คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า – ตอนที่ 606 การต่อสู้ทำลายอาคมชั่วร้ายกลางอากาศ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 606 การต่อสู้ทำลายอาคมชั่วร้ายกลางอากาศ

ฉินหลิวซีกับลวี่เซี่ยวซานเดินทีละก้าวไปยังหลุมศพบรรพบุรุษตระกูลลวี่ ซึ่งนำทางโดยผู้ใหญ่บ้านผู้เฒ่าที่ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลพลางกล่าวคร่ำครวญ

ตามคำกล่าวของผู้ใหญ่บ้านผู้เฒ่า แม้ว่าลวี่เซี่ยวซานจะแต่งงานแล้ว และยังไม่ได้ให้กำเนิดบุตร แต่ตามหลักแล้วนางก็ควรมาเยี่ยมหลุมศพของท่านแม่ทัพทุกปี แต่หลายปีมานี้ล้วนเป็นบุตรเขยท่านนั้นที่มา

แม้ว่าบุตรเขยผู้นั้นจะประพฤติตนสุภาพและยังรู้จักพูดจา แต่ผู้ใหญ่บ้านผู้เฒ่ามักจะรู้สึกว่าบุตรเขยไม่ใช่คนดี รู้สึกว่าอีกฝ่ายมีเจตนาชั่วร้าย ดังนั้นทุกครั้งที่มีการเซ่นไหว้ เขาก็จะติดตามไปด้วยตัวเองเสมอ อีกฝ่ายเซ่นไหว้อย่างซื่อสัตย์และจริงใจ จึงได้ปล่อยวางความระมัดระวังลงเล็กน้อย เพียงแต่ความคิดที่มีต่อจังหย่ง มักจะเผื่อใจไว้เล็กน้อยอยู่เสมอ

ฉินหลิวซีคิดในใจ ‘ทหารเก่าผู้นี้เป็นคนดี และจงรักภักดี แต่น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วไม่ใช่ผู้ที่เรียนรู้วิชาเต๋า มีสายตาที่จำกัด’

เมื่อมาถึงสุสานบรรพบุรุษตระกูลลวี่ก็เป็นเวลาภพค่ำแล้ว ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน

ฉินหลิวซีมองไปรอบๆ หยิบเข็มทิศสีม่วงทองออกมาจากตะกร้า แล้วเดินไปยังตำแหน่งมงคลของหลุมศพบรรพบุรุษ

ในเวลาเดียวกัน จังหย่งก็ได้มาถึงกระท่อมของบุรุษชุดดำพร้อมกล่องที่บรรจุแปดอักษรเวลาตกฟากกับเส้นผมและเล็บของลวี่เซี่ยวซาน แล้วมอบให้กับเขา

“ทุกอย่างฝากฝังไว้กับท่านแล้ว” จังหย่งลูบมือ กล่าวอย่างประจบประแจง

บุรุษชุดดำสบถอย่างเย็นชา รับมาโดยไม่ได้เปิดออก

เขานำระดูของสตรีที่มีหยินอันชั่วร้ายมาผสมกับเบญจพิษ วาดค่ายอาคมกัดกินหัวใจกักขังวิญญาณ จุดเทียน 7-7-49 ที่กลางค่ายอาคม ใช้รูปแบบค่ายอาคมยันต์แปดทิศเพื่อวางค่ายอาคม บุรุษชุดดำไม่ได้เปิดค่ายอาคม แต่กลับหยิบหุ่นฟางขึ้นมา เขียนแปดอักษรเวลาตกฟากของลวี่เซี่ยวซานแล้วใช้ตะปูวิญญาณตอกไว้ที่ด้านหลังของหุ่นฟาง จากนั้นยัดเส้นผมกับเล็บไว้ในหุ่นฟาง

ด้วยวิธีนี้ มีทั้งเส้นผมร่างกายที่พ่อแม่ให้มาและแปดอักษรเวลาตกฟาก เพียงแค่ร่ายคาถา หุ่นฟางนี้ก็จะเป็นตัวแทนของลวี่เซี่ยวซานอย่างสมบูรณ์แบบ

จังหย่งที่อยู่ด้านข้างมองดูสิ่งแปลกๆ ที่อยู่ตรงหน้านี้ ก็มีความสยดสยองเล็กน้อย

บุรุษชุดดำเตรียมพร้อมสมบูรณ์ แต่กลับเหลือบมองจังหย่ง “เจ้าแน่ใจหรือว่าต้องการเอาชีวิตนาง”

จังหย่งเม้มริมฝีปาก “นางไร้ความเมตตาข้าไร้คุณธรรม เป็นนางที่บังคับข้า”

สายตาของบุรุษชุดดำมีร่องรอยของการเย้ยหยัน คนโหดเหี้ยมไร้คุณธรรมแล้วยังไปว่าคนอื่น ต่ำต้อยยิ่งกว่ามด

เขาลดสายตาลง บดบังแสงเจิดจ้าในดวงตา บุ้ยปากไปทางโต๊ะ “ในเมื่อเจ้าตัดสินใจกระทำการนี้ด้วยตัวเอง เช่นนั้นก็กรีดเลือดเถิด”

จังหย่งตกตะลึง มองไปยังถ้วยเล็กและกริชที่อยู่บนโต๊ะ ถามอย่างระมัดระวังว่า “ทำไมหรือ”

“ให้เจ้ากรีดเจ้าก็กรีด ถามอะไรเยอะแยะ” น้ำเสียงของชายชุดดำเต็มไปด้วยความเหลืออด และความรำคาญ

เจ้ามดต่ำต้อย คิดหรือว่าข้าจะบอกเจ้าว่าเอาไว้เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉิน ให้เจ้าแบกรับส่วนใหญ่ของผลสะท้อนกลับ

ในใจของจังหย่งรู้สึกต่อต้าน เขากลัวว่าจะมีกับดักอยู่ในนั้น แต่ในขณะที่เขากำลังลังเล บุรุษชุดดำก็เอ่ยอีกว่า “เร็วเข้า พวกลวี่เซี่ยวซานอาจถึงหลุมศพบรรพบุรุษแล้ว”

บุรุษชุดดำมีสีหน้าตึงเครียด เขารู้สึกได้ว่าคาถาต้องห้ามทางด้านหลุมศพบรรพบุรุษถูกคลายและถูกกดทับ เกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้นจริงๆ

จังหย่งตกใจ รีบหยิบกริชขึ้นมา กล่าวว่า “กรีดอย่างไร”

“สิบนิ้วเชื่อมต่อกับหัวใจ เลือดที่ปลายนิ้วก็คือเลือดของหัวใจ”

จังหย่งกัดฟัน อดกลั้นต่อความเจ็บปวดแล้วกรีดที่ปลายนิ้ว เลือดหยดลงมาในชามทีละหยด

“พอแล้ว” บุรุษชุดดำเอาเลือดไปป้ายบริเวณตัวของหุ่นฟางอีกตัวหนึ่ง เขียนแปดอักษรเวลาตกฟากลงไปด้วยเช่นกัน เพียงแต่นี่เป็นของจังหย่ง

จังหย่งใจเต้นเร็ว อดทนที่จะไม่พุ่งเข้าไปแย่งมา

เขารู้สึกว่าไม่ค่อยปกติ

ทางด้านหลุมศพบรรพบุรุษตระกูลลวี่ ลวี่เซี่ยวซานมองดูฉินหลิวซีถือเข็มทิศตรวจสอบทิศทาง ในใจรู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก กระสับกระส่ายและไม่สบายอยู่เล็กน้อย อดเดินไปมาอยู่กับที่ไม่ได้

นางหัวใจเต้นเร็วราวกับกลอง แทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว

ทางด้านกระท่อม บุรุษชุดดำได้จุดธูปเทียนแล้ว ถือยันต์พลางก้าวเดินตามตำแหน่งดาว ในมือถือหุ่นฟางของจังหย่ง ปากพึมพำท่องคาถา

ทันทีที่เขาขว้างออกไป ยันต์ก็เผาไหม้เองโดยไม่มีไฟ ลมหยินพัดขึ้นมาจากพื้นดิน ผสมกับเสียงกรีดร้องอันดุร้ายของสัตว์ร้าย

จังหย่งสั่นไปทั้งตัว

“ประตูสวรรค์เคลื่อน ประตูนรกเปิด สามดวงจิตอันแท้จริง เจ็ดวิญญาณสตรีหยก ธาตุทั้งห้าของหยินหยาง แปดทิศของสามโลก ย้ายรูปเปลี่ยนเงาดวงวิญญาณตระกูลลวี่มา ลูกศิษย์จังหย่งยินดีสังเวยร่างกายทำตามคำสั่งของปรมาจารย์เต๋าแห่งวิญญาณมารโจมตีดวงวิญญาณลวี่ เปิดค่ายอาคม!”

วึงงง

พลังงานที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้นในกระท่อม

หน้าอกของจังหย่งสั่นไหว ลำคอกระอักกระอ่วน ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่เมื่อเห็นค่ายอาคมกัดกินหัวใจกักขังวิญญาณก่อตัวขึ้นราวกับหมอกเลือด ดวงตาของเขาก็แอบเปล่งประกายแสงเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

ในขณะเดียวกัน ฉินหลิวซียืนอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เข็มทิศหมุนอย่างบ้าคลั่ง นางเก็บเข็มทิศ หรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง มองไปยังซ้ายขวาของหลุมศพที่อยู่ตรงหน้า

นางกำลังจะเอ่ยปาก เสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังมาจากข้างหลัง

“ท่านอาจารย์” เถิงเจาตกใจเป็นอย่างมาก

“คุณหนูใหญ่”

เมื่อฉินหลิวซีหันกลับมา ก็เห็นลวี่เซี่ยวซานนอนกุมหัวใจอยู่บนพื้น เลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด

“ขุดทั้งสองแห่งนี้แล้วนำสิ่งของข้างในออกมา” ฉินหลิวซีนำยันต์ปราบปีศาจทั้งสองแผ่นแปะไว้ที่สองตำแหน่งที่นางพึ่งเห็นเมื่อครู่แล้วกำชับเถิงเจา จากนั้นก็พุ่งมาอยู่ข้างกายลวี่เซี่ยวซานอย่างรวดเร็ว

เปิดดวงตาสวรรค์ นางเห็นว่าดวงวิญญาณของลวี่เซี่ยวซานดูเหมือนจะถูกจับด้วยกรงเล็บที่มองไม่เห็นแล้วถูกดึงออกมาอย่างแรง หากไม่มีเครื่องรางหยกคุ้มครอง เกรงว่าดวงวิญญาณนี้คงจะถูกดึงไปแล้ว อดแสยะยิ้มไม่ได้ “คิดจะดึงวิญญาณที่ข้าต้องการปกป้องต่อหน้าต่อตาข้า รนหาที่ตาย!”

ฉินหลิวซีใช้มือหนึ่งร่ายคาถา ใช้ฟันกัดที่ปลายนิ้วอีกมือหนึ่ง ใช้เลือดวาดยันต์ตรึงวิญญาณบนหน้าผากของลวี่เซี่ยวซานอย่างรวดเร็ว

บุรุษชุดดำรู้สึกถึงการยื้อไว้ ลืมตาขึ้น ดวงตาเปล่งประกาย ลูกศิษย์ของอารามชิงผิงหรือ ดูว่าเจ้ามีความสามารถ หรือว่าพวกข้าแข็งแกร่งกว่า

เขาหยิบยันต์กัดกินวิญญาณมาอีกหนึ่งแผ่น ปากท่องคาถา เสกไปที่หุ่นฟางในค่ายอาคม ไฟลุกขึ้นมา

ลวี่เซี่ยวซานตัวจริงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

“สารเลว!” ฉินหลิวซีสายตาเกรี้ยวกราด มือทั้งสองข้างร่ายคาถาอย่างรวดเร็ว เสกยันต์วิญญาณกลางอากาศเข้าไปในดวงวิญญาณของนางโดยตรง

อะเฮือก

มีร่องรอยของเลือดไหลออกมาจากมุมปากของบุรุษชุดดำ แต่ดวงตาของเขากลับเริ่มสนุกมากขึ้นเรื่อยๆ

จังหย่งกลับร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มือทั้งสองข้างกุมศีรษะแล้วลงไปกลิ้งอยู่บนพื้น

ฉินหลิวซีผนึกวิญญาณของลวี่เซี่ยวซานไว้ได้ มือร่ายเวทมนต์ ปากท่องคาถาอีกครั้ง “…กระบี่อันทรงพลังของราชาแห่งเทพ สังหารสิ่งชั่วร้ายอย่าให้เหลือร่องรอย ทำลาย!”

นิ้วทั้งสองของนางกลายเป็นกระบี่ ราวกับมีเปลวไฟที่ร้อนระอุ เฉือนกรงเล็บที่มาดึงดวงวิญญาณ เปลวไฟลุกลามไปตามกรงเล็บนั้น ทะลุผ่านความว่างเปล่าไปยังอีกฟากหนึ่งของค่ายอาคม พรวด

ในที่สุดบุรุษชุดดำก็มีสีหน้าตกใจ กระอักเลือดออกมา มองดูค่ายอาคมกัดกินหัวใจกักขังวิญญาณถูกล้อมด้วยไฟที่มองไม่เห็นแผดเผา เทียนทั้งหมดดับลงพร้อมกัน หุ่นฟางของลวี่เซี่ยวซานที่อยู่ในค่ายอาคมกลายเป็นขี้เถ้า

ค่ายอาคมถูกทำลาย

ทันใดนั้นมือของเขาก็รู้สึกร้อน ปล่อยมือโดยไม่รู้ตัว กลับเห็นหุ่นฟางของจังหย่งที่อยู่ในมือถูกแผดเผา

ไฟนั้นเหมือนลิ้นงู กลืนกินบาปทั้งปวง

จังหย่งล้มลงกับพื้น กรีดร้องพลางอาเจียนออกมาเป็นเลือดคำโต ผมเปลี่ยนเป็นสีขาว สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือใบหน้าของเขาราวกับถูกไฟแผดเผา ผิวหนังไหม้เกรียม หนังหน้าร่วงหล่น

ผลการสะท้อนกลับ เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้

มือของบุรุษชุดดำร้อนผ่าว เขาก้มลงมองมือของตัวเอง ปรากฏว่ามีแผลพุพองราวกับถูกไฟแผดเผา รีบท่องคาถาแบ่งแยก จากนั้นก็ตัดกรรมระหว่างตัวเขากับจังหย่ง

เขาโชคดีอยู่บ้างที่ตัวเองใช้จังหย่งเป็นคนร่ายคาถา มิเช่นนั้นคนที่ต้องทุกข์ทรมารจากผลสะท้อนกลับครั้งใหญ่ก็คือเขา

บุรุษชุดดำไม่ได้จากไป แต่จ้องมองไปยังจังหย่งที่หายใจรวยรินด้วยความสงสัย ทั้งๆ ที่ไม่มีไฟ แต่บนตัวของเขากลับมีคลื่นความร้อนและมีควันออกมา

ทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดที่หน้าอก กระอักเลือดออกมา รู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย

เขารีบคำนวณนับนิ้วอย่างรวดเร็ว เป็นเช่นนั้นจริงๆ คาถาต้องห้ามที่เขาร่ายไว้ที่ตระกูลลวี่ถูกทำลายลงแล้ว คาถาถูกทำลายไปครึ่งหนึ่ง เด็กน้อยชายหญิงคู่นั้นคงจะถูกขุดออกมาแล้ว

เขามองไปยังจังหย่งที่อยู่บนพื้นอีกครั้ง โชคของอีกฝ่ายสูญเสียไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ผลสะท้อนกลับของเขารุนแรงขึ้น ทั้งตัวมีอากาศออกมามาก มีอากาศเข้าน้อยลง

คนผู้นี้ไร้ประโยชน์แล้ว

บุรุษชุดดำไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ ต่อการตายซ้ำแล้วซ้ำเล่าของจังหย่ง แต่กลับรู้สึกตื่นเต้นและสนใจคนที่อยู่ทางด้านหลุมศพบรรพบุรุษตระกูลลวี่เป็นอย่างมาก ทั้งมีความต้องการต่อสู้

ลูกศิษย์ที่ตาเฒ่าชื่อหยวนผู้นั้นสั่งสอนมา ไม่เลวเลยจริงๆ ไม่รู้ว่าหากเผชิญหน้ากัน ใครจะเก่งกว่ากัน

ไม่รู้ว่าคนผู้นั้นหน้าตาเป็นอย่างไร

บุรุษชุดดำเริ่มรู้สึกสนใจ จนไม่คำนึงถึงเรื่องที่ตัวเองถูกผลสะท้อนกลับ ใช้อาคมต้าเหยี่ยนค่อยๆ ไล่หมอกที่อยู่ตรงหน้าออกไปทีละนิด ใกล้แล้ว ใกล้มองเห็นแล้ว

ฉินหลิวซีพึ่งป้อนยาอายุวัฒนะให้ลวี่เซี่ยวซาน ดูเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง ในสายตามีความรำคาญเป็นอย่างมาก มือข้างหนึ่งร่ายคาถา งอสองนิ้วแล้วจ้องไปที่ความว่างเปล่า

บุรุษชุดดำจ้องมองอย่างตั้งใจ เมื่อหมอกจางลง รูม่านตาของเขากำลังจะเพ่งความสนใจ แต่ดูเหมือนว่าจะมีกิ่งไม้ยักษ์สองกิ่งพุ่งมาที่เขา

“แทงเข้าไป”

ประสาทตาของบุรุษชุดดำเจ็บปวดอย่างรุนแรง แสบตาทั้งสองข้างและมีเลือดไหลออกมา

“คนถ่อยไร้ยางอาย!” เขาแค่มองดูนิดเดียวจะเป็นไรไป ดันมาแทงตากันเสียได้

เจ็บเหลือเกิน

ชายชุดดำถูกโจมตีอย่างรุนแรง บริเวณหน้าอกไหวกระเพื่อม รีบนั่งขัดสมาธิ ท่องคาถาแบ่งแยกและบทสวดสงบจิตอย่างเงียบๆ

ฉินหลิวซีมองไปยังคนสอดแนมที่ถอยกลับไป สบถอย่างเย็นชา เห็นลวี่เซี่ยวซานฟื้นขึ้นมา เอ่ย “เป็นอะไรหรือไม่”

ลวี่เซี่ยวซานกุมหน้าอก แล้วลูบแขน สีหน้าซีดขาว เสื้อผ้าด้านหลังชุ่มเหงื่อ เอ่ยพึมพำว่า “ข้า ข้ารู้สึกเหมือนถูกไฟเผา เจ็บปวดมาก น่ากลัวมาก”

ความเจ็บปวดที่เหมือนกับถูกไฟแผดเผา ทำให้นางไม่กล้าคิดย้อนกลับไป และยิ่งทำให้นางสั่นไปทั้งตัวด้วยความหวาดกลัว

“ทางด้านของจังหย่งเสกคาถาใส่ท่าน ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้ว”

เมื่อลวี่เซี่ยวซานได้ฟังดังนั้น ใบหน้าที่เดิมทีซีดเผือดก็เปลี่ยนเป็นสีเทา

ที่แท้เขาก็โหดเหี้ยมได้ขนาดนี้จริงๆ

ฉินหลิวซีพยุงนางขึ้นมา เดินไปอยู่ตรงหน้าสิ่งที่เถิงเจาและทหารพิการอีกสองคนขุดขึ้นมา ส่วนผู้ใหญ่บ้านก็คุกเข่าอยู่ด้านข้าง มึนงงไปหมด

“ท่านแม่ทัพ ไยหลุมศพของท่านแม่ทัพจึงได้มีของแบบนี้ฝังอยู่ สิ่งนี้มีไว้เพื่ออะไร” ผู้ใหญ่บ้านร้องคร่ำครวญพลางตบหน้าตัวเองสองสามที “ข้ากลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย ข้ารู้สึกผิดต่อท่านแม่ทัพเหลือเกิน”

ลวี่เซี่ยวซานก็คุกเข่าลงกับพื้นเช่นกัน ร้องคร่ำครวญ “ท่านพ่อ!”

ฉินหลิวซีมองไปยังเด็กชายหญิงคู่นั้น สีหน้ามืดครึ้ม

การจัดพิธีศพหรือการสักการะบูชาเทพยดา ส่วนใหญ่แล้วจะเผากระดาษที่พับเป็นเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง ซึ่งเปรียบเสมือนเด็กน้อยที่บริสุทธิ์ หรือเปรียบเสมือนเด็กเซียน แต่ในที่นี่กลับเป็นการฝังเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงของจริง

นี่ก็คือบาปชีวิตที่อยู่ในมือของจังหย่ง เขาบ้าไปแล้วจริงๆ

ภาพนี้ทำให้ฉินหลิวซีนึกถึงหลุมศพบรรพบุรุษของแม่ทัพซ่งเยี่ย ซึ่งมีการฝังกระดูกของเด็กทารกเช่นกัน ทำให้สุสานอันล้ำค่ากลายเป็นสถานที่รวบรวมหยินอันน่ากลัว ซึ่งทำลายรากเหง้าของสายเลือดของซ่งเยี่ย

ตอนนี้มีกุมารทองคู่หนึ่งถูกฝังอยู่ที่นี่ แต่สุสานอันล้ำค่าไม่ได้เปลี่ยนเป็นหยิน แต่กลับได้รับการคุ้มครองความเป็นมงคลจากเด็กเซียน

เช่นนั้นใต้หลุมศพนี้ คนที่เด็กเซียนคอยดูแลอยู่คือใคร จึงได้ทำให้โชคลาภย้ายไปที่ตระกูลจังอย่างสมบูรณ์ ทำให้ตระกูลจังกดทับตระกูลลวี่จนสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้โดยสิ้นเชิง

ฉินหลิวซีเอ่ยกับทหารพิการทั้งสองคนนั้นว่า “ขุดสุสานขึ้นมาเถิด”

ลวี่เซี่ยวซานสีหน้าตกใจ “ขุดสุสานขึ้นมา?”

ฉินหลิวซีพยักหน้า “ฮวงจุ้ยสุสานนี้ไม่ได้มีความชั่วร้าย ยังคงมีความเป็นมงคล และจังหย่งก็ได้ขโมยโชคลาภสำเร็จแล้ว นี่เป็นข้อพิสูจน์ได้เพียงหนึ่งเดียวว่าคนที่ถูกฝังอยู่ข้างใต้เกรงว่าจะไม่ใช่ท่านพ่อของท่านแล้ว”

“อะไรนะ” ลวี่เซี่ยวซานรู้สึกเวียนศีรษะ

“เอาขึ้นมาเถิด ฟ้าใกล้มืดสนิทแล้ว จะดึงดูดวิญญาณร้ายได้ง่าย” ฉินหลิวซีได้เสกยันไว้หลายทิศทาง และให้ผู้ใหญ่บ้านและคนอื่นๆ จุดคบเพลิงส่องแสงสว่าง

หลายคนร่วมมือกัน ในไม่ช้าก็ขุดหลุมศพขึ้นมาได้ เมื่อใช้คบเพลิงส่องสว่าง มันยังคงเป็นโลงศพชั้นดีที่ป้องกันแมลงและมด แต่บนฝาโลงศพกลับมียันต์ที่ถูกวาดด้วยชาดแดง นอกจากฉินหลิวซีก็ไม่มีใครเข้าใจแล้ว

ยันต์เก้าวังป้องกันสิ่งชั่วร้ายเปลี่ยนแปลงโชคลาภใหญ่

สิ่งที่ป้องกันคือฮวงจุ้ยสุสาน เพื่อป้องกันไม่ให้ฮวงจุ้ยสุสานมีสิ่งชั่วร้าย ไม่แปลกใจเลยที่สุสานนี้ถูกแตะต้อง แต่พื้นที่ล้ำค่าแห่งนี้กลับไม่เปลี่ยนแปลง

ฉินหลิวซีมอบยันต์คุ้มภัยให้พวกเขาทั้งหลายพกติดตัวไว้ก่อนที่จะให้พวกเขายกโลงศพขึ้นมา เมื่อเปิดออกดู ทุกคนต่างพากันสูดหายใจ

หนึ่งโลงสองศพ

ในโลงศพ ศพที่เห็นได้ชัดว่ารูปร่างสูงใหญ่ถูกห่อด้วยผ้าสีขาวเท่านั้น ส่วนศีรษะที่ยื่นออกมาได้ถูกยันต์สะกดวิญญาณปิดผนึกที่ทวารทั้งเจ็ด

“ยันต์สะกดทวารทั้งเจ็ด ปากเอ่ยไม่ได้ ตามองไม่เห็น” เถิงเจาเอ่ยพึมพำขึ้นมา

และด้านบนศพที่ถูกปิดผนึกทวารทั้งเจ็ดนั้น ยังมีศพบุรุษที่รูปร่างค่อนข้างเตี้ย สวมชุดคลุมพิธีศพของแม่ทัพใหญ่ผู้ปกป้องแผ่นดินที่ถูกฝังในตอนนั้น ขากรรไกรล่างคาบหยกอุ่นที่ลวี่เถียนคาบไว้ตอนเอาใส่โลง รอบคอของเขามีตราทองคำที่เป็นของท่านแม่ทัพใหญ่ และสองมือก็ถือป้ายหยกหนึ่งชิ้น ด้านบนสลักตัวตนและแปดอักษรเวลาตกฟากของบุคคลนั้นไว้

เป็นบรรพบุรุษตระกูลจัง

พวกเขานำสิ่งของในโลงของลวี่เถียนไปใส่ไว้บนศพร่างเตี้ยนี้ทั้งหมด อาศัยอยู่ที่หลุมศพอันมงคลของเขา เพลิดเพลินกับโชคลาภของเขา และได้รับศรัทธาที่เดิมทีเป็นของลวี่เถียน ผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ที่จะส่งไปถึงลูกหลาน ได้ตกไปอยู่ที่จังหย่งและคนอื่นๆ

“ท่านพ่อ” ลวี่เซี่ยวซานเข้าใจแล้ว กรีดร้องคร่ำครวญ ตาเหลือกแล้วเป็นลมไป

สาวใช้ใหญ่ของนางรีบเข้ามาพยุงทันที ตะโกนเรียกคุณหนูใหญ่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

น่ากลัวเกินไปแล้ว นี่มันน่ากลัวเกินไปแล้ว

ผู้ใหญ่บ้านกับทหารพิการสองสามคนคุกเข่าลงบนพื้นทันที ร้องไห้คร่ำครวญ ท่านแม่ทัพใหญ่ของพวกเขาได้รับการปฏิบัติอย่างต่ำต้อยเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ถูกขุดสุสาน ซ้ำยังขโมยเกียรติยศศักดิ์ศรี ขโมยที่อยู่หลังความตาย สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือถูกเศษซากอะไรก็ไม่รู้มาติดตามร่างกาย ผนึกทวารทั้งเจ็ด ปากเอ่ยไม่ได้ แม้แต่เข้าฝันก็ไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการขยับตัว

เป็นความผิดของพวกเขาที่ไม่ได้ค้นพบสิ่งชั่วร้ายเช่นนี้

ผู้ใหญ่บ้านตบหน้าตัวเองอย่างรุนแรงอีกหลายครั้ง ร้องไห้พลางเอ่ย “ท่านแม่ทัพ ข้าเหล่าเจียงไม่มีหน้าไปพบท่านแล้ว”

ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “เลิกร้องไห้กันได้แล้ว”

นางกระโดดลงไปในหลุมฝังศพ หยิบไฟมาส่องดูอย่างละเอียด พบว่าด้านหลังศีรษะของศพนั้นมีคานไม้ที่สลักด้วยอักขระแปลกๆ เชื่อมต่อบนคอของลวี่เถียน คานไม้เชื่อมร่างกายทั้งสองไม่แยกจากกัน โชคลาภที่เป็นของลวี่เถียนถูกย้ายไปยังศพที่วางทับอยู่ข้างบน ด้วยการส่งเสริมของฮวงจุ้ยอันเป็นมงคล จึงไม่น่าแปลกที่โชคลาภโหงวเฮ้งของจังหย่งจะเปลี่ยนไป

แม้ว่าจะไม่ได้ตรงตามตำราดั้งเดิมสักเท่าไร แต่ผู้ที่ทำวิชานี้มีฝีมือระดับสูงมากกว่าผู้ที่ยืมดวงชะตาโดยใช้แปดอักษรเป็นอย่างมาก นี่เป็นการเริ่มต้นแก้จากแหล่งที่มา ย้ายโชคลาภของตระกูลลวี่ไปที่ตระกูลของตัวเองโดยตรง

“น่าเสียดายที่เจ้าได้มาเจอมือปราบอย่างข้า” ฉินหลิวซีเอ่ยพลางใช้มือร่ายคาถา เปลวไฟร้อนพันรอบมือ ดึงคานไม้นั้นออกมา ถือไว้ในมือ ไฟลุกขึ้นมาแผดเผาจนคานไม้กลายเป็นเถ้าถ่าน

พรวดดด

บุรุษชุดดำอาเจียนออกมาเป็นเลือด เลียมุมปาก ยิ้มอย่างร้ายกาจ “น่าสนใจ ข้าแทบรอที่จะได้เจอเจ้าไม่ไหวแล้ว”

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

Status: Ongoing
คุณหนููใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้านางคือปรมาจารย์ปู้ฉิว แพทย์ผู้ช่วยชีวิตคนและนักพรตผู้เก่งเกาจด้านการทำนายชะตา ไม่ว่าทางโลกหรือจิตวิญญาณนางรักษาได้ทั้งสิ้น!รายละเอียด นิยายโรแมนติก-แฟนตาซีของคุณหนูใหญ่ผู้เป็นเลิศด้านการแพทย์และการทำนายชะตาแต่แสนเกียจคร้านไม่อยากก้าวหน้าผู้หนึ่งฉินหลิวซี คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลฉิน นางเติบโตที่ชนบท ได้รับการเลี้ยงดูจากเจ้าอารามของลัทธิเต๋าเพื่อปลูกฝังให้นางขึ้นเป็นเจ้าอารามต่อไปเบื้องหน้านางอาจเป็นเพียงคุณหนูที่ถูกผลักไสแต่เบื้องหลังนางคือปรมาจารย์ปู้ฉิวผู้ที่สามารถรักษาคนเป็นช่วยเหลือคนตายได้เพียงใช้ยันต์กระดาษและเข็มเงินปรมาจารย์จะรักษาโรคและช่วยชีวิตใครนั้นล้วนขึ้นอยู่กับอารมณ์ โชคชะตา และเวรกรรม หากอีกฝ่ายเป็นคนชั่วร้าย ต่อให้มอบทองสักหมื่นตำลึงนางก็ไม่เหลือบแลแม้เพียงนิดเมื่อโชคชะตาที่ตนเคยทำนายให้ตระกูลกลายเป็นจริง ท่านปู่ถูกปลดจากตำแหน่ง บ้านโดนยึดทรัพย์ผู้หญิงและเด็กในตระกูลต้องระเหเร่ร่อนมาอาศัยที่บ้านบรรพบุรุษแห่งนี้เมื่อมีปากที่ต้องกินข้าวเพิ่มขึ้น เงินออมเริ่มร่อยหรอ ตัวขี้เกียจเช่นนางก็จำต้องคลานลงจากเตียงเพื่อรับงานหาเงินมาเลี้ยงคนในครอบครัวเฮ้อ แม้ไม่หวังการก้าวหน้าใดๆ แต่สวรรค์กลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้นเพราะเมื่อความโด่งดังของนางไปเข้าหูของ ฉีเชียน จวิ้นอ๋องจากเมืองหลวงเข้าเขาก็ดั้นด้นเดินทางมาเชิญนางไปรักษาคน เอาเถอะ ช่วยเหลือคนนั้นย่อมเพิ่มบุญกุศลที่สำคัญคือเพิ่มเงินในกระเป๋า!“เอ๊ะ คุณชายฉีมีเรื่องให้ครุ่นคิดเมื่อคืนจึงนอนหลับไม่สบายหรือ”“ฝันร้ายตลอดทั้งคืนน่ะ”“ไม่เป็นไร คุณชายฉีแค่มีเรื่องให้คิดมากในยามกลางวัน ท่องคาถาชำระจิตสักสองรอบก็จะดีขึ้นเอง”“ข้าคิดว่า ถ้าท่านหมอฉินให้ยันต์คุ้มครองแก่ข้าสักสองชิ้นน่าจะได้ผลดีกว่า” ฉีเชียนเอ่ย“ยันต์คุ้มครองมีเงื่อนไข ผู้มีวาสนาจึงจะได้ไป…”ฉีเชียนยื่นตั๋วเงินจำนวนหนึ่งร้อยตำลึงไปให้อย่างรู้ความ“เดิมทีท่านกับข้าไม่มีวาสนาต่อกัน ทั้งหมดเป็นเพราะท่านทุ่มเงิน ผู้ใจบุญมีเมตตา เทียนจวินคุ้มครองให้พรนับไม่ถ้วน”“….”

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท