ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 322 หาเรื่อง

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 322 หาเรื่อง

เว่ยเหวินกลับจวนอ๋องด้วยความโมโห ระหว่างทางบังเอิญเจอเว่ยเฟิงที่กำลังจะออกไปข้างนอก

“พี่รองจะออกไปข้างนอกหรือ”

“อืม” เว่ยเฟิงพยักหน้าอย่างเย็นชา

เว่ยเหวินรู้สึกไม่สบายใจกับท่าทีของเว่ยเฟิง

นางไม่รู้ว่าพี่รองเป็นอะไรไป จู่ๆ ก็กลายเป็นเช่นนี้

หรือว่าเป็นเพราะวันนั้นนางพูดแทนพี่ใหญ่สองสามคำ

หากต้องขอโทษเพราะเรื่องนี้ เว่ยเหวินยอมก้มศีรษะให้ไม่ได้ ทั้งๆ ที่คนที่ผิดไม่ใช่นางเสียหน่อย

“พี่รองจะไปมีหอสุราหรือ”

“ใช่” เว่ยเฟิงคิดถึงเด็กหนุ่มปากแดงฟันขาวที่เลี้ยงห่านคนนั้นก็คันยุบยิบในใจ น้ำเสียงย่อมเจือความรำคาญ “น้องจะถามไปทำไม มีธุระอะไรหรือ”

“ไม่มีเจ้าค่ะ อากาศหนาวแล้ว พี่รองอย่ากลับดึกมากเล่า”

เว่ยเฟิงฟังเว่ยเหวินพูดเช่นนี้ น้ำเสียงก็อ่อนโยนลง “ให้ข้าซื้ออาหารกลับมาให้เจ้าหรือไม่”

เว่ยเหวินอดเม้มปากไม่ได้ ใช้ความพยายามอย่างมากในการปฏิเสธ “ไม่ต้องแล้วเจ้าค่ะ”

วันต่อมา เว่ยเฟิงที่ไม่ได้เจอเด็กหนุ่มเลี้ยงห่านตามที่หวังไว้กำลังเตรียมจะออกไปข้างนอก แต่กลับถูกเว่ยเหวินดักไว้

“น้องรองบอกว่าให้ข้าแกล้งท้องเสียเพราะกินอาหารเมื่อวานหรือ”

เว่ยเหวินพยักหน้า “พี่รองไม่รู้ว่าคุณหนูลั่วโอหังเพียงใด เมื่อวานข้าไปยืมตัวแม่ครัวมาทำอาหารเที่ยงให้เสด็จแม่ นางก็ปฏิเสธอย่างไร้ความปรานี ไม่ไว้หน้าจวนอ๋องของเราเลยแม้แต่น้อย”

“แต่เมื่อคืนมีคนอื่นกินด้วย มีแค่ข้าที่ท้องเสีย ไม่ใช่เรื่องตลกหรือ”

เว่ยเหวินยิ้ม “พี่รองจะจริงจังเช่นนั้นไปไย ข้าแค่ต้องการข้ออ้างเท่านั้น”

มีข้ออ้างนี้แล้ว นางจะได้ไปหาเรื่องนังสารเลวสกุลลั่วนั่นได้อย่างมั่นใจ

ส่วนข้ออ้างจะดูฉลาดหรือไม่ ใครจะไปสนใจเล่า เวลาแบบนี้ยังมีใครออกหน้าแทนจวนแม่ทัพใหญ่อีกหรือ

เว่ยเฟิงขมวดคิ้ว “น้องทำเพื่ออะไรกัน”

เว่ยเหวินหน้าขรึม “พี่รองไม่สนใจที่ผู้อื่นเหยียดหยามศักดิ์ศรีจวนอ๋องเลยหรือ แม้จะไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ แต่การให้เสด็จแม่สามารถกินอาหารถูกปากได้ไม่ดีหรือ”

เว่ยเฟิงชะงัก “น้องคิดจะเอาแม่ครัวของมีหอสุรามาที่นี่หรือ”

เว่ยเหวินโค้งริมฝีปาก “พี่รองคิดว่าแบบนี้ไม่ดีหรือ”

หลักการที่ว่ามีหยกกับตัวคือความผิด เห็นทีคุณหนูลั่วผู้โอหังอวดดียังไม่เข้าใจ

เว่ยเฟิงขมวดคิ้ว “หากเป็นเช่นนี้ มีหอสุราก็เปิดไม่ได้แล้วสิ”

หอสุราปิดแล้วเขาจะไปหาฟู่เสวี่ยที่ไหนเล่า

เว่ยเหวินมองเว่ยเฟิงอย่างประหลาดใจ “มีหอสุราจะเปิดต่อไปได้หรือไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเราหรือ ถึงอย่างไรแม่ครัวอยู่ที่นี่ อยากกินอะไรก็ได้กิน”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคิดมากไปหรือไม่ นางรู้สึกว่าปฏิกิริยาของพี่รองแปลกพิลึก

หัวใจของเว่ยเฟิงสั่นไหว เขาเริ่มระมัดระวังตัว

ความคิดของเขายังไม่ถึงเวลาเผยออกมา

เดิมทีเขาอยากรอให้จวนลั่วถูกตัดสินโทษค้นจวนและยึดทรัพย์แล้วถึงจะพาตัวฟู่เสวี่ยมา ในเมื่อตอนนี้น้องอยากจะลงมือกับแม่ครัวมีหอสุรา เหมือนกับว่าจะไม่เลวเช่นกัน

หากคุณหนูลั่วปกป้องแม่ครัวไม่ได้ นางก็ย่อมปกป้องนายบำเรอที่นางเลี้ยงไม่ได้

ความลังเลของเว่ยเฟิงทำให้เว่ยเหวินไม่พอใจ นางขมวดคิ้วถาม “พี่รอง ข้าไม่ต้องการให้พี่ทำอะไร แค่ไม่ต้องออกไปวันนี้ เรื่องแค่นี้พี่ก็ไม่ยอมช่วยหรือ”

“ได้ เช่นนั้นข้าไม่ออกไปแล้ว”

เว่ยเหวินยิ้ม “ขอบคุณพี่รอง”

มองเว่ยเหวินจากไป ถึงอย่างไรก็ยังมีความผูกพันพี่น้อง เว่ยเฟิงอดเตือนไม่ได้ว่า “พาคนไปมากหน่อย”

“ข้ารู้แล้ว พี่รองวางใจเถอะ”

เว่ยเหวินพาองครักษ์กลุ่มหนึ่งเดินตรงไปยังถนนชิงซิ่งอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร

ถนนชิงซิ่งยังคงครึกครื้นดังเดิม ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเพราะความเงียบเหงาของมีหอสุรา

เพียงแต่ว่ามีบางคนอดไม่ได้ที่จะบ่นเมื่อเดินผ่านหอสุรา แขกแค่โต๊ะสองโต๊ะ ทำอาหารอร่อยๆน้อยลงหน่อยก็ไม่ได้!

จงใจทำให้ผู้อื่นน้ำลายไหลหรือ!

ฟ้ายังสว่าง ยังไม่ถึงเวลาเปิดร้าน คนหอสุรากำลังเตรียมตัวก่อนเปิดร้านดังเช่นทุกวัน

คุณชายสามเซิ่งถือไม้กวาดกวาดพื้นอย่างไม่รีบไม่ร้อนอยู่ข้างหน้าประตู เมื่อเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ ปากก็อดอ้ากว้างไม่ได้ เขารีบถือไม้กวาดพุ่งเข้าไปในห้องโถง “น้องลั่ว…”

ลั่วเซิงมองมา ถามว่า “ท่านหญิงน้อยจวนผิงหนานอ๋องมาแล้วหรือ”

คุณชายสามเซิ่งตกตะลึงยิ่งกว่าตอนที่เห็นกลุ่มคนขบวนใหญ่เดินมาอย่างยิ่งใหญ่ข้างนอกเสียอีก “น้องลั่ว เจ้ารู้ได้อย่างไร”

ลั่วเซิงยิ้ม “คนบางคนชอบหาเรื่อง เมื่อวานก็มาแล้วครั้งหนึ่งมิใช่หรือ”

คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก

เมื่อจวนแม่ทัพใหญ่ลั่วไม่สามารถเป็นผู้หนุนหลังของมีหอสุราได้ มีหอสุราก็ตกเป็นเนื้อชิ้นใหญ่ของใครหลายคน

หอสุราไม่มีอะไรพิเศษ สิ่งที่พิเศษคือแม่ครัวที่สามารถทำอาหารอร่อยๆ ที่ใครๆ ก็โหยหา

หากผู้ที่มาหาเรื่องไม่ใช่ท่านหญิงน้อยจวนผิงหนานอ๋องก็เป็นผู้อื่น

เมื่อวานเว่ยเหวินมาแล้วนางก็รู้ว่านี่เป็นเพียงการเริ่มต้น หลังจากนี้ยังมีปัญหามากมายรออยู่

เว่ยเหวินเข้ามาใกล้แล้ว นางมองประตูร้านที่เปิดแง้มไว้แล้วพูดเสียงเยือกเย็น “พังประตู!”

องครักษ์จำนวนหนึ่งเดินขึ้นหน้าทันที

ผู้ดูแลหญิงขวางหน้าประตู “มีอะไรก็พูดคุยกันดีๆ เหตุใดต้องทำลายข้าวของด้วย”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าคือใคร” เว่ยเหวินเชิดคางขึ้นเล็กน้อย ถามผู้ดูแลหญิง

ผู้ดูแลหญิงเอ่ยน้ำเสียงถ่อมตน “ท่านคือท่านหญิงน้อยจวนผิงหนานอ๋อง”

“ในเมื่อรู้ ยังขวางประตูเหมือนสุนัขเฝ้าประตูอยู่ทำไม เมื่อวานท่านพี่ข้ามากินอาหารที่นี่แล้วท้องเสีย วันนี้มาขอคำอธิบายจากนายหญิงของพวกเจ้า!”

นอกหอสุรา ผู้คนที่ต้านทานกลิ่นหอมไม่ไหวจนอดเร่งฝีเท้าไม่ได้ต่างชะงักลงและเข้ามามุงดู ทั้งยังมีอารมณ์แลกเปลี่ยนความเห็น

“รู้แต่แรกแล้วว่าต้องเกิดเรื่อง หอมขนาดนี้ล่อคนมาแย่งชัดๆ ตอนนี้หอสุราแห่งนี้ไม่มีใครปกป้องได้แล้วด้วย”

“นั่นน่ะสิ ข้ารอมาหลายวันแล้ว คิดว่าวันที่สองหลังแม่ทัพใหญ่ลั่วมีความผิดจะมีเรื่องให้มุงดูเสียอีก…”

“ดูสิ คุณหนูลั่วออกมาแล้ว!” คนที่มามุงดูตื่นเต้นตกอยู่ในความโกลาหล ราวกับถูกฉีดเลือดไก่

เด็กสาวที่คลุมเสื้อคลุมสีเขียวเดินออกมาจากหอสุรา นางยกเท้าขึ้นถีบองครักษ์จวนอ๋องคนหนึ่งที่กำลังจะทุบประตูกระเด็นลงไปกองกับพื้น

ก่อนที่เว่ยเหวินจะทันได้โต้ตอบ เด็กสาวที่ทั้งร่างปกคลุมไปด้วยน้ำค้างแข็งก็เดินเข้ามาหานาง

เว่ยเหวินถอยหลังโดยสัญชาติญาณ

หลายคนรู้ว่าคุณหนูลั่วมีฝีมือการต่อสู้ แต่การถีบเมื่อครู่นี้ทั้งเด็ดขาดและเฉียบไว ไม่เหมือนเพลงมวยที่สวยแต่กระบวนท่าแต่ใช้การจริงไม่ได้เลย

หากว่าถีบนาง…

ลั่วเซิงหยุดยืนตรงหน้าเว่ยเหวิน ยิ้มบางๆ “ท่านหญิงยกพวกมาถล่มร้านอย่างนี้ อย่างน้อยก็คัดคนมาหน่อยสิ”

องครักษ์ที่ถูกถีบลงไปกองที่พื้นรู้สึกอับอายอย่างยิ่ง เขาลุกขึ้นมาทำท่าจะพุ่งใส่

มือใหญ่ข้างหนึ่งจับเขาเอาไว้

สืออี้ยิ้ม “สหายน้อย รู้งานหน่อยสิ สตรีเขาพูดคุยกัน เจ้าแส่หาเรื่องอะไร หากข้าเป็นเจ้า หาช่องว่างมุดเข้าไปสงบอารมณ์หน่อยยังจะดีเสียกว่า”

องรักษ์ถูกกดไว้จนขยับตัวไม่ได้ เขานิ่งไปในทันที

“ท่านหญิงบอกว่าท่านพี่ท่านกินอาหารหอสุราขของเราแล้วท้องเสียหรือ”

“ใช่แล้ว ท่านพี่ข้าเริ่มท้องเสียตั้งแต่เมื่อคืนกลางดึก หมอบอกว่าเป็นเพราะกินอาหารไม่สะอาดเข้าไป”

ลั่วเซิงมองเว่ยเหวินนิ่ง

เว่ยเหวินยิ้มหยัน “ทำไมรึ คุณหนูลั่วไม่คิดจะยอมรับ”

ลั่วเซิงยิ้มส่ายศีรษะ “ข้าจะยอมรับหรือไม่นั้นเอาไว้ก่อน ข้าอยากถามท่านหญิงเรื่องหนึ่ง”

“ถามอะไร”

“เป็นถึงท่านหญิง แต่กลับทำตัวเหมือนอันธพาลในตลาด ท่านหญิงไม่รู้สึกอายจริงๆ หรือ”

เว่ยเหวินหน้าแดงทันที “เจ้าหุบปาก! ตอนนี้เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใครกัน กล้าดียังไงมาวิจารณ์สตรีในราชวงศ์”

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท