ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 346 คนนอก

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 346 คนนอก

สือหั่วเป็นชายหนุ่มที่สุขุมคนหนึ่ง เมื่อเผชิญหน้ากับแม่ทัพใหญ่ลั่วก็เอ่ยอย่างไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย “ข้าน้อยรับคำสั่งให้มานำตัวผิงลี่ไปสอบสวนขอรับ”

“เหตุใดจึงต้องนำตัวเขาไปสอบสวน?” แม่ทัพใหญ่ลั่วถาม

สือหั่วตอบ “ผู้ลอบสังหารนายอำเภอหลิวชิงสารภาพว่าได้รับการบงการจากผิงลี่ขอรับ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วนัยน์ตาหดวูบ เดิมอยากถามว่าคนที่ลอบสังหารนายอำเภอหลิวชิงมาจากกลุ่มนักฆ่าใดหรือไม่ แต่กลับกลืนคำถามลงไปทั้งอย่างนั้น

ฮ่องเต้เป็นคนขี้ระแวงคนหนึ่ง หลังจากเห็นเขาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องในอดีตเมื่อสิบสองปีก่อน ก็มีรับสั่งให้หลายฝ่ายเข้าร่วมการสืบสวนเพื่อตรวจสอบและสร้างความสมดุลซึ่งกันและกัน

ไคหยางอ๋องเองก็เป็นฝ่ายหนึ่งในนั้น

เขาสอบถามเรื่องเหล่านี้กับไคหยางอ๋อง หากลอยเข้าพระกรรณของฝ่าบาทก็ท่าจะไม่ดี

สำหรับแม่ทัพใหญ่ลั่วที่เพิ่งออกมาจากคุกหลวง ย่อมต้องระมัดระวัง หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความผิดพลาด

แค่กๆ เขาไม่รีบร้อน ไม่แน่ว่าไคหยางอ๋องอาจจะเป็นฝ่ายบอกกับเซิงเอ๋อร์เองด้วย

แม่ทัพใหญ่ลั่วที่พลันนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เมื่อไตร่ตรองดูอีกหน่อยก็ถึงกับรู้สึกว่ามั่นใจมาก

เมื่อเห็นแม่ทัพใหญ่ลั่วนิ่งเงียบ สือหั่วก็ประสานมือถามว่า “แม่ทัพใหญ่ ไม่ทราบว่าตอนนี้สะดวกนำตัวคนมาหรือไม่ขอรับ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วดึงความคิดกลับมา สีหน้าพลันสุขุม “ขอกล่าวด้วยความสัตย์จริง ผิงลี่หนีไปแล้ว”

หนีไปแล้วหรือ

สือหั่วตะลึงมองแม่ทัพใหญ่ลั่วแวบหนึ่ง

คนที่ถูกขังอยู่ในคุกหลวงองครักษ์จิ่นหลินหนีไปแล้ว เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เหตุใดเมื่อครู่นี้แม่ทัพใหญ่ลั่วถึงได้ให้ความรู้สึกเหมือนมีความสุขเล่า

ราวกับได้เปรียบอะไรอยู่อย่างนั้น

แน่นอนว่า สือหั่วไม่ใช่น้องสามสือเยี่ยน แม้ว่าจะประหลาดใจแต่ก็ต้องเก็บซ่อนเอาไว้

“แม่ทัพใหญ่สามารถบอกรายละเอียดของเรื่องนี้ได้หรือไม่ขอรับ ข้าน้อยจะได้อธิบายให้ผู้เป็นนายทราบ”

แม่ทัพใหญ่ลั่วสีหน้ากระอักกระอ่วน “เป็นข้าเองที่ไม่เข้มงวดในการอบรมสั่งสอน บุตรสาวกับผิงลี่มีความรู้สึกลึกซึ้งระหว่างพี่ชายและน้องสาว นางจึงโวยวายว่าต้องการพบหน้าเขาสักครั้งหนึ่ง ข้าจึงให้นางไปพบ ผลก็คือผิงลี่ลักพาตัวบุตรสาวไป…”

สือหั่วได้ยินก็ตะลึง

คุณหนูลั่วกับผิงลี่มีความรู้สึกลึกซึ้งระหว่างพี่ชายและน้องสาวหรือ

คุณหนูลั่วถูกผิงลี่ลักพาตัวไป

ข่าวนี้ชวนให้ผู้คนตกตะลึงจริงๆ

สือหั่วรีบร้อนออกจากศาลาว่าการองครักษ์จิ่นหลินแล้วรายงานข้อมูลที่ได้มาให้กับเว่ยหาน

“เจ้าพูดอีกรอบสิ”

เห็นอยู่ชัดๆ ว่าน้ำเสียงสงบนิ่ง ทว่าสือหั่วกลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเย็นชาเป็นระลอกๆ จึงรีบเอ่ยซ้ำอีกครั้ง

“แม่ทัพใหญ่ลั่วพูดเช่นนี้จริงๆ หรือ”

สือหั่วประสานหมัด “แม่ทัพใหญ่ลั่วเอ่ยกับข้าน้อยด้วยตัวเองขอรับ”

เว่ยหานพลันลุกขึ้น ก้าวเท้ายาวเดินออกไปข้างนอก

แม่ทัพใหญ่ลั่วกำลังอดทนรอข่าวคราวก็มีองครักษ์จิ่นหลินเข้ามารายงานว่า ไคหยางอ๋องมาถึงแล้ว

แม่ทัพใหญ่ลั่วตกตะลึงเล็กน้อย

องครักษ์คนสนิทเคยมาแล้ว ไคหยางอ๋องไม่ถึงขนาดต้องวิ่งมาด้วยตนเองอีกรอบหรอกนะ

ไม่ว่าในใจจะคิดเช่นไร แต่ไม่สามารถเสียมารยาทกับไคหยางอ๋องได้ แม่ทัพใหญ่ลั่วออกไปต้อนรับเงียบๆ พลางเอ่ยอย่างเกรงใจว่า “คิดไม่ถึงว่าจะมีเกียรติได้ต้อนรับท่านอ๋อง ท่านอ๋องมีธุระอันใด ให้คนมาแจ้งก็ได้แล้ว…”

เว่ยหานเอ่ยเข้าประเด็น “ได้ยินมาว่าผิงลี่ลักพาตัวบุตรสาวของท่านไป”

“น่าละอายใจยิ่งนัก ทำให้ท่านอ๋องต้องหัวเราะเยาะแล้ว” แม่ทัพใหญ่ลั่วเผยสีหน้าอับอาย

บุตรสาวหนีตามกบฏที่ถูกจับเข้าคุกหลวงไปนั้นเป็นเรื่องฉาวโฉ่ชวนให้ตะลึง และก็เป็นสิ่งที่เซิงเอ๋อร์ฝึกฝนเขามาในหลายปีนี้ เขาถึงยังสามารถสงบนิ่งเช่นนี้ได้

“เป็นคุณหนูรองลั่วหรือ” เว่ยหานถามอีก

ระหว่างทางที่เขาเร่งเดินทางมาศาลาว่าการองครักษ์จิ่นหลินก็คิดว่าสือหั่วน่าจะเข้าใจความหมายในวาจาของผู้อื่นผิดไป เพียงแต่ยังจำเป็นต้องถามสักหน่อย ถึงจะสบายใจได้อย่างแท้จริง

แม่ทัพใหญ่ลั่วไม่สบอารมณ์เล็กน้อย

เรื่องฉาวโฉ่แบบนี้ ทำไมถึงยังต้องซักไซ้จนถึงที่สุดด้วย

คิดไม่ถึงว่า ไคหยางอ๋องจะเป็นคนชอบเรื่องซุบซิบนินทาคนหนึ่งเช่นกัน

ทว่าคนหนีจากเขาไปแล้ว และที่เขาสามารถออกมาได้ยังต้องขอบคุณความช่วยเหลือจากชายหนุ่มตรงหน้า แม่ทัพใหญ่ลั่วจึงทำตัวแข็งกระด้างไม่ลง ดังนั้นจึงพยักหน้า “เป็นเด็กสาวที่ไม่ได้ความผู้นั้นขอรับ”

เว่ยหานโค้งริมฝีปาก

แม่ทัพใหญ่ลั่ว “?”

เหตุใดเขาถึงกับเห็นว่าใบหน้าของไคหยางอ๋องเผยแววดีใจออกมาเล็กน้อยกัน

เว่ยหานปรับสีหน้าให้จริงจังทันที “หากแม่ทัพใหญ่ต้องการความช่วยเหลือก็เอ่ยปากมาได้เลย”

ดวงหน้าเคร่งขรึมนั้น ทำให้แม่ทัพใหญ่ลั่วนึกว่าเมื่อครู่นี้ตนเองตาฝาดไป

“ขอบคุณท่านอ๋อง”

เดิมสองคนไม่มีอะไรให้คุยกันมากนั้น หลังจากถามไถ่สารทุกข์สุกดิบกันอีกสองสามประโยค เว่ยหานก็เอ่ยว่า “เช่นนั้นข้าขอตัวลาก่อน”

แม่ทัพใหญ่ลั่วแอบโล่งใจ “ท่านอ๋องเดินทางปลอดภัยนะขอรับ”

เว่ยหานเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เท้าก็พลันหยุดชะงัก

“ท่านอ๋องยังมีเรื่องอื่นอีกหรือขอรับ”

“วันนี้…มีหอสุราเปิดทำการหรือไม่”

แม่ทัพใหญ่ลั่วนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง

เขาพลันรู้สึกว่า นี่ต่างหากที่เป็นวัตถุประสงค์ที่แท้จริงที่ไคหยางอ๋องมาที่นี่

แค่กๆ เซิงเอ๋อร์อยากเปิดทำการก็เปิดทำการ อยากจะหยุดพักก็หยุดพัก ไหนเลยจะบอกเขา

ทว่าต่อหน้าคนนอก ไม่อาจกล่าววาจาที่ก่อให้เกิดความผิดพลาดที่น่าหัวเราะได้

แม่ทัพใหญ่ลั่วมีสีหน้าเคร่งขรึมทันที “ข้าไม่ได้ยินเซิงเอ๋อร์บอกว่าวันนี้หอสุราจะหยุดพัก น่าจะเปิดทำการ แต่ว่าสำหรับข้าแล้วไม่มีความแตกต่างกัน ถึงอย่างไรเซิงเอ๋อร์ก็เตรียมอาหารให้ข้าทุกวันอยู่แล้ว”

เว่ยหานขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขารู้สึกว่าแม่ทัพใหญ่ลั่วกำลังโอ้อวดเขา

ทว่าเมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างแม่ทัพใหญ่ลั่วกับคุณหนูลั่วแล้ว ก็ทำได้แค่ช่างมัน

“ขอบคุณแม่ทัพใหญ่ที่แจ้งให้ทราบ” เว่ยหานพยักหน้าเล็กน้อยแล้วก้าวเท้ายาวออกจากศาลาว่าการองครักษ์จิ่นหลิน

เมื่อกลับไปถึงจวนอ๋อง เว่ยหานก็เอ่ยเสียงเย็น “เรียกสือหั่วมา”

สือหั่วรีบเข้ามาอย่างรวดเร็ว “นายท่านมีอันใดจะสั่งการขอรับ”

“เรื่องในมือวางเอาไว้ก่อน ไปขัดถังส้วมเสีย”

สือหั่วเดินออกไปด้วยสีหน้ามึนงง

ขัดถังส้วมเป็นหนึ่งในบทลงโทษอันโหดเหี้ยมของจวนอ๋อง ไม่รู้ว่าเขาทำผิดอะไร ถึงกับแย่งงานที่น้องสามกับน้องสี่ทำบ่อยๆ มาเสียได้

เว่ยหานยกถ้วยชาขึ้นมาดื่มช้าๆ ไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจในตัวองครักษ์คนสนิทที่ถูกไล่ให้ไปขัดถังส้วม

เรื่องนี้ก็ยังจำผิดได้ ก็เหมาะสมที่จะไปขัดถังส้วมแล้ว

คุณหนูลั่วจะมีความรู้สึกลึกซึ้งระหว่างพี่น้องกับผิงลี่ได้อย่างไรกัน

ผิงลี่หลบซ่อนตัวครั้งนี้ ผ่านไปสามวันแล้ว

เขาไม่ได้เลือกออกจากเมือง

เทียบกับความลนลานจนไม่สามารถเลือกเส้นทางเพื่อหนีเอาชีวิตรอดหลังออกจากเมืองได้ ในทางตรงกันข้าม การรั้งอยู่ในเมืองนั้นซ่อนตัวง่ายกว่า

ภายในเมืองมีคฤหาสน์ที่ซื้อเอาไว้ช่วงหลายปีมานี้หลายแห่ง จากเมืองตะวันตกที่คลาคล่ำไปด้วยชนชั้นสูง จนถึงเมืองตะวันออกที่รวมสารพัดผู้คนในทุกสาขาอาชีพเอาไว้ แม้แต่เมืองรองหนานเป่ย แต่ละแห่งล้วนมีหมด

ผิงลี่ซ่อนตัวอยู่ในบ้านซึ่งไม่สะดุดตาหลังหนึ่งในเมืองตะวันออก

สถานที่แห่งนี้มีคนดีคนชั่วปะปนกัน มีคนแปลกหน้าก็ไม่สะดุดตา การหลบซ่อนอยู่ในที่พักอาศัยซึ่งเตรียมเอาไว้ก่อนหน้านี้ ใครก็อย่าคิดจะหาเขาเจอได้

เขาอยู่ในหน่วยองครักษ์จิ่นหลินมาหลายปี วิธีการในการติดตามร่องรอยขององครักษ์จิ่นหลินไม่ได้มีภัยคุกคามต่อเขาเลยแม้แต่น้อย

อีกอย่าง แม้ว่าชื่อเสียงขององครักษ์จิ่นหลินจะทำให้ผู้คนตกใจ แต่ความจริงแล้วล้วนเป็นคนธรรมดา อาจจะเชี่ยวชาญเรื่องการค้นบ้านยึดทรัพย์ แต่กลับไม่ใช่เทพเซียนที่มีตาทิพย์หรือหูทิพย์

สิ่งเดียวที่ทำให้คนหงุดหงิดก็คือ สถานที่แห่งนี้เคยรับรองโจรมาก่อน เสบียงอาหารที่เขาเคยเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าไม่มีแล้ว

ผิงลี่ลูบท้อง มองไปทางประตูด้วยความลังเลอยู่บ้าง

เขาหลบซ่อนตลอดทางจนมาถึงที่นี่จึงไม่กล้าซื้ออาหารปริมาณมาก สามวันก่อนรีบร้อนซื้อหมั่นโถวเนื้อมาหกลูกเท่านั้นเอง

หลายปีมานี้คุ้นเคยกับอาหารอันโอชะ กับอาหารพื้นๆ เช่นหมั่นโถวเนื้อ เขาไม่มีทางชายตาแลไปมากกว่านี้นานแล้ว

คิดไม่ถึงว่าในตอนที่ย่ำแย่ สิ่งที่ทำให้เขาอิ่มท้องยังคงเป็นหมั่นโถวเนื้อ

ในปีนั้น สิ่งที่ทำให้เขาเปลี่ยนจากชะตาขอทานก็เป็นหมั่นโถวเนื้อลูกหนึ่งเช่นกัน

ปากทางเยื้องกับสถานที่ซ่อนตัวมีแผงขายหมั่นโถวเนื้อโดยเฉพาะ บางทีนี่อาจจะเป็นสาเหตุที่เขาซื้อที่นี่ในตอนแรก

หิมะตกหนักเมื่อสามวันก่อนเริ่มละลายแล้ว เพราะฟ้าสดใสติดต่อกันหลายวัน ตอนที่หิมะละลายนั้นจึงหนาวกว่าตอนที่หิมะตก โดยเฉพาะในตอนที่ท้องหิว ก็ยิ่งต้านทานวันที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้ไม่ไหว

ผิงลี่เลียริมฝีปากที่เขียวคล้ำ ตัดสินใจไปซื้อหมั่นโถวเนื้อหลายลูก

ออกไปซื้ออาหารนั้นเสี่ยงอันตรายอยู่บ้าง แต่ไม่สามารถขังตัวเองอยู่ที่นี่จนหิวตายได้

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท