เหยาเฟยก็ยกมือขึ้น ทำให้มีเพลงสีดำรวมตัวกันขยายใหญ่ขึ้น! กลุ่มก้อนเพลิงสีดำนี่ได้ปลดปล่อยพลังงานอันน่าหวาดกลัวที่ทำให้ใจสั่นไหวอย่างหวาดหวั่น
เพลิงดำในฝ่ามือของเหยาเฟยนั้นเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากเพลิงฟีนิกซ์ดำของเซี่ยพูถี เพลิงดำของเซี่ยพูถีนั้นมีกลิ่นอายแห่งการกดขี่ ศักดิ์ศรี ความหยิ่งยโสและการทำลายล้าง แต่ทว่าเพลิงดำของเหยาเฟยกลับให้ความรู้สึกราวกับเพลิงนรกที่พุ่งออกมาจากนรกขุมที่ลึกที่สุด ที่หนาวเหน็บราวกับอสรพิษที่กำลังอ้าปากรอคอยเหยื่อ
เพลิงสีดำอันนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับปรานเทพอสูรแต่มันก็ยังแตกต่างกันอยู่ดี
ในเวลาเดียวกัน กั่วซูเฟยจากตระกูลกั่วได้ปลดล่อยปราณฉีออกทำให้ออร่ารอบตัวมันเพิ่มสูงขึ้น รอบตัวของมันได้มีนกขนาดเล็กที่มีรูปร่างคล้ายผีเสื้อเป็นสิบๆตัวขึ้นซึ่งมันได้ปลดปล่อยออร่าอันดำมืดและชั่วร้ายอๆออกมา
นกตัวเล็กพวกนี้มีตาสีเขียวเข้มและกรงเล็บขนาดเล็กเรืองแสงสีเขียว
นกพวกนี้ก็คือจิตวิญญาณต่อสู้ของกั่วซูเฟย –– ผีเสื้อวิญญาณนรก!
มันเป็นจิตวิญญาณที่ทำให้ผู้ฝึกตนธรรมดาหลายคนรู้สึกขนหัวลุกขึ้นมา
ในโลกจิตวิญญาณต่อสู้นั้น มีจิตวิญญาณประเภทภูตผีอยู่ ซึ่งในปกติแล้วจิตวิญญาณประเภทภูติผีนั้นจะเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายและมีรูปร่างที่น่ารังเกียจขยะแขยง และผีเสื้อวิญญาณนรกตัวนี้ก็เป็นจิตวิญญาณประเภทภูติผี
การปรากฏตัวของผีเสื้อวิญญาณตีนรกนับสิบตัวรอบกั่วซูเฟยนั้นไม่ได้หมายความว่ามันมีจิตวิญญาณต่อสู้นับสิบ แต่มันเป็นความสามารถส่วนหนึ่งของผีเสื้อจิตวิญญาณนรก
การแบ่งตัว!
ความสามารถนี้นั้นมีความคล้ายคลึงกับค้างคาวเนตรม่วงของนักฆ่าชุดดำที่ส่องพี่น้องตระกูลกั่วส่งมาฆ่าหวงเสี่ยวหลง
ในขณะที่เปลวเพลิงสีดำปกคลุมฝ่ามือของเหยาเฟย เขาก็โจมตีใส่หวงเสี่ยวหลงพร้อมกับกั่วซูเฟยเกือบจะในเวลาเดียวกัน ด้วยการโบกมือทั้งสองทำให้ผีเสื้อวิญญาณนรกพุ่งโจมตีใส่หวงเสี่ยวหลง
เซ่ายพูถีก็รู้สึกประหลาดใจ
ในครู่ต่อมา ก็มีสองฝ่ามือสีแดงเข้มพุ่งออกมาจากช่องว่างมิติสกัดกั้นฝ่ามือของเหยาเฟยและผีเสื้อวิญญาณนรกของกั่วซูเฟย
ทำให้เกิดเสียงดังสะนั่นและละลอกมิติสั่นสะเทือน
ฝ่ามือเพลิงสีดำของเหยาเฟยและผีเสื้อวิญญาณนรกของกั่วซูเฟยแตกกระจายออกไปอย่างไร้ร่องรอย
คลื่นจากการปะทะได้พุ่งออกไปทุกทิศทาง
เหยาเฟยสามารถทนทานต่อแรงปะทะได้แต่กั่วซูเฟยกลับไม่สามารถต่อต้านแล้วพุ่งลอยออกไปไกลหลายเมตร
อั่ก!
ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้กั่วซูเฟยกระอักเลือดออกมาจากปาก ทำให้พื้นดินถูกย้อมเป็ฯสีแดง
ทั้งสี่คนก็หันหน้าไปมองสองร่างที่มุ่งหน้ามาจากช่องว่างมิติ
“เจียงหยาง!”
“หลิวจื่อ!”
ใบหน้าของเหยาเฟยก็มืดคลึ้มในขณะที่เขาเห็นการมาถึงขอผู้มาใหม่ทั้งสอง
สองคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียนที่ต้วนเริ่นส่งมาคอยปกป้องหวงเสี่ยวหลง นั่นก็คือ เจียงหยางและหลิวจื่อ!
“นายน้อยหวง ท่านไม่เป็นไรใช่มั้ย?”พอลงมาถึงพื้น เจียงยางและหลิวจื่อก็เข้ามาหาหวงเสี่ยวหลงแล้วถามออกมา ท่าทางของพวกเขานั้นทั้งสุภ่าพและอ่อนโยน
“ข้าไม่เป็นไร”หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัว
“เจียงหยาง หลิวจื่อ นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?!”เหยาเฟยก็คำรามออกมาในขณะที่เขาจ้องมองเจียงหยางและหลิวจื่อผู้มาใหม่ทั้งสองอย่างเย็นชา
ในเขตในของสถาบัน จะมีรายชื่อลำดับสวรรค์ มีเพียงศิษย์ภายในที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นถึงจะมีรายชื่อติดอยู่บนนั้น เหยาเฟยก็เป็นหนึ่งในนั้น และรวมไปถึงเจียงหยางและหลิวจื่อ พวกเขานั้นไม่เคยมีข้อบาดหมางกันมาก่อนแต่ แต่พวกกมันกับยุ่งเรื่องของเขาทำให้เหยาเฟยรู้สึกโกรธ
“ก็ไม่มีอะไรพิเศษสักหน่อย”เจียงหยางก็ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงไม่รู้ร้อน “ภารกิจของพวกเราคือเมื่อเขามาในศาลาเทวะก็คือการปกป้องความปลอดภัยให้นายน้อยหวง”
ดวงตาของเหยาเฟยก็เย็นชามากขึ้น “ต้วนหวูเหินขอให้พวกเจ้าทำงั้นหรอ?”
ไม่ว่าจะเป็นเจียงหยางหรือหลิวจื่อก็ไม่มีใครอะไรพูดออกมาสักคน
เหยาเฟยก็หันนหน้าไปมองหวงเสี่ยวหลงอย่างเย็นชา “หวงเสี่ยวหลง ครั้งนี้คงต้องขอบคุณโชคของเจ้า ข้าไม่คิดว่าต้วนหวูเหินจะไม่เพียงช่วยให้เจ้าได้รับตำแหน่งในการเข้าศาลาเทวะ แต่กระทั่งส่งคนเข้ามาปกป้องเจ้าถึง 2 คน มันคงต้องลำบากมากแน่ๆ!”
“แต่ครั้งต่อไปเจ้าจะไม่โชคดีอย่างนี้อีก!”
พอพูดคำทิ้งท้ายไว้ เหยาเฟยก็พุ่งหายตัวไปจากที่ยืนอยู่
ด้วยการมีเจียงหยางและหลิวจื่อคุ้มครองอยู่ มันก็เป็นไปไม่ได้สำหรับเหยาเฟยที่จะจัดการหวงเสี่ยวหลงตามแผนที่วางไว้
แม้ว่าเจียงหยางหรือหลิวจื่อจะยอมสู้ตัวต่อตัวกับเขา แต่พวกมันกก็ยังทำให้เขารู้สึกกดดันอยู่ดี
ส่วนกั่วซูเฟย มันก็แค่เพียงผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนขั้นที่ 8 ยังไงเสียมันก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้อยู่
พอเห็นว่าเหยาเฟยตัดสินใจหนี กั่วซูเฟยก็เร่งรีบหลบหนีออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว
พอเห็นทั้งสองคนหลบหนีออกไป เจียงหยางและหลิวจื่อก็ไม่ได้หยุดพวกนั้น งานของพวกเขาก็มีเพียงการคุ้มครองหวงเสี่ยวหลงจนออกไปจากศาลาเทวะในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ส่วนสำหรับเรื่องอื่นนั้น พวกเขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด
หวงเสี่ยวหลงมองร่างของเหยาเฟยและกั่วซูเฟยที่หายลับไปแล้วเย้ยหยัน แต่ในดวงของเขาเปล่งประกายขึ้นอย่างเย็นชา ดูเหมือนว่าเขาจำเป็นต้องจัดการไอ้งูพิษบัดซบ เหยาเฟย หลังจากที่เขาออกไปจากศาลาเทวะซะแล้ว
ตอนแรกหวงเสี่ยวหลงตั้งใจจะปล่อยเหยาเฟยเล่นกับเขาไปก่อน แต่ตอนนี้ เนื่องจากเขากำลังจะเดินทางไปถ้ำของพระพุทธเจ้าแห่งอาณาจักรพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์เพือ่ตามหาสมบัติสวรรค์หุบเขาเทวะซูมี่ ซึ่งหวงเสี่ยวหลงจะต้องไม่ปล่อยให้ไอ้งูพิษบัดซบนี้เอาไว้ทำอันตรายให้ครอบครัวของเขา
“เสี่ยวหลง ไปกันเถอะ” ในขณะนี้เซี่ยพูถีก็พูดออกมา
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า
ทั้งสี่คนก็พุ่งเดินทางออกจากจุดที่ยืนอยู่
เซี่ยพูถีก็สะกิดหวงเสี่ยวหลง “ไอ้เวรเอ้ย ข้าหล่ะก็สงสัยว่าทำไมเจ้ายังคงทำตัวใจเย็นไร้ความกลัวขนาดนั้น เจ้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วสินะที่ต้วนหวูเหินส่งเจียงหยางและหลิวจื่อมาปกป้องเจ้า เจ้านี่ทำให้ข้ากังวลไปเสียเปล่าเลย”
หวงเสี่ยวหลงก็ยิ้มกริ่มให้กับคำพูดของเซี่ยพูถี “เมื่อพวกเราออกไป ข้าดื่มไวน์หลายแก้วเป็นการขอโทษแล้วกัน”
“ไม่มีทาง เจ้าควรจะซื่อไวน์ให้ข้าต่างหาก!”
ทั้งสองคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะ
ทั้ง 4 คนได้เดินทางร่วมกันไปสักพัก เมื่อเวลาผ่านไป เจดีย์หลิงหลงและแหวนผนึกพระเจ้าก็สั่นไหวมากขึ้น มันแสดงให้เห็นว่าเขากำลังเข้าใกล้ไข่มุกวิญญาณแล้ว
“เสี่ยวหลง แยกกันบ่มเพาะเถอะ ในมิติศาลาเทวะนี่มีสมบัติมากมาย มาดูกันซิว่าใครจะโชดดีกว่ากัน”เซี่ยพูถีก็พูดแนะนำ
หวงเสี่ยวหลงพยักหน้า “ได้เลย”
แม้ว่าเซี่ยพูถีจะไม่ได้พูดออกมา เขาก็จะพูดอยู่ดี พวกเขามีความคิดเห็นตรงกัน แต่การครอบครองไข่มุกวิญญาณนั้นการเก็บเป็นความลับคงจะดีกว่านั่นก็เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาได้
หลังจากเซี่ยพูถีออกไป หวงเสี่ยวหลงก็หาข้ออ้างโดยบอกว่าเขาต้องการบ่มเพาะคนเดียวเพื่อแยกตัวออกจากเจียงหยางและหลิวจื่อ
พอได้ยินคำขอของหวงเสี่ยวหลง เจียงหยางและหลิวจื่แอก็หันมามองกัน จากนั้นเจียงหยางก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เนื่องจากนายน้อยต้องการแบบนั้น นายน้อยหวงโปรดรับยันต์ส่งสัญญาณนี้ไว้กับตัว ถ้าหากนายน้อยพบเจออันตราย ก็ส่งข้อความมาหาพวกเรา เราจะรีบุมุ่งหน้าไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!”เจียงหยางก็หยิบยันต์ขนาดครึ่งฝ่ามือที่สลักไว้ด้วยลวดลายประหลาดแล้วส่งให้กับหวงเสี่ยวหลง
พอรับยันต์ส่งสัญญาณมา หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า “ได้เลย”
ทั้งสองคนก็ทำความเคารพหวงเสี่ยวหลงแล้วออกไป
หวงเสี่ยวหลงรอจนกระทั่งร่างของพวกเขาหายไปจากสายตา พอสัมผัสได้ถึงทิศทางของไข่มุกวิญญาณ หวงเสี่ยวหลงก็มุ่งหน้าตรงไปที่ภูเขา
ไม่นานนัก หวงเสี่ยวหลงก็มาถึงหุบเขา
พอเข้าใกล้หุบเขา เจดีย์หลิงหลงและแหวนผนึกพระเจ้าภายในร่างของเขาที่กำลังสั่นไหวจู่ๆก็หยุดนิ่ง หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกตกใจ ตามปฏิกิริยาเมื่อก่อนหน้านี้ ไข่มุกวิญญาณก็ควรจะอยู่ในหุบเขานี้ที่ใหนสักแห่ง แต่ทำไมเจดีย์หลิงหลงและแหวนผนึกพระเจ้าจู่ๆถึงได้หยุดสั่นไหวลงตอนนี้กัน?
หวงเสี่ยวหลงก็พุ่งเข้าไปในหุบเขา ทั้งหุบเขาลูกนี้ปกคลุมไปด้วยหมอกหนาสีเทาเข้มซึ่งมันทำให้เขาแทบจะมองไม่เห็นนิ้วมือของตัวเอง! ด้วยการมอง หวงเสี่ยวหลงสามารถมองเห็นแค่เพียงในระยะ 10 เมตรรอบตัวเขา
ตั้งแต่ที่เขาบรรลุระดับเซียนเทียนมา อย่างต่ำระยะการมองเห็นของหวงเสี่ยวหลงก็อยู่ 300 เมตร ไม่ว่าหมอกขาวจะเป็นอะไร มันจะต้องเป็นบางอย่างที่ส่งผลให้จำกัดระยะการมองเห็นของเขาให้เหลือแค่ 10 เมตรอย่างแน่นนอน็อยู่ที่หฟกก