บทที่ 1342 ความตกต่ำของหงซื่อ
บทที่ 1342 ความตกต่ำของหงซื่อ
หงซื่อคุ้นเคยกับการปฏิบัติตัวเป็นนายหญิง นางไม่เคยได้รับการปฏิบัติอย่างเย็นชาเช่นนี้มาก่อน จึงตะโกนใส่สาวใช้ด้วยความโกรธ “คนล่ะ คนอยู่ที่ไหน เหตุใดถึงไม่มารินน้ำให้ข้า”
หลังจากตำหนิอย่างไม่พอใจก็เห็นสาวใช้เดินบิดผ้าเช็ดหน้ามาอย่างโกรธเคืองโดยไม่สนใจว่าหงซื่อจะยังนอนป่วยอยู่บนเตียง ประตูห้องของนางถูกเปิดออกอย่างแรง ทำให้สายลมพัดผ่านเข้ามา
หงซื่อไอสองครั้ง และครั้งนี้รู้สึกว่าตนเองแสบคอเหลือเกิน
สาวรับใช้คนนั้นไม่แม้แต่จะเอ่ยทักทายหงซื่อ นางเพียงแค่รินน้ำใส่แก้วแล้วยัดใส่มือของหงซื่ออย่างเฉยชา
นางยังพึมพำ “มีแรงด่าคนได้ เหตุใดถึงไม่มีแรงลุกขึ้นมารินน้ำให้ตนเองล่ะ ทำตัวเป็นฮูหยินผู้สู้ศักดิ์ไปได้”
สาวใช้ผู้นั้นยืนเชิดหน้าอยู่ข้างเตียง ถลึงตาจนตาขาวแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า
ปากของหงซื่อแห้งผากและกลอกตาไปที่สาวรับใช้พลางคิดว่าจะดื่มน้ำก่อนแล้วค่อยพูด
หลังจากที่หงซื่อก้มศีรษะลงดื่มน้ำอึกใหญ่ และยังไม่ทันที่จะได้กลืนลงคอ นางก็พ่นมันออกไปทางสาวรับใช้ แล้วขว้างถ้วยชาออกไป “เจ้าคนชั้นต่ำ นี่ชาอะไรเนี่ย?”
“ชาของเมื่อวาน” สาวรับใช้กลอกตาและพูดอย่างเมินเฉย
อันตรายมาก ถ้าน้ำร้อน ๆ นั้นสาดโดนเสื้อตนเอง นางจะมีปัญญาจ่ายเงินชดใช้ไหม?
“ชาจากเมื่อวาน?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ หงซื่อก็โกรธจนแทบระเบิด “เจ้าให้นายหญิงอย่างข้าดื่มชาของเมื่อวานอย่างนั้นหรือ”
ชานี้มีรสฝาดและเย็นเฉียบ
“แล้วท่านคิดว่าอย่างไรล่ะเจ้าคะ?” สาวรับใช้พูดพลางเชิดหน้าขึ้น “ที่บ้านไม่มีใบชาแล้ว นี่คือชาส่วนสุดท้ายที่เหลืออยู่ อีกอย่างท่านก็ไม่ดื่มน้ำเปล่า ดังนั้นจึงเหลือเพียงชาของเมื่อวานไม่ใช่หรือ?”
สาวรับใช้มีสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม ชี้หน้าไปที่หงซื่อและพูดอย่างเมินเฉย
หงซื่อแทบจะเสียสติไปทันที
ดื่มชาที่เย็นแล้วก็ไม่เป็นไร แต่นี่ให้ข้าดื่มก็คือชาของเมื่อวาน
ตอนนี้สาวรับใช้คนนี้สวมชุดสีชมพูพลิ้ว ดูไม่เหมือนสาวรับใช้ธรรมดา เห็นได้ชัดว่านางมาที่นี่เพื่อกวนประสาท
“ถอดเสื้อผ้านี้ออก…” ดวงตาของหงซื่อแดงก่ำเหมือนสิงโตที่โกรธเกรี้ยว แววตาเต็มไปด้วยความโกรธและความริษยาอย่างแรงกล้า
“ข้าไม่ทำ! นี่คือเสื้อผ้าที่ข้าชื่นชอบ” เสี่ยวหงหมุนกายหมายจะเดินออกไปอย่างไม่ใส่ใจและพึมพำอย่างไม่พอใจ
“เจ้าคนชั้นต่ำ เจ้าเป็นแค่สาวรับใช้ แต่กลับมาใส่เสื้อผ้าสีหลากหลายต่อหน้านายหญิง เจ้าอยากตายหรือ!”
ตอนนี้หงซื่อมีสภาพยุ่งเหยิง ผิวซีดเซียวและดวงตาหมองคล้ำ เสื้อผ้าของนางเปียกชื้นเพราะเหงื่ออกตลอดเวลา และร่างกายก็ส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยวออกมา
นางจ้องเขม็งไปที่ชุดสีชมพูของสาวรับใช้ตรงหน้าด้วยไฟที่ลุกโชนในดวงตา
ชุดนี้เป็นชุดโปรดของนางในอดีต สามีบอกว่านางมีเสน่ห์ยิ่งกว่าดอกท้อในฤดูใบไม้ผลิเมื่อนางสวมชุดสีนี้
ทันใดนั้น ภาพของนางที่สวมชุดโปรดนอนอยู่ในอ้อมแขนของสามี และมีแววเสน่หาของอีกฝ่ายเมียงมองมาก็ปรากฏขึ้นในความคิดของนาง
ไม่มีวันแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว
หนึ่งปี… สองปี…
หรือนานกว่านั้น
สาวรับใช้ที่ชื่อเสี่ยวหงแทบจะกระโดดขึ้นเมื่อได้ยิน “นายหญิง ท่านเป็นนายหญิงแบบไหนกัน หญิงชราที่เอาแต่ใจ ท่านคิดจริง ๆ หรือว่านายท่านจะกลับมาชอบท่านอีกครั้ง”
หลังจากได้ยินคำว่านายท่าน หงซื่อก็กระโดดขึ้นจากเตียง “สาวรับใช้ต่ำต้อยอย่างเจ้าอย่ามาพูดเช่นนี้นะ หากเจ้ายังกล้าพูดออกมาอีก ข้าจะฉีกปากเจ้าเป็นชิ้น ๆ”
สาวรับใช้ชื่อเสี่ยวหงยิ้มอย่างเหยียดหยาม มองไปที่นายหญิงแล้วเย้ยหยัน “จะพูดกี่ครั้งแล้วจะทำไม นายท่านกับฮูหยินจ้าวมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน อย่าคิดว่าการที่ได้รับความโปรดปรานจากนายท่านมานานกว่าสิบปีจะสามารถอยู่กับนายท่านไปได้ยันแก่เฒ่า ข้าจะบอกอะไรท่านให้นะ ฮูหยินก็คือฮูหยิน ส่วนท่าน… แม้แต่จะเทียบกับนางบำเรอก็ยังทำไม่ได้”
แม้ว่าสาวรับใช้จะเป็นคนที่จ้าวสวิ่นส่งมาให้รับใช้หงซื่อ แต่นางก็เป็นคนใกล้ชิดกับฮูหยินจ้าว
เมื่อหงซื่อได้ยินสาวรับใช้คนนี้ด่าตัวเอง นางจึงโต้กลับ “หญิงชราใจร้ายนั่นส่งเจ้ามาหรือเปล่า ข้าอยากพบนายท่าน ข้าจะบอกนายท่าน นายท่าน นายท่าน ข้ากำลังถูกสาวรับใช้ต่ำต้อยคนนี้รังแก ทำไมท่านถึงไม่มาดูข้าบ้าง”
หงซื่อกำลังร้องไห้ และเพราะนางไม่สามารถยืนได้อย่างมั่นคง เมื่อนางกระโดดไปข้างหน้า เสี่ยวหงก็หลีกเลี่ยงการทำร้ายของหงซื่อ เมื่อเห็นว่าเสี่ยวหงหลบไป ร่างกายจึงเซถลาล้มลงกับพื้น
นางไม่สามารถลุกขึ้นได้ นางเพียงแค่นอนลงกับพื้นและสาปแช่ง “หญิงชราใจร้าย เจ้าไม่เห็นหรือว่านายท่านรักข้า ให้สาวรับใช้ต่ำต้อยมาทำให้ข้าขุ่นเคืองได้อย่างไร เจ้าคิดว่าการที่มาทำให้ข้าขุ่นเคืองแล้วจะทำให้นายท่านชอบเจ้าอย่างนั้นหรือ เจ้าคนน่าเกลียด เจ้าขวางทางข้า ทำไมเจ้าไม่ไปตายเสียทีล่ะ ฮือ ๆ นายท่าน ท่านตาบอดไปแล้วหรือ ท่านไม่รู้หรือว่าผู้หญิงข้างกายท่านเป็นนางงูพิษ นางทำร้ายข้า นางทำร้ายข้า”
ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นจากนอกประตู จากนั้นมีคนเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ เมื่อหงซื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคย เสียงนั้นหยุดลงกะทันหัน ไม่รู้ว่านางมีเรี่ยวแรงมาจากไหน นางพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง มองคนที่คุ้นเคย แล้วยิ้มทั้งน้ำตา “นายท่าน นายท่าน ท่านมาแล้ว ข้ารู้ว่าท่านยังคงรักข้าอยู่”
มีความปีติยินดีบนใบหน้าของหงซื่อทันที
นางดีใจที่เห็นจ้าวสวิ่นเดินเข้ามาหานาง แต่ก่อนที่นางจะแตะต้องตัวเขา เขาก็ตวัดฝ่ามือลงบนหน้านางอย่างแรง
หงซื่อมองไปที่จ้าวสวิ่นด้วยความไม่เชื่อ โดยกุมใบหน้าครึ่งหนึ่งที่ถูกตบ แววตาของนางฉายความสับสน
“ท่านสามี ท่านตบข้าทำไม”
“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระโดยไม่คำนึงถึงสถานะหรือ หงซื่อ เจ้ากล้ามาก และตอนนี้เจ้าไม่แม้แต่จะเห็นข้าในสายตาด้วยซ้ำ” ทันทีที่จ้าวสวิ่นเข้ามา เขาก็ได้ยินถ้อยคำสาปแช่งของหงซื้อ ด่าตั้งแต่ฮูหยินจ้าวจนมาถึงตัวเอง ผู้หญิงที่กล้าหาญคนนี้กล้าด่าว่าตัวเองตาบอดเลยหรือ
บทที่ 1343 ทุกสิ่งเปลี่ยนไปแล้ว
บทที่ 1343 ทุกสิ่งเปลี่ยนไปแล้ว
หงซื่อผู้นี้กำเริบเสิบสานมากขึ้นเรื่อย ๆ
วันนี้จ้าวสวิ่นรู้สึกอึดอัดไปหมด ยามออกมาตามท้องถนนก็ถูกผู้คนชี้หน้าด่าทอ และเมื่อกลับถึงบ้านก็ถูกคนปากร้ายคนนี้ด่าลับหลัง
นี่มันแย่เอาเสียมาก ๆ
“ข้าตาบอด ข้าตาบอด ตอนนั้นข้าควรจะเตะเจ้าให้ตายตกไปเสีย” จ้าวสวิ่นโกรธมากจนแทบจะเป็นลม
เขาเคยคิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลก ไม่เพียงแต่มีภรรยาที่งดงาม แต่เขายังมีลูกที่เชื่อฟังอีกสองคน ดังนั้นจึงไม่อยากกลับบ้านไปหาฮูหยินของตนเอง
เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าคนที่เข้าใจตัวเองได้ดีที่สุดก็คือภรรยาของตัวเอง
ผู้หญิงและลูกที่เขาให้ค่ามากที่สุด กลายเป็นคนผลักตัวเองลงไปในเหว เมื่อเกิดเรื่องร้ายกับครอบครัวจึงได้รู้ธาตุแท้ของคน
จ้าวสวิ่นกำลังจะหลั่งน้ำตาออกมา เมื่อมองหงซื่อที่อยู่ตรงหน้า เขาก็พยายามกลั้นลูกสะอื้น ชี้ไปที่หงซื่อและตะโกนเสียงดัง “นางแพศยา พวกเจ้าทำให้ตระกูลจ้าวของเราเสื่อมเสีย ข้าจะฆ่าเจ้า”
หลังจากจ้าวสวิ่นพูดจบ เขาก็ก้าวไปข้างหน้าและยกเท้าขึ้นเตรียมเตะไปที่หงซื่อ ฮูหยินจ้าวที่อยู่ข้างหลังเห็นมันอย่างชัดเจน นางจึงรีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อคว้าตัวจ้าวสวิ่นไว้และพูดอย่างปลอบโยน “สามี อย่าโกรธเลย หากเกิดอะไรขึ้นมาคงจะไม่ดี”
ฮูหยินจ้าวลูบไล้หน้าอกของจ้าวสวิ่นเพื่อเอาใจ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความกังวลและสงสาร “ถ้าท่านโกรธแล้วเป็นอะไรขึ้นมา ท่านจะให้ข้าและชงเอ๋อร์ทำอย่างไร พวกเราต้องพึ่งพาท่านนะ”
ความอ่อนโยนในดวงตาสวยงามราวกับความฝัน
หัวใจของจ้าวสวิ่นอ่อนลงในทันที เขาจับมือฮูหยินจ้าวอย่างขอบคุณและพูดอย่างเป็นทุกข์ “เป็นเวลาหลายปีแล้ว คนที่เข้าใจและสงสารข้ามากที่สุดก็คือเจ้า หลายปีมานี้ข้าสับสน ข้าต้องขอโทษเจ้ากับชงเอ๋อร์ด้วย”
หลังจากพูดจบ น้ำตาของเขาก็ไหลออกมา
เขารู้สำนึกแล้วจริง ๆ
หงซื่อดูฉากนี้อย่างกระตือรือร้น และมันดูคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
ในเวลานั้น จ้าวสวิ่นกล่าวหาว่าในตระกูลมีสตรีชั่วร้าย ตอนนี้นางกลายเป็นเช่นนั้นหรือ แค่สถานะนี้เปลี่ยนไปเร็วเกินไป เมื่อก่อนคนที่ท่านสามีเคยพูดแบบนี้ด้วยไม่ใช่นางหรอกหรือ?
ทำไมตอนนี้ทุกอย่างถึงเปลี่ยนไป
หงซื่อไม่พอใจ
ทันใดนั้น นางก็ชี้ไปที่เสี่ยวหงที่อยู่ข้าง ๆ แล้วตะโกนเสียงแหบพร่า “สามี นางชั้นต่ำคนนี้ต้องการให้ข้าตาย นางต้องการให้ข้าตาย! นางเอาชาจากวันก่อนมาให้ข้าด้วย นางพยายามจะฆ่าข้า!”
“ดื่มชาของเมื่อวานแล้วอย่างไร?” หงซื่อยังคงสร้างเรื่องวุ่นวาย จ้าวสวิ่นตะโกนด้วยความโกรธ “ข้าได้ลดค่าใช้จ่ายของเจ้าที่นี่แล้ว และจากนี้ไป เรื่องใหญ่และเล็กทั้งหมด ฮูหยินจะดูแลทุกอย่าง ดังนั้นอย่าสร้างปัญหา ถ้าฮูหยินไม่พอใจ ข้าสามารถไล่เจ้าออกไปได้ทุกเมื่อ”
ว่าอย่างไรนะ
หงซื่อนั่งลงบนพื้นทันที นางอยู่ในอาการตกตะลึง
นางเงยหน้าขึ้นมองฮูหยินจ้าวอย่างมึนงงและเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของฮูหยินจ้าว แต่การเสียดสีในดวงตาของนางไม่สามารถซ่อนได้
นับจากนี้ต่อไป สถานที่แห่งนี้จะถูกจัดการโดยฮูหยิน และค่าใช้จ่ายทุกอย่างจะถูกลดลง
“นายท่าน นายท่าน ไม่ ไม่ ไม่ ท่านทำสิ่งนี้ไม่ได้” หงซื่อยังไม่ได้สติ ทำแบบนี้ไม่ได้ นี่จะไม่เลวร้ายไปกว่าการตายหรอกหรือ?
จ้าวสวิ่นคร้านที่จะพูดเรื่องไร้สาระกับนาง และเขาก็ไม่อยากฟังสิ่งที่หงซื่อพูดอีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงถามตรง ๆ “สิ่งที่เจี๋ยเอ๋อร์ทำ เจ้าเป็นคนคิดใช่หรือไม่”
เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ จ้าวสวิ่นก็เข้าใจเรื่องทั้งหมดว่าหงซื่อรู้เรื่องนี้ด้วย
จ้าวสวิ่นโกรธจัดและเตะนางไปหนึ่งที “สารเลว หญิงชั่วร้าย ตระกูลจ้าวถูกเจ้าทำลาย นางผู้หญิงชั่ว”
จ้าวสวิ่นทั้งทุบตีเตะต่อย เดิมทีหงซื่อร่างกายผอมแห้งและอ่อนแอ ดังนั้นนางจะทนเรี่ยวแรงของจ้าวสวิ่นได้อย่างไร
นางนอนเรียกร้องหาท่านพ่อท่านแม่อยู่ที่พื้น
ฮูหยินจ้าวมองไปที่อีกฝ่ายอย่างเย็นชาจากด้านข้าง นางเฝ้าดูหงซื่อถูกทุบตีเช่นนี้โดยไม่พูดอะไรสักคำ
จนกระทั่งหงซื่อถูกทุบตีและนอนนิ่งอยู่บนพื้นราวกับว่าตายแล้ว จ้าวสวิ่นจึงหยุด หากแต่ปากยังคงสาปแช่ง “หญิงสารเลว แท้จริงแล้วเจ้ายุยงให้เจี๋ยเอ๋อร์และอวิ๋นเอ๋อร์ทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้ พวกเขาจะมีแม่อย่างเจ้าได้อย่างไร หงซื่อ นับจากนี้เจ้าไม่ใช่แม่ของเจี๋ยเอ๋อร์และอวิ๋นเอ๋อร์อีกต่อไป เจ้าอยู่ที่นี่ดูแลตัวเองก็แล้วกัน”
จ้าวสวิ่นยังคงโกรธเคือง หลังจากพูดจบก็เตะหงซื่ออีกหลายครั้งก่อนจะหันหลังกลับและจากไป
เมื่อเขาเดินไปที่ประตู เขาก็ยังไม่ลืมที่จะสั่ง “จับตาดูนางไว้ อย่าปล่อยให้นางออกไปข้างนอกและอย่าให้คุณชายหรือคุณหนูมาพบนางเด็ดขาด”
คนรับใช้ที่ประตูรีบพยักหน้า
ในเวลานี้สติของหงซื่อฟื้นคืนกลับมาเล็กน้อย และเมื่อนางได้ยินคำสั่งของจ้าวสวิ่น นางก็ตะโกนอย่างอ่อนแรง “นายท่าน ข้าอยู่กับท่านมาหลายปีแล้ว นายท่านจะปฏิบัติต่อข้าแบบนี้ไม่ได้ ข้าจริงใจต่อท่านและลูก ท่านจะปฏิบัติกับข้าแบบนี้ไม่ได้”
หงซื่อตะโกนด้วยน้ำตานองหน้า น่าเสียดายที่จ้าวสวิ่นจากไปแล้ว เหลือเพียงฮูหยินจ้าวที่มีใบหน้าที่เย้ยหยัน ฮูหยินจ้าวตรงหน้านางแต่งกายด้วยชุดสีแดงสด ดูภูมิฐานและมีเกียรติ
แม้ว่าฮูหยินจ้าวจะดูธรรมดา แต่นางก็อยู่ในวัยสามสิบกว่าปี แต่ใบหน้าของนางก็ยังงดงาม ไม่มีอะไรมากไปกว่าการแต่งหน้าที่ประณีตและเครื่องแต่งกายที่ดี
หงซื่อมองดูผู้หญิงตรงหน้าอย่างประชดประชัน นางกำลังจะเป็นบ้าด้วยความอิจฉาริษยา “นางแพศยา เจ้ามีจิตใจที่ชั่วร้าย ตอนนี้ข้ากลายเป็นแบบนี้แล้ว เจ้าคงมีความสุขมากสินะ”
ฮูหยินจ้าวยิ้มอย่างดูถูก “หงซื่อ เรื่องราวเปลี่ยนแปลงอย่างไม่แน่นอน เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถกุมหัวใจของนายท่านไปตลอดชีวิตได้อย่างนั้นหรือ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” เลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากของหงซื่อ แต่นางไม่ได้สนใจที่จะเช็ดมันและแสดงรอยยิ้มเยาะเย้ย “แล้วเจ้าล่ะ เจ้าคิดว่าเจ้าชนะใจนายท่านได้แล้วหรือ? นายท่านรักข้ามายี่สิบปีแล้ว และรักข้ามาครึ่งชีวิตแล้ว เจ้าคิดว่าหากเขาพูดว่าไม่รักก็หมายความว่าไม่รักแล้วอย่างนั้นหรือ? ตั้งแต่นายท่านแต่งงานกับเจ้า เขาก็ไม่เคยรักเจ้าเลย เจ้าคิดว่าหลังจากนี้เขาจะรักเจ้าอย่างนั้นหรือ ฝันไปเสียเถอะ!”