คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 550 อย่าได้ล่วงเกินนายท่านน้อยผู้นั้น

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 550 อย่าได้ล่วงเกินนายท่านน้อยผู้นั้น

แม้ว่าหวงต้าเซียนจะปล่อยอันอี้เด็กเกเรผู้โชคร้ายนี้ไป แต่อันอี้ที่ถูกมันทรมานเป็นเวลาหลายวัน ต้องการการรักษาอย่างเร่งด่วน อย่างไรเสียตัวเขาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และเป็นเหตุจูงใจที่ฉินหลิวซีรับงานนี้

เมื่อไม่มีหวงต้าเซียนก่อกวน ฉินหลิวซีก็ทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น ใช้คาถาชำระสิ่งสกปรกกับยันต์ปราบปีศาจกำจัดพลังงานโชคร้ายและกลิ่นเหม็นทั่วทั้งเรือน จากนั้นก็ใช้เข็มเงินฝังเข็มนำทางลมปราณ ให้เขานอนหลับอย่างสงบสุข

“ไม่ใช่แค่ใช้ยันต์ก็พอแล้วหรือ ยังต้องฝังเข็มด้วยหรือ” ฮูหยินอันสงสัยเป็นอย่างมาก

ฉินหลิวซียิ้มพลางเอ่ย “ยันต์เพียงแค่รักษาความหวาดกลัวของเขาและทำให้เขาสงบลงเท่านั้น สิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้คือการนอนหลับอย่างสงบสุข ขีดจำกัดสำหรับคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่ได้นอนหลับคือสามถึงห้าวัน แต่เขายังไม่ค่อยได้กินอะไร อวัยวะภายในร่างกายเสียหายไปนานแล้ว การฝังเข็มจะทำให้เขานอนหลับลึกและสบายขึ้น ซ้ำยังเป็นการปรับสมดุลหยินหยางเพื่อให้การทำงานของอวัยวะภายในฟื้นฟูกลับคืนมาโดยเร็วที่สุด”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้

ฮูหยินอันเข้าใจในทันที เมื่อเห็นฉินหลิวซีฝังเข็มอย่างมั่นคงโดยไม่ลังเล ก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชม อายุเพียงแค่นี้แต่เก่งกาจขนาดนี้ ไม่รู้ว่าสมองนี้เติบโตมาอย่างไร

“เจาเจา เอาธูปหอมผ่อนคลายมาหนึ่งดอก” ฉินหลิวซีกำชับเถิงเจา “ท่องบทสวดสงบจิตให้เขาฟัง”

เถิงเจาเปิดกล่องยา หยิบกล่องเล็กๆ ออกมา เอาธูปออกมาจุดหนึ่งดอก กลิ่นหอมลอยฟุ้งอยู่ในอากาศ เขาอ้าปากท่องบทสวดออกมา ทำให้จิตใจที่ฟุ้งซ่านสงบลง

อารมณ์ของเถิงเทียนฮั่นเริ่มซับซ้อนอีกครั้ง

“หลับแล้ว” ใต้เท้าอันให้ความสนใจกับอันอี้ เมื่อเห็นว่าฝังเข็มแล้วจุดธูปเขาก็หลับตาลง การหายใจเริ่มมั่นคง ก็อดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าผ่อนคลายขึ้นมา

ฮูหยินอันถอนหายใจอย่างโล่งอก

ตอนที่ฉินหลิวซีปล่อยเข็มทิ้งไว้ เอามือของอันอี้มาจับชีพจร จากนั้นก็ไปนั่งเขียนใบสั่งยาอยู่ที่ข้างโต๊ะ ก่อนจะกล่าวว่า “ใบสั่งยานี้มีไว้เพื่อปรับสภาพจิตใจให้สงบและผ่อนคลายประสาทเป็นหลัก ดื่มสักสองครั้งก็พอแล้ว ตอนนี้เขาหลับลึกมาก ไม่ต้องเรียกเขา เมื่อตื่นขึ้นก็ให้กินอาหารเหลวเป็นหลัก อย่าพึ่งกินเนื้อหมูเนื้อปลาและอาหารบำรุงในทันที”

หลังจากเขียนใบสั่งยา นางก็ได้ใช้ยันต์กระดาษชาดแดงวาดยันต์ผ่อนคลายหนึ่งแผ่น ใส่ไว้ที่ใต้หมอนของเขา จากนั้นก็เอาเข็มออก

“แค่นี้ก็เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการใช้ยาที่มีฤทธิ์อุ่นบำรุงและปรับสภาพร่างกาย เขายังเด็ก รักษาตัวไม่กี่วันก็กลับมามีชีวิตชีวาแล้ว” ฉินหลิวซีมองอันอี้ที่กำลังหลับอยู่ ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง กล่าวว่า “แต่ใต้เท้ากับฮูหยินต้องให้คำแนะนำแก่เขาสักหน่อย แม้ว่าจะไม่เชื่อเรื่องผีสางนางไม้ แต่ก็ควรให้ความยำเกรง การกล่าวลบกลู่มักจะนำไปสู่หายนะ เหมือนกับครั้งนี้ นับว่าเขายังโชคดีได้พบกับหวงเซียนที่มีเหตุผล หากเปลี่ยนเป็นหวงเซียนที่มีจิตใจโหดเหี้ยมอาฆาตแค้นตัวอื่น คงไม่ได้รับความทรมานเพียงแค่นี้ คนในครอบครัวก็จะเดือดร้อนไปด้วย”

มีหวงเซียนบางตนที่ไม่แม้แต่จะกล่าวเหตุผลกับเจ้า ทำลายทั้งครอบครัวเจ้าก็มี

ฮูหยินอันรู้สึกกลัวแล้ว รีบกล่าวว่า “ต่อไปข้าจะต้องลากเขาไปขอโทษต่อหน้าหวงต้าเซียน”

ฉินหลิวซียิ้ม

เมื่อเห็นว่าอันอี้นอนหลับอย่างสงบ ฮูหยินอันจึงให้บ่าวรับใช้เฝ้าไว้ กลุ่มคนเดินออกมาจากห้องนอน ถามฉินหลิวซีว่าเซียนปกป้องจวนนี้ต้องบูชาอย่างไร มีพิธีรีตองอะไรหรือไม่

ฉินหลิวซีถามฮูหยินอันก่อนว่าเคยบูชาเทพเจ้าอื่นๆ หรือไม่ ได้รู้ว่ามีการบูชาพระโพธิสัตว์กวนอิมและมีที่ประดิษฐานอยู่ จึงให้พวกเขาเป็นคนพาเดินไปรอบๆ ก่อนจะวางตำแหน่งไว้ที่ห้องใต้หลังคาแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ทางด้านตะวันตกแล้วหันไปทางตะวันออก จากนั้นก็ให้พวกเขาจัดเตรียมสิ่งจำเป็น

ระหว่างรอหวงต้าเซียนมา ฉินหลิวซียังได้เอ่ยเกี่ยวกับข้อห้ามในการบูชาเซียนปกป้องจวน ก่อนอื่นโถงเซียนจะต้องสะอาดและเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ควรตั้งไว้ที่ห้องหลัก ไม่ควรให้คนนอกสัมผัส และไม่ให้คนนอกมากราบไหว้ และการจุดธูปบูชาเซียนปกป้องจวนก็มีพิธีรีตอง ไม่ได้จุดธูปบูชาสามดอกเหมือนกับพระโพธิสัตว์ เซียนปกป้องจวนห้าตระกูลนี้ต้องจุดธูปบูชาสี่ดอก แบ่งเป็นหน้าหนึ่งหลังสาม

ส่วนเครื่องบูชาอื่นๆ นอกจากธูปแล้วยังมีเครื่องบูชาอีกสามอย่าง คือทุกวันที่หนึ่ง สิบห้า และเทศกาลต่างๆ เหมาะสมที่จะถวายไก่ ปลา เนื้อ แล้วค่อยเพิ่มสุราหรือน้ำ ส่วนวันปกติทั่วไปสามารถบูชาได้ด้วยผลไม้สด หากจัดเตรียมเครื่องบูชาอย่างตั้งใจจะเป็นการดีที่สุด

ขณะที่ฉินหลิวซีกำลังเอ่ย อันฮ่าวที่อยู่ข้างนางได้หยิบพู่กันถ่านขึ้นมาเขียนเอง

ใต้เท้าอันกับเถิงเทียนฮั่นยืนอยู่ด้านข้าง มองดูนางพูดจาฉะฉานอย่างเป็นธรรมชาติและราวกับคุ้นเคยกับพิธีกรรมเหล่านี้เป็นอย่างดี

“ในบรรดาศาสตร์ทั้งห้าของเสวียนเหมินแม้แต่สิ่งเหล่านี้ก็ต้องเรียนรู้ด้วยหรือ” อันฮ่าวรู้สึกประหลาดใจกับความเชี่ยวชาญของฉินหลิวซีเป็นอย่างมาก

ฉินหลิวซีกล่าวอย่างถ่อมตัวว่า “เส้นทางบำเพ็ญสู่ลัทธิเต๋านั้นยาวไกลและกว้างขวาง ข้าเปิดดูตำราลับในอารามมาหมดแล้ว ดังนั้นจึงพอรู้บ้างเล็กน้อย”

อันฮ่าวคิดในใจ ‘คงไม่ใช่แค่เล็กน้อยหรอกกระมัง ดูท่านเก่งกาจมากจนไม่ควรล่วงเกินเช่นนี้’

ขณะที่ฉินหลิวซีกำลังพาคนตระกูลอันเตรียมบูชาเซียนปกป้องจวน หวงต้าเซียนได้กลับไปยังดินแดนเผ่าของตนแล้ว ไปหาปู่ทวดหวงเซียนกับย่าทวดหวงเซียนที่กำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ เล่าเหตุผลที่มาที่ไปที่ตัวเองจะเป็นเซียนปกป้องจวนให้ฟังอย่างภาคภูมิใจ

เมื่อปู่ทวดหวงเซียนและคนอื่นๆ ได้ยินว่าเจ้าเด็กคนนี้เลื่อนขั้นไม่สำเร็จก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย กล่าวว่า “เสี่ยวจิ่ว เจ้าใจร้อนเกินไป โอกาสยังมาไม่ถึง การขอเลื่อนขั้นครั้งนี้จึงเสียเปล่า”

หวงต้าเซียน อยู่ที่อันดับเก้าของรุ่นนี้ ดังนั้นควรเรียกว่าหวงจิ่ว เมื่อเขาได้ฟังคำกล่าวของนายท่านปู่ทวดเผ่าตัวเอง ความโศกเศร้าก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง กล่าวอย่างเศร้าใจว่า “ท่านปู่ทวดสั่งสอนได้ถูกต้องแล้ว เสี่ยวจิ่วไม่มีวาสนา แต่นักต้มตุ๋นผู้นั้นก็กล่าวมีเหตุผลอยู่บ้าง การเป็นเซียนปกป้องจวน เมื่อมีพลังแห่งความศรัทธาแล้ว เสริมด้วยการฝึกบำเพ็ญ ข้าจะต้องยังมีโชคใหญ่ครั้งถัดไปอย่างแน่นอน อย่างไรเสียข้าก็ไม่ได้ปกป้องทรัพย์สินเงินทองอะไรเหล่านั้นให้พวกเขา แค่คุ้มครองจวนให้แคล้วคลาดปลอดภัยนั้นง่ายจะตาย”

“เป็นเช่นนั้น แต่เจ้าต้องคำนึงถึงผลกรรมด้วย ในเมื่อสถิตอยู่ที่โถงเซียนในจวนอันแล้ว ก็ควรใช้พลังเซียนปกป้องจวน มิเช่นนั้นจะเป็นการขัดขวางการฝึกบำเพ็ญของเจ้า” ปู่ทวดหวงเซียนกล่าวเตือน

“ขอรับ” หวงจิ่วเหลือบมองขาโล้นๆ ของตัวเอง กล่าวด้วยความโกรธว่า “ดังนั้นครั้งนี้เสี่ยวจิ่วมาเชิญปู่ทวดและย่าทวดท่านสองท่านไปร่วมพิธี และช่วยระบายความโกรธให้กับจิ่วเอ๋อร์ พวกท่านดูสิ นักต้มตุ๋นผู้นั้นจิตใจโหดเหี้ยม เผาขนข้าจนเป็นเช่นนี้”

ปู่ทวดหวงเซียนขมวดคิ้ว “ดูถูกเผ่าหวงเซียนของพวกเราเกินไปแล้ว!”

ย่าทวดหวงเซียนเห็นแล้วก็รู้สึกปวดใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “เป็นนักต้มตุ๋นวิเศษมาจากไหนจึงได้ทำร้ายเจ้าเช่นนี้”

“อารามชิงผิงในเมืองหลี นักพรตน้อยผู้หนึ่งนามว่าปู้ฉิว โหดเหี้ยมมาก”

“อ้อ” ย่าทวดหวงเซียนพยักหน้า จากนั้นก็กรีดร้อง “อะไรนะ ท่านอาจารย์ปู้ฉิวแห่งอารามชิงผิงในเมืองหลีหรือ”

นายท่านหวงเซียนผู้เฒ่าก็จ้องมองไปยังหวงจิ่วเด็กโชคร้ายผู้นี้ด้วยความตกใจเช่นกัน กรงเล็บสั่นเทา หวั่นใจเป็นอย่างมาก เจ้าอย่าบอกว่าใช่เป็นอันขาด อย่าได้ไปล่วงเกินนายท่านน้อยผู้นั้นเชียว

“ใช่แล้ว ดูไม่ออกว่าชายหรือหญิง…โอ๊ย” หวงจิ่วกุมศีรษะ เอ่ย “ท่านปู่ทวด ท่านตีข้าทำไม”

ปู่ทวดหวงเซียนดึงไม้เท้าไม้ไผ่ของตัวเองกลับคืนมา กล่าวด้วยความเจ็บปวดว่า “ปกติที่ข้าคอยพร่ำสอนอยู่ในเผ่าก็บอกไปแล้วหลายครั้งว่าในโลกใบนี้มีปรมาจารย์บางท่านที่พวกเราไม่ควรทำให้ขุ่นเคือง และบางคนก็ยิ่งไม่ควรไปล่วงเกิน ซ้ำยังมีรูปเหมือนที่แขวนไว้อยู่ในห้องโถงเตือนใจ ทำไมเจ้าไม่ไปดูสักหน่อย ผู้ที่แขวนไว้ตรงกลางห้องโถงใหญ่ ห้ามไปล่วงเกินเป็นอันขาด เมื่อได้พบเห็นทางที่ดีที่สุดคือเดินอ้อม ผู้นั้นก็คือนายท่านน้อยแห่งอารามชิงผิงในเมืองหลี นามเต๋าว่าปู้ฉิว จริงๆ เลย เจ้าเด็กไม่รักดี ข้าเคยบอกไปนานแล้ว อย่าเอาแต่จดจ่ออยู่กับการฝึกบำเพ็ญ ควรรู้เรื่องและคนในใต้หล้าบ้าง ทำไมเจ้าไม่รู้จักฟัง เอาแต่นำหายนะมาสู่พวกเรา”

ย่าทวดหวงเซียนรีบเอ่ยเกลี้ยกล่อมว่า “เลิกกล่าวได้แล้ว เก็บข้าวของ พวกเรารีบไปขอโทษท่านนั้นกันเถอะ”

“ใช่แล้ว เอาสมุนไพรเหอโส่วอูที่พึ่งได้มาแล้วก็ผลหลิงกั่วอีกหนึ่งกล่องไปด้วย”

“เพิ่มสิ่งของสีเหลืองขาวอะไรเหล่านั้นอีกหนึ่งกล่อง ดูเหมือนนางจะชอบสิ่งนี้”

เมื่อหวงจิ่วเห็นท่าทางตื่นตระหนกของผู้เฒ่าทั้งสองก็มีสีหน้ามึนงง ‘ความไม่พอใจของพวกท่านที่มีศัตรูคนเดียวกันกับข้าเมื่อครู่นี้หายไปไหนแล้ว’

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท