เมื่อหวงเสี่ยวหลงบอกว่าเขาจะออกเดินทางในอีก 1 เดือนหลังจากนี้ ใบหน้าของซูหยานก็ดูดีขึ้นมาหน่อย
ดังนั้น ในเดือนต่อมา หวงเสี่ยวหลงจึงมุ่งมั่นในการทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 เขาจึงได้ใช้เวลาบ่มเพาะในหุบเขาเทวะซูมี่
นอกจากเคล็ดวิชาซูมี่เทวะ เคล็ดวิชาเทพอสูร และพระคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น หวงเสี่ยวหลงก็ตั้งใจฝึกเคล็ดวิชาเชิดหุ่นโบราณและบัญญัติวิญญาณของไข่มุกวิญญาณ ทั้งสองนั้นเป็นวิชาที่สำคัญมากสำหรับหวงเสี่ยวหลง
การนำเคล็ดวิชาเชิดหุ่นโบราณกับบัญญัติวิญญาณมารวมกันนั้น หวงเสี่ยวหลงเชื่อว่าเขาจะสร้างและควบคุมกองทำขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากนักรบระดับเซียนเทียน
ด้วยความแข็งแกร่งของหวงเสี่ยวหลงในปัจจุบันนั้น เขาสามารถสำเร็จเคล็ดวิชาเชิดหุ่นในขั้นแรกใน 3 เดือน และในเวลานั้นเขาก็จะสามารถปรับแต่งหุ่นเชิดระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 บางทีอาจจะสามารถปรับแต่งขั้นที่ 7เลยก็ได้!
ไม่ใช่แค่นั้น บัญญัติวิญญาณนั้นก็ยังสามารถควบคุมผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 และ7 ได้เหมือนกันอีกด้วย ในอนาคตเมื่อหวงเสี่ยวหลงเลื่อนระดับเข้าสู่ระดับเทวะ บางทีเขาอาจะสามารถควบคุมผู้ฝึกตนระดับเทวะก็ได้!
เวลาได้ไหลผ่านไปราวกับน้ำ ซึ่ง20วันนั้นได้ผ่านไปอย่างเงียบๆ
หวงเสี่ยวหลงนั้นได้แบ่งเวลาส่วนใหญ่ 20 วันนั้นใช้ไปกับการบ่มเพาะภายในและวิหารซูมีและที่เหลือนั้นก็ใช้เวลาไปกับครอบครัวรวมไปถึงน้องชายของเขา ซึ่งเขาได้ให้คำแนะนำในการบ่มเพาะของแต่ละคน ด้วยการถูกจำกัดไว้ด้วยศักยภาพของจิตวิญญาณต่อสู่ของแต่ละคน มันก็แทบจะมีโอกาสเป็นศูนย์ที่หวงเผิง ซูหยานและหวงเสี่ยวไห่จะก้าวเข้าสู่ระดับเซียนเทียน แต่หวงเสี่ยวหลงมั่นใจว่าเขานั้นสามารถในสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้
ในอนาคต เขาจะทำให้แน่ใจว่า พ่อแม่ น้องสาว น้องชายของเขาจะเลื่อนระดับเข้าสู่ระดับเซียนเทียน ถ้าอยู่ในระดับเทวะแล้วไม่สามารถทำได้หล่ะก็ งั้นเขาก็จะพยายามอย่างหนักเพื่อทะลวงเข้าสู่ระดับที่สูงขึ้นไปอีก
เหนือระดับเทวะไปนั้น มีแต่ตัวตนที่ทรงพลังทั้งนั้น
ใน 20 วันสุดท้าย ปราณใต้พิภพ ปราณมังกรที่แท้จริง และปราณพุทธะนั้นเดือดนพล่านอย่างไร้จุดจบ ในขณะที่เหลือทะเลปราณของเขานั้น มีร่าง 3 ร่าง คืออัครทูตปีศาจ มังกรทอง และพระพุทธสีทองที่ดูชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงบ่มเพาะ หายใจเข้าออกอยู่นั้น บัญญัติทั้ง 3 ที่ได้สร้างร่างขึ้นนั้นก็ได้ดูดซับปราณจากช่องว่างมิติ
มังกรคู่ฟ้าและกำได้บินโฉบเฉี่ยวเหนือตัวหวงเสี่ยวหลงและกู่ร้องคำรามออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในขณะที่เกร็ดมังกรของพวกมันนั้นเปล่งประกายแสงเรืองรองออกมา ซึ่งมังกรคู่พวกนี้นั้นได้พัฒนาจนกลายเป็นมีตัวตนจริงๆขึ้นมา ในขณะที่บินโฉบเฉี่ยวด้านหลังหวงเสี่ยวหลงนั้น พวกมันก็ดูราวกับภูเขาสีดำและสีฟ้าอันยิ่งใหญ่ที่ดูน่าเกรงขาม
ในวันนี้ หวงเสี่ยวหลงได้เริ่มการบ่มเพาะเหมือนกับที่เขาทำตลอดมา พอกลืนโอสถทิพย์จักวาล เขาก็ก้าวเข้าไปในข่ายอาคมพระพุทธ 10 องค์ที่อยู่ใจกลางห้องโถงของวิหารและเริ่มฝึกเคล็ดวิชาซูมี่เทวะในขณะที่ฝึกเคล็ดวิชาเทพอสูรและพระคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นไปด้วยในเวลาเดียวกัน
หลังจากผ่านไปหลายเดือนตั้งแต่ที่เขาบ่มเพาะภายในจ่ายอาคมพระพุทธ 10องค์ หวงเสี่ยวหลงก็สังเกตเห็นผลที่ได้รับเพิ่มเติม นอกจากการเชื่อมต่อกับปราณพุทธะในโลกพุทธะ ข่ายอาคมพระพุทธ 10 องค์ ก็ทำให้คนที่บ่มเพาะในสถานะจิตว่างเปล่า พอเข้าสู่สถานะนี้แล้ว ดูเหมือนว่าการบ่มเพาะของหวงเสี่ยวหลงจะราบรื่นและเร็วมากขึ้น
ทุกครั้งที่เขาบ่มเพาะเสร็จ หวงเสี่ยวหลงก็สัมผัสได้ว่าร่างกายและจิตวิญญาณของเขานั้นได้รับการชำระอีกครั้งราวกับพิธีชำระล้าง
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงฝึกฝนการหายใจอยู่นั่น ปราณใต้พิภพ ปราณมังกรที่แท้จริง และปราณพุทธะนั้นก็ได้ไหลเวียนไปมาในเส้นลมปราณ แต่ทว่าในทะเลปราณของเขานั้น พลังงานทั้งสามกลับดูหนาแน่นขึ้น
พลังงานอันทรงพลังทั้ง 3 นั้นได้พุ่งเข้าชนสิ่งกีดขวางสู่ขั้นที่ 6 ซึ่งผลนั้นทำให้จิตวิญาณและร่างกายของเขานั้นเจ็บปวดที่กระจายไปทั่วร่างกายราวกับถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นๆ
หวงเสี่ยวหลงรู้ว่ามันถึงเวลาแล้ว ดังนั้นเขารวบรวมสมาธิจากนั้นเขาก็พยายามอดกลั้นความเจ็บปวดที่กระจายไปทั่วร่างกาย
ความเจ็บปวดราวกับฉีกกระชากนั้นเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในขณะที่หวงเสี่ยวหลงอดกลั้นและพยายามทะลายกำแพงขวางกั้นระหว่างระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 ครั้งแลว้ครั้งเล่า
พออยู่ในระดับเซียนเทียนนั้น โดยเฉพาะระดับเซียนเทียนขั้นกลาง ทุกๆระดับนั้นราวกับการปีนภูเขา ความเจ็บปวดที่เขาได้รับนั้นเป็นสิบ เป็นร้อยเท่าตอนที่เขาอยู่ในระดับโฮ่วเทียน และแม้กระทั่งคนที่มีความตั้งใจอันแข็งแกร่งอย่างหวงเสี่ยวหลงก็ยังต้องกัดฟันทนรับความเจ็บปวดที่ราวกับถูกฉีกกระชากวิญญาณ
เวลาผ่านไปสักพัก และจู่ๆ ร่างกายของหวงเสี่ยวหลงก็สั่นไหวในขณะที่มีเสียงแตกหักดังขึ้นจากภายใน จากนั้นก็ได้มีแสงทั้ง 3 ระเบิดออกมาจากร่างของหวงเสี่ยวหลง ซึ่งมันส่องสว่างไปทั่ววิหารซูมี่
ขั้นที่ 6 ในที่สุดเขาก็ทะลวงผ่าน!
ปราณใต้พิภพ ปราณมังกรที่แท้จริง และปราณพุทธะต่างก็พุ่งเข้าเส้นลมปราณเซียนเทียนขั้นที่ 6ของหวงเสี่ยวหลง
จากนั้นได้มีแสงเป็นกระกายขึ้นจากมังกรคู่ที่บินอยู่ข้างบน ซึ่งเกล็ดมังกรของพวกมันได้ร่วงหล่นราวกับใบไม้ผลิและงอกขึ้นใหม่ในขณะที่ร่างกายของพวกมันใหญ่ขึ้นทุกครั้งที่หวงเสี่ยวหลงทะลวงขั้น
หวงเสี่ยวหลงก็ได้ไหลเวียนปราณตามเคล็ดวิชา เคล็ดวิชาเทพอสูร และพระคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น จากนั้นหยุดลงเมื่อมีสัญญาณการทะลวงขั้นเมื่อครู่นั้นเริ่มมั่นคงแล้ว เขาจึงได้ส่งสัมผัสวิญญาณไปตรวจสอบร่างกาย ซึ่งทำให้หวงเสี่ยวหลงมีความสุขมากที่เขาได้พัฒนาขึ้น! พอมาถึงระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 เซียนเทียนขั้นที่ 7ก็ไม่ไกลเกินเอื้อม
ตราบใดที่เขาทะลวงเข้าสู่ขั้นที่ 7 เขาก็จะกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นสูง! ไม่ว่าจะอยู่ในอาณาจักรใหน ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนนั้นมีสถานะที่สูงส่ง
อย่างไรก็ตาม หวงเสี่ยวหลงก็ไม่รีบจะเดินทางไปดินแดนแห่งความโกลาหลอย่างทันที ซึ่งเขาได้ใช้เวลาอยู่กับครอบครัว หลังจากที่เธอแต่งงานเข้าตระกูลกั่วไปแล้วน้องสาวของเขา หวงหมินก็มักเดินทางมาเยี่ยมเยียนที่คฤหาสน์เนินเขาทิศใต้อยู่บ่อยครั้ง
พอมองเห็นคู่ใหม่ปลามันแสดงท่าทางหวานแหววหวงเสี่ยวหงก็รู้สุขกับพวกเขาไปด้วย ซึ่งน้องสาวของเขานั้นเลือกคนถูกจริงๆ
แต่คู่รักคู่นี้ก็ทำให้หวงเสี่ยวหลงคิดถึงหลี่หลู่ สาวงามที่แต่งในสีขาวอันสง่างามที่เผยให้เห็นแก้มอันน่ารักเมื่อเธอยิ้ม อย่างหักห้ามใจไม่ได้
‘สงสัยจังว่าตอนนี้เธอกำลังทำอะไรอยู่กันนะ…’หวงเสี่ยวหลงก็ครุ่นคิดขึ้น
10 วันผ่านไป
ในช่วง 10 วันนี้ หวงเสี่ยวหลงก็ปรับรากฐานจากการทะลวงระดับให้มั่นคงและรวมไปถึงการพัฒนาขึ้นในเคล็ดวิชาเชิดหุ่นโบราณและบัญญัติวิญญาณของเขาด้วย ตามที่หวงเสี่ยวหลงคาดการณ์ไว้ที่แรก เขานั้นจะต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดินเพื่อที่เคล็ดวิชาเชิดหุ่นโบราณของเขานั้นจะเข้าสู่ระดับแรก แต่เพียงแค่ 2 เดือนผ่านไป เขาก็เคล็ดวิชาเชิดหุ่นโบราณนั้นก็สำเร็จในระดับแรกแล้ว
“ได้เวลาไปดินแดนแห่งความโกลาหลแล้วสิ”ในวันนี้หวงเสี่ยวหลงก็ได้ออกจากวิหารซูมี่ซึ่งเขาได้พึมพำกับตัวเองไปด้วย
ดินแดนแห่งความโกลาหล!
นอกจากการซื้อหินจิตวิญญาณระดับ 1 ในดินแดนแห่งความโกลาหลแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็มีอีกเป้าหมายหนึ่ง ก็คือ การสร้างขุมกำลัง ซึ่งเป็นขุมกำลังที่เป็นของเขาเองอย่างแท้จริง
หวงเสี่ยวหลงนั้นได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะสร้างอาณาจักรใหม่อันทรงพลังด้วยมือของเขาเอง
และดินแดนแห่งความโกลาหลนี่ก็เป็นตัวเลือกที่ดี มันจะไม่อยู่ในสายตาของทวีปทั้ง 3 ซึ่งมันจะช่วยไม่ให้มีปัญหาข้อขัดแย้งกับอาณาจักรอื่นๆ
ในห้องโถงหลัก เมื่อซูหยานได้ยินว่าหวงเสี่ยวหลงกำลังจะเดินทางไปดินแดนแห่งความโกลาหล นอกจากนี้เขายังไปคนเดียว ทำให้เธอพูดออกมาจากปากว่า “หลงเอ๋อ เจ้าต้องการไปดินแดนแห่งความโกลาหลคนเดียวงั้นหรือ?! ไม่ได้เด็ดขาด!”
เรื่องเกี่ยวกับดินแดนแห่งความโกลาหลนั้น ซูหยานเคยได้ยินมาจากจ้าวชูและจางชู เธอรู้ว่ามันเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยฆาตกร พวกป่าเถื่อน และชั่วร้าย
“ใช่แล้วนายน้อย มันอันตรายในการเดินทางไปคนเดียว ไม่ว่าจะเป็นข้าหรือจางฟู จะต้องมีพวกเราคนใดคนนึงไปกับนายน้อยด้วย!”จ้าวชูพยายามจะโน้มน้าว
จางฟูก็พูดตาม “ถูกแล้วนายน้อย ดินแดนแห่งความโกลาหลนั้นแตกต่างจากอาณาจักรพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ แม้กระทั่งผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ก็สามารถเสียชีวิตได้ทุกที่ทุกเวลา”
หวงเสี่ยวหงก็ยืนกราน “ไม่ต้องพูดอีกต่อไป ข้าได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเดินทางไปคนเดียว” เขาต้องการใช้เวลาในการเดินทางครั้งนี้ขัดเกลาตัวเองแล้วเขาจะไม่รู้ว่ามันเสียงอันตรายได้อย่างไร? นอกจากนี้ การมีอยู่ของจ้าวชูและจางฟูนั้นใช่ว่าจะสามารถการันตีได้ว่าจะปกป้องเขาได้ทุกครั้ง
เมื่อหวงเผิงและซูหยานต้องการจะพูดออกมาอีก หวงเสี่ยวหลงก็หัวเราะออกมาเบาๆ “ท่านพ่อ ท่านแม่ อย่างกังวลไป ข้าเป็นถึงเจ้าของหุบเขาเทวะซูมี่ ข้าไม่ตายง่ายๆหรอก”
ตำนานได้กล่าวไว้ว่า เจ้าของหุบเขาเทวะซูมี่นั้นจะได้รับการคุ้มครองจากพลังลึกลับและจะไม่มีทางตกตายอย่างง่ายดายแน่นอน