Invincible โลกอมตะ – ตอนที่ 209

ตอนที่ 209

เหยาเฟยก็ยกมือขึ้น ทำให้มีเพลงสีดำรวมตัวกันขยายใหญ่ขึ้น! กลุ่มก้อนเพลิงสีดำนี่ได้ปลดปล่อยพลังงานอันน่าหวาดกลัวที่ทำให้ใจสั่นไหวอย่างหวาดหวั่น

 

เพลิงดำในฝ่ามือของเหยาเฟยนั้นเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากเพลิงฟีนิกซ์ดำของเซี่ยพูถี  เพลิงดำของเซี่ยพูถีนั้นมีกลิ่นอายแห่งการกดขี่ ศักดิ์ศรี ความหยิ่งยโสและการทำลายล้าง แต่ทว่าเพลิงดำของเหยาเฟยกลับให้ความรู้สึกราวกับเพลิงนรกที่พุ่งออกมาจากนรกขุมที่ลึกที่สุด ที่หนาวเหน็บราวกับอสรพิษที่กำลังอ้าปากรอคอยเหยื่อ

 

เพลิงสีดำอันนี้ให้ความรู้สึกเหมือนกับปรานเทพอสูรแต่มันก็ยังแตกต่างกันอยู่ดี

 

ในเวลาเดียวกัน กั่วซูเฟยจากตระกูลกั่วได้ปลดล่อยปราณฉีออกทำให้ออร่ารอบตัวมันเพิ่มสูงขึ้น  รอบตัวของมันได้มีนกขนาดเล็กที่มีรูปร่างคล้ายผีเสื้อเป็นสิบๆตัวขึ้นซึ่งมันได้ปลดปล่อยออร่าอันดำมืดและชั่วร้ายอๆออกมา

 

นกตัวเล็กพวกนี้มีตาสีเขียวเข้มและกรงเล็บขนาดเล็กเรืองแสงสีเขียว

 

นกพวกนี้ก็คือจิตวิญญาณต่อสู้ของกั่วซูเฟย –– ผีเสื้อวิญญาณนรก!

 

มันเป็นจิตวิญญาณที่ทำให้ผู้ฝึกตนธรรมดาหลายคนรู้สึกขนหัวลุกขึ้นมา

 

ในโลกจิตวิญญาณต่อสู้นั้น มีจิตวิญญาณประเภทภูตผีอยู่ ซึ่งในปกติแล้วจิตวิญญาณประเภทภูติผีนั้นจะเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายและมีรูปร่างที่น่ารังเกียจขยะแขยง   และผีเสื้อวิญญาณนรกตัวนี้ก็เป็นจิตวิญญาณประเภทภูติผี

 

การปรากฏตัวของผีเสื้อวิญญาณตีนรกนับสิบตัวรอบกั่วซูเฟยนั้นไม่ได้หมายความว่ามันมีจิตวิญญาณต่อสู้นับสิบ แต่มันเป็นความสามารถส่วนหนึ่งของผีเสื้อจิตวิญญาณนรก

 

การแบ่งตัว!

 

ความสามารถนี้นั้นมีความคล้ายคลึงกับค้างคาวเนตรม่วงของนักฆ่าชุดดำที่ส่องพี่น้องตระกูลกั่วส่งมาฆ่าหวงเสี่ยวหลง

 

ในขณะที่เปลวเพลิงสีดำปกคลุมฝ่ามือของเหยาเฟย เขาก็โจมตีใส่หวงเสี่ยวหลงพร้อมกับกั่วซูเฟยเกือบจะในเวลาเดียวกัน ด้วยการโบกมือทั้งสองทำให้ผีเสื้อวิญญาณนรกพุ่งโจมตีใส่หวงเสี่ยวหลง

 

เซ่ายพูถีก็รู้สึกประหลาดใจ

 

ในครู่ต่อมา ก็มีสองฝ่ามือสีแดงเข้มพุ่งออกมาจากช่องว่างมิติสกัดกั้นฝ่ามือของเหยาเฟยและผีเสื้อวิญญาณนรกของกั่วซูเฟย

 

ทำให้เกิดเสียงดังสะนั่นและละลอกมิติสั่นสะเทือน

 

ฝ่ามือเพลิงสีดำของเหยาเฟยและผีเสื้อวิญญาณนรกของกั่วซูเฟยแตกกระจายออกไปอย่างไร้ร่องรอย

 

คลื่นจากการปะทะได้พุ่งออกไปทุกทิศทาง

 

เหยาเฟยสามารถทนทานต่อแรงปะทะได้แต่กั่วซูเฟยกลับไม่สามารถต่อต้านแล้วพุ่งลอยออกไปไกลหลายเมตร

 

อั่ก!

 

ผลกระทบที่เกิดขึ้นทำให้กั่วซูเฟยกระอักเลือดออกมาจากปาก ทำให้พื้นดินถูกย้อมเป็ฯสีแดง

 

ทั้งสี่คนก็หันหน้าไปมองสองร่างที่มุ่งหน้ามาจากช่องว่างมิติ

 

“เจียงหยาง!”

“หลิวจื่อ!”

 

ใบหน้าของเหยาเฟยก็มืดคลึ้มในขณะที่เขาเห็นการมาถึงขอผู้มาใหม่ทั้งสอง

 

สองคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียนที่ต้วนเริ่นส่งมาคอยปกป้องหวงเสี่ยวหลง  นั่นก็คือ เจียงหยางและหลิวจื่อ!

 

“นายน้อยหวง ท่านไม่เป็นไรใช่มั้ย?”พอลงมาถึงพื้น เจียงยางและหลิวจื่อก็เข้ามาหาหวงเสี่ยวหลงแล้วถามออกมา ท่าทางของพวกเขานั้นทั้งสุภ่าพและอ่อนโยน

 

“ข้าไม่เป็นไร”หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัว

 

“เจียงหยาง หลิวจื่อ  นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?!”เหยาเฟยก็คำรามออกมาในขณะที่เขาจ้องมองเจียงหยางและหลิวจื่อผู้มาใหม่ทั้งสองอย่างเย็นชา

 

ในเขตในของสถาบัน จะมีรายชื่อลำดับสวรรค์ มีเพียงศิษย์ภายในที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้นถึงจะมีรายชื่อติดอยู่บนนั้น เหยาเฟยก็เป็นหนึ่งในนั้น และรวมไปถึงเจียงหยางและหลิวจื่อ  พวกเขานั้นไม่เคยมีข้อบาดหมางกันมาก่อนแต่ แต่พวกกมันกับยุ่งเรื่องของเขาทำให้เหยาเฟยรู้สึกโกรธ

 

“ก็ไม่มีอะไรพิเศษสักหน่อย”เจียงหยางก็ตอบออกไปด้วยน้ำเสียงไม่รู้ร้อน “ภารกิจของพวกเราคือเมื่อเขามาในศาลาเทวะก็คือการปกป้องความปลอดภัยให้นายน้อยหวง”

 

ดวงตาของเหยาเฟยก็เย็นชามากขึ้น “ต้วนหวูเหินขอให้พวกเจ้าทำงั้นหรอ?”

 

ไม่ว่าจะเป็นเจียงหยางหรือหลิวจื่อก็ไม่มีใครอะไรพูดออกมาสักคน

 

เหยาเฟยก็หันนหน้าไปมองหวงเสี่ยวหลงอย่างเย็นชา “หวงเสี่ยวหลง  ครั้งนี้คงต้องขอบคุณโชคของเจ้า ข้าไม่คิดว่าต้วนหวูเหินจะไม่เพียงช่วยให้เจ้าได้รับตำแหน่งในการเข้าศาลาเทวะ แต่กระทั่งส่งคนเข้ามาปกป้องเจ้าถึง 2 คน มันคงต้องลำบากมากแน่ๆ!”

 

“แต่ครั้งต่อไปเจ้าจะไม่โชคดีอย่างนี้อีก!”

 

พอพูดคำทิ้งท้ายไว้ เหยาเฟยก็พุ่งหายตัวไปจากที่ยืนอยู่

 

ด้วยการมีเจียงหยางและหลิวจื่อคุ้มครองอยู่ มันก็เป็นไปไม่ได้สำหรับเหยาเฟยที่จะจัดการหวงเสี่ยวหลงตามแผนที่วางไว้

 

แม้ว่าเจียงหยางหรือหลิวจื่อจะยอมสู้ตัวต่อตัวกับเขา แต่พวกมันกก็ยังทำให้เขารู้สึกกดดันอยู่ดี

 

ส่วนกั่วซูเฟย มันก็แค่เพียงผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนขั้นที่ 8 ยังไงเสียมันก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้อยู่

 

พอเห็นว่าเหยาเฟยตัดสินใจหนี กั่วซูเฟยก็เร่งรีบหลบหนีออกไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว

 

พอเห็นทั้งสองคนหลบหนีออกไป เจียงหยางและหลิวจื่อก็ไม่ได้หยุดพวกนั้น งานของพวกเขาก็มีเพียงการคุ้มครองหวงเสี่ยวหลงจนออกไปจากศาลาเทวะในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า  ส่วนสำหรับเรื่องอื่นนั้น พวกเขาไม่ได้สนใจเลยสักนิด

 

หวงเสี่ยวหลงมองร่างของเหยาเฟยและกั่วซูเฟยที่หายลับไปแล้วเย้ยหยัน แต่ในดวงของเขาเปล่งประกายขึ้นอย่างเย็นชา ดูเหมือนว่าเขาจำเป็นต้องจัดการไอ้งูพิษบัดซบ เหยาเฟย หลังจากที่เขาออกไปจากศาลาเทวะซะแล้ว

 

ตอนแรกหวงเสี่ยวหลงตั้งใจจะปล่อยเหยาเฟยเล่นกับเขาไปก่อน แต่ตอนนี้ เนื่องจากเขากำลังจะเดินทางไปถ้ำของพระพุทธเจ้าแห่งอาณาจักรพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์เพือ่ตามหาสมบัติสวรรค์หุบเขาเทวะซูมี่ ซึ่งหวงเสี่ยวหลงจะต้องไม่ปล่อยให้ไอ้งูพิษบัดซบนี้เอาไว้ทำอันตรายให้ครอบครัวของเขา

“เสี่ยวหลง ไปกันเถอะ” ในขณะนี้เซี่ยพูถีก็พูดออกมา

 

หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า

 

ทั้งสี่คนก็พุ่งเดินทางออกจากจุดที่ยืนอยู่

 

เซี่ยพูถีก็สะกิดหวงเสี่ยวหลง “ไอ้เวรเอ้ย ข้าหล่ะก็สงสัยว่าทำไมเจ้ายังคงทำตัวใจเย็นไร้ความกลัวขนาดนั้น เจ้ารู้ตั้งแต่แรกแล้วสินะที่ต้วนหวูเหินส่งเจียงหยางและหลิวจื่อมาปกป้องเจ้า เจ้านี่ทำให้ข้ากังวลไปเสียเปล่าเลย”

 

หวงเสี่ยวหลงก็ยิ้มกริ่มให้กับคำพูดของเซี่ยพูถี “เมื่อพวกเราออกไป ข้าดื่มไวน์หลายแก้วเป็นการขอโทษแล้วกัน”

 

“ไม่มีทาง เจ้าควรจะซื่อไวน์ให้ข้าต่างหาก!”

 

ทั้งสองคนก็ระเบิดเสียงหัวเราะ

 

ทั้ง 4 คนได้เดินทางร่วมกันไปสักพัก เมื่อเวลาผ่านไป เจดีย์หลิงหลงและแหวนผนึกพระเจ้าก็สั่นไหวมากขึ้น มันแสดงให้เห็นว่าเขากำลังเข้าใกล้ไข่มุกวิญญาณแล้ว

 

“เสี่ยวหลง แยกกันบ่มเพาะเถอะ ในมิติศาลาเทวะนี่มีสมบัติมากมาย มาดูกันซิว่าใครจะโชดดีกว่ากัน”เซี่ยพูถีก็พูดแนะนำ

 

หวงเสี่ยวหลงพยักหน้า “ได้เลย”

 

แม้ว่าเซี่ยพูถีจะไม่ได้พูดออกมา เขาก็จะพูดอยู่ดี พวกเขามีความคิดเห็นตรงกัน แต่การครอบครองไข่มุกวิญญาณนั้นการเก็บเป็นความลับคงจะดีกว่านั่นก็เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมาได้

 

หลังจากเซี่ยพูถีออกไป หวงเสี่ยวหลงก็หาข้ออ้างโดยบอกว่าเขาต้องการบ่มเพาะคนเดียวเพื่อแยกตัวออกจากเจียงหยางและหลิวจื่อ

 

พอได้ยินคำขอของหวงเสี่ยวหลง เจียงหยางและหลิวจื่แอก็หันมามองกัน จากนั้นเจียงหยางก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เนื่องจากนายน้อยต้องการแบบนั้น  นายน้อยหวงโปรดรับยันต์ส่งสัญญาณนี้ไว้กับตัว ถ้าหากนายน้อยพบเจออันตราย ก็ส่งข้อความมาหาพวกเรา เราจะรีบุมุ่งหน้าไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!”เจียงหยางก็หยิบยันต์ขนาดครึ่งฝ่ามือที่สลักไว้ด้วยลวดลายประหลาดแล้วส่งให้กับหวงเสี่ยวหลง

 

พอรับยันต์ส่งสัญญาณมา หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า “ได้เลย”

 

ทั้งสองคนก็ทำความเคารพหวงเสี่ยวหลงแล้วออกไป

 

หวงเสี่ยวหลงรอจนกระทั่งร่างของพวกเขาหายไปจากสายตา พอสัมผัสได้ถึงทิศทางของไข่มุกวิญญาณ หวงเสี่ยวหลงก็มุ่งหน้าตรงไปที่ภูเขา

 

ไม่นานนัก หวงเสี่ยวหลงก็มาถึงหุบเขา

 

พอเข้าใกล้หุบเขา เจดีย์หลิงหลงและแหวนผนึกพระเจ้าภายในร่างของเขาที่กำลังสั่นไหวจู่ๆก็หยุดนิ่ง หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกตกใจ ตามปฏิกิริยาเมื่อก่อนหน้านี้ ไข่มุกวิญญาณก็ควรจะอยู่ในหุบเขานี้ที่ใหนสักแห่ง แต่ทำไมเจดีย์หลิงหลงและแหวนผนึกพระเจ้าจู่ๆถึงได้หยุดสั่นไหวลงตอนนี้กัน?

 

หวงเสี่ยวหลงก็พุ่งเข้าไปในหุบเขา ทั้งหุบเขาลูกนี้ปกคลุมไปด้วยหมอกหนาสีเทาเข้มซึ่งมันทำให้เขาแทบจะมองไม่เห็นนิ้วมือของตัวเอง! ด้วยการมอง หวงเสี่ยวหลงสามารถมองเห็นแค่เพียงในระยะ 10 เมตรรอบตัวเขา

 

ตั้งแต่ที่เขาบรรลุระดับเซียนเทียนมา อย่างต่ำระยะการมองเห็นของหวงเสี่ยวหลงก็อยู่ 300 เมตร ไม่ว่าหมอกขาวจะเป็นอะไร มันจะต้องเป็นบางอย่างที่ส่งผลให้จำกัดระยะการมองเห็นของเขาให้เหลือแค่ 10 เมตรอย่างแน่นนอน็อยู่ที่หฟกก

Invincible โลกอมตะ

Invincible โลกอมตะ

จากลูกศิษย์ของวัดเส้าหลินบนแผ่นดินใหญ่ หวงเสี่ยวหลงกลับคืนสู่โลกแห่งการต่อสู้โดยได้อาศัยความรู้จากความลับของหัวเซี่ย ซึ่งเป็นวิชาลับจากคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น ในโลกของจิตวิญญาณการต่อสู้โดยเฉพาะผู้ที่มีจิตวิญญาณการต่อสู้เท่านั้นที่จะสามารถฝึกในปราณฉีและกลายเป็นนักรบได้ หวงเสี่ยวหลงเกิดมาพร้อมกับวิญญาณการต่อสู้ที่หายากจากภายในสวรรค์แห่งนี้ได้ถูกปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ ในช่วงพิธีปลุกเสกโดยคนของโลกแห่งนี้ อย่างไรก็ตามหวงเสี่ยวหลง กับ “ตัวแปร” จิตวิญญาณการต่อสู้ต้องลุกขึ้นต่อสู้อีกครั้งและแสดงความสามารถพิเศษอื่น ๆ เพื่อเอาชนะเหล่าอัจฉริยะสร้างความตกตะลึงให้กับตระกูลและเหล่าผู้คนของโลกจิตวิญญาณการต่อสู้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท