ตอนที่ 259 ความคิด
ผู้ที่ไม่สบายใจกับข่าวลือยังมีเว่ยเชียง
ข่าวการเสียโฉมของชายารัชทายาทถูกแพร่กระจายออกไปภายใต้คำสั่งของเขา แน่นอนว่าเป็นการเตรียมการสำหรับแผนการในใจของเขา
แต่สิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงคือ ข่าวลือที่แพร่กระจายไปพร้อมข่าวลือเรื่องนี้ยังมีเรื่องที่เขาถูกหมูป่าจู่โจมที่ฐานล่าสัตว์เป่ยเหอ
ข่าวลือเริ่มที่ผู้ใดนั้นยากที่จะสืบหา เขารู้เพียงว่าสองสามวันนี้เสด็จพ่อสีพระพักตร์ไม่ค่อยดีนัก
จักรพรรดิหย่งอันมีความคิดลุ่มลึก สุขหรือทุกข์ไม่เคยเผยทางสีหน้า แต่เขากลับสังเกตสีหน้าของเสด็จพ่อออก เว่ยเชียงรู้สึกกระวนกระวายใจ
ยิ่งไปกว่านั้นยังมีข่าวลืออีกเรื่องหนึ่ง ว่ากันว่าไคหยางอ๋องชอบคุณหนูลั่ว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าเว่ยเชียงก็เยือกเย็น
เขาดูออกว่าไคหยางอ๋องปฏิบัติต่อคุณหนูลั่วอย่างแตกต่าง แต่ว่าจะมีความรักเชิงชายหญิงหรือไม่นั้น…
เว่ยเชียงย้อนคิดถึงรายละเอียดต่างๆ ที่เว่ยเชียงกระทำต่อลั่วเซิง รู้สึกไม่มั่นใจนัก
ทว่าไม่ว่าจะไม่มั่นใจอย่างไร ข่าวลือเรื่องนี้แพร่ออกไปล้วนส่งผลเสียอย่างมากต่อแผนการของเขา
หากไคหยางอ๋องชอบคุณหนูลั่วจริงๆ ข่าวลือมีแต่จะยิ่งกระตุ้นส่งเสริมทั้งสองเท่านั้น
เว่ยเชียงสับสนวุ่นวาย เขาเดินออกไปยังสวนดอกไม้
สีเขียวในสวนหายไปมากแล้ว เริ่มเห็นเค้าของต้นฤดูหนาว
นางกำนัลที่เดินไปมาในสวนดอกไม้ไม่ได้ใส่ชุดกระโปรงสีเขียวสำหรับฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนแล้ว ทุกคนเริ่มใส่ชุดสีน้ำตาลอมม่วงสองชั้น
ธรรมดาและเรียบง่าย แต่กลับทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย
คนขบวนหนึ่งเดินมา หญิงสาวที่อยู่ตรงกลางได้ขันทีคนหนึ่งนำทาง หน้าตาดูแล้วมีส่วนคล้ายชายารัชทายาทหลายส่วน ซึ่งก็คือคุณหนูรองเฉียว น้องสาวของชายารัชทายาทนั่นเอง
คุณหนูรองเฉียวได้รับคำสั่งจากมารดาให้มาปลอบชายารัชทายาท บัดนี้บังเอิญเจอเว่ยเชียง ยังไม่ทันเดินไปใกล้ก็รีบย่อเข่าลง “หม่อมฉันถวายพระพรองค์ชายเพคะ”
ขณะที่คุณหนูรองเฉียวย่อเข่าคารวะ เว่ยเชียงก็เดินมาข้างหน้านางแล้ว
“ลุกขึ้นเถอะ” เสียงนิ่งขรึมของชายหนุ่มดังขึ้นจากด้านบน ให้ความรู้สึกสูงส่งเล็กน้อย
คุณหนูรองเฉียวนอกจากรู้สึกประหม่าแล้ว ใจยังสั่นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
นางเงยหน้ามองเว่ยเชียงอย่างรวดเร็วพร้อมยืดกายตรง “ขอบพระทัยองค์ชายเพคะ”
“มาหาพี่สาวเจ้าหรือ”
“เพคะ” คุณหนูรองเฉียวตอบอย่างว่าง่าย
“ไปเถอะ” เว่ยเชียงพยักหน้า เดินผ่านคุณหนูรองเฉียวไป
คุณหนูรองเฉียวมองตามแผ่นหลังสูงใหญ่ร่างนั้นไปโดยสัญชาติญาณ หัวใจดวงหนึ่งเต้นระส่ำ
“คุณหนูรองเฉียว เชิญทางนี้ขอรับ” เสียงแหลมสูงของขันทีดังขึ้น
คุณหนูรองเฉียวตั้งสติได้ เดินตามขันทีไปที่ห้องบรรทมของชายารัชทายาท
ทันทีที่เดินเข้าไปในห้องบรรทม ความรู้สึกอึดอัดและหดหู่ก็ถาโถมเข้ามา
เมื่อเห็นชายารัชทายาทที่ผ่ายผอมจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก คุณหนูรองเฉียวก็อดเอ่ยขึ้นไม่ได้ “ท่านพี่ เหตุใดพี่จึงกลายเป็นเช่นนี้…”
ชายารัชทายาทสั่งให้คนรับใช้ออกไป น้ำเสียงเยือกเย็น “พวกท่านพ่อยังหาวิธีเชิญหมอเทวดามาไม่ได้อีกหรือ”
คุณหนูรองเฉียวไม่กล้าสบตาของชายารัชทายาท นางส่ายศีรษะอย่างยากลำบาก “ยังไม่ได้เลย”
ประกายแสงเพียงเล็กน้อยในดวงตาของชายารัชทายาทดับลง น้ำเสียงเยือกเย็นกว่าเดิม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็กลับไปเถอะ รอจนมีข่าวดีแล้วค่อยมาหาข้า”
“ท่านพี่ ท่านแม่ให้ข้ามาอยู่เป็นเพื่อนพี่”
ชายารัชทายาทยิ้มอย่างขมขื่น “อยู่หรือไม่อยู่ต่างกันหรือ หากรอยแผลเป็นบนใบหน้าข้าไม่หายไปก็ไปเจอผู้คนไม่ได้ เจ้ากลับไปบอกท่านพ่อท่านแม่ ช่วยข้าเชิญหมอเทวดาคือการช่วยเหลือที่ดีที่สุด อนาคตข้าถึงจะดูแลเจ้าและน้องชายให้ดีได้”
คุณหนูรองเฉียวลังเลไม่พูดอะไร
“กลับไปเถอะ”
คุณหนูรองเฉียวยืนนิ่งไม่ขยับ
ชายารัชทายาทมองนาง
“ท่านพี่ ตอนที่ข้ามาบังเอิญเจอรัชทายาท”
สายตาที่ชายารัชทายาทมองคุณหนูรองเฉียวจู่ๆ ก็ลุ่มลึก
คุณหนูรองเฉียวรู้สึกผิดอย่างไม่ทราบสาเหตุ พยายามทำสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถามด้วยความเป็นห่วงว่า “ท่านพี่ วันนี้รัชทายาทมาหาพี่หรือยัง”
ชายารัชทายาทมองคุณหนูรองเฉียวนิ่ง
คุณหนูรองเฉียวร้อนตัว ละล่ำละลักเอ่ยว่า “ท่านพี่…”
จู่ๆ ชายารัชทายาทก็ถอนหายใจ “น้องรอง เจ้าชอบรัชทายาทหรือ”
คุณหนูรองเฉียวมองชายารัชทายาทอย่างตะลึง หน้าแดงไปหมด “ท่านพี่ ข้าเปล่า…”
มีความโศกเศร้า ความโกรธ และสิ้นหวังในดวงตาของชายารัชทายาท แต่ทั้งหมดนี้ถูกปกปิดด้วยรอยยิ้มจางๆ “น้องรอง เจ้ามิต้องปิดบังข้า เจ้าโตมาข้าตั้งแต่เล็ก หากจะพูดเรื่องรู้ใจ เกรงว่าข้าจะรู้ใจเจ้าดีกว่าท่านแม่เสียอีก”
“ท่านพี่ ข้าไม่ได้คิดเช่นนั้นจริงๆ…” คุณหนูรองเฉียวอดก้มศีรษะลงไม่ได้
ชายารัชทายาทยิ้มๆ “เจ้าจะคิดเช่นนี้ก็ไม่เป็นไร แต่ว่าน้องรอง เจ้าต้องรู้ว่าหากตำแหน่งชายารัชทายาทของข้าไม่ปลอดภัย ความคิดของเจ้าก็ต้องสูญเปล่า ตระกูลเฉียวออกเรือนเป็นชายารัชทายาทหนึ่งคน ไม่มีทางที่จะมีคนที่สอง เว้นแต่ว่าเมื่อถึงอนาคต…”
คำพูดข้างหลัง ชายารัชทายาทไม่ได้พูด คุณหนูรองเฉียวกลับร้อนรนจนหัวใจเต้นแรง
นางเข้าใจความหมายของท่านพี่ เมื่อถึงอนาคตรัชทายาทกลายเป็นฮ่องเต้ เรื่องการเติมเต็มวังหลัง นางในฐานะที่เป็นน้องสาวของฮองเฮาอยากจะปรนนิบัติฮ่องเต้ย่อมเป็นเรื่องที่ขอเพียงแค่ท่านพี่พูดคำเดียวก็สำเร็จ
“กลับไปเถอะ ข้าจะรอข่าวดี”
เมื่อคุณหนูรองเฉียวจากไป ชายารัชทายาทก็ขังตนเองไว้ในห้อง หัวใจของนางเยือกเย็น
ข่าวเรื่องเสียโฉมของนางเพิ่งแพร่กระจายออกไป คิดไม่ถึงว่าน้องสาวแท้ๆ ก็เกิดความคิดเร็วเช่นนี้
ไม่ บางทีน้องรองคงหวั่นไหวนานแล้ว เพียงแต่ว่าตอนนี้คิดว่าเห็นโอกาส ควบคุมอารมณ์ตนเองไม่ได้เลยทำให้นางสังเกตเห็น
แม้แต่น้องสาวในสายเลือดยังเป็นเช่นนี้ แล้วคนอื่นเล่า
คงแทบอยากจะถลกหนังกลืนกินนางทั้งเป็นแล้วสินะ
ชายารัชทายาทยกมือขึ้นลูบแก้มด้านซ้าย
ผิวที่แต่เดิมเรียบเนียนกลายเป็นผิวไม่สม่ำเสมอ สามารถจุดชนวนความหงุดหงิดและความขุ่นเคืองในใจของนางได้ทันที
นางถูกขังในวังบูรพา แทบจะไม่สามารถทำอะไรได้ มีเพียงรอดูว่าน้องรองได้ยินคำพูดของนางในวันนี้แล้วจะทำอย่างไร
ส่วนอนาคต… หึๆ พระวรกายของฮ่องเต้ยังแข็งแรง ใครจะไปรู้ว่ารัชทายาทจะได้นั่งบนบัลลังก์เมื่อใด
แม้รัชทายาทขึ้นครองราชย์แล้วน้องรองยังไม่แต่งงาน ให้นางเข้าวังแล้วจะเป็นอะไรไป
บัดนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดคือการฟื้นฟูรูปโฉมกลับมา
ชายารัชทายาทวางมือลง มุมปากยิ้มหยัน
นางเสียโฉม อวี้เสวี่ยนซื่อที่รัชทายาทมองเป็นแก้วตากลับเสียชีวิต พูดจริงๆ แล้วดวงของนางก็ถือว่าไม่เลว ขอเพียงเชิญหมอเทวดามาได้ก็จะสามารถเปลี่ยนจุดจบตอนนี้ได้ในทันที
เรื่องนี้ยังคงต้องพึ่งครอบครัว
คุณหนูรองเฉียวออกจากวัง ครุ่นคิดคำพูดของชายารัชทายาทซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ท่านพี่พูดถูก หากตอนนี้ท่านพี่สูญเสียตำแหน่งชายารัชทายาทไป ตระกูลเฉียวไม่มีทางส่งลูกสาวอีกคนหนึ่งเข้าตำหนักบูรพา
แม้ท่านพ่อท่านแม่จะยินยอม แต่โอรสสวรรค์ย่อมไม่ทำเช่นนี้
ใครให้หว่านเอ๋อร์ไม่ใช่พระนัดดาจักรพรรดิเล่า หากจะทำเพื่อเลี้ยงดูพระนัดดาก็อาจยังพอมีความเป็นไปได้อยู่
เมื่อเป็นเช่นนี้ การรักษาตำแหน่งชายารัชทายาทของท่านพี่ไว้ถึงจะมีประโยชน์ต่อตระกูลเฉียวมากที่สุด
เพียงแต่ว่าน่าเสียดายที่ท่านพ่อร้อนรนจนผมขาวแล้ว ท่านแม่เองก็ร้อนรนจนกินไม่ได้นอนไม่หลับก็ยังหาวิธีเชิญหมอเทวดาไม่ได้
รถม้าเคลื่อนไปบนถนน คุณหนูรองเฉียวเปิดม่านมองไปข้างนอก
บนถนนยังคงคึกคักเช่นเคย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ เนื่องจากปัญหาของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง
หากรถม้าเลี้ยวข้างหน้าก็จะเป็นถนนชิงซิ่ง
คุณหนูรองเฉียวมองไปที่ทางนั้น ดวงตาไม่กะพริบ
หอสุราที่ลั่วเซิงเปิดอยู่ที่นั่น
ทั้งๆ ที่ขอแค่ลั่วเซิงยอมให้ความช่วยเหลือ วิกฤตครั้งนี้ของจวนเฉียวก็จะผ่านพ้นไปได้แท้ๆ
อีกไม่ไกลรถม้าก็จะถึงทางแยกแล้ว คุณหนูรองเฉียวตัดสินใจสั่งว่า “ยังไม่กลับจวน ไปถนนชิงซิ่งก่อน”