“เพราะเฒ่าชรากั่วเฉินที่ปิดประตูบ่มเพาะไปเพื่อทะลวงเข้าสู่ระดับเทวะงั้นเรอะ”หวงเสี่ยวหลงก็เย้ยหยัน เขาย่อมรู้เหตุผลดีว่าทำไมตระกูลกั่วถึงไม่กังวลเรื่องการจัดการเขา
ที่พวกมันไม่รีบโต้ตอบก็เพราะพวกมันกำลังรอคอยให้เฒ่าชรากั่วเฉินออกมาจากปิดตัวบ่มเพาะหลังจากที่ทะลวงเข้าสู่ระดับเทวะได้สำเร็จเพื่อจะได้มาจัดการเขา
เนื่องจากพวกมันต้องการเล่นแบบนี้ งั้นเขาก็จะเล่นกับพวกตระกูลกั่วสักหน่อย
ดังนั้น ต่อมา 1 เดือนก็ผ่านไปราวกับผ่านไปวันนึง
ภายในสนามรบโบราณของแหวนผนึกพระเจ้า หวงเสี่ยวหลงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในขณะที่ทำการบ่มเพาะคัมภีย์เปลี่ยนเส้นเอ็นและเคล็ดวิชาเทพอสูรไปพร้อมๆกัน พลังงานจิตวิญญาณสวรรค์และโลก และ พลังงานจิตวิญญาณแห่งโลกใต้พิภพได้มุ่งหน้าเข้ามารวมที่หวงเสี่ยวหลงพร้อมกัน
ในเวลาเดียวกันนั้น มังกรดำและมังกรฟ้าที่บินฉวัดเฉวียนอนู่เหนือหัวเขาก็ดูดกลืนปราณมังกรที่แท้จริงที่ลอยออกมาจากโลกมังกรโบราณ
ปราณมังกรสีแดงที่รุนแรงหลากหลายเส้นก็ได้พุ่งเข้าสู่จิตวิญญาณมังกรคู่และร่างกายของหวงเสี่ยวหลง
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงหายใจเข้าออกเป็นจังหวะก็จะมีแสงสีดำและน้ำเงินกระพริบขึ้นสลับไปมา
ในเวลาการบ่มเพาะแค่เพียง 2 เดิน ก็ทำให้ปราณมังกรที่แท้จริงในร่างกายของหวงเสี่ยวหลงนั้นเพิ่มมากขึ้นมากกว่าเดิมถึง 10 เท่า ปราณมังกรที่แท้จริงเหล่านั้นได้ประสานตัวกับปราณต่อสู้โลกใต้พิภพอยุ่ภายในทะเลปราณและเส้นลมปราณของหวงเสี่ยวหลง
ตอนนี้ ในพื้นที่ว่างเหนือทะเลปราณของหวงเสี่ยวหลงนั้น ได้มีปราณมังกรที่แท้จริงมารวมตัวควบแน่นอย่างรวดเร็วแล้วค่อยๆก่อรูปร่างเป็นมังกรบรรพากาลศักดิสิทธิ์สีแดง ส่วนปราณแห่งโลกใต้พิภพนั้นได้เริ่มรวมตัวสร้างเป็นรูปลักษณ์เทพอสูรแห่งนรก
ในขณะที่เวลาได้ไหลผ่านไป รูปลักษณ์ที่คลุมเครือเหล่านี้ก็เริ่มค่อยๆกลายเป็นมีตัวตนจริงมากยิ่งขึ้น
พอได้สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงในทะเลปราณของตัวเอง หวงเสี่ยวหลงก็มึนงง ตรามที่จ้าวชูได้อธิบายไว้ว่า มีเพียงผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10ที่ใกล้จะบรรลุระดับเทวะถึงจะได้สามารถสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงของปราณต่อสู้ได้
แต่ตอนนี้ปราณต่อสู้ของหวงเสี่ยวหลงกลับเริ่มก่อตัวเนรูปร่างขึ้นในทะเละปราณ
เมื่อถึงเวลาที่จะทะลวงเข้าสู่ระดับเทวะ อัตลักษณ์ที่ไม่มั่นคงซึ่งก่อตัวขึ้นจากปราณต่อสู้ในทะเลปราณนั้นก็จะเริ่มชัดเจนมากขึ้นจนวิวัฒนาการกลายเป็นมีตัวตนที่แท้จริงขึ้น
หวงเสี่ยวหลงรู้สึกมีความสุขกับการเปลี่ยนแปลงในทะเลปราณ หลังจากปราณต่อสู้ของของเขาเริ่มก่อตัวรูปร่างขึ้น ความเร็วในการดูดซับปราณมังกรที่แท้จริงและปราณจิตวิญญาณแห่งโลกใต้พิภพก็เพิ่มมากขึ้นหลายเท่า
10 วันผ่านไป
หวงเสี่ยวหลงใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนบ่มเพาะในสนามรบโบราณ ตอนนี้เขาสามารถบ่มเพาะคัมภีย์เปลี่ยนเส้นเอ็นไปพร้อมกับเคล็ดวิชาเทพอสูรได้อย่างง่ายดายมากขึ้น
ภายในเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมา ความแข็งแกร่งของหวงเสี่ยวหลงนั้นได้เพิ่มขึ้นจากระดับเซียนขั้นต้น-สูง กลายเป็นระดับเซียนเทียนขั้นต้น-สูงสุด
ในวันนี้ หวงเสี่ยวหลงได้เอาชิ้นส่วนแผนภาพวิชาเทพอสูรออกมา ในที่สุดเขาก็ไดเรียนรู้กระบวนท่าดาบเทพอสูร ท่าที่ 5 ดอกไม้นอกชายฝั่ง ถึงจุดสูงสุดแล้ว ดังนั้นตอนนี้เขาก็สามารถเริ่มเรียนกระบวนท่าที่ 6 ได้แล้ว
หวงเสี่ยวหลงได้อ่านคำอธิบายของกระบวนท่าที่ 6 จากเศษชิ้นส่วนแผนภาพวิชาเทพอสูร
กระบวนท่าที่ 6 ก็คือ เนตรจุติ!
หลังจากศึกษาสิ่งที่เขียนอยู่ภายในแผ่นภาพ หวงเสี่ยวหลงก็หลับตาแล้วทบทวนถึงสิ่งที่เขาได้ศึกษาไป เมื่อเขาทำความเข้าใจการเคลื่อนไหวของเนตรจุติและการโคจรปราณต่อสู้เสร็จ เขาก็เก็บเศษชิ้นส่วนวิชาเทพอสูรเข้าไปในแหวนเทพอสูร
แต่ทว่าหวงเสี่ยวหลงกลับยังไม่เริ่มฝึกฝน เขากลับจำลองการเคลื่อนไหวและการโคจรปราณต่อสู้ภายในใจอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลายชั่วโมงหลังจากนั้น จู่ๆหวงเสี่ยวหลงก็หยิบดากออกมาแล้วเหวี่ยงออกไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้า
ทำให้เกิดคบดาบนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นแล้วหมุนวนไปมาอย่างแปลกประหลาด
ในขณะที่แสงคมดาบหมุนหวนไปอย่างแปลกประหลาด ก็มีลูกทรงกลมสีแดงที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายฆ่าฟันอันเข้มข้นปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ลูกทรงกลมประหลาดเรืองแสงสีแดงเข้ม และพื้นที่ภายในลูกทรงกลมประหลาดที่เรื่องแสงสีแดงดูราวกับสามารถเข้าไปได้ดุจดั่งภาพลวงตา
ครู่ต่อมา ลูกทรงกลมสีแดงก็หมุนตัวปลดปล่อยคมมีดอันเยือกเย็นที่มีพลังพอจะครอบคลุมพื้นที่ถึง 100 จาง
ในเวลาเดียวกันนั้น กระบวนท่าเนตรจุติก็ปลดปล่อยบางอย่างที่เรียกว่าแสงแห่งการจุติ ทำให้ผู้โดนกระบวนท่าได้รับประสบการณ์ความรู้สึกของการเกิดใหม่ เป็นผลให้พวกเขาได้รับความเจ็บปวดอย่างสาหัส
นี่แหละคือพลังที่น่าหวาดหวั่นที่สุดของเนตรจุติ
ตามได้เขียนใว้ในวิชาเทพอสูร เมื่อฝึกกระบวนท่า เนตรจุติได้สำเร็จถึงระดับส่วนสำคัญ จะทำให้สิ่งมีชีวิตใน 1 ล้านลี้จะได้รับผลกระทบและแต่ละคนจะได้เจอภาพลวงจาที่แตกต่างกันไป
หลังจากพยายามออกกระบวนท่าครั้งแรก หวงเสี่ยวหลงก็หยุดลงแล้วหลับตาทบทวนความเข้าใจที่ได้จากากรใช้กระบวนท่าเมื่อกี้นี้ ครึ่งชั่วโมงต่อมา เขาก็ใช้กระบวนท่านี้ไปอีกรอบ
ครั้งนี้ แสงสีแดงเข้มที่เปร่งออกมาจากเนตรจุตินั้นแข็งแกร่งขึ้นมากกว่าการโจมตีก่อนนี้นิดเดียว และพื้นที่การโจมตีของกระบวนท่านี้ก็ขยายออกไปจากเดิม 10 จาง เป็น 12 จาง ส่วนแสงจุติก็แข็งแกร่งมากกว่าก่อนอีกด้วย
ทุกครั้งหลังจากออกกระบวนท่าไป หวงเสี่ยวหลงก็จะหยุดทำความเข้าใจ
และเขาก็ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆอย่างไม่หยุดยั้ง
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงดำเนินการฝึกฝนและทบทวนความเข้าใจไปเรื่อยๆ พลังโจมตีของกระบวนท่าเนตรจุติก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
หลังจากผ่านไปอีก 10 วัน ก็เหลืออีกเพียงแค่วันเดียวก่อนที่ศาลานักบุญจะเปิด หวงเสี่ยวหลกง็เลยออกมาจากสนามรบโบราณ
ภายในการฝึกฝน 10 วัน หวงเสี่ยวหลงได้ฝึกฝนกระบวนท่าเนตรจุติจนมีพลังเพิ่มขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับ 10 วันก่อน และการบ่มเพาะปราณต่อสู้ของเขาก็ก้าวหน้ามากขึ้น
ปัจจุบัน ปราณต่อสู้ในทะเลปราณของเขาได้เกิดรูปร่างขึ้นแล้ว ด้วยการดูซับไข่มุกมังกรไฟและปราณจิตวิญญาณในสนามโบราณก็ทำให้การบ่มเพาะของหวงเสี่ยวหลงเพิ่มมากขึ้นในทุกๆวันอย่างเห็นได้ชัด
ในขณะที่เขาออกจากสนามรบโฐราณ หวงเสี่ยวหลงก็เรียกจ้าวชูและเฟยฮาวมาสอบถามถึงสถานการณ์ในปัจจุบันของเมืองจักพรรดิและคฤหาสน์เนินเขาทิศใต้
“ท่านจักรพรรดิ ไม่กี่วันก่อน ตระกูลเหยาและตระกูลกั่วได้ร่วมกันจัดการประมูลขึ้นขอรับ” เฟยฮาวพูดออกมา
หวงเสี่ยวหลงก็ประหลาดใจและสังเกตเห็นความหมายนัยยะที่เฟยฮาวกล่าวมา ตระกูลเหยาและตระกูลกั่วร่วมมือกันงั้นหรอ?”
“ข้าน้อยเกรงว่ามันจะเป็นแบบนั้น”เฟยฮาวก็พยักหน้า
จ้าวชูก็เย้ยหยัน “ตอนนี้ ทั่วทั้งเมืองจักรพรรดิได้กล่าวกันว่าท่านจักรพรรดิหลบซ่อนตัวอยู่ในคฤหาสน์เนินเขาทิศใต้เพราะท่านจักรพรรดิหวาดกลัวการโต้ตอบจากเหยาเฟยและตระกูลกั่วทำให้ไม่กล้าก้าวเท้าออกจากประตู”
หวงเสี่ยวหลงก็โบกมือ “ปล่อยให้พวกมันพูดกันไปตามต้องกันเลย” จากนั้น เขาก็ไปถามเฟยฮาว “อีกไกลแค่ใหนกว่าครอบครัวของข้าจะมาถึง?”
“ตอบท่านจักรพรรดิ ประมุขหวงและคนที่เหลือได้มาถึงอาณาจักรเหนือหลั่งไหลแล้วขอรับ ใช้เวลาอีก 4 เดือนพวกเขาก็จะมาถึงเมืองจักรพรรดิ” เฟยฮาวก็ตอบออกไปอย่างเคารพ “ท่านอาจารย์ได้เข้าไปรวมกลุ่มกับพวกเขาแล้ว”
พอรู้ว่าหยูหมิงอยู่กับครอบครัวของตัวเอง หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกสบายใจขึ้น
“ใช่แล้วท่านจักรพรรดิ ผู้ใต้บังคับบัญชาคนนี้ได้พบว่าเหยาเฟยก็จะเข้าไปในศาลานักบุญเมื่อถึงเวลาเปิด นอกจากเหยาเฟย แล้ว ก็มีทายาทของตระกูลกั่วที่ชื่อกั่วซู่เฟยซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเซียน ขั้นที่ 8 เซี่ยพูถี จากตระกูลเซี่ยก็ได้เข้าศาลานักบุญเหมือนกันขอรับ “เฟยฮาวก็พูดเพิ่ม
หวงเสี่ยวหลงก็เย้ยหยันเมื่อได้ยินเรื่องนี้
แม้ว่าในศาลานักบุญจะมีปราณจิตวิญญาณระดับเทวะ แต่มันไม่มีประโยชน์กับผู้ฝึกฝนตนระดับเซียนเทียนขั้นสูง เห็นได้ชัดว่าเหยาเฟยและทายาทของตระกูลกั่วนั้นหมายหัวเขาแล้ว!
“ท่านจักรพรรดิ โปรดวางใจ พรุ่งนี้ เมื่อศาลาเทวะเปิด ข้าน้อยจะให้ต้วนเริ่นจัดการส่งผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียนขั้นสูง 2 คนไปกับท่านด้วย” ตอนนี้ จ้าวชูก็ได้กล่าวออกมา
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า
มีโอกาส 9 ใน 10 ส่วนที่ไข่มุกวิญญาณจะอยู่ข้างในศาลานักบุญ เนื่องจากเขาจะต้องเข้าไปในศาลานักบุญในวันพรุ่งนี้ เขาก็จำเป็นจะต้องใช้โอกาสนี้เพื่อค้นหาและสยบมัน
เช้าวันรุ่งขึ้น พระอาทิตย์ส่องสว่าง
หวงเสี่ยวหลงได้ออกจากคฤหาสน์เนินเขาทิศใต้ เขาได้มุ่งหน้าไปสถาบันต้วนเริ่นแล้วตรงไปที่ทางเข้าศาลานักบุญ–ซึ่งมันตั้งอยู่ภูเขาด้านหลังสถาบันเพียงลำพังโดยไม่มีจ้าวชูหรือเฟยฮาวอารักขาไปด้วย