เมื่อหวงเสี่ยวหลงเดินทางมาถึงภูเขาด้านหลังพื้นที่ของศิษย์นอก เขาก็สังเกตว่าพื้นที่แห่งนี้ที่เคยมีชีวิตชีวากลับเงียบเหงาลงทันตา
เขตพื้นที่ของศิษย์นอกได้ปิดไม่ให้ใช้งานก็เพราะศาลานักบุญกำลังจะเปิดขึ้น หวงเสี่ยวหลงก็เลยต้องเข้าไปพื้นที่ศิษย์ฝ่ายนอกแล้วกลับมาทีภูเขาหลังสถาบันหลังจากที่ยืนยันตัวตนแล้ว
“เสี่ยวหลง!”เมื่อหวงเสี่ยวหลงมาถึงภูเขาหลังสถาบัน เขาก็วิ่งไปหาเซี่ยพูถีที่กำลังเดินตรงมาหาเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
หวงเสี่ยวหลงก็ยิ้มให้เซี่ยพูถีเมื่อเขาเห็นเซี่ยพูถี
“ไง แกนี่มัวแต่หลบบ่มเพาะอยู่ในคฤหาสน์ตั้ง 2 เดือนไม่โผล่หัวมาให้เห็นเลย ทำให้ข้าต้องดื่มอยู่ไวน์น่าคมคายอยู่คนเดียวจนแทบจะไร้รสชาติเลยหล่ะ!”เซี่ยพูถีก็หัวเราะแล้วพูดออกมาในขณะที่ต่อยใส่ไหล่ของหวงเสี่ยวหลง
หวงสี่ยวหลงก็ตอบออกมาไปว่า “หลังจากออกมาจากศาลานักบุญ พวกเราก็ค่อยไปดื่มกันหลายๆแก้ว!”
เซี่ยพูถีก็หัวเราะออกมาเสียงดังลั่นเมื่อได้ยินคำพูดของหวงเสี่ยวหลง “ดี ตกลง! แต่กี่แก้วถึงจะพอหล่ะ? ตอนนั้น พวกเรากินกันจนหมดร้านเลยนะ!”
หวงเสี่ยวหลงแสยะยิ้มเห็นด้วย “ครั้งหน้าฉันเลี้ยงเอง”
“นั่นแหละคือเหตุผลที่ฉันต้องดื่มมากกว่าเดิมฮ่าๆ ”
ทั้งสองก็พูดคุยหัวเราะกันไปในขณะที่เดินไปยังจุดนัดพบ
“ข้าได้ยินมาว่าต้วนหวูเหินเอาเหรีญตราให้เจ้าสินะ” เซี่ยพูถีก็แสยะยิ้ม “และกระทั่งเรียกเจ้าวว่าน้องชายด้วย?”
พอเห็นเซี่ยพูถีเข้าใจผิดว่าเหรียญตราในมือของเขานั้นเป็นของต้วนหวูเหิน หวงเสี่ยวก็ทำได้เพียงยิ้มโดยไม่อธิบายอะไรออกไป “ครั้งนี้เหยาเฟยและกั่วซูเฟยจากตระกูลกั่วก็เข้าไปด้วยเหมือนกันสินะ?”
เซี่ยพูถีก็พยักหน้า “เจ้าต้องระวังตัวด้วยแล้วกัน แม้ว่ามันจะมีกฏห้ามไม่ให้ศิษย์ที่เข้าไปในศาลานักบุญสู้และฆ่ากันเอง แต่อะไรๆก็เกิดขึ้น เหยาเฟยมันหน่ะงูพิษชัดๆ คนที่โดนมันหมายหัวไว้ ………ถ้าหากไม่ตายมันก็จตะไม่เลิกรา”
“ข้าเข้าใจ”หวงเสี่ยวหลงพยักหน้า
ต่อมาไม่นาน ทั้งสองคนก็มุ่งหน้ามาถึงพื้นที่นัดพบในภูเขาหลังสถาบัน พวกเขาสังเกตเห็นว่าเหยาเฟยได้มาถึงพร้อมกับศิษย์คนอื่นอีก 7 คนที่กำลังยืนรออยู่ที่จุดนัดพบ
พอนับรวมหวงเสี่ยวหลงและเซี่ยพูถีเข้าไป ตอนนี้ก็มีทั้งหมด 10 คน
เมื่อหวงเสี่ยวหลแงละเซี่ยพูถีปรากฏตัวขึ้น ทุกคนก็หันมามองทั้งสอง ซึ่งแต่ละคนเหลืทอบมองทั้งสองคนด้วยสายตาที่แตกต่างกันไป
พอเห็นหวงเสี่ยวหลง ดวงตาของเหยเฟยก็เปล่งประกายเจตนาสังหารขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันมันจะปกปิดไว้อย่างดีแค่ใหน หวงเสี่ยวหลงก็ยังสามารถพบเจอได้อยู่ดี และนอกจากเหยาเฟยที่หวงเสี่ยวหลงตรวจเจตนาสังหารอันเข้มข้นที่ถูกปล่อยออกมาจากคนอื่นอีกคน คนๆนั้นเป็นชายหนุ่มที่ดูมีอายุอยู่ระหว่าง 28 ถึง 29 ที่กำลังสวมชุดสีเทาเข้ม บนใบหน้ามีรอยแผลเป็นรูปดางสีแดงอยู่จางๆ
“เขาคือกั่วซูเฟยจากตระกูลกั่ว” เซี่ยพูถีก็พูดเตินหวงเสี่ยวหลงจากด้านข้าง
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า
แม้ว่าเซี่ยพูถีจะไม่พูด แต่เขาก็สามรถคาดเดาว่ามันผู้นี้คือใคร ซึ่งมีเพียงเหยาเฟยและตระกูลกั่วเท่านั้นที่ต้องการให้เขาตาย
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงปรากฏตัวขึ้น ชายวัยกลางคน 2 คนที่ใส่ชุดสีมวงก็พยักหน้าให้เขาซึ่งหวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้ากลับ ตามที่จ้าวชูได้บอกไว้ ทั้งสองคนนี้คือคนที่ต้วนเริ่นส่งมาคุ้มครองเขาในพื้นที่ศาลานักบุญ
แม้ว่าทั้ง10คนตอนนี้จะไม่ได้พูดแนะนำตัวอะไร แต่ก็ไม่มีใครกล้าส่งเสียงพูดคุยเลยสักคน เลยทำให้บรรยกาศค่อนข้างอึดอัด
ในขณะนั้นก็จู่ๆก็มีแรงกดดันมหาศาลหลั่งไหลออกมาจากช่องว่างมิติแล้วครอบคลุมพื้นที่ภูเขาหลังสถาบันทั้งหมดราวกับกาแล็กซีทางช้างเผือก
หวงเสี่ยวหลงและคนที่เหลือต่างก็เงยหน้ามองบนฟ้าตรงที่มีภาพฉายคนทั้ง 6 ปรากฏตัวขึ้นราวกับพวกเขาอยู่ในมิติอื่น หวงเสี่ยวหลงและคนที่เหลือก็ไม่สามารถแยกแยะใบหน้าของคนทั้ง 6 ได้อย่างชัดเจน
“ยินดีที่ได้พบจักรพรรดิและปรมาจารย์เทวะอันทรงเกียรติ!”เซี่ยพูถีและนักเรยีนที่เหลือต่างคุกเข่าทำความเคารพทันที ซึ่งหวงเสี่ยวหลงก็ต้องทำตาม
แม้ว่าใบหน้าของทั้ง 6 คนจะไม่สามารถแยกแยะได้ แต่ทุกคนก็รู้ว่าพวกเขาคือจักรพรรดิต้วนเริ่นและผู้พิทักษ์ทั้ง 5 แห่งสถาบันต้วนเริ่น และศิษย์สถาบันต้วนเริ่นทุกคนนั้นต่างก็เรียกพวกเขาว่าปรมาจารย์เทวะกันทั้งหมด
“เงยหน้าขึ้น”น้ำเสียงที่ฟังดูเหินห่างก็ดังขึ้นมาจากช่องว่างมิติ ศิษย์ทั้ง 10 คนที่อยู่ข้างล่างรวมไปถึงหวงเสี่ยวหลงก็ลุกขึ้น
ต่อมาร่างทั้ง 6ที่อยู่เหนือพวกเขาก็โบกมือปลดปล่อยแสงออกมาจากร่างส่องสว่างไป 1 พันจาง
เส้นแสงทั้งหลายที่ปลดปล่อยออกมาก็ก่อตัวขึ้นกลายเป็นแผนภาพบนท้องฟ้าและด้านหน้าศิษย์ที่อยู่ข้างล่าง ก็ได้มีเส้นแสงก่อตัวขึ้นเป็นค่ายอาคม 6 เหลี่ยม
“นี่คือ?!”หวงเสี่ยวหลงก็ขมวดคิ้ว
“นี่คือค่ายอาคมโบราณ!”หวงเสี่ยวหลงก็ตกตะลึง เขาไม่คิดเลยว่าสถาบันต้วนเริ่นจะมีค่ายอาคมโบราณด้วย
ค่ายอาคมโบราณทุกชนิดจะบรรจุไปด้วยพลังงานอันมหาศาล และเมื่อเปิดการใช้งาน มันจะสร้างพลังงานที่ไม่อาจจินตนาการขึ้นได้
“นี่คือค่ายอาคมโบราณที่เรียนกว่าค่ายอาคม 6 ดวงดาว จักรพรรดิต้วนเริ่นได้ไปเอามันมาจากถ้ำโบราณที่มีอายุหลายทศวรรษ แต่ข้าได้ยินว่าค่ายอาคมโบราณ 6 ดวงดาวนี่เป็นค่ายอาคมที่ไม่สมบูรณ์และมีบางส่วนขาดหายไป แม้จะเป็นแบบนั้น แต่เมื่อจักรพรรดิต้วนเริ่นและปรมาจารย์เทวะทั้ง 5 คนเปิดการใช้งาน พลังของค่ายอาคมนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่น่าตกตะลึงอยู่ดี” เสียงเซี่ยพูถีก็ดังขึ้นในหูของหวงเสี่ยวหลงขึ้นอีกครั้ง
ไม่สมบูรณ์!
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้าอย่างราบเรียบ
บนฟ้าในเวลานี้ ต้วนเริ่นและอีก 5 คนต่างก็กำลังยืนอยู่ตามมุมของอาคม 6 ดวงดาว ทั้ง 6จุดซึ่งแตกต่างกันไป แต่ละคนได้ปลดปล่อยรูนออกมาจากฝ่ามือซึ่งมันได้ไปหมุนวนรวมตัวตรงใจกลางค่ายอาคม ด้วยการระเบิดตัวขึ้นของแสงสว่างทำให้ประตูมิติขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้น
เส้นสายพลังงานจิตวิญญาณระดับเทวะก็ลอยฟรุ้งออกมาจากช่องว่างประตู
ศาลานักบุญ!
หวงเสี่ยวหลงก็จ้องมองพลังงานที่ลอยออกมาจากประตู
“ศาลานักบุญเปิดออกแล้ว ศิษย์ที่จะเข้าไปในศาลานักบุญห้ามสู้กันหรือฆ่ากันเองเด็ดขาด ใครกล้าแหกกฏจะถูฏไล่ออกจากสถาบันต้วนเริ่น พวกเจ้าเข้าใจชัดใหม?”ตอนนี้ จักพรรดิต้วนเริ่นก็ส่งเสียงออกมาจากช่องว่างมิติ
ทุกคนก็มึนงง
“เข้าใจแล้วขอรับ ท่านจักรพรรดิ!”
“ดี เข้าไปได้แล้ว เมื่อครบหนึ่งเดือนเมื่อไหร่ พวกเข้าทั้งหมดจะถูกส่งตัวออกมาทันทีไม่ว่าจะทำอะไรอยู่”
เมื่อจักรพรรดิต้วนเริ้นพูดจบ ศิษย์คนนคงก็พุ่งลอดเข้าไปในประตู ตามด้วยศิษย์คนต่อมาและที่เหลือ
“เข้าไปกันเถอะ”เซี่ยพูถีก็พูดกับหวงเสี่ยวหลง
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า
ทั้งสองึคนก็พุ่งเข้าไปในประตูพร้อมกันและหายไปในพริบตา
พอเห็นแบบนี้ เหยาเฟยและกั่วซูเฟยที่ยังไม่ได้เคลื่อนไหวจากจุดที่ยืนอยู่ก็พุ่งตามเข้าไปมิติศาลานักบุญตามหลังหวงเสี่ยวหลงและเซี่ยพูถีไป
เมื่อทั้ง 10 คนเข้าไปแล้ว ประตูมิติก็ปิดลงอย่างช้าๆแล้วหายลับไป ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆก็กลับเป็นปกติ
ทันทีที่หวงเสี่ยวหลงเข้ามาในศาลานักบุญ พลังงานจิตวิญญาณก็พุ่งเข้ามาชำระล้างตัวเขา เมื่อสูดหายใจเข้าลึกๆ พลังงานพวกนี้ก็ทำให้ทุกส่วนในร่างกายของเขารู้สึกสดชื่น พอสำรวจรอบๆแล้วก็พบว่าศาลานักบุญนี้เป็นโลกใบเล็ก ที่มีหุบเขาสีเขียวและแม่น้ำสีมรกต มีต้นไม้โบราณแพร่กระจายไปทั่วทุกที่และยังมีแม้กระทั่งสัวต์ปีศาจระดับต่ำและระดับกลาง
โดยไม่มีการเตือนใดๆ เจดีย์หลิงหลงและแหวนผนึกพระเจ้าที่อยู่ในร่างของหวงเสี่ยวหลงก็สั่นไหว พอตรวจสอบจาการเปลี่ยนแปลงของเจดีย์หลิงหลงและแหวนผนึกพระเจ้าแล้วแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกมีความสุขมาก ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้จะถูกต้อง ไข่มุกวิญญาณจะต้องอยู่ในศาลานักบุญอย่างแน่นอน!
หวงเสี่ยวหลงและเซี่ยพูถีก็ลอยลงมาสู่พื้นเบื้องล่าง
แต่ในขณะนั้น ก็มีร่างสองร่างปรากฏขึ้นมาขวางทางด้านหน้าพวกเขาไว้ และจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเหยาเฟยและกั่วซูเฟย
พอเห็นพวกมัน เซี่ยพูถีก็เย้ยหยัน “เหยาเฟย กั่วซูเฟย พวกเจ้าต้องการอะไรกันแน่? ศิษย์ที่เขามาในศาลานักบุญไม่ได้รับอนุญาตให้สู้หรือฆ่ากันเอง นี่คือกฎของสถาบัน! เจ้ากล้างแหกกฎของสถาบันงั้นหรอ?”
“กฎของสถาบันงั้นหรอ?”เหยาเฟยเย้ยหยันอย่างไม่แยแส “อย่ามาพูดกับข้าเรื่องกฎพรรค์นั้นเลย ถ้าหากข้าเหยาเฟยต้องการฆ่าใครหล่ะก็ แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะก็ไม่สามารถหยุดข้าได้ ! เซี่ยพูถี ข้าต้องการฆ่าเพียงหวงเสี่ยวหลงเท่านั้น ถ้าเจ้าเอาชนะได้เจ้าก็รอด มิฉะนั้น ข้าคงไม่สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่เผลอพลั้งฆ่าเจ้าไปด้วย!”