คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง – ตอนที่ 389 ลูกทวงหนี้

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 389 ลูกทวงหนี้

ที่ราบทางตอนเหนือมีหิมะตกเป็นครั้งแรกของปีนี้

ท่านโหวกว่างหนิงเยียนโส่วจ้านนั่งรับประทานหม้อไฟอยู่ข้างเตา

อาหารเลิศรสก็ไม่อาจบรรเทาจิตใจของเขาได้

เศร้าโศก!

กลัดกลุ้ม!

หัวใจดวงน้อยของเขาถูกทำร้าย ต้องการการปลอบ!

เขาพร่ำบ่นกับตู้ซินแส “เหตุใดนางจึงไม่เห็นใจข้าบ้าง ข้าเพิ่งถูกลงโทษด้วยการหักเงินเดือนหนึ่งปี จากนั้นนางก็เขียนจดหมายมาขอเงินแต๊ะเอีย ขอสินสอดจากข้า สินสอด เซียวฮูหยินเตรียมไว้ให้นางแล้ว เหตุใดจึงมาขอจากข้าอีก เวลานี้ข้ายากจนจนต้องกินลมแล้ว จะมีเงินที่ใดนำมาเป็นสินสอดให้นาง หรือข้าต้องไปปล้นหรือ”

ตู้ซินแสหัวเราะพลันกินหม้อไฟเนื้อลาท่ามกลางอากาศหนาว รู้สึกดียิ่งนัก!

เขาตอบไม่ตรงคำถาม “สูตรลับเครื่องปรุงหม้อไฟของคุณหนูสี่ไร้ที่ติ กินหม้อไฟข้างเตาในอากาศหนาว ใจข้าอบอุ่นยิ่งนัก!”

เยียนโส่วจ้านถลึงตาใส่เขา “เหตุใดซินแสจึงสนใจแต่กิน เจ้าต้องแก้ไขปัญหาแทนข้าสิ! อายุมากแล้ว กินน้อยลงหน่อย ระวังจะจุกเอา ข้ายังไม่ทันได้กิน”

ตู้ซินแสหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับมุมปาก “ผู้ใดก็ได้ นำเนื้อแพะมาอีกสองหม้อ เนื้อวัวอีกสองหม้อ ผักสดจากเพิงอุ่นก็นำมาด้วย ไม่ปิดบังท่านโหว ข้าคิดเสมอว่าเรื่องที่ดีที่สุดที่คุณหนูสี่ทำในหลายปีนี้ก็คือการทำเพิงอุ่นเพาะปลูกผักสด

ฤดูหนาวแต่ก่อนอย่าหวังจะได้กินผักใบเขียวแม้แต่น้อย ในปากมีแต่กลิ่นคาวของเนื้อแพะ ในท้องล้วนแล้วแต่เป็นน้ำมัน หากไม่ได้มีใบชาลดความมัน คงต้องมีอายุน้อยลงสิบปี เวลานี้มีผักสดจากเพิงอุ่นแล้ว ข้าทั้งไม่ปวดฟัน ไม่เมื่อยหลัง มีแรงอย่างมาก!”

ท่านโหวกว่างหนิงเยียนโส่วจ้านไม่พอใจอย่างมาก เขากินเนื้อแพะเข้าไปหลายคำ “ซินแสอย่ามัวแต่พูดพล่าม! ข้าไม่มีเงิน เจ้าว่าทำอย่างไรดี”

ตู้ซินแสหัวเราะ “กฎเดิม! ท่านโหวไม่มีเงินก็ไปปล้น! ข้าได้ยินว่าคุณหนูสี่หาใบชาให้นายน้อยรองกว่าหมื่นจิน มีหลายพันจินเป็นใบชาชั้นดีจากไร่ชาของตระกูลหลิง หากท่านโหวสามารถนำใบชาเหล่านี้ไปขายให้อูเหิง เพียงชั่วพริบตาก็จะมีเงิน!”

เฮอะๆ …

เยียนโส่วจ้านหัวเราะเสียงเย็น “เจ้าก็บอกว่ามันเป็นสินค้าที่อวิ๋นเกอเตรียมให้อวิ๋นถง เจ้าให้ข้าไปแย่งการค้าของบุตรชายตัวเอง เข้าท่าหรือ หากเป็นเช่นนั้นอวิ๋นถงคงเขียนจดหมายไปฟ้อง เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าอวิ๋นเกอคงต้องเขียนจดหมายมาเสียดสีข้าอีก ตำหนิว่าข้ายากจนจนเสียสติ ยังคิดจะเลี้ยงอนุภรรยาและบุตรชายบุตรสาวเป็นโขยง

หึ! ข้าเลี้ยงอนุภรรยาและบุตรชายบุตรสาว ไม่ได้ให้นางออกเงินแม้แต่สลึงเดียว เหตุใดนางจึงมีความเห็นนัก นางคิดจะบงการแม้แต่เรือนหลังของข้า ผู้ใดให้ความกล้านาง เงินของข้า ข้าอยากใช้อย่างไรก็ใช้ นางไม่มีอำนาจสงสัย”

ตู้ซินแสหัวเราะ “คุณหนูสี่ไม่ได้บ่นท่านโหวใช้เงินฟุ่มเฟือยเป็นครั้งแรก ท่านโหวอดทนเอาไว้เถิด! อย่างไรก็ห่างไกล ท่านโหวไม่อาจพุ่งตัวไปสั่งสอนคุณหนูสี่ที่เมืองหลวงได้ นอกจากนี้ ข้าไม่ได้ให้ท่านโหวไปแย่งการค้าของนายน้อยรอง ข้าแค่ออกความคิดให้ท่านโหวว่าสามารถไตร่ตรองทำการค้ากับอูเหิง ขายสินค้าราคาสูงให้แก่อูเหิง”

พลางทำสงคราม พลางทำการค้า…

มันเป็นเรื่องปกติที่ชายแดน!

เรื่องแบบนี้ เยียนโส่วจ้านทำเป็นประจำในอดีต

มิฉะนั้น จะมีเงินมาเลี้ยงกองกำลังมากมายได้อย่างไร

แต่ละวันอาหารของทั้งคนทั้งสัตว์ล้วนแล้วแต่เป็นตัวเลขมหาศาล!

หากหวังพึ่งเงินและเสบียงเพียงน้อยนิดของราชสำนัก กองกำลังโยวโจวคงต้องใช้ชีวิตเหมือนขอทานไปนานแล้ว

กองทัพที่หวังพึ่งราชสำนักในการดูแล นอกจากกองทัพเหนือและกองทัพใต้แล้ว ส่วนใหญ่ล้วนคงต้องใช้ชีวิตเหมือนขอทาน

ยึดหน่วง ติดค้าง ใช้ของไม่ดีแทนของดี ไม่จ่ายเบี้ยแม้แต่แดงเดียวหลายปี…

กองทัพไม่ใช้ชีวิตเหมือนขอทานก็คงผิดต่อ ‘น้ำใจ’ ของราชสำนัก!

แม่ทัพส่วนใหญ่ต้องหาเงินมาเลี้ยงทหารด้วยตัวเอง

การค้าจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด โดยพื้นฐานแล้วก็ไม่มีข้อห้ามใดๆ

พลางทำสงคราม พลางทำการค้า เพียงแค่ราชสำนักไม่มีหลักฐาน ก็ย่อมไม่ใช่การทำผิด

ถึงแม้จะถูกจับได้ แต่เวลานี้ฮ่องเต้อ่อนแอ ขุนนางแข็งแกร่ง ยิ่งไม่ต้องกังวลใจ

ใบชาเป็นสินค้าที่ดีที่สุด

อูเหิงมักกินเนื้อแพะและเนื้อวัวตลอดทั้งปี ต้องการใบชาเพื่อบรรเทาความมัน

ดังนั้น ใบชาเป็นทรัพยากรที่พวกเขาขาดไม่ได้

เรียกได้ว่าเป็นทรัพยากรเชิงกลยุทธ์เลยก็ว่าได้

พวกเขาเริ่มต้นสงครามเพื่อใบชาไม่ใช่เพียงครั้งสองครั้งแล้ว

นอกจากนี้ยังมีเครื่องมือเหล็ก

อูเหิงขาดแคลนหม้อเหล็กอย่างรุนแรง

ชาวอูเหิงส่วนใหญ่ใช้หม้อดินในการปรุงอาหาร

มีเพียงผู้มีฐานะจึงจะมีหม้อเหล็กใช้

หม้อเหล็กที่ราคาเพียงสองก้วนในต้าเว่ย หากหาทางขนส่งไปยังอูเหิงได้ อย่างน้อยสามารถขายได้ยี่สิบก้วน

หากโหดเหี้ยมกว่านี้ หม้อเหล็กหนึ่งใบขายสี่สิบก้วนก็ไม่เป็นปัญหา

กำไรมหาศาล!

เวลานี้ เยียนอวิ๋นถงอาศัยสินค้าที่เยียนอวิ๋นเกอจัดหาให้ แอบทำการค้ากับชนเผ่าในที่ราบบางกลุ่ม กักตุนกำลังทรัพย์ในการเลี้ยงทหาร

แต่เขาไม่อาจทำการค้ากับอูเหิงได้

หากไม่ได้รับอนุญาตจากเยียนโส่วจ้าน พลทหารของโยวโจว ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจทำการค้ากับอูเหิงได้

โอกาสในการร่ำรวยวางไว้ต่อหน้าเยียนโส่วจ้าน

วิธีของตู้ซินแสควรค่าแก่การลอง

แต่…

“ข้าไม่มีเงิน และไม่มีของ! เจ้าอวิ๋นเกอเอาแต่จ้องถุงเงินข้าอยู่ทุกวัน แทบอยากจะปล้นข้าให้หมดตัว เจ้าว่าเหตุใดนางจึงไม่เข้าใจความลำบากของข้า ข้าถูกฮ่องเต้ลงโทษตัดเงินเดือนหนึ่งปีเพื่อนางเชียว”

ตู้ซินแสพูดพลันยิ้มตาหยี “ท่านโหวลองเขียนจดหมายไปให้คุณหนูสี่ ให้คุณหนูสี่ส่งสินค้ามาชุดหนึ่ง เมื่อได้เงินมา กำไรแบ่งกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ เงินแต๊ะเอียและสินสอดของคุณหนูสี่ก็มีแล้ว คิดว่าคุณหนูสี่คงไม่ปฏิเสธข้อเสนอของท่านโหว”

เยียนโส่วจ้านบีบคาง “ซินแสลองพูดมา ข้าควรขอใบชาจากนางมากน้อยเพียงใด”

ตู้ซินแสครุ่นคิดพลันพูด “คุณหนูสี่มีการร่วมมือกับไร่ชาตระกูลหลิง ตัวเองก็จัดทำไร่ชาทางใต้ สู้ส่งก้อนชาสองพันหาบมาก่อน จากนั้นเป็นใบชาชั้นดีหลายหมื่นจิน เครื่องมือเหล็กสามารถลองไตร่ตรองร่วมมือกับท่านโหวผิงอู่ สืออุน ท่านโหวผิงอู่ สืออุนคงไม่ปฏิเสธการค้านี้”

“อย่าลืมตระกูลหลิวแห่งเหลียงโจวไป! การค้าที่มีกำไร หากไม่ชักชวนตระกูลหลิวด้วย ตระกูลหลิวย่อมต้องไม่พอใจ”

“เช่นนั้นก็ให้ตระกูลหลิวออกเงินร่วมลงทุน แบ่งปันผลกำไร นอกจากนี้ตามที่ข้ารู้ รองเท้าหนังของเรือนพักร่ำรวยเป็นที่นิยมมาก สายคาดเอวหนังที่ออกมาก็เช่นเดียวกัน ตระกูลหลิวขายหนังปริมาณมากในมือให้คุณหนูสี่ก็ถือเป็นการค้าหนึ่ง”

เยียนโส่วจ้านพยักหน้า เป็นไปได้

ต้องเร่งหาเงิน มิฉะนั้นฤดูหนาวนี้ยากที่จะข้ามผ่าน

สำนักเซ่าฝู่ให้คนมาส่งเสบียง ระหว่างทางก็ต้องสิ้นเปลืองไปร้อยละสี่สิบ

ซึ่งหมายความว่า เสบียงหนึ่งร้อยจินออกเดินทางจากเมืองหลวง ขนส่งมาถึงชายแดนด่านหน้า อย่างมากก็จะเหลือเสบียงเพียงหกสิบจิน

ตลอดทาง ทั้งแรงงานเกณฑ์ ทั้งวัวทั้งม้า ปริมาณอาหารที่ต้องใช้จ่ายก็เป็นตัวเลขมหาศาล

เสบียงเกือบครึ่งล้วนสิ้นเปลืองไประหว่างทาง

นอกจากนี้ แรงงานและสัตว์ เมื่อมาถึงชายแดนด่านหน้ายังต้องสิ้นเปลืองเสบียงต่อไปอีก

ขุนนางที่รับผิดชอบด้านความต้องการของกองทัพต้องคำนวณจำนวนคนในการหุงข้าวทุกวัน

ไม่ว่าสำนักเซ่าฝู่จะมีเงินอย่างไรก็ไม่อาจช่วยเหลือได้ หากต้องการสนับสนุนอาหารของคนและสัตว์รวมนับแสน แล้วยังต้องเตรียมทรัพยากรต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับสงครามอีก

อยากจะล้มละลาย ไม่ต้องแบกรับภาระหน้าที่หนักเสียจริง

อย่างไรก็ตาม สำนักเซ่าฝู่อดทนจนถึงบัดนี้แล้วยังไม่ล้มละลายได้ พระราชบุตรเขยจ้งมีความดีความชอบอย่างมาก!

พูดได้ว่าพระราชบุตรเขยจ้งแก้ไขปัญหาที่ใหญ่ที่สุดแทนฮ่องเต้ได้

ทำให้เวลานี้ยังไม่ต้องเพิ่มส่วย ไม่ต้องเพิ่มภาระให้ประชาชน

เมื่อเยียนโส่วจ้านมีหนทางในการหาเงิน เขาก็อารมณ์ดีอย่างมาก จึงกินเนื้อแพะไปอีกสองหม้อ

เขาให้ตู้ซินแสร่างจดหมาย ส่งไปให้เยียนอวิ๋นเกออย่างเร่งด่วน

ในเวลาเดียวกัน เขาก็เขียนจดหมายอีกฉบับด้วยตนเอง แสดงออกถึงหัวใจที่แหลกสลายของคนเป็นบิดา

ภายในจดหมายมีอยู่หัวข้อเดียว ‘ไม่มีเงิน จน!’

เยียนอวิ๋นเกอในฐานะบุตรสาวต้องเข้าใจความลำบากของบิดา

หากต้องทนมองบิดานั่งกินลมอยู่ด่านหน้า ในฐานะบุตรสาว นางไม่สงสารหรือ

แต่ไม่ว่าจะยากจนอย่างไร ก็ไม่อาจไม่ให้เงินแต๊ะเอียบุตรสาวได้

บุตรสาวยังไม่ได้ออกเรือนหนึ่งวัน บิดาก็ย่อมต้องให้เงินแต๊ะเอีย

ถึงแม้จะต้องกินลม ต้องกินเศษผักทุกวัน ก็ต้องให้เงินแต๊ะเอีย

เพียงแต่…

เรื่องสินสอดต้องหารือ

เซียวฮูหยินเตรียมสินสอดไว้ให้เยียนอวิ๋นเกอมานานแล้ว เหตุใดคราวนี้นางจึงมาถามหาสินสอดจากบิดาอีก

มันไม่เหมาะสม!

มันเป็นการเรียกร้องเกินกว่าเหตุ

ในฐานะบิดา สินสอดจะเติมให้นางอีกสองหมื่นก้วน พร้อมทั้งองครักษ์ส่วนตัวหลายร้อยนายก็พอแล้ว!

มากกว่านี้ไม่มี!

ไม่ว่าเรื่องใดก็ต้องรู้จักพอ อย่าได้ละโมบ

ท้ายสุดยังเขียนประโยคที่ชวนขนลุก ท่านพ่อคิดถึงบุตรสาวอย่างยิ่ง!

หลังจากเขียนจดหมายเสร็จ บรรจุจดหมายลงซอง ปิดผนึก!

ส่งกลับไปยังเมืองหลวงรวมกับจดหมายฉบับอื่นอย่างเร่งด่วน

ทหารเข้ามารายงาน นายน้อยสองขอเข้าพบ

ประตูเปิดออกกว้าง…

เยียนอวิ๋นถงบุกเข้ามาในห้องตำรา ขออนุญาตบิดาชั่วอย่างเยียนโส่วจ้าน “ข้าขอเดินทางไปเมืองหลวง”

เยียนโส่วจ้านเลิกคิ้ว “กำลังทำสงคราม เจ้าจะไปทำอันใดที่เมืองหลวง เหลวไหล!”

เยียนอวิ๋นถงพูดอย่างหนักแน่น “ข้าจะไปเมืองหลวงฆ่าเซียวอี้ทิ้งเสีย เมื่อเป็นเช่นนี้ น้องอวิ๋นเกอก็ไม่ต้องแต่งงานกับเซียวอี้ สามารถหาสามีใหม่ได้”

“เหลวไหล! เรื่องแต่งงานของอวิ๋นเกอยังไม่ต้องให้เจ้ามาบงการ ออกไป!”

“ข้าจะไปฆ่าเซียวอี้!” เยียนอวิ๋นถงไม่สนใจ

เยียนโส่วจ้านตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้าเคยถามความเห็นอวิ๋นเกอหรือไม่ เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าอวิ๋นเกอไม่เต็มใจแต่งงาน วันนี้เจ้าฆ่าเซียวอี้ พรุ่งนี้อวิ๋นเกออาจแตกคอกับเจ้า”

“เป็นไปไม่ได้!”

“เป็นไปได้หรือไม่ เจ้าไม่อาจตอบได้ เขียนจดหมายถามสถานการณ์กับน้องสี่ของเจ้าก่อน ค่อยพูดว่าจะฆ่าเซียวอี้ทิ้งหรือไม่ ถึงแม้จะฆ่าเซียวอี้จริงก็ไม่ต้องถึงมือเจ้า เจ้ารีบออกไป ไอร้อนในห้องถูกพัดหายไปหมดแล้ว”

ช่างเป็นลูกทวงหนี้เสียจริง

เยียนอวิ๋นถง “…”

น้องสี่หลงกลในใบหน้าของเซียวอี้หรือ

นางยอมแต่งงานกับเซียวอี้?

ช่างเหลือเชื่อเสียจริง!

ย่อมต้องเป็นเพราะใบหน้าของเซียวอี้นั้นน่าหลงใหลเกินไป จึงทำให้น้องสี่สูญเสียทิศทาง

เยียนอวิ๋นถงเสียใจอย่างมาก

น้องสาวของตนเองถูกเซียวอี้หลอกไปแล้ว

ฮือๆๆ

เขาไม่อยากออกไป!

เขาต้องการระบาย

ดังนั้น เขาจึงนั่งลง ดื่มสุรากินหม้อไฟ

เขาต้องการใช้อาหารอันโอชะบรรเทาหัวใจที่เจ็บปวด

เยียนโส่วจ้านโมโห!

“ไม่มีส่วนของเจ้า ออกไป! ข้ายังกินไม่อิ่ม เจ้าลูกอกตัญญู บังอาจแย่งข้ากิน! ข้าจะโบยเจ้าเชื่อหรือไม่!”

ตอนที่เขาด่าคน เยียนอวิ๋นถงกินต่อเนื่องไปสิบกว่าคำอย่างเงียบๆ

เนื้อในหม้อลดลงอย่างเห็นได้ชัด

เยียนโส่วจ้าน “…”

เหตุใดเขาจึงมีบุตรที่เห็นแก่กินเช่นนี้

ยังจะด่าอันใดได้อีก รีบแย่งกินเถิด

หากไม่ขยับตะเกียบอีก วันนี้คงไม่ได้กินแล้ว!

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

Status: Ongoing
ณหนูจวนอื่นชื่นชอบแพรพรรณงดงาม กวี ภาพเขียน บุรุษหล่อเหลา แต่คุณหนูสี่จวนโหวกลับคลั่งไคล้ในเงินทอง! การค้ารูปแบบใดที่แผ่นดินนี้ไม่เคยมีล้วนออกมาจากสมองของนางและทั้งหมดล้วนทำให้เงินทองไหลมาเทมา!นิยายโรแมนติกจีนโบราณ ที่นางเอกมากความสามารถและคลั่งไคล้เงินสุดๆ!คุณหนูสี่แห่งจวนโหว เยียนอวิ๋นเกอ เป็นใบ้เพราะอุบัติเหตุตอนยังเด็กทำให้อุปนิสัยดุร้าย อารมณ์ร้อน มุทะลุยิ่งนักใครๆ ล้วนมองว่านางเป็นหญิงเอาแต่ใจไม่เคยคำนึงถึงสิ่งใดแต่จิตวิญญาณด้านในของนางนั้นคือหญิงสาวผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในวันสิ้นโลกอาจเพราะความยากลำบากในชาติก่อนสิ่งเดียวที่นางกลัวที่สุดก็คือกลัวอดตาย!ดังนั้นหากไม่อยากอดตายต้องทำอย่างไรก็ต้องมีเสบียง! และการจะมีเสบียงได้นั้นก็ต้องมีเงิน!เพื่อการนั้นนางจะทุ่มเทสมองในการบุกเบิกการค้า ปูรากฐานทุกอย่างเพื่อพี่น้องและมารดาด้วยมันสมองของคนยุคใหม่นางไม่เชื่อว่าจะทำไม่ได้ทหารต่อให้เก่งกาจเพียงใดหากไม่มีเสบียงแล้วไซร้ก็ยากจะรบต่อไปได้ถึงตอนนั้นในแผ่นดินที่ฮ่องเต้จ้องจะกวาดล้างอำนาจขุนนาง ครอบครัวนางย่อมหยัดยืนได้อย่างมั่นคง!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท