บทที่ 523 หาคนสำคัญกว่า
การสวนสนามของกองทัพตามปกติ ลดธงลงก็คือให้คุกเข่า ชูธงขึ้นก็คือให้ลุกขึ้น ตีกลองเพื่อเดินหน้า ตีฆ้องเพื่อหยุด
แต่สำหรับซือถูรุ่ย ทหารทุกกองล้วนมีธงคำสั่งที่เป็นสีเฉพาะของตัวเอง เช่น ทหารม้าสีดำที่เชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือโจมตีขนาดใหญ่ พวกเขาเก่งด้านการโจมตีแบบกลุ่ม บดขยี้คู่ต่อสู้ด้วยจำนวนคนที่มากกว่า ทำให้เกิดการเหยียบย่ำผู้คนเป็นจำนวนมาก ส่วนทหารสีม่วงเวลานี้รับผิดชอบเรื่องวางยาพิษ ส่วนคนที่ปรุงยาพิษคือใครไม่ต้องบอกก็รู้ได้
ส่วนกองทัพที่มีธงสีแดงก็ได้นำอาวุธไฟหลายชนิดออกมา ซึ่งมีทั้งธนูไฟ ปืนใหญ่ หอกไฟ ลูกไฟหนาม ระเบิดฉิว* เป็นต้น
* ฉิว (球) หมายถึง ลูกบอล
ส่วนที่เหลือก็ใกล้เคียงกับกองกำลังสือฟาง
เผยยวนมองดูแล้วจึงรู้ว่าเหตุใดซือถูรุ่ยถึงได้วิตกกังวลเพียงนี้ ประการแรก ในแง่ของจำนวนคน หากกองทัพต้าจิ้นรวมตัวกัน ต่อให้มีกลอุบายมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์ ต้องถูกบดขยี้อย่างแน่นอน ประการที่สองก็คือ ซือถูรุ่ยได้ทำลายรูปแบบการฝึกกองทัพแบบดั้งเดิมไปหมดแล้ว เขาดูถูกวิธีการของพ่อเขาจึงเลือกวิธีที่คิดว่ามีประสิทธิภาพมากกว่า
มันจึงดูคล้ายกับการต่อสู้ของคนในยุทธภพเสียมากกว่า โดยเลือกใช้วิธีที่สามารถทำลายศัตรูได้อย่างรวดเร็ว
แต่วิธีการเช่นนี้ก็มีข้อแม้อยู่ว่า จำนวนคนของฝ่ายตรงข้ามจะต้องเท่ากับเขาด้วย
หากเผยยวนส่งสัญญาณตอนนี้ ให้ทัพใหญ่มาประชิดเมืองก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย
เห็นเขาไม่ได้พูดอะไรออกมา ซือถูรุ่ยจึงพอใจกับผลงานของเหล่าผีดิบในวันนี้เป็นอย่างมาก
“พี่จี เห็นว่าเป็นเช่นไรบ้าง?”
“ไม่เลว แต่เรื่องการเดินทัพและทำศึก ข้ารู้เพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น”
“พี่จีมีความสามารถมากมาย แค่ได้รับคำชมจากท่านก็เพียงพอแล้ว สำหรับกองทัพทหารเกราะเหล็กนั้นข้าไม่ได้รู้สึกกังวลมากนัก แต่ข้ากังวลเรื่องของกองปืนไฟของพวกเขามากกว่า”
หลังจากดูสวนสนามเสร็จสิ้นแล้ว ซือถูรุ่ยก็เดินนำหน้า พาเผยยวนเดินไปที่ห้องด้านในของกำแพงเมือง
“ทองคำสิบหีบที่ข้ารับปากไว้ในจดหมายก่อนหน้านี้ หากเราตกลงกันตอนนี้ พี่จีต้องใช้เวลาเท่าใดจึงจะสามารถส่งมอบอาวุธให้ข้าได้?”
จีฝูเย่กลับเอ่ยขึ้นมาว่า “ของอยู่ที่เมืองใกล้ ๆ นี้ ภายในสองวันก็มาถึงแล้ว”
ซือถูรุ่ยไม่อยากจะสนทนากับเขา ทว่าจีฝูเย่กลับพูดต่ออีก “ข้าเป็นศิษย์ของท่านอาจารย์ คำพูดของข้าก็คือคำพูดของท่านอาจารย์ด้วย”
ซือถูรุ่ยผู้นี้หากคิดจะใช้เงินเพียงเท่านั้นมาซื้อของของเขา นั่นถือว่าสมเหตุสมผลแล้ว แต่หากจะซื้ออาวุธเทพของท่านอาจารย์ละก็ ฝันไปเถอะ!
เอาทองคำมาอีกยี่สิบหีบก็ไม่พอ
“ได้ เช่นนั้นข้าจะให้คนไปเตรียมเดี๋ยวนี้ พี่จีแค่ลงมือประทับตราก็พอ หากว่างานสำเร็จ ข้าสามารถเอาชนะเผยยวนและมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งใต้หล้าแล้วละก็ ข้าจะจดจำบุญคุณของพี่จีในครั้งนี้เอาไว้!”
อาศัยตอนที่ซือถูรุ่ยลุกไปตามคน เผยยวนจึงหันไปมองจีฝูเย่
จีฝูเย่จึงรีบเอ่ยขึ้นมา “ท่านอาจารย์อย่าตำหนิที่ศิษย์ทำอะไรโดยพลการเลยนะขอรับ ซือถูรุ่ยผู้นี้รู้เรื่องอาวุธของเราเพียงเล็กน้อยเท่านั้น การที่ท่านจะเอาของดีในมือไปให้เขานั้น มิเท่ากับเป็นการเสียเปล่าหรอกหรือขอรับ แล้วดูทหารเหล่านั้นของเขาสิขอรับ รู้จักแค่วิชานอกรีต จะเทียบกับกองทัพทหารเกราะเหล็กที่ต่อสู้ในสนามรบอย่างองอาจได้อย่างไรกัน เอาอาวุธเหล่านั้นของศิษย์ให้เขาไป ก็ถือว่าเขาได้เปรียบแล้วนะขอรับ
ยิ่งไปกว่านั้น การที่ท่านอาจารย์ออกมาหลอกลวงผู้คนเช่นนี้ คาดว่าคงเป็นเพราะท่านขาดเงิน แล้วศิษย์จะปล่อยให้ท่านขาดทุนได้อย่างไรกัน อาวุธเหล่านี้ศิษย์จะออกแทนท่านเอง แต่อีกสองวันพวกเรารีบไปจากที่นี่จะดีกว่านะขอรับ หากกองทัพทหารเกราะเหล็กบุกมาละก็ เมื่อถึงตอนนั้น หากอยากจะออกไปก็คงออกยากแล้วละขอรับ”
เผยยวน “…”
ลำบากเจ้าจริง ๆ ที่ต้องมาเป็นกังวลแทนข้า
…
อีกด้านหนึ่ง ในลานบ้าน
อาชิงกระเถิบก้นเล็ก ๆ เข้าไปชิดกับอาอิน
“พี่หญิง ท่านพ่อกับท่านแม่เมื่อใดจะกลับมาหรือขอรับ?”
“ชู่” อาอินชี้ไปยังสาวใช้ที่กวาดพื้นอยู่ในลานบ้านแล้วเอ่ยขึ้นมา “อย่าเอ่ยถึงท่านพ่อกับท่านแม่ และให้เรียกข้าด้วยชื่อแทน”
“อ่อ” อาชิงถือไม้อันเล็กเขี่ยพื้นไปมา โดยมีหานฉียืนอยู่ด้านหลังราวกับเป็นเสาไม้
ส่วนเซียวเซวียนจิ่นก็ยืนอยู่ที่หน้าประตู คอยเฝ้าห้องแทนเผยยวนสองสามีภรรยา ไม่ให้สาวใช้เหล่านี้เข้าไป เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนเพียงแค่นั่งเล่นเฉย ๆ ไม่ได้วิ่งเถลไถลไปที่ใด ก็เอ่ยอย่างวางใจ “พวกเจ้าอย่าออกจากเรือน หากจะออกไปก็ต้องให้หานฉีตามไปด้วย”
“วางใจเถอะขอรับ”
อาชิงขุดไส้เดือนตัวเล็ก ๆ ในดินขึ้นมา ขณะที่เขากำลังรู้สึกเบื่อหน่ายแทบจะขาดใจอยู่นั้น ก็เห็นว่าที่ประตูมีน้ำตาลปั้นอยู่ชิ้นหนึ่ง
“อาอิน มีน้ำตาลปั้นด้วย”
“จะมีน้ำตาลปั้นได้อย่างไรกัน?” อาอินหันไปมอง สุดท้ายก็พบว่ามีคนถือน้ำตาลปั้นและกำลังทักทายพวกเขาอยู่ที่หน้าประตูจริง ๆ
อาอินกำลังจะบอกอาชิงว่าไม่ต้องสนใจ เพราะอาจมีใครตั้งใจส่งมาก็ได้
ทว่าอาชิงกลับซอยขาสั้น ๆ วิ่งตึงตังเข้าไปหาเสียแล้ว หานฉีเห็นดังนั้นก็ตามไปอย่างรวดเร็ว
มีเขาอยู่ อาอินก็ไม่กังวลว่าอาชิงจะได้รับบาดเจ็บอีก
ที่สำคัญก็คือ หนอนกู่สองตัวที่อยู่ในร่างของอาชิงตอนนี้ หากใครตาบอดไปล่วงเกินเขาเข้าละก็ ไม่แน่อาจกลายเป็นหานฉีคนต่อไปก็เป็นได้
เรื่องเชลย ครอบครัวพวกเขาไม่ถือสา อยากจะมีเยอะ ๆ อยู่แล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นคนรับใช้อย่างหานฉี ยังไม่เปลืองอาหารอีกด้วย
อาชิงวิ่งไปถึงหน้าประตู ก็พบกับเด็กที่ตัวสูงใหญ่กว่าเขาเล็กน้อยคนหนึ่ง
อาชิงจำเขาได้ เขาก็คือเด็กคนเมื่อวานที่ท่าเรือข้ามฟากคนนั้น!
“อะ เป็นเจ้าหรือ?”
บรรดาสาวใช้ต่างก็มองมา เมื่อเห็นว่าเด็กสองคนกำลังคุยกันก็ก้มหน้าทำงานต่อ
เด็กผู้ชายคนนั้นมองอาชิง ก่อนจะเม้มริมฝีปาก “เจ้า…เจ้ามากับข้าสักครู่ได้หรือไม่?”
อาชิงกะพริบตาปริบ ๆ “เจ้าจะชวนข้าไปเล่นด้วยอย่างนั้นหรือ?”
เด็กผู้ชายคนนั้นเบนสายตาหนี แล้วเม้มริมฝีปาก “ได้หรือไม่?”
“อยากเล่นกับข้าย่อมได้อยู่แล้ว! ข้าจะไปบอก…สหายข้าก่อน”
เขากำลังจะวิ่งกลับไป ทว่าเด็กผู้ชายคนนั้นกลับดึงเขาเอาไว้เสียก่อน “ไม่…ไม่บอกได้หรือไม่?”
“ไม่ได้ ข้าจะไปที่ใดส่งเดชไม่ได้”
เด็กผู้ชายมองไปทางอาอิน ก่อนจะกัดฟัน “เช่นนั้นให้นางมาด้วยสิ”
อาชิงกลับไปเรียกอาอิน
“อยู่ดี ๆ เหตุใดเขาถึงโผล่มาเรียกพวกเราให้ไปเล่นด้วยเช่นนี้เล่า?”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีเจ้านายเขาอาจจะทำไม่ดีกับเขาก็ได้”
เดิมอาอินคิดจะปฏิเสธ แต่หลังจากที่ฝันร้ายเมื่อคืน จึงอยากจะออกไปด้านนอกเช่นกัน เพราะกำลังรู้สึกว้าวุ่นใจ
“ช่างเถอะ ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้าก็แล้วกัน เจ้าจะได้ไม่ถูกหลอก”
แต่อาอินต้องไปบอกเซียวเซวียนจิ่นก่อน
แต่หากเซียวเซวียนจิ่นไปด้วย ก็จะไม่มีใครอยู่เฝ้าเรือน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถออกไปไหนได้ แต่เห็นท่าทางของอาอินแล้ว นางคงจะอยากออกไปมากจริง ๆ เขาจึงลูบหัวของนางแล้วเอ่ยขึ้น “อยากไปก็ไปเถอะ แต่หากรู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ ต้องรีบกลับมาทันทีรู้หรือไม่?”
“อืม พี่ชายวางใจได้เจ้าค่ะ”
เอ่ยจบ ก็จูงมืออาชิงไปที่ประตู
มองเด็กคนนั้นแล้วเอ่ยถามขึ้นมา “เจ้าจะพาพวกเราไปเล่นที่ใด?”
“ไปเรือนเล็กทางนั้น พวกเราเล่นซ่อนแอบกันที่นั่น”
“เอาสิ ๆ ข้าชอบเล่นซ่อนแอบที่สุดเลย!” อาชิงไม่ได้เล่นซ่อนแอบมานานแล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นก็ดีใจอย่างมาก จึงจูงอาอินไปเล่นด้วย
อาอินถูกเขาจูงมือเดินนำหน้าไป
เด็กคนนั้นมองเงาของพวกเขาแล้ว ก็กำหมัดทั้งสองข้างจนแน่น อย่าโทษข้าเลย ข้าเองก็ถูกบังคับเช่นกัน
เมื่อมาถึงทางสามแยก อาชิงจึงเลือกไปทางเรือนหลักของซือถูรุ่ย
เดิมเด็กคนนั้นคิดจะพาพวกเขาไปหานายท่าน
เพราะเด็กที่ได้มาช่วงนี้ นายท่านไม่ค่อยพอใจเท่าใดนัก และอยากจะได้เด็กสองคนนี้ ดังนั้นเขาจึงรอจนจีฝูเย่ออกไป และทิ้งพวกเขาสองคนเอาไว้ วันนี้ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องพาตัวเด็กทั้งสองคนนี้กลับไปให้ได้ ไม่อย่างนั้นนายท่านต้องตีเขาจนตายเป็นแน่
แต่ใครจะคิดว่าอาชิงกลับไม่เล่นตามแผน และเลือกที่จะเดินไปทางเรือนของท่านเจ้าเมืองแทน
“พวกเจ้าไปผิดทางแล้ว ไม่ใช่ทางนั้น เป็นทางนี้ต่างหากเล่า”
“เล่นซ่อนแอบไม่ใช่หรือ? เล่นซ่อนแอบก็ต้องแอบได้ทุกที่ อยู่ที่เดียวกันหมดจะไปสนุกอะไรเล่า” อาชิงเอ่ยตอบอย่างมีเหตุผล
เทียบกับเล่นสนุกแล้ว เขาอยากไปตามหาท่านแม่เซิงเซิงมากกว่า!
.