บทที่ 135 ยังคงแกล้งต่อไป
เพียงซูจิวฮุ่ยได้ถามไปยังบอดี้การ์ดทั้งสองคน เด็กหนุ่มที่มองเขาในตอนแรกนั้นได้เดินเข้ามาหาด้วยรอยยิ้มอย่างไม่คาดคิด และพูดในสิ่งที่ทําให้เขานั้นต้องตกตะลึง
“คุณถูกส่งมาโดยคุณซิ่วให้มาพาฉันไปใช่รึเปล่า”
“อ้อ จริงสิ ผมยังไม่ได้แนะนําตัวเลย ผมคือเจียงฮ่าว”
“ไปกันเถอะ”
เมื่อพูดจบ เจียงฮ่าวก็ไม่ได้ใส่ใจกับท่าที่ล้ําอึ้งของซูจิวฮุ่ยและบอดี้การ์ดทั้งสองคนแต่อย่างใด เขาเดินตรงผ่านประตูไปในทันที
เมื่อตอนที่เจียงฮ่าวได้เดินผ่านบอดี้การ์ดสองคนนั้น เขาก็ได้ไปตบไหล่ไปยังพี่ชายผู้ซึ่งต้องเขียนชื่อกลับหลังให้กับเขา
ในตอนนี้ ซูจิวฮุ่ยได้ฟื้นคืนสติและนึกถึงคําสั่งของซิ่วไจ๋ยี่ได้แล้ว ในทันทีนั้นเขาก็ได้รีบตามไป และกล่าวของโทษในทันใด
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆครับคุณเจียง ผมมันตาบอดเอง หวังว่าคุณเจียงจะให้อภัยผมนะครับ”
“ผู้ต่ําต้อยคนนี้มีนามสกุลว่าซู ผมเองในตอนนี้เป็นผู้จัดการทั่วไปของภัตตาคารชั้นฟ้าพื้นที่พิเศษครับ”
เป็นตอนนี้ที่ซูจิวฮุ่ยก็ได้นึกได้บางอย่าง เขารีบไปโวยวายใส่บอดี้การ์ดทั้งสองคนที่อยู่ข้างๆในทันที
“นายสองคน รีบขอโทษคุณเจียงเดี๋ยวนี้”
บอดี้การ์ดทั้งสองคนได้มองไปยังชุดอันแสนธรรมดาของเจียงฮ่าวอีกครั้งก็ยิ่งตกตะลึงเข้าไปอีก พวกเขานั้นไม่คิดเลยจริงๆว่าผู้จัดการของเขาจะต้องเคารพเด็กที่ดูจนๆมากมายขนาดนี้
เป็นตอนนั้นเองที่เจียงฮ่าวยกมือขึ้นห้ามปราม
“ไม่ต้องหรอกครับผู้บริหารซู นี่มันงานของพวกเขานี่นา เป็นผมผิดเองที่ลืมนําบัตรสมาชิกมาด้วย”
“รีบไปดีกว่าน่า คุณซิ่วรอพวกเราอยู่ไม่ใช่รีไงกัน”
เมื่อพูดจบ เจียงฮาวก้าวได้เริ่มก้าวเท้าเดินอีกครั้ง และนี่เองก็ทําให้ซูจิวฮุ่ยต้องรีบตามไปและเริ่มเดินนําทางในทันที
หลังจากเจียงฮ่าวจากไป บอดี้การ์ดทั้งสองยังคงมองตามไปจนรับสายตา และในที่สุดก็ได้หันมามองหน้ากันเอง เป็นตอนนี้ที่ทั้งสองมองหน้ากันและปรับทุกข์ออกมาราวกับเงาหัวตัวเองได้หายไปยังไงอย่างนั้น
“ไม่จริงน่า ฉิบ นี่ไม่ใช่ว่าน้องชายคนนั้นพูดจริงเหรอเนี่ย”
“น่าจะใช่แล้วล่ะ”
นี่เองก็เป็นเพียงแค่ประสบการณ์เล็กๆสําหรับเขาเท่านั้น แน่นอนว่าเจียงฮ่าวย่อมไม่ใส่ใจ
ภายใค้การนําของซูจิวฮุ่ยนั้น เจียงฮวได้ก้าวเดินไปอย่างสง่างามและเข้าไปในห้องส่วนตัวของผู้บริหารในที่สุด
ทันทีที่ก้าวเข้าไป เจียงฮ่าวก็ได้พบซิ่วไจ๋ยี่
เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เธอก็ยกหัวขึ้นมาเมื่อเธอได้เห็นเจียงฮ่าวแล้ว เธอก็ได้รีบยืนขึ้นมาพร้อมกล่าวคําต้อนรับออกมาในทันทีด้วยรอยยิ้ม
“คุณเจียง คุณมาแล้ว”
หลังจากกล่าวต้อนรับ เธอก็ได้แนะนําซูจิวฮุ่ยให้เขารู้จักอย่างเป็นทางการ
“ผอ.ซู บอกไปว่าให้นําอาหารมาเสริฟได้แล้ว”
“ได้ครับ”
ซูจิวฮุ่ยได้หันหลังกลับไปเพื่อที่จะไปทําตามคําสั่ง เป็นตอนนั้นที่เจียงฮ่าวได้พูดออกมา
“เดี๋ยวก่อน”
ซิ่วไจ๋ยี่และซูจิวฮุ่ยได้หันกลับมาในทันทีที่ได้ยิน ซิ่วไจ๋ยี่เองก็ได้ถามออกมาด้วยน้ําเสียงประหลาดใจ
“มีอะไรรึเปล่าคะคุณเจียง”
เจียงฮ่าวได้มองไปยังซิ่วไจ๋ยี่และพูดออกมาด้วยคําพูดที่น่าพิศวง
“คุณซิ่ว ผมจะขอให้ทางภัตตาคารช่วยทําอาหารจากกะหล่ําปลี พริกแดง แตงกวา มะเขือเทศ และต้นหอมได้รึเปล่า”
“หากว่าทําได้ นี่จะทําให้ธุรกิจที่ผมจะคุยกับคุณในวันนี้จะคุยกันได้ง่ายขึ้น” เมื่อได้ยินดังนั้น ยิ่งทําให้ซิ่วไจ๋ยี่สนใจขึ้นมายิ่งกว่าเดิม
“โอ้ ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็…”
“ผอ.ซู ช่วยทําตามที่คุณเจียงต้องการให้หน่อยนะ”
“ได้ครับนายหญิง”
หลังจากซูจิวฮุ่ยจากไป ซิ่วไจ๋ยี่ได้มองไปยังกองผักที่อยู่ในกระเป๋าของเจียงฮ่าว นี่ทําให้เธอประหลาดใจเล็กน้อย
เธอกลับไปนั่งยังที่นั่งของเธอและนั่งลง หลังจากนั้นก็ได้มองไปยังเจียงฮ่าวอย่างสงสัย
“คุณเจียง คุณต้องการคุยธุรกิจอะไรกับฉันหรือคะ”
เจียงฮ่าวได้พูดด้วยประโยคที่น่าพิศวงอีกครั้งในขณะที่มองไปยังซิ่วไจ๋ยี่คนที่ในตอนนี้สนใจทุกคําพูดของเขาอย่างจริงจัง
“คุณซิ่ว ไม่ต้องรีบร้อนไป เดี๋ยวเราค่อยคุยกันหลังอาหารมาถึงแล้วดีกว่า ผมสัญญาเลยว่าธุรกิจของผมนั้นจะไม่ทําให้คุณซิ่วนั้นต้องผิดหวังอย่างแน่นอน”
ซิ่วไจ๋ยี่สัมผัสได้ในทันทีว่าเจียงฮาวนั้นต้องมอบธุรกิจที่ดูลึกลับให้เธอเป็นแน่
“โอ้ เมื่อไหร่กันที่คุณเจียงการเป็นคนที่ดูลึกลับได้ขนาดนี้กัน”
เจียงฮ่าวเองเพียงแค่ยิ้มแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เมื่อเห็นดังนั้น ซิ่วไจ๋ยี่ก็ไม่ได้คิดจะถามอะไรอีก
หลังจากเงียบไปพักใหญ่แล้ว อยู่ๆเจียงฮ่าวก็ได้ถามออกมา
“เอ้อ คุณจิ๋ว ที่นี่ควรจะมีห้องอาบน้ําอยู่ใช่รึเปล่า”