คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 596 นายท่าน ขอร้องท่านเลิกสุมไฟได้แล้ว

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 596 นายท่าน ขอร้องท่านเลิกสุมไฟได้แล้ว

ฉินหลิวซีเหลือบมองลวี่เซี่ยวซาน ขณะสำรวจใบหน้าของนาง แววตาเผยให้เห็นความซุกซน

นี่คือคนที่เจียงเหวินเหยียนบอกว่าใช้ชีวิตอย่างราบรื่นสมปรารถนาอย่างนั้นหรือ

แน่นอนว่าการไม่รู้คือความสุข

ลวี่เซี่ยวซานคิดไม่ถึงว่าทางด้านสหายสนิทจะมีแขกอยู่ ซ้ำยังเป็นบุคคลที่แต่งกายด้วยชุดคลุมเต๋าสีเขียว ชะงักไปครู่หนึ่ง เป็นบุรุษหรือสตรี

เจียงเหวินเหยียนมองออกถึงความลังเลของนาง ยิ้มพลางเข้าไปคล้องแขนนาง กล่าวว่า “วันนี้เจ้ามาได้บังเอิญพอดี ข้าขอแนะนำให้เจ้ารู้จักสักหน่อย ท่านนี้คือเจ้าอาวาสน้อยอารามชิงผิงในเมืองหลี และเป็นหมอลัทธิเต๋า ซ้ำยังเป็นนักพรตหญิง เป็นเจียงเหวินหลิวน้องชายในตระกูลข้าเชิญมาตรวจอาการให้ข้าโดยเฉพาะ”

ลวี่เซี่ยวซานรู้สึกประหลาดใจ มองไปยังสหายสนิท เห็นว่านางมีสีหน้าสบายใจ ความหม่นหมองที่ซ่อนอยู่หว่างคิ้วในอดีตดูเหมือนจะหายไป อดประหลาดใจไม่ได้ “พี่หญิงเจียง ท่านหายดีแล้วหรือ”

เจียงเหวินเหยียนเอามือทั้งสองข้างลูบใบหน้า ยิ้มพลางกล่าวว่า “ต้องขอบคุณท่านเจ้าอาวาสน้อย ข้าดีขึ้นแล้ว”

นางพาเดินไปนั่งลงที่เตียงหลัวฮั่น เอ่ยกับฉินหลิวซีว่า “เจ้าอาวาสน้อย นี่คือสหายสนิทที่ข้ากล่าวถึงผู้นั้น ตระกูลเดิมแซ่ลวี่ ตระกูลสามีแซ่จัง ท่านเรียกนางว่านายหญิงใหญ่จังก็ได้”

ฉินหลิวซีพยักหน้าคำนับเล็กน้อย

ลวี่เซี่ยวซานคำนับกลับ เหลือบมองฉินหลิวซีด้วยความสงสัยเล็กน้อย นักพรตหญิงท่านนี้ดูเด็กมาก

เจียงเหวินเหยียนกับลวี่เซี่ยวซานถามไถ่หยอกล้อกันสองสามประโยค กล่าวแสดงความยินดี บอกว่านางผ่านช่วงยากลำบากไปจนกับพบความสุขแล้ว เชื่อว่าปลายปีนี้ก็จะได้ตำแหน่งฮูหยินพระราชทานแล้ว

ในสายตาของลวี่เซี่ยวซานอดไม่ได้ที่จะมีร่องรอยแห่งความสุข แต่กลับเอ่ยอย่างสงวนท่าทีว่า “ไม่เร็วเพียงนั้นหรอก อีกอย่างเขาเป็นเพียงรองบัณฑิตจิ้นซื่อ ซ้ำยังเริ่มจากการเป็นนายอำเภอ ยังเป็นเพียงขุนนางตำแหน่งเล็กๆ หากอยากจะเป็นฮูหยินพระราชทาน ไหนเลยจะง่ายเช่นนั้น แม้ว่าจะได้ ก็ต้องแต่งตั้งท่านแม่ของสามีก่อน”

“อย่างไรเสียสิ่งที่ควรเป็นของเจ้า ก็หนีไม่พ้น” เจียงเหวินเหยียนหยิกแก้มนาง เอ่ยว่า “ว่ากันว่าเมื่อคนเรามีเรื่องมงคลก็จะมีชีวิตชีวา ดูสีหน้าเจ้าแดงระเรื่อ ข้าล่ะอิจฉาจริงๆ”

ลวี่เซี่ยวซานเป็นคนอ่อนหวาน รู้สึกเขินอายเล็กน้อย ดุเสียงเบาว่า “คนอื่นก็อยู่ อย่ากล่าวเหลวไหลสิเจ้าคะ”

เจียงเหวินเหยียนอุทานขึ้นมา “ดูข้าสิ มีความสุขมากจนลืมไปเลย ท่านเจ้าอาวาสน้อย ท่านจับชีพจรให้ซานเหนียง ดูว่าวาสนามีบุตรจะมาถึงเมื่อใด”

ลวี่เซี่ยวซานตกตะลึงเล็กน้อย

“เจ้าอาวาสน้อยเป็นนักพรตหญิง วิชาแพทย์ก็ไม่เลวเลย ทั้งยังหาตัวได้ยาก ไม่สู้เจ้าให้นางดูสักหน่อย” เจียงเหวินเหยียนส่งสายตาให้สหายสนิท ไม่ควรพลาดโอกาสนี้

ลวีเซี่ยวซานลูบท้องล่างโดยไม่รู้ตัว เม้มริมฝีปาก ราวกับรู้สึกเขินเล็กน้อย มองไปยังฉินหลิวซี เอ่ยว่า “ไม่ทราบว่าจะเป็นการรบกวนท่านเจ้าอาวาสน้อยหรือไม่”

ฉินหลิวซีวางถ้วยชาลง เอ่ย “วาสนายังมาไม่ถึงจริงๆ หรือกล่าวได้ว่าอาจไม่มีวาสนา”

ทันทีที่เอ่ยออกมา รอยยิ้มของเจียงเหวินเหยียนและลวี่เซี่ยวซานพลันแข็งทื่อ

ในห้อง สาวใช้ที่ติดตามลวี่เซี่ยวซานเงยหน้าขึ้นมามอง ฉินหลิวซีก็มองไปเช่นกัน อีกฝ่ายหลบสายตา รีบก้มหน้าลงทันที

เจียงเหวินเหยียนเห็นว่าสีหน้าของฉินหลิวซีไม่เหมือนกำลังล้อเล่น เมื่อนึกถึงความสามารถของนาง ก็หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ส่งสายตาให้แม่นมและคนอื่นๆ

แม่นมยิ้มพลางพาคนออกไป ส่วนสาวใช้ของลวี่เซี่ยวซานนามว่าอาเจียวผู้นั้นก็มองไปยังลวี่เซี่ยวซาน “คุณหนู?”

น้ำเสียงของลวี่เซี่ยวซานจืดจางเล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่พอใจกับคำพูดตรงไปตรงมาของฉินหลิวซี หรือเป็นเพราะอย่างอื่น เอ่ยขึ้นว่า “ออกไปเถิด”

บรรดาสตรีพากันถอยออกไป

เจียงเหวินเหยียนแทบรอไม่ไหวที่จะถาม “ท่านเจ้าอาวาสน้อย ท่านกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรหรือ”

ฉินหลิวซีกลับเอ่ยกับลวี่เซี่ยวซานว่า “สาวใช้ของท่านผู้นั้นไม่น่าเชื่อถือ ท่านระวังสักหน่อยเถิด”

ลวี่เซี่ยวซานสีหน้ามืดครื้ม ขมวดคิ้วพลางเอ่ย “ท่านไม่รู้อะไร อาเจียวเป็นสาวใช้คนสนิทที่เติบโตมากับข้า รับใช้ข้ามาหลายปีแล้ว กระทั่งเคยช่วยชีวิตข้าไว้ เปรียบเสมือนพี่น้องรู้ใจของข้า”

แม้คำพูดจะมีความไม่พอใจ แต่น้ำเสียงของนางก็ไม่ได้มีการตำหนิมากเกินไป เพียงแต่ถือว่าฉินหลิวซีไม่รู้เรื่องภายใน

ฉินหลิวซีเพียงแต่ยิ้มไม่ได้เอ่ยอะไร

เมื่อลวี่เซี่ยวซานเห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม

เจียงเหวินเหยียนก็เริ่มสับสนเล็กน้อยเช่นเดียวกัน เมื่อเห็นฉินหลิวซีมีสีหน้าลุ่มลึกก็เป็นกังวลเล็กน้อย จึงเอ่ย “เจ้าอาวาสน้อย ข้าก็เป็นพยานได้ อาเจียวรับใช้ซานเหนียงมาหลายปีแล้วจริงๆ เป็นคนที่จงรักภักดีที่สุด”

“ทั้งสองท่าน ใจคนเปลี่ยนง่าย” ฉินหลิวซีเอ่ยเสียงเรียบว่า “ศาสตร์ทั้งห้าของเสวียนเหมินของข้าล้วนมีการทำนายอย่างคร่าวๆ หากไม่แม่นยำก็จะดูโหงวเฮ้ง ตำแหน่งบ่าวบริเวณกรามทั้งสองข้างของสาวใช้ผู้นั้นแหลมและคมชัด ไร้เนื้อ คางสั้น โดยกำเนิดเป็นคนที่ไม่มั่นคง สายตาของนางเอาแน่เอานอนไม่ได้ เป็นคนฉลาดแกมโกง อีกอย่างตอนที่ให้นางออกไปเมื่อครู่ สีหน้าของนางตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด เพราะจู่ๆ เรื่องที่อยู่ในการควบคุมของนางได้สูญเสียการควบคุมจึงได้หวั่นใจ”

ลวี่เซี่ยวซานขมวดจนคิ้วพันกัน เม้มริมฝีปากแน่น สีหน้าดูไม่พอใจเล็กน้อย

เจียงเหวินเหยียนทำตัวไม่ถูก นางอยากขอให้ฉินหลิวซีจับชีพจรให้สหายสนิท แต่ฉินหลิวซีกลับเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่าอาจไม่มีวาสนา แล้วเหตุใดจู่ๆ จึงได้พูดถึงสาวใช้ของนางเสียแล้ว

ฉินหลิวซีราวกับว่าไม่รู้ว่าลวี่เซี่ยวซานโกรธแล้ว เอ่ยเสริมอีกว่า “ข้าเห็นว่าสาวใช้ผู้นั้นยังเกล้าผมขึ้นอยู่ คงยังไม่ได้แต่งงานกระมัง แต่ข้าเห็นว่าตำแหน่งบุตรบริเวณใต้ตาของนางนั้นอวบอิ่มแดงระเรื่อ นางคงจะตั้งครรภ์แล้ว”

อะไรนะ

ลวี่เซี่ยวซานลุกขึ้นยืนในทันที จ้องฉินหลิวซีพลางเอ่ย “ท่านเพียงแค่ดูโหงวเฮ้งก็บอกว่าสาวใช้ของข้าไม่น่าเชื่อถือ ซ้ำยังบอกว่านางตั้งครรภ์ ไยจึงได้ตัดสินอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้”

นางโกรธแล้วจริงๆ อาเจียวมาอยู่กับนางตั้งแต่ยังเด็กมาก แม้ว่าอารมณ์ตอนเด็กจะรุนแรงเล็กน้อย แต่กลับซื่อสัตย์ต่อนางเป็นอย่างมาก เพราะอีกฝ่ายเป็นเด็กกำพร้าที่ตัวเองเลือกมาจากค่ายผู้ลี้ภัย ต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น

แต่ตอนนี้ฉินหลิวซีเพียงแค่มองแวบเดียวก็สรุปว่านางไม่ใช่บ่าวรับใช้ที่จงรักภักดี ซ้ำยังตั้งครรภ์?

นี่มันไร้สาระเกินไปแล้ว

ลวี่เซี่ยวซานมองไปยังเจียงเหวินเหยียน ระงับความโกรธพลางเอ่ย “พี่หญิงเจียง ดูเหมือนวันนี้จะมาได้ไม่เหมาะสม ไว้วันหลังข้าจะมาเยี่ยมท่านใหม่เจ้าค่ะ”

เจียงเหวินเหยียนลุกขึ้นยืน อึดอัดเล็กน้อย เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร

ดูเหมือนว่าฉินหลิวซีจะกลัวว่านางยังโกรธไม่มากพอ เอ่ยอีกว่า “ข้าก็เรียนวิชาแพทย์มา ตั้งครรภ์หรือไม่ ข้ายังพอดูออก ระยะเวลายังน้อยอยู่ ตัวนางเองก็ไม่รู้ว่ามีครรภ์แล้ว”

“ท่าน!”

“อีกอย่าง” ฉินหลิวซีมองไปที่นาง ถอนหายใจแล้วเอ่ย “ต่อไปนี้ท่านก็อย่าได้กินอาหารบำรุงใดๆ อีก ยิ่งกินมากเท่าไหร่ ท่านก็จะยิ่งใกล้ความตายมากขึ้นเท่านั้น และจะไม่มีความหวังในการมีบุตร เพราะมีคำกล่าวที่ว่าร่างกายอ่อนแอรับการบำรุงอย่างรุนแรงไม่ไหว”

เจียงเหวินเหยียนตกตะลึง

ลวี่เซี่ยวซานเบิกตาโต โกรธจนสั่นไปทั้งตัว คนอะไร ทำไมจึงได้ปากร้ายเช่นนี้

“ท่าน ท่านทำเกินไปแล้ว ข้ากับท่านไม่ได้มีความคับข้องใจต่อกัน เหตุใดจึงได้สาปแช่งข้าอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้” ลวี่เซี่ยวซานบีบแขนของเจียงเหวินเหยียน โกรธจนตาแดงก่ำ “พี่หญิงเจียง ท่านไม่อยากเจอข้าก็ไม่เป็นไร เหตุใดจึงได้ให้คนมาดูถูกข้าเช่นนี้”

“ข้า ข้าเปล่านะ!” เจียงเหวินเหยียนงงไปหมด เห็นนางโกรธจนดวงตาแดงก่ำ สั่นไปทั้งตัว จากนั้นก็มองไปยังฉินหลิวซี ส่งสายตามองดุดัน เอ่ย “ท่านเจ้าอาวาสน้อย ท่านดูผิดไปหรือไม่ ซานเหนียงสีหน้าดูดีขนาดนี้ จะอ่อนแอจนรับการบำรุงไม่ได้ได้อย่างไร”

ไม่สิ เมื่อครู่กำลังพูดเรื่องสาวใช้ผู้นั้นอยู่ไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงได้ลามไปถึงเรื่องที่ลวี่เซี่ยวซานกินอาหารบำรุงเสียได้

“ข้าคืออาจารย์ปู้ฉิวแห่งอารามชิงผิง จะดูผิดไปได้อย่างไร ท่านลองถามนางดูว่านางกินอาหารบำรุงต่างๆ นานาทุกวันหรือไม่”

ดวงตาของเจียงเหวินเหยียนมืดลง ท่านอาจารย์ ให้ข้าเรียกท่านว่านายท่านก็ได้ ขอร้องท่านเลิกสุมไฟได้แล้ว

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท