั้นข้าเคยเห็นป้ายคาดเอวนี้ อีกทั้งเคยพบผู้บัญชารุ่นก่อนของผู้พิทักษ์สิบเก้า เวลานั้น เสด็จพ่อของเจ้าเพิ่งถูกแต่งตั้งเป็นองค์รัชทายาท ข้าพบกับผู้พิทักษ์สิบเก้าในตำนานในตำหนักซิงชิ่ง ตัวตนของเจ้า ฮ่องเต้ทรงรู้หรือไม่”
เซียวเฉิงเหวินส่ายหน้า “ฮ่องเต้ไม่ทรงรู้ฐานะของกระหม่อม! ผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้า หากไม่จำเป็นจะไม่มีทางเปิดเผยตัวตน”
พระพันปีเถาหัวเราะเสียงเย็น ในใจมีพายุโหมกระหน่ำ “วันนี้เจ้าจงใจเปิดเผยตัวตนต่อหน้าข้า เจ้าคิดจะทำสิ่งใด เจ้าคิดจะทำให้ข้ากลัว หรือกำลังตักเตือนข้า หรือว่าเจ้าอยากจะฆ่าข้า”
สีหน้าของเซียวเฉิงเหวินราบเรียบ “กระหม่อมเปิดเผยตัวตน เพียงแค่ต้องการเตือนเสด็จแม่ อย่าได้ทรงตัดสินพระทัยผิดพลาด อีกทั้งกระหม่อมจะนำตัวเหมาเส้าเจี้ยนไป เสด็จแม่ทรงวางพระทัย กระหม่อมไม่เอาชีวิตของเขา เมื่อถึงเวลากระหม่อมจะให้คนส่งเขากลับมา นอกจากนี้ทางฮ่องเต้จะทูลบอกความจริงต่อเขาหรือไม่ เสด็จแม่ทรงตัดสินพระทัยเอง ความเห็นของกระหม่อมคือ ปิดบังเขาเอาไว้ดีกว่า! บอกความจริงเขา เขาคงได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอีกครั้ง”
“ผู้ใดเลือกเจ้า ผู้ใดมอบหมายให้เจ้าเป็นผู้บัญชาการผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้า เจ้าบอกข้า”
สีหน้าของพระพันปีเถาดำทะมึน ไฟโกรธทั้งหมดถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้ผิวน้ำที่สงบ สามารถพลิกขึ้นมากลายเป็นคลื่นลูกใหญ่ได้ตลอดเวลา
นางจะต้องรู้ให้ได้
บุตรชายของนางแท้ๆ แต่นางกลับไม่รู้ว่าเขามีฐานะนี้ด้วย
อำนาจพิเศษจากจักรพรรดิ ประหารก่อนทูลรายงานมีอานุภาพเพียงใด
สิ่งที่ทำให้คนหวาดกลัวยิ่งกว่าคือ ผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้าที่สืบทอดมากว่าร้อยปี จากที่แจ้งสู่ที่ลับในช่วงฮ่องเต้ไท่จง หูตาของเขาเกรงว่าจะกระจายไปทั่วทั้งภายในและภายนอกราชสำนัก ทั้งภายในและภายนอกพระราชวังแล้ว
ไม่รู้มีคนมากน้อยเพียงใดฟังคำสั่งของเขา ไม่รู้สั่งสมเงินทองมากมายเพียงใด…
ความยิ่งใหญ่ของผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้าทำให้คนอกสั่นขวัญแขวน
ตำหนักฉางเล่อก็มีคนของผู้พิทักษ์ทั้งสิบเก้าด้วยใช่หรือไม่
…………………………………….