ตอนที่ 396 ฤดูใบไม้ร่วงจากไป ฤดูหนาวเข้ามา
ฤดูใบไม้ร่วงจากไป ฤดูหนาวเข้ามา!
ไท่หนิงปีที่หนึ่งกำลังจะจบสิ้น
เมื่อทุกคนต่างคิดว่าปีหนี้สามารถข้ามผ่านไปได้อย่างปลอดภัยนั้น ด่านหน้าส่งข่าวร้ายหนึ่งมา
หลิวจาง ชื่อสื่อแห่งเหลียงโจว แม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเหลียงโจวป่วยหนัก!
หัวใจของคนทั้งกองทัพเหลียงโจวสั่นคลอน แต่ละคนล้วนตื่นตระหนก
สถานการณ์สงครามที่ถือว่าสงบในเดิมทีเกิดการสั่นสะเทือนที่รุนแรงในชั่วพริบตา
ต้าเว้ยพ่ายแพ้สงครามที่สำคัญต่อเนื่องกันสองครั้ง มหาเสนาใต้เท้าชุยจำเป็นต้องตัดสินใจ ปล่อยมือจากพื้นที่บางส่วนที่เรียกคืนก่อนหน้านี้ ถอยทัพไปยังด้านหลังแนวป้องกัน
ข่าวถูกส่งไปยังเมืองหลวง ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้แม้แต่โกรธก็ยังไม่อยากโกรธแล้ว
มันไม่ใช่โทษในการทำสงคราม!
เขาจะกล่าวโทษหลิวจางผู้เป็นอวี้สื่อเหลียงโจวที่ป่วยไม่เลือกเวลาได้หรือ
คงจะเย็นชาเกินไป
เพียงแต่สถานการณ์สงครามที่พลิกผันแล้วในปีนี้ แนวป้องกันที่เข้าใกล้ขึ้นแล้วกว่าร้อยลี้ สุดท้ายกลับล้มเหลวเพราะหลิวจางป่วยหนัก
ภายในใจของฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ย่อมขุ่นเคืองอย่างมาก
“สวรรค์จงใจเป็นศัตรูกับข้า! นับแต่ข้าขึ้นครองราชย์มาก็ไม่มีข่าวดีแม้แต่เรื่องเดียว! มักจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นตลอด”
“ขอฝ่าบาทโปรดทรงรักษาพระวรกาย ระวังโกรธมากจะส่งผลร้ายต่อพระวรกาย!”
“บัดนี้แม้แต่โกรธ ข้าก็ทำไม่ได้แล้วหรือ ข้า…”
“ทูลฝ่าบาท พระราชบุตรเขยหลิวขอเข้าเฝ้า!”
ขุนนางฝ่ายในพูดขัดเสียงพร่ำบ่นของฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้
ขันทีใหญ่ หลัวเสี่ยวเหนียนพูดขึ้น “พระราชบุตรเขยหลิวย่อมต้องมาเพราะเรื่องของอวี้สื่อเหลียงโจว! อวี้สื่อเหลียงโจวป่วยหนัก พระราชบุตรเขยหลิวอาจต้องการเดินทางไปยังด่านหน้าดูแลด้วยตนเอง”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้นวดขมับ พลันรับสั่ง “เรียกพระราชบุตรเขยหลิวเข้าเฝ้า!”
…
พระราชบุตรเขย หลิวเป่าผิงร้อนใจอย่างมาก เขาเข้าวังเพื่อทูลขอพระราชโองการเดินทางไปยังด่านหน้าจริง
นับแต่เป็นพระราชบุตรเขย เขาถูกขังอยู่ในเมืองหลวงเสมอมา มีโอกาสออกจากเมืองหลวงน้อยมาก
คราวนี้ บิดาป่วยหนัก ในฐานะบุตร ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องไปเยี่ยม
หากมีอันใดเกิดขึ้น ก็ถือว่าได้พบหน้าเป็นครั้งสุดท้าย
เขาต้องการตอบแทนพระคุณ ฮ่องเต้ย่อมไม่มีเหตุผลกีดขวาง
หลังจากกำชับแล้ว เขาก็พยักหน้าอนุญาตทันที
พลันถามเขา “เจ้าจะไปดูแลบิดา จะพาติ้งเถาไปด้วยหรือไม่”
พระราชบุตรเขย หลิวเป่าผิงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “อากาศหนาวเย็น แผ่นดินตกอยู่ในสภาวะสงคราม องค์หญิงติ้งเถาไม่สะดวกตามข้าไปด่านหน้าได้จริง เกรงว่าจะเกิดอันตราย ฝ่าบาทก็ทรงรู้ เวลานี้นางมีความกังวลใจ เมื่อถึงทางนั้น หากมีคนพูดจาไม่ไตร่ตรอง พูดเรื่องที่ไม่เหมาะสมนักออกมา กระหม่อมเกรงว่านางจะดื้อรั้น ทำร้ายร่างกายของนางเอง”
“เจ้ากังวลได้ถูกต้อง! ติ้งเถามักดื้อรั้น! เอาเถิด อย่าพานางไปเลย เจ้าไปเยี่ยมใต้เท้าหลิว หากเขาไม่เป็นอันใด เจ้ารีบไปรีบกลับ!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
…
“ท่านไม่ให้ข้าตามไปด้วย?”
เมื่อติ้งเถารู้ว่าพระราชบุตรเขย หลิวเป่าผิงไม่พานางไปด้วยนาง นางก็เสียใจอย่างมาก
ยิ่งคิดยิ่งเสียใจ ขอบตาของนางแดงก่ำ นาทีถัดมาน้ำตาก็ไหลลงมา
หลิวเป่าผิงกุมมือของนาง “ที่ที่ข้าจะไปหนาวเย็นยิ่งกว่าเมืองหลวง ลำบากยิ่งกว่าเมืองหลวง ฤดูกาลนี้ แม้แต่การดื่มน้ำก็ยังยากลำบาก เจ้าไม่เคยจากเมืองหลวงตั้งแต่เด็ก หากนำเจ้าไปยังสถานที่ที่ยากเข็ญเพียงนั้น เกรงว่าร่างกายเจ้าจะรับไม่ไหว ล้มป่วยลงจะทำอย่างไร
หากเจ้าเกิดอุบัติเหตุเป็นอันใดไป เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร ข้ายังรอเจ้ามีบุตรอ้วนท้วมให้ข้าอยู่ ดังนั้น เจ้าจะไปเสี่ยงไม่ได้เด็ดขาด เจ้าอยู่ในเมืองหลวง รอข้ากลับมา ขาถึงทางนั้นจะเขียนจดหมายมาหาเจ้า”
“แต่…”
“เด็กดี เชื่อฟัง ได้หรือไม่” หลิวเป่าผิงอมยิ้มที่มุมปาก มองนางด้วยสายตามุ่งมั่น ไม่ให้นางโต้แย้งแต่อย่างใด
องค์หญิงติ้งเถาสบตากับเขาสายวินาที สุดท้ายก็ก้มหน้าลง
นางอ้อนวอนเสียงอ่อน “เช่นนั้น ท่านอยู่ข้างนอกคนเดียว ต้องรักษาตัวให้ดี มีเวลาว่างก็เขียนจดหมายให้ข้าได้หรือไม่ อย่ารอจนถึงที่แล้วค่อยเขียนจดหมายให้ข้า”
หลิวเป่าผิงหัวเราะออกมา “ได้! หากข้ามีเวลาว่างจะเขียดจนหมายให้เจ้า เจ้าอยู่จวนองค์หญิงคนเดียว ต้องระวังเรื่องอาหารการกิน อย่าได้ชะล่าใจ! หากเบื่อหน่ายก็เข้าวังไปอยู่กับพระพันปี หรือออกไปปฏิสัมพันธ์ด้านนอก อย่ามัวแต่อุดอู้อยู่คนเดียว ระวังจะป่วยเอา”
“ท่านไม่อยู่ในจวน ข้าไม่อยากไปที่ใดทั้งสิ้น” อารมณ์ของติ้งเถาตกต่ำ มีความเอาแต่ใจเล็กๆ
หลิวเป่าผิงถอนหายใจราวกับหมดหนทาง
เขาโอบกอดนาง พลันตบไหล่ของนาง “ตามใจเจ้า เพียงแค่เจ้ารักษาตัวให้ดี เรื่องอื่นล้วนแล้วแต่เจ้า รอข้ากลับมาในปีหน้า หวังว่าจะเห็นเจ้าแข็งๆ แรงๆ”
“ข้าจะรักษาตัวให้ดี ท่านต้องรีบไปรีบกลับ อย่าให้ข้าเป็นกังวลนัก!”
“แน่นอน!”
…
เช้าที่ลมหนาวโหมกระหน่ำ พระราชบุตรเขย หลิวเป่าผิงนำองครักษ์ส่วนตัวและบ่าวรับใช้นับร้อยมุ่งหน้าไปยังด่านหน้า
องค์หญิงติ้งเถาตามมาส่งถึงศาลาห้าลี้นอกเมืองจึงหยุดลง
ดวงตาของนางเต็มไปด้วยน้ำตาแห่งความอาลับ!
ความเจ็บปวดที่หน้าอกทำให้นางอึดอัดอย่างมาก!
เมื่อขบวนของพระราชบุตรเขยกำลังจะหายลับไปจากสายตา นางยกมือขึ้นโบกไปมา
หวังว่าพระราชบุตรเขย หลิวเป่าผิงจะหันกลับมามองบ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องผิดหวัง
เขาไม่ได้หันมาแม้แต่น้อย
เขาควบม้าไปยังด้านหน้าที่ดึงดูดเขา ไม่ยอมหันกลับมามองแม้แต่ครั้งเดียว
องค์หญิงติ้งวางวางแขนลง น้ำตาไหลลงมาเมื่อก้มหน้า หัวใจเจ็บปวดอย่างมาก!
“องค์หญิง ด้านนอกลมแรง รีบกลับขึ้นไปพักผ่อนในรถม้าเถิด!”
ติ้งเถาเช็ดน้ำตา กลับขึ้นไปยังรถม้า อารมณ์ของนางขุ่นมัวยิ่งขึ้น
นางถามนางในคนสนิท “เจ้าว่าฤดูใบไม้ผลิปีหน้า พระราชบุตรเขยจะกลับมาได้หรือไม่”
“บ่าวไม่รู้เพคะ! ไม่ว่าอาการของอวี้สื่อจะดีหรือร้าย จะข้ามผ่านมันไปได้หรือไม่ แต่พระราชบุตรเขยก็ไม่อาจอยู่ข้างนอกปีสองปี ปีหน้า ไม่ว่าอย่างไรพระราชบุตรเขยก็ต้องกลับเมืองหลวง องค์หญิงอย่าทรงเสียพระทัยนักเลยเพคะ!”
องค์หญิงติ้งเถาพูดเสียงเบา “แต่ก่อนก็ออกไปทำงานเป็นเวลาสิบวันครึ่งเดือนเป็นประจำ ข้าไม่เคยเป็นห่วงแม้แต่น้อย ไม่รู้เหตุใด คราวนี้หัวใจของข้าจึงเจ็บปวดยิ่งนัก! ราวกับเขาไปแล้วจะไม่กลับมาอีก!”
“องค์หญิงทรงพูดเล่นแล้วเพคะ! พระราชบุตรเขยไม่ได้ไปออกรบที่ด่านหน้า เพียงแค่ไปเยี่ยมหลิวอี้สื่อเท่านั้น เขาย่อมต้องกลับเมืองหลวงอย่างปลอดภัย”
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น!”
…
ครึ่งเดือนสุดท้ายของไท่หนิงปีที่หนึ่ง เมืองหลวงหนาวมาก
คนแก่ส่วนใหญ่ต่างบอกว่า มันเป็นปีที่หนาวที่สุดในเมืองหลวงเท่าทีจำความได้
นำชุดทุกตัวที่มีสวมใส่ไว้บนตัว ชุดนุ่นที่หนาตึก็ไม่อาจต้านทานอากาศที่หนาวเย็นไปถึงกระดูกได้
บนถนนหนทาง คนที่เดินผ่านไปมาต่างมีทีท่าเร่งรีบ ทุกคนกำลังดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอด
ร้านค้าแต่งแขวนโคมแดง ถือว่าเป็นการสร้างสีสันอันเป็นมงคลแก่เทศกาลตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง
เพียงแต่บนใบหน้าของผู้คนยากที่จะเห็นรอยยิ้ม
ลมหนาวเกือบจะคร่าชีวิตของฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ไป คอของเขาแหบแห้งจนพูดไม่ออก
ส่งผลให้จำเป็นต้องหยุดการประชุมในท้องพระโถง
โถงเจิ้งซื่อหารือราชการ สุดท้ายจึงรายงานมาที่เขา
เขาอ่านฎีกาด้วยจิตใจที่หนักอึ้ง
เดิมทีคิดว่าฤดูใบไม้ผลิปีนี้จะมีความสุขได้บ้าง แต่สวรรค์มักไม่มีตา
สงครามทางเหนือเกิดการตาลปัตรเพราะหลิวจางผู้เป็นอวี้สื่อเหลียงโจวป่วยหนัก
กองทัพเหลียงโจวไร้กะจิตกะใจทำสงคราม หากเป็นเช่นนี้ระยะยาวจะทำอย่างไรดี
เพื่อรักษาเสียง เขาไม่อาจพูดได้ชั่วคราว
ดังนั้นเขาจึงจรดพู่กันถามหลัวเสี่ยวเหนียน “หมอหลวงที่ส่งไปยังด่านหน้ามีข่าวหรือไม่”
เพื่อรักษาโรคให้หลิวจาง อีกทั้งเพื่อเป็นการป้องกัน ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้จึงส่งหมอหลวงไปยังด่านหน้าเพื่อรักษาให้หลิวจาง ก่อนที่พระราชบุตรเขยหลิวเป่าผิงจะออกจากเมืองหลวง
เขาต้องการรู้อาการของหลิวจางเป็นเวลาแรก เพื่อวางแผนการทำสงครามต่อไป
หลัวเสี่ยวเหนียนโน้มตัวพูด “ทูลฝ่าบาท หมอหลวงยังไม่มีข่าวส่งกลับมา บางทีข่าวอาจอยู่ระหว่างทางแล้ว ใช้เวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงเมืองหลวง”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้เขียน “เร่งหน่อย!”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
เขานอนอยู่บนเตียงด้วยความอึดอัด
หลัวเสี่ยวเหนียนลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็ยังพูดขึ้น “ทูลฝ่าบาท เมื่อวานมีขุนนางไปถวายบังคมพระพันปีที่ตำหนักฉางเล่อ!”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ผงะไป
หลัวเสี่ยวเหนียนคุกเข่าขอรับโทษทันที
ขุนนางมุ่นหน้าไปเข้าเฝ้าพระพันปีเถาที่ตำหนักฉางเล่อไม่ใช่เรื่องเล็ก
แต่เมื่อวานกลับมีขุนนางแอบไปเข้าเฝ้าที่ตำหนักฉางเล่อโดยปิดบังฮ่องเต้อย่างเขา
ต้องการทำสิ่งใด
ยึดอำนาจฮ่องเต้อย่างเขา ให้พระพันปีแทรกแซงราชสำนักหรือ
เพร้ง!
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้เขวี้ยงหมอกระเบื้องลงพื้นอย่างแรง
หมอนกระเบื้องแตกเป็นเสี่ยงๆ ลอยผ่านหูของหลัวเสี่ยวเหนียนจนเป็นรอยจางๆ
ไม่นาน รอยนั้นก็กลายเป็นรอยเลือด มีหยดเลือดไหลลงมา
เขาไม่กล้ายกมือเช็ดแม้แต่น้อย ทำได้เพียงก้มหน้ารับโทษ “กระหม่อมมีความผิด กระหม่อมมีความผิด! ฝ่าบาททรงไว้ชีวิต ฝ่าบาททรงไว้ชีวิต!”
“เจ้ามีความผิดอันใด”
เสียงที่แหบพร่าดังขึ้นบนหัวของหลัวเสี่ยวเหนียน
หลัวเสี่ยวเหนียนผงะไป จากนั้นรีบพูด “ฝ่าบาททรงรักษาพระวรกาย หมอหลวงกำชับไว้ หลายวันนี้อย่าได้ทรงพูดออกเสียง เพื่อให้สามารถหายได้อย่างรวดเร็ว”
“ขุนนางไปตำหนักฉางเล่อ ไม่ควรบอกข้าอย่างนั้นหรือ” ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ถาม
ทันทีที่เขาเปิดปากพูด คอของเขาก็เจ็บแสบ
เมื่อหลัวเสี่ยวเหนียนได้ยินเสียงก็รู้สึกสงสาร เขาร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาจควบคุมอารมณ์ได้
“กระหม่อมไม่อาจบรรเทาความทุกข์แทนฝ่าบาท กระหม่อมสมควรตาย! ฝ่าบาทอย่าทรงทำร้ายร่างกายตนเองเพียงเพราะเรื่องนี้ ทุกอย่างร่างกายเป็นสำคัญ รอร่างกายหายดีแล้ว ฝ่าบาทจะทรงทำอย่างไรย่อมได้!”
ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้จับขอบเตียงเอาไว้แน่น สีหน้าบิดเบี้ยว
เขารับสั่งหลัวเสี่ยวเหนียน “อย่าเพิ่งเคลื่อนไหว! มีขุนนางคนใดไปตำหนักฉางเล่อบ้าง เจ้าจดเอาไว้ รอข้าหายดี ข้าจะคิดบัญชีภายหลัง”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
…
หลายวันนี้ ตำหนักฉางเล่อคึกคักไม่น้อย
บรรดาขุนนางต่างอาศัยโอกาสที่ฮ่องเต้ไท่หนิงประชวน มุ่งหน้าไปถวายบังคมที่ตำหนักฉางเล่อ แต่ความจริงแล้วเพื่อหารือราชการ
นับแต่ฮ่องเต้ไท่หนิง เซียวเฉิงอี้ขึ้นครองราชย์ ราชวงศ์ต้าเว้ยไม่เคยมีชีวิตที่ดีแม้แต่วันเดียว
เดิมทีคิดว่าปีนี้เป็นปีที่สภาพอากาศราบรื่น ไม่คิดว่าฤดูหนาวจะเหน็บหนาวเช่นนี้
“ในเมืองหลวงมีคนหนาวตายนับร้อยคนแล้ว!”
“บ้านเรือนล้มพังร้ายแรง มีหลายสิบคนถูกทับตายอยู่ในบ้านเรือนที่พังทลาย!”
“ราคาเสบียงขึ้นสูง ราคาถ่านไม้ขึ้นสูง เงินเดือนของประชาชนกลับไม่ขึ้น”
“อวี้สื่อเหลียงโจวป่วยหนักในช่วงเวลาสำคัญของสงคราม มันเป็นลางไม่ดี!”
“พวกเจ้าต้องการพูดเรื่องใดกันแน่” พระพันปีเถาพูดขัดเสียงบ่นของบรรดาขุนนาง