ผู้กล้าเหนือกาลเวลา – บทที่ 315 รัชทายาทรัฐม่วงคราม

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 315 รัชทายาทรัฐม่วงคราม

ลมหนาวพัดมาจากทางเหนือ มาพร้อมด้วยความเย็นชานำน้ำค้างแข็งปูมาทั่วพื้น พัดมายังชายขอบป่าที่ระยะทางห่างจากสมาพันธ์แปดสำนักอีกเจ็ดวันแห่งนี้

ฤดูหนาวมาถึงในเสี้ยวขณะนี้เอง

ใบไม้ร่วงหอบม้วนท่ามกลางสายลมแล้วร่วงหล่น สุดท้ายก็แห้งไปพร้อมกับความชื้นที่เหลือ หาหลุมฝังศพของตัวเองเจอ ฝังรวมไปกับดินโคลน ทำให้ดินแข็งขึ้นเรื่อยๆ

โดยเฉพาะในยามราตรี ความหนาวเหน็บนี้ก็เย็นยะเยือกขึ้นอีกหลายส่วน

สวี่ชิงย่อตัว มือถือกริช ตั้งท่าเตรียมพร้อมโจมตี

เขาไม่รู้ว่าครั้งนี้จะหลบซ่อนได้สำเร็จหรือไม่ ตอนนี้ทำได้เพียงแค่สะกดความกังวลในใจลงไปในระดับสูงสุด ทำให้ใจสงบลง ขบคิดว่าทำไมพ่อลูกเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องถึงมาปรากฏที่นี่อย่างพอดิบพอดี และสำนักตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง

กลุ่มคนทั้งสี่คนนั้นนอกจากพ่อลูกเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ระลอกคลื่นพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของคนที่สวมชุดคลุมยาวสีดำทั้งสองคนนั้นสร้างความกดดันให้กับสวี่ชิงอย่างมาก ความรู้สึกอันตรายเป็นตายรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง เลือดเนื้อทั่วทั้งร่างเหมือนกำลังร้องเตือนเขา

โดยเฉพาะเงาร่างหน้าสุดในชุดคลุมยาวสีดำที่สวมหน้ากากเสี้ยวหน้าเทพเจ้าร่างนั้น ทุกที่ที่เดินผ่าน มิติล้วนบิดเบี้ยว

ส่วนคนชุดคลุมยาวสีดำคนที่สองที่อยู่ข้างหลัง เมื่อสวี่ชิงเห็น ใจก็ยิ่งเคร่งเครียด จำกลิ่นอายในตัวของอีกฝ่ายได้ เหมือนจะเป็นคนที่ลงมือกับตนในสำนักเจ็ดเนตรโลหิตเมื่อวันนั้น

ภาพนี้ทำให้สวี่ชิงยิ่งระมัดระวังตัว

และในตอนนี้เอง คนกลุ่มนี้ก็พลันหยุดละงัก

ในลมหนาว คนสวมชุดคลุมยาวสีดำสองคนนั้นและพ่อลูกเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องมองมาทางที่สวี่ชิงซ่อนตัว

รูม่านตาสวี่ชิงหดเล็ก เขารู้ว่าตัวเองหนีไม่รอดแล้วแล้ว ทว่า ยังไม่ทันที่เขาจะเคลื่อนไหวอะไร คนชุดคลุมยาวสีดำที่สวมหน้ากากเสี้ยวหน้าเทพเจ้าจู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมา ดึงสายตากลับมา แล้วเดินจากไปไกล

แต่ถังหูลู่ไม้นั้นและแผ่นหยกแผ่นหนึ่งลอยออกมาจากมือเขา แล้วมาร่วงลงบนหญ้าแห้งข้างหน้าสวี่ชิง

ในตอนที่สายตาของสวี่ชิงจ้องเพ่ง เงาร่างของคนกลุ่มนั้นก็กายไปในราตรีมืดเวิ้งว้าง หายไปไร้ซึ่งร่องรอย

สวี่ชิงขมวดคิ้ว เขารู้ว่าเมื่อครู่ตนถูกพบตัวแล้ว แต่อีกฝ่ายไม่เพียงแต่ไม่ลงมือเท่านั้น แต่ยังโยนของสองชิ้นมาอีกด้วย

เรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล

ในดวงตาสวี่ชิงฉายแววคร่ำเคร่ง นานหลังจากนั้นเขาถึงก้มหน้ามองไปยังถังหูลู่และแผ่นหยกที่อยู่บนพื้น มองประเมินอย่างละเอียด

สุดท้ายก็ไม่สนใจถังหูลู่ไม้นั้น แต่กลับหยิบแผ่นหยกชิ้นนั้นขึ้นมาหลังจากที่ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีปัญหา ทั้งยังสวมถุงมือไว้ด้วย

หลังจากตรวจดูอีกครั้งในมือ สายตาของสวี่ชิงก็ฉายแววเด็ดเดี่ยว เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ชอบมาพากล และคำตอบเห็นได้ชัดว่าอยู่ในแผ่นหยก ดังนั้นจึงแผ่ประสาทรับรู้ออกมาตรวจดู

ในสมองมีข้อความชุดหนึ่งลอยขึ้นมาทันที

“น้องพี่ ไม่เจอกันนานเลย”

หกตัวอักษรนี้ทำให้จิตใจของสวี่ชิงสั่นสะท้าน ในดวงตาฉายแววไม่อยากเชื่อออกมา หัวใจเต้นเร็วขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่อาจควบคุมได้ รีบอ่านต่อไปทันที

“เจ้าน่าจะรู้ว่าข้าเป็นใคร ความจริงสิ่งที่ข้าคิดถึงที่สุดก็คือภาพฉากทุกภาพในตอนที่พวกเราเป็นเด็ก

“ชาติที่แล้วข้ามีพี่น้องมากมาย แต่ไม่ได้สัมผัสกับความอบอุ่นบนโลกสักเท่าไร สิ่งที่ได้เจอล้วนเป็นความเย็นชาและแผนการ ไม่ว่าจะเป็นเสด็จพ่อหรือพี่ชายพี่สาวน้องชายน้องสาวพวกนั้น ล้วนเหมือนกันหมด

“ดังนั้นชาตินี้ข้าจึงคิดถึงมาก ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อท่านแม่ หรือเป็นเจ้า…โดยเฉพาะเจ้าที่ชอบร้องไห้ขี้มูกโป่ง”

สวี่ชิงร่างสั่นเทิ้ม ลมหายใจหอบถี่ทันที กำแผ่นหยกสื่อเสียงเอาไว้แน่น ข้างหูมีเสียงวิ้งดังสะท้อน เขาพลันเงยหน้ามองไปทางที่คนกลุ่มนั้นหายไป ในใจมีคนชุดคลุมยาวสีดำสวมหน้ากากเสี้ยวหน้าเทพเจ้าคนนั้นผุดขึ้น

และข้อความในแผ่นหยกก็ยังคงปรากฏขึ้นในหัว

“แต่ในเสี้ยวขณะที่ความทรงจำชาติที่แล้วของข้าตื่นขึ้น หากข้าไม่สังเวยเมืองที่สมบูรณ์เมืองหนึ่ง ทำพิธีต่อเทพเจ้า ข้าก็ไม่อาจเกิดใหม่ได้ จะต้องเหี่ยวแห่งตายไป

“ข้าในตอนนั้นอยู่กลางท้องฟ้าที่ฝนเลือดโปรยปราย นั่งมองเจ้าที่นั่งอยู่กลางโคลนเลือดและซากศพ ร้องไห้ทั้งยังช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ร้องเรียกหาท่านพ่อท่านแม่ ความจริงข้าดีใจมากที่เจ้าโชคดีรอดมาได้ อยากจะเดินไปข้างหน้าเจ้า ลูบหัวเจ้า บอกเจ้าว่า น้องพี่อย่าร้องไห้

“ถังหูลู่นั่นข้าเห็นระหว่างทาง นึกได้ว่าเจ้าชอบกินเลยซื้อให้เจ้า”

“สำนักเจ็ดเนตรโลหิตไม่เป็นอะไร เจ้ายอดเขาหกฆ่าไป๋ลี่ ข้าให้นกเขาราตรีไปเอาชีวิตเขามา ชีวิตหนึ่งแลกชีวิตหนึ่ง ย่อมสมเหตุผล

“และข้าส่งจดหมายหาเจ้าครั้งนี้คืออยากบอกเจ้าว่า ศพของท่านพ่อท่านแม่ ข้าได้ฝังไว้ที่เขาประกายอรุณที่เขตปกครองผนึกสมุทร หากเจ้ามีเวลาก็ไปเยี่ยมพวกเขาได้

“ข้าไปแล้ว สวี่ชิง อย่าได้พบกันอีก”

ในหัวสวี่ชิงมีสายฟ้าฟาดผ่าเปรี้ยง ในดวงตาสับสนงุนงง จากนั้นหน้าอกก็กระเพื่อมขึ้นลง จิตใจว่างเปล่า

“ท่านพ่อ ท่านแม่…นายท่านหก…”

ข้อความในแผ่นหยกมากะทันหันนัก เขารู้สึกไม่ค่อยจะความจริง ระลอกคลื่นในใจซัดกระหน่ำ แล้วค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นคลื่นยักษ์ท่วมฟ้า

สิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นคือความเจ็บปวดหัวใจที่ยากจะบรรยายหลอมละลายไม่หยุด ท่วมจมทั่วทั้งร่าง

เขาไม่เชื่อเนื้อหาในแผ่นหยกแผ่นนี้โดยสัญชาตญาณ แต่สิ่งที่พูดในนั้นก็เป็นจริงเสียยิ่งกว่าอะไร นายท่านหกแตกดับไปแล้วจริงหรือไม่กลับไปก็รู้ แค่เรื่องของพ่อแม่และเรื่องในอดีตของตัวเองเขาไม่เคยบอกใคร

ความจริงเขารู้ตั้งนานแล้วว่า พ่อแม่ของตนไม่มีทางรอดจากคราวเคราะห์เมื่อสิบสามปีก่อนได้เลย แต่เขาก็ยังให้ความหวังกับตัวเองมาตลอด ตอนนี้เขาไม่อาจหลอกตัวเองต่อไปได้แล้ว

สำหรับนายท่านหก…ในสมองสวี่ชิงมีภาพในอดีตผุดขึ้น ชายชราที่ปกติถือกาเหล้าอยู่ตลอด ลูกตาย ภรรยาตาย อุปสรรคตลอดทั้งชีวิต แต่สวี่ชิงก็ยังจำการคุ้มครองที่อีกฝ่ายให้ตนได้

การคุ้มครองของนายท่านหกไม่เหมือนกับนายท่านเจ็ด

นายท่านเจ็ดแข็งแกร่งเกรียงไกร รับลูกศิษย์ในใต้หล้าสร้างอำนาจความน่าเกรงขาม ประดุจหอกยาวแทงทะลุชั้นเมฆ

แต่นิสัยและประสบการณ์ในอดีตของนายท่านหกทำให้การคุ้มครองของเขาไปในทางเงียบๆ ไร้สุ้มเสียงมากกว่า เหมือนโล่ที่ไร้เหลี่ยมไร้คม มอบพื้นที่ถอยหลังตั้งหลักให้สวี่ชิง

ใต้ฟ้าดินอันเย็นชา ในโลกที่โหดเหี้ยม การเอาใจใส่ปกป้องที่ไร้เสียงนี้ สวี่ชิงให้ความสำคัญอย่างมาก

ในคืนฤดูหนาวอันหนาวเน็บ คนที่เป็นห่วงเขา มอบความอบอุ่นให้เขา ให้เตาผิงกับเขา ในชีวิตนี้เขาได้พบเจอไม่มาก ทุกคนเขาล้วนแต่หวงแหน

แต่ หัวหน้าเหลยจากไปแล้ว ปรมาจารย์ไป่จากไปแล้ว ตอนนี้นายท่านหกก็จากไปแล้วเช่นกัน

และเมื่อคิดถึงพ่อแม่ ในใจสวี่ชิงยิ่งเจ็บปวด ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้

แผ่นหยกในมือเขาถูกบีบแหลกละเอียด เศษแหลมคมมากมายแทงเข้าไปในเลือดเนื้อที่ฝ่ามือของเขา

เลือดสดๆ อาบย้อมเศษแผ่นหยกพวกนี้ แล้วไหลรินมาตามง่ามนิ้ว หยดไปบนหญ้าแห้งบนพื้น

ลมเหมันต์พัดมา ขณะที่พัดมาอย่างรวดเร็ว เกล็ดหิมะก็โปรยปรายลงมาพร้อมด้วยหยดฝน สาดมาบนร่างสวี่ชิง ท่ามกลางความหนาวเย็นเสียดกระดูกที่รุกรานมา เสียงคำรามกึกก้องจากสายฟ้าก็ฟาดผ่าผืนนภา สาดแสงสะท้อนเงาร่างที่สั่นสะท้านอย่างรุนแรงในราตรีมืดของเขา

เสี้ยวขณะต่อมา จากสายฟ้าที่หายไป ฟ้าดินกลับมามืดมิดอีกครั้ง ร่างของสวี่ชิงกลืนไปในเงามืด สลัวรางเลือนไป

นานหลังจากนั้น ภายใต้การส่องสะท้อนของสายฟ้าที่ฟาดผ่าผืนนภา เงาร่างของสวี่ชิงก็ชัดเจนขึ้นมาในความมืดอีกครั้ง

เลือดที่กระอักออกมาจากปากของเขาผสมไปกับหยาดฝนหิมะที่ตกลงมา ในยามที่มันหยดลงพื้น ร่างของสวี่ชิงก็ยืนหยัดต่อไปไม่ไหวอีกต่อไป โซซัดโซเซกึ่งคุกเข่าลงมา

หิมะและฝนหยดตกลงบนผมของเขา บนบ่า บนหน้า แยกไม่ออกว่าใช่น้ำตาหรือไม่ ไหลลงบนพื้น

สวี่ชิงหันไปมองทางที่คนชุดคลุมยาวสีดำกลุ่มนั้นหายไปอย่างยากลำบาก เขามองอยู่นาน

สุดท้าย เขาก็ค่อยๆ เปิดถุงเก็บของ หยิบเอาแผ่นไม้ไผ่ในนั้นออกมา ด้านหนึ่งของแผ่นไม้ไผแผ่นนี้สลักชื่อเอาไว้มากมาย โดยพื้นฐานก็ถูกขีดทิ้งไปหมดแล้ว

ทุกชื่อที่ขีดทิ้งหมายความว่าตายไปแล้ว

ฝนหิมะเย็นเยียบตกมาบนหน้า ไหลรวมเป็นหยาดหยด ในยามที่มันกลายเป็นเส้นสายน้ำไหลริน สวี่ชิงหยิบเอาเหล็กแหลมออกมา แล้วสลักไปบนแผ่นไม้ไผ่ทีละขีด ทีละเส้นเป็นตัวอักษร

รัชทายาทรัฐม่วงคราม

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

Status: Ongoing
เมื่อเขากลายเป็นผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียวในเมืองที่ถูกพลังของเทพเจ้าทำลายล้าง…รายละเอียดกำลังภายใน-เทพเขียนเรื่องใหม่จากนักเขียนชื่อดัง ‘เอ่อร์เกิน’ ผู้เขียน ‘หนึ่งความคิดนิจนิรันดร์’ ‘สู่วิถีสุรา’ ฟื้นลิขิตฟ้าข้าขอเป็นเขียน’ ‘หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา’ เมื่อเทพเจ้าลืมตาจับจ้องมา โลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลง ไอพลังประหลาดกระจัดกระจายไปทั้งโลกมนุษย์ เกิดการกลายพันธุ์ต่อสรรพชีวิตบนโลก ‘สวี่ชิง’ เด็กหนุ่มผู้รอดชีวิตใช้ชีวิตเพียงลำพัง ดิ้นรนเอาตัวรอดจากอสูรร้ายและไอพลังประหลาดได้พบกับพลังวิเศษ แต่ในโลกกลียุคเช่นนี้ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะมีชีวิตรอด เพื่อที่จะแก้แค้นให้กับคนที่รัก เพื่อตามหาครอบครัวที่อาจจะมีชีวิตอยู่ที่ใดสักแห่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ . . . เขาต้องรอด!!!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท