บทที่ 117 ศักดิ์ศรีมูลค่าห้าสิบล้าน
“ต้องขอบคุณคุณซิ่วจริงๆที่สนใจในความสามารถของผม แต่ผมนั้นไม่สนใจ ต้องขอโทษด้วย”
การปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมาของเจียงฮ่าวนี้ทําให้พ่อและแม่ของเจียงฮ๋าวนั้นตกตะลึง แต่ถึงจะอย่างนั้น ทั้งสองก็ไม่คิดที่จะบังคับเจียงฮ่าวแต่อย่างใด พวกเขาเรียกที่จะสนับสนุนการตัดสินใจของลูกชายตนเอง
แต่เจียงไซหยวนในตอนนี้กลับอ้าปากค้างอย่างตกตะลึงที่เห็นพี่ชายตนปฏิเสธ
เซียฉินเองก็ตกใจไม่แพ้กัน ในขณะเดียวกันเธอเองเริ่มรู้สึกสํานึกขึ้นมาด้วยซ้ําที่ก่อนหน้านี้เธอเคยทําเรื่องน่าละอายออกไป
“คุณเจียงบริจาคเงินห้าสิบล้านอย่างไม่ไยดี ไม่แปลกใจเลยที่เขานั้นจะปฏิเสธของขวัญหนึ่ง ล้านหยวนของฉัน”
อย่างไรก็ตาม คนที่ตกตะลึงยิ่งกว่าใครก็คือซิ่วไจ๋ยี่ ที่ในตอนนี้ไม่คิดว่าเธอจะโดนปฏิเสธอย่างไม่ใยดีมาแบนี้ เธอได้นิ่งคิดสักนิดก่อนที่จะได้ยืนขึ้นและโค้งคารวะสํานึกผิดอย่างนอบน้อม
“ปรมาจารย์เจียง ฉันขอโทษที่หุนหันไป”
“เงินห้าสิบล้านนี้เป็นเงินเพื่อแทนคําขอโทษในเรื่องที่เกิดขึ้นไปค่ะ”
“ไจ๋ยี่คนนี้ยินดีที่จะมอบหุ้นของภัตตาคารจํานวน 3% ที่จะจ่ายเงินปันผลให้ร้อยล้านหยวนในทุกปีให้ด้วย”
“เพื่อแลกกับการที่หากในอนาคตมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น หากฉันไม่สามารถจัดการได้อาจจะต้องมารบกวนประมาจารย์เจียง”
นอกจากคําพูดของซิ่วไจ๋ยี่จะน่าตกตะลึงแล้ว ท่าทางของเธอนั้นกลับยิ่งทําให้ทุกคนตกตะลึงยิ่งกว่า
นี่คือเงินเพียงเพื่อขอโทษเท่านั้นเหรอ
ยังไม่รวมหุ้นของภัตตาคาร 3% ที่จะจ่ายเงินปันผลให้ทุกปีปีละร้อยล้าน หากนําไปขายนี้ยังไม่รู้เลยว่าเงินที่ได้จะสูงเทียมฟ้าขนาดไหน
ความจริงแล้วที่นั้นยากจะใช้เงินจํานวนเพื่อเชิญเจียงฮ่าวให้ไปเป็นพ่อครัวของภัตตา คารสวรรค์ชั้นฟ้าจริงๆ แถมเธอนั้นตั้งใจว่าจะให้เงินเดือนเทียบเท่ากับพ่อครัวชั้นอาวุโสที่ทํางานที่นั่นตั้งแต่แรกด้วยซ้ํา
แต่เมื่อเห็นท่าทีของเจียงฮ่าวเมื่อครู่แล้ว เธอรู้สึกได้ในทันทีว่า เงินเดือนที่เธอจะเสนอให้นั้นจะยิ่งทําให้เธอจนตรอกมากกว่าเดิมแทน
อย่างไรก็ตาม ด้วยเงินจํานวนนี้หากว่ามันสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับเธอกับปรมาจารย์หนุ่มคนนี้ได้ สําหรับเธอถือว่าคุ้มค่าแล้ว
คําพูดของซิ่วไจ๋ยี่นั้นทําให้ทุกคนตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม
ในตอนนี้เอง เซียฉินที่คิดว่าซิ่วไจ๋ยี่คลั่งไปแล้ว เธอได้รีบใช้มือของตัวเองดึงชายเสื้อของซิ่วไจ๋ยี่ให้นั่งลงในทันที
แต่ซิ่วไจ๋ยี่ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
เรื่องนี้ทําให้แม้แต่เจียงฮ่าวก็ยังต้องตกใจ เขาในตอนนี้มองไปยังซิ่วไจ๋ยี่ด้วยสายตาที่แสดงถึงความประหลาดใจ
แน่นอนว่าเขานั้นย่อมเข้าใจความหมายที่แฝงมากับพูดของเธอคนนี้เป็นอย่างดี
เจียงไซหยวนที่กําลังตกตะลึงนั้นได้เอ่ยถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ
“พี่ซิ่ว พี่สาวซิ่ว ทําไมพี่ถึงเรียกพี่ชายของหนูว่าปรมาจารย์เจียงล่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกๆคนเองก็รีบหันไปมองยังซิ่วไจยี่กันหมดทุกคนอย่างประหลาดใจ
ซิ่วไจ๋ยี่เองนั้นกลับมองทุกคนด้วยความประหลาดใจยิ่งกว่า เธอนั้นก็อยากจะพูดอะไรออกมาสักอย่างเหมือนกันแต่ก็มีท่าที่อิดออด
ในที่สุด เมื่อเธอได้เห็นว่าเจียงฮ่าวนั้นยังคงจ้องมองเธออย่างสงบนิ่งเหมือนเดิมเช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ นี่แสดงว่าเขานั้นไม่ได้หยุดเธอใช่รึเปล่า
เอาจริงๆ เจียงฮ่าวเองยังไม่รู้ด้วยซ้ําว่าตนนั้นอยู่ในระดับปรมาจารย์แล้ว
เมื่อเห็นว่าเจียงฮาวไม่ได้ห้าม ซิ่วไจ๋ยี่จึงเริ่มอธิบายเกี่ยวกับตัวตนของปรมาจารย์ด้านการทําอาหารให้ทุกคนได้ฟัง
“…..”
หลังจากผ่านไปสักพัก ซิ่วไจ๋ยี่ ในที่สุดก็อธิบายให้ทุกคนเข้าใจถึงตัวตนระดับปรมาจารย์ด้านการทําอาหารให้ทุกคนฟังเสร็จสิ้น
และในตอนนี้ ทุกคนหันไปมองเจียงฮาวด้วยท่าที่ตกตะลึงอีกครั้ง
กับเจียงฮ่าวเอง ในที่สุดเขาก็ได้รู้เกี่ยวกับตัวตนระดับปรมาจารย์
อย่างไรก็ตาม ตัวเขานั้นรู้ดีว่าเขาไม่ใช่ปรมาจารย์ที่แท้จริง เขาเพียงอาศัยพลังแห่งทักษะเทพเจ้าโรงครัวเท่านั้นที่ทําให้เขานั้นมีฝีมือเทียบเท่าสุดยอดพ่อครัวคนหนึ่ง
และนี่เองทําให้เขารับรู้ความทรงพลังของระบบยิ่งกว่าเดิม
แถมนี่ยังเป็นเพียงแค่ระดับสองเท่านั้น
หากระดับสองเทียบเท่าได้ดั่งสุดยอดพ่อครัวแล้วล่ะก็ ระดับสามและระดับสี่จะไปได้ถึงขนาดไหนกัน
“อ่าว นี่ลูกกลายเป็นปรมาจารย์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
แม่ของเจียงฮ่าวอดที่จะถามออกมาไม่ได้
เจียงฮ่าวเองก็ตอบออกมาราวกับไม่ได้ยากเย็น
“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลยนา ก็แค่ทําอาหารเท่านั้นเอง ผมก็เลยไม่รู้จะบอกอะไรน่ะ”
หลังจากพูดจบ ทุกคนยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่
เพียงแค่ทําอาหารงั้นเหรอ
อย่าได้ไปพูดคําๆนี้ต่อหน้าพ่อครัวเป็นอันขาด นี่เขาไม่รู้รึไงว่ามันยากขนาดไหนถึงจะมีฝีมือระดับนี้ได้ ไม่งั้นทั่วทั้งประเทศจะมีพ่อครัวระดับนี้ที่รู้จักกันเพียงสี่คนได้ยังไง
การกลายเป็นปรมาจารย์ด้านการทําอาหารไม่ใช่เรื่องใหญ่
แล้วอะไรคือเรื่องใหญ่กัน