ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1350 เอาคืน + ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย – บทที่ 1351 ต้องปกปิด

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 1350 เอาคืน

บทที่ 1350 เอาคืน

(Content Warning : นิยายเรื่องมีเนื้อหาเกี่ยวกับ Incest มีการบรรยายถึงความสัมพันธ์เชิงชู้สาวระหว่างเครือญาติหรือสายเลือดเดียวกัน)

จ้าวจื่อเจี๋ยจับแขนของหญิงสาวมาแนบแก้มของเขา อย่างน้อยฝ่ามือเย็นเฉียบก็ทำให้ร่างกายของเขารู้สึกเย็นขึ้นเล็กน้อย

แต่แค่นั้นจะไปพอได้อย่างไร?

จ้าวจื่อเจี๋ยพึมพำด้วยความไม่พอใจ จากนั้นดึงจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เข้าสู่อ้อมแขนของเขา จากนั้นพลิกตัวแล้วกดจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ให้อยู่ใต้ร่างของตนเองราวกับลืมความเจ็บปวดไปหมดสิ้น

ใบหน้าของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์แดงก่ำ ดวงตาพร่ามัว ตอนนี้นางรู้สึกถึงความกระตือรือร้นและความต้องการอะไรบางอย่าง หากแต่นางไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไร

ครั้นลมหายใจร้อนแผ่วของจ้าวจื่อเจี๋ยพ่นรดจมูกของนาง จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็รู้สึกราวกับว่าความอบอุ่นแล่นผ่านร่างกายของนาง ร่างกายสั่นสะท้าน ทำให้เกิดความรู้สึกพึงพอใจราวกับถูกเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไป นางเผลอหลุดเสียงครวญครางออกมา แต่เพียงแค่ส่งเสียงออกมา นางพลันรู้สึกพึงพอใจยิ่งนัก

การกระทำทั้งหมดก็ทำให้ร่างกายที่ร้อนรุ่มของนางรู้สึกดีขึ้น ทว่ามันก็ยังไม่เพียงพอ นางต้องการรู้สึกมากกว่านี้

สัญชาตญาณทำให้นางพยุงร่างขึ้นโดยเลียนแบบท่าทางของจ้าวจื่อเจี๋ย พลางยกแขนโอบรอบคอของจ้าวจื่อเจี๋ย แล้วกดศีรษะของเขาลงมาประกบจูบ

ตอนนี้ดูเหมือนจะเกิดความวุ่นวายขึ้น

บรรยากาศข้างนอกเงียบสงบ ไม่มีใครกล้าเหยียบย่ำเข้ามารบกวน และทั้งสองก็ดูเหมือนดื่มด่ำอยู่ในความอบอุ่น จึงไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ

คนกลุ่มใหญ่กำลังมุ่งหน้ามาทางลานบ้านของจ้าวจื่อเจี๋ย

ผู้นำของคนกลุ่มใหญ่นั้นคือฮูหยินจ้าวอย่างไม่ต้องสงสัย นางเชิดหน้าขึ้นด้วยความภาคภูมิใจท่างกลางฝูงชน โดยมีจานหงอวี้เดินตามมาด้วยสีหน้าเป็นกังวล

ฮูหยินจ้าวเกลียดจ้าวจื่อเจี๋ยยิ่งนัก เขาปล่อยให้คนอย่างจานหงอวี้ผู้ที่มีชื่อเสียงแปดเปื้อนเข้าออกบ้านตระกูลจ้าวได้อย่างไร สิ่งนี้ถือเป็นความอัปยศอย่างยิ่งสำหรับบ้านตระกูลจ้าว

วันนี้นางต้องคุยกับจ้าวจื่อเจี๋ยให้รู้เรื่อง ศักดิ์ศรีครึ่งหนึ่งของตระกูลจ้าวถูกทำลายไป มันจะเป็นไปได้หรือไม่ที่ศักดิ์ศรีที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งกำลังจะหายไป

ถ้าหากว่าวันนี้นางไม่ว่างและไม่ได้เดินเล่นอยู่ภายในลานบ้านตนเอง เช่นนั้นนางก็คงไม่รู้จริง ๆ ว่าจานหงอวี้อยู่ที่นี่

นางจะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

ครั้นเดินมาถึงลานบ้านของจ้าวจื่อเจี๋ย ยังไม่ทันที่จะได้ผลักประตูบานนั้นเปิดเข้าไป ทุกคนก็ได้ยินเสียงครวญครางอย่างสุขสมดังออกมา

“อ่า… อืม… อ๊า…!”

เป็นเสียงครวญครางของหญิงคนหนึ่ง

สีหน้าของฮูหยินจ้าวมืดลงในทันใด และสัญชาตญาณทำให้นางนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้องนั้นทันที ในขณะที่ประตูถูกผลักเปิดอย่างรวดเร็ว เหล่าสาวใช้ที่ล้อมรอบตัวฮูหยินเมื่อครู่พลันรีบเดินเข้าไปข้างใน แต่ทันใดนั้น สาวใช้ก็ต้องส่งเสียงร้องลั่น “ไอ๊หยา!”

จ้าวจื่อเจี๋ยกำลังนอนเปลือยกายอยู่บนเตียงโดยไร้ผ้าพันแผล ใต้ร่างมีหญิงสาวนางหนึ่งนอนเปลือยกายทอดร่างอยู่ใต้ร่างของเขา เมื่อมองใกล้ ๆ ก็พบว่าเป็น…จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์?!

ร่างกายของสองเกี่ยวกันแน่นราวกับเถาวัลย์

ดวงตาของฮูหยินจ้าวพลันเบิกกว้างในทันใด นางมองฉากนี้ด้วยความไม่เชื่อ

ทว่าชายหญิงบนเตียงเพิ่งจะรู้สึกว่ามีคนบุกรุกเข้ามาในห้อง หากแต่พวกเขายังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด ๆ ทั้งยังหันไปมองตนตอของเสียง ทำให้เห็นดวงตาอันเต็มไปด้วยกามรมณ์

คนรับใช้บางคนรู้สึกเขินอายกับภาพตรงหน้า จึงรีบหันหลังหนีไม่กล้ามองอีกต่อไป หากแต่ยังมีบางส่วนกล้าเบิกตามองภาพตรงหน้าด้วยความสนใจ นี่มันคือการแสดงที่หาชมได้ยากยิ่งนัก!

นอกจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้คืออะไร?

เหอะ ๆ!

สองพี่น้องคู่นี้ ช่างไร้ยางอายเสียจริง!

ดวงตาของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์พร่ามัวและนางก็ยังไม่ได้สติ จนกระทั่งมีลมกระโชกแรงพัดเข้ามาทางประตูและหน้าต่างที่ถูกเปิดทิ้งไว้

ทันใดนั้น นางก็เห็นผู้คนมากมายยืนอยู่ข้างเตียงและต้องมองมาที่ร่างกายของตนเองอย่างหยาบโลน นางสัมผัสได้เพียงความเย็นที่เข้ามาปะทะร่าง จากนั้นก็กรีดร้องลั่น

ร่างกายท่อนบนเปลือยเปล่าไร้เสื้อผ้า กระโปรงตัวสวยถูกถกขึ้นมาจนถึงเอว เผยให้เห็นร่างกายส่วนล่างที่ไม่ควรเปิดเผย ผมเผ้าที่เคยหวีอย่างพิถีพิถันสยายยาวปกคลุมหน้าอกอวบอิ่ม อย่างน้อยก็ช่วยปกปิดส่วนขาวเนียนจากสายตาผู้คนได้บ้าง แต่ถึงจะปกปิดอย่างไรก็มีมือใหญ่คู่หนึ่งกอบกุมเอาไว้เต็มมือ ท่าทางตอนนี้ทำให้นางรู้สึกละอายใจ หากแต่ก็รู้สึกพึงพอใจกับสัมผัสที่ได้รับ

ความรู้สึกที่มาจากภายนอกร่างกายทำให้จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์รู้สึกเหมือนกำลังถูกสัมผัสด้วยบางสิ่งที่ร้อนจัด ความรู้สึกนี้ทำให้จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์แทบล้อมละลาย ในขณะนั้นจิตใจของนางก็โล่งขึ้น หญิงสาวมองการกระทำของตัวเองและจ้าวจื่อเจี๋ยด้วยความประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่านางกำลังถูกกดขี่อยู่บนเตียง

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ไม่สามารถแก้ตัวอะไรได้ นางรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดเพื่อผลักจ้าวจื่อเจี๋ยที่กำลังคร่อมร่างกายของนางออกไป จากนั้นรีบคว้าผ้านวมมาคลุมร่างและกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง

“ท่านพี่ ท่านกำลังทำอะไร?”

จ้าวจื่อเจี๋ยได้สติขึ้นมาทันที สายตาจับจ้องไปที่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ ทันใดนั้นก็ตะโกนขึ้นราวกับเห็นผี “เราถูกจัดฉาก เราถูกจัดฉาก”

“ถูกจัดฉากหรือ” ฮูหยินจ้าวฟื้นจากอาการตกใจเช่นกัน และตะโกนด้วยความโกรธเคือง หากแต่ก็มีความสุขมากในเวลาเดียวกัน

นางโกรธมากที่คนไร้ยางอายสองคนนี้ทำให้ตระกูลจ้าวเสียหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย การกระทำนี้ช่างน่าเกลียดจริง ๆ

แต่เรื่องที่ที่น่ายินดีคือ หากนายท่านรู้ว่าสองคนนี้ทำอะไรกัน เขาไม่มีทางไว้ชีวิตสองคนนี้แน่ ๆ

แม้ว่าจะมีการกล่าวว่าตระกูลจ้าวเสียหน้าจากเหตุการณ์นี้ แต่ก็เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ ที่ชงเอ๋อร์จะสามารถใช้สิ่งนี้เพื่อกำจัดคู่ต่อสู้เรื่องทรัพย์สินของครอบครัว

ฮูหยินจ้าวรู้สึกมีความสุขอยู่ในใจ ทว่าใบหน้าของนางกลับแสร้งทำเป็นเคร่งขรึมพลางกล่าวว่า “เจ้าสารเลวสองคนกำลังให้ตระกูลจ้าวเสื่อมเสีย ข้าต้องรายงานเรื่องนี้กับนายท่าน เพื่อให้เขาดูว่าลูกของเขาทำอะไรลับหลังตนเอง”

ตอนนี้จ้าวจื่อเจี๋ยหวาดกลัวมาก แต่จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์หวาดกลัวมากกว่าเขาเสียอีก

เรื่องน่าอับอายนี้เกิดขึ้นแล้ว และในฐานะเหยื่อ นางคือคนที่ต้องทนทุกข์ทรมานมากที่สุด

“ท่านแม่ ท่านแม่” จู่ ๆ จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ก็คุกเข่าลงทั้งน้ำตา “ท่านแม่ ข้าถูกใส่ร้าย ข้ายังบริสุทธิ์”

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ไม่เคยเรียกฮูหยินจ้าวว่าแม่ แต่คราวนี้เพื่ออนาคตของนางเอง จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์จึงเรียกอีกฝ่ายว่าแม่ โดยหวังว่าฮูหยินจ้าวจะยกโทษให้ตนเอง

“เป็นนาง นางอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก พี่ชายของข้าและข้าเป็นคนบริสุทธิ์ เราไม่ได้ทำอะไรเลย” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ร้องไห้อย่างเจ็บปวดพลางชี้นิ้วไปทางจานหงอวี้ที่อยู่ด้านข้างฮูหยินจ้าว ดวงตาของนางคุกรุ่นไปด้วยไฟแห่งความโกรธ ในขณะนี้นางต้องการที่จะฆ่าจ้าวจื่อเจี๋ยและจานหงอวี้ให้ตายตกไปเสีย

 


 

บทที่ 1351 ต้องปกปิด

บทที่ 1351 ต้องปกปิด

ต้องเป็นนางที่ใส่ร้ายพวกเขาทั้งสองแน่ ๆ

ต้องใช่แน่ ๆ…

จานหงอวี้ที่อยู่ด้านข้างเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ นางไปหลบอยู่ข้างหลังฮูหยินจ้าวด้วยท่าทางที่ดูหวาดกลัวพลางพูดอย่างฉุนเฉียวว่า “คุณหนูจ้าว นี่หมายความว่าอย่างไร ท่านอย่ามาใส่ความข้านะ หลังจากที่ข้าออกไปแล้ว ใครจะไปรู้ว่าด้านในเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“เจ้าอย่ามาพูดจาไร้สาระนะ!” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ยืนขึ้นอย่างกะทันหัน แต่จากการเคลื่อนไหวที่มากเกินไป ผ้าห่มจึงเลื่อนลงมาที่ไหล่ เผยให้เห็นหัวไหล่ที่น่าหลงใหลของนาง “ตอนที่เจ้าและท่านพี่อยู่ในห้องกันตามลำพังสองคน พวกเจ้าทั้งสองเกือบจะทำเรื่องบัดสี ต้องเป็นเจ้า เป็นเจ้าแน่ ๆ เจ้ามีชายอื่นจนสามีเจ็บแค้นแล้วตรอมใจตาย พอมาตอนนี้เจ้าก็กลับมาวางแผนทำร้ายข้า ข้าไม่รู้เรื่องอะไร เจ้ามาที่นี่เพื่อใส่ร้ายข้า ข้าบริสุทธิ์ ข้าไม่รู้เรื่อง”

จานหงอวี้ตอบกลับด้วยประโยคเดียว “คุณหนูจ้าว แต่ข้าไม่ได้ทำสิ่งเลวร้ายเช่นนี้ อย่างน้อยข้าก็ไม่เคยให้ท่าพี่ชายตัวเอง”

“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร” ดวงตาของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์แทบจะถลนออกมาจากเบ้าเมื่อได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ

จานหงอวี้กำผ้าเช็ดหน้าแน่นแล้วพูดว่า “ถูกต้อง ก่อนที่คุณหนูจ้าวจะมา ข้ากับนายน้อยก็กำลังแสดงความรักใคร่”

ใบหน้าของจานหงอวี้แสดงความโกรธและความกล้ำกลืนฝืนทนออกมา แสดงทีท่าเหมือนเด็กสาวตัวน้อย ซึ่งดูไม่เข้ากับอายุของนางเลยสักนิด “ข้ารักกับนายน้อย ข้ายอมทำทุกอย่างเพื่อนายน้อย แต่ประจวบเหมาะกับคุณหนูจ้าวมาพอดี ข้าก็เลยอยากที่จะออกไปจากบ้านนี้โดยเร็วที่สุด แต่คิดไม่ถึงว่าข้าเดินทางไปได้ไม่ถึงครึ่งทางก็ได้เจอกับฮูหยินจ้าว ฮูหยินจ้าวเป็นห่วงความปลอดภัยของนายน้อยจ้าวก็เลยพากันมาดู แต่ใครจะไปรู้ ใครจะไปรู้ว่าพวกเจ้าสองพี่น้องจะ…”

ยิ่งจานหงอวี้พูดมากเท่าไร นางก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งนางพูดมากเท่าไร นางก็ยิ่งเศร้ามากขึ้นเท่านั้น น้ำตาไหลอาบหน้าราวกับสร้อยลูกปัดที่ด้ายขาด นางรู้สึกราวกับว่าคับแค้นใจมากที่คนรักของนางมีความสัมพันธ์กับหญิงอื่นแล้วถูกนางจับได้

สายตาของนางจ้องมองไปที่จ้าวจื่อเจี๋ยอย่างเศร้าสร้อย

จ้าวจื่อเจี๋ยไม่ได้พูดอะไรสักคำ หากแต่เขายังมีสติและรู้ว่าสิ่งที่ตนจะพูดออกไปนั้นผิดพลาด ยิ่งไปกว่านั้น ความต้องการทางเพศก็ลดลงอย่างรวดเร็ว และอาการบาดเจ็บก็กำเริบขึ้นมาอีกครั้ง

การเคลื่อนไหวเมื่อครู่มันหนักเกินไป บาดแผลทั่วร่างกายดูเหมือนจะฉีกออกจนแทบจะรับมือกับความเจ็บปวดไม่ได้

“เจ้าพูดจาไร้สาระอะไร เราเป็นพี่น้องกัน เราจะทำสิ่งที่น่ารังเกียจเช่นนี้ได้อย่างไร” จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เองก็ลุกขึ้นยืนทันทีและตะโกนใส่จานหงอวี้ “ต้องเป็นเจ้าแน่ ๆ ที่เป็นคนทำ มันต้องเป็นเจ้า ท่านแม่ เรื่องทั้งหมดนี้เกิดจากหญิงผู้นี้ ท่านแม่ ท่านต้องเชื่อในตัวลูกสาวของท่าน ข้าบริสุทธิ์ หญิงเลวผู้นี้เป็นคนจัดการทั้งหมด ชื่อเสียงของนางไม่ดี ดังนั้นนางจึงอยากที่จะทำลายความบริสุทธิ์ของลูก ท่านต้องเชื่อในตัวข้า ข้าจะทำลายชื่อเสียงตระกูลจ้าวได้อย่างไร ฮือ… ฮือ… ฮือ… ท่านแม่ ถ้าท่านพ่อรู้ ท่านคงไม่ปล่อยนางไว้แน่”

ในขณะนี้จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์เป็นเหมือนกระต่ายตัวน้อยที่ได้รับบาดเจ็บ ดวงตาของนางเต็มไปด้วยคราบน้ำตา นางกำลังจ้องมองฮูหยินจ้าวด้วยสายตาอ้อนวอน

นางเรียกคำว่าแม่ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างรักใคร่และเศร้าโศก

ฮูหยินจ้าวชำเลืองมองจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ และรู้ว่าแม้ในครั้งนี้จ้าวสวิ่นจะเลิกรากับหงซื่อแล้ว แต่ในใจของเขา นางก็ยังคงเป็นหญิงที่อยู่ร่วมเตียงเดียวกันมานาน อาจเป็นเพราะหงซื่อยุยงเด็กสองคนเพื่อทำให้กู้เสี่ยวหวานขุ่นเคือง หากกู้เสี่ยวหวานไม่ติดตามเรื่องนี้ จ้าวสวิ่นอาจจะหวนคิดถึงหงซื่อแล้วกลับไปหานาง

เหตุการณ์วันนี้แปลกประหลาด แต่ถ้านางรับมือได้ นายท่านจะมองนางในทางที่ดีขึ้น ถ้านางรับมือไม่ดี นางจะกลายเป็นหญิงที่หึง เขากับอนุภรรยาและลูก ๆ ของเขา ถ้านางสามารถเอาใจของจ้าวสวิ่นกลับคืนมาได้ เขาอาจจะยอมแพ้อีกครั้ง

ฮูหยินจ้าวเป็นคนฉลาด จากประโยคสุดท้ายของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ นางเข้าใจได้ทันทีว่าครั้งนี้อีกฝ่ายต้องการที่จะทำอะไร

แม้ว่านางจะมีความสุขมากจนอยากจะหัวเราะสามครั้ง อยากให้ชื่อเสียงของจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์และจ้าวจื่อเจี๋ยเหม็นเน่าคละคลุ้ง แต่คราวนี้มันมีชื่อเสียงของตระกูลจ้าวเข้ามาเกี่ยวข้อง ยิ่งความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเท่าไร นายท่านก็จะยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น

ยิ่งกว่านั้น นางเป็นฮูหยินตระกูลจ้าว ตอนนี้ลูกสองคนนี้ถูกเลี้ยงดูมาภายใต้นามของนาง และเรื่องนี้เกิดขึ้นในบ้านตระกูลจ้าว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางต้องปกปิดเรื่องนี้

ฮูหยินจ้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้น สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป นางตะโกนว่า “เรื่องของวันนี้ ใครก็ตามที่พูดพล่ามในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไป ข้าจะตัดลิ้นผู้นั้น”

คนรับใช้ที่สนใจดูการแสดงในตอนนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของฮูหยินจ้าว พวกเขาที่ชะเง้อคอเพื่อรอดูเรื่องสนุกอยู่นั้นจะกล้าดูต่อได้อย่างไร พวกเขากลัวจนหัวหดและยืนอยู่ข้างหลังด้วยความกลัว ทุกคนก่นด่ากันอยู่ในใจว่าไม่ควรตามมา เห็นเจ้านายน่ารังเกียจเช่นนี้ เกรงว่าพวกเขาจะอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกต่อไป

หลังจากทำให้คนรับใช้ที่บ้านหวาดกลัว ฮูหยินจ้าวก็หันไปมองจานหงอวี้

จานหงอวี้เอามือกุมหน้าอกของนางด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “ฮูหยิน”

“โดยเฉพาะเจ้า ถ้าเจ้ากล้าพูดอะไรออกมาล่ะก็… ข้านี่แหละที่จะเป็นคนจับมีดเล่มนั้น” ฮูหยินจ้าวเอ่ยประโยคนี้อย่างเคร่งขรึม จากนั้นก็มองไปที่จ้าวจื่อเจี๋ยและจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์แล้วพูดอย่างเย็นชา “รีบสวมเสื้อผ้าแล้วไปที่ศาลบรรพบุรุษ”

หลังจากที่ฮูหยินจ้าวพูดจบ นางก็หันหลังจากไป ผู้คนที่อยู่ข้างหลังนางก็พากันออกไปทันที

จานหงอวี้ไม่ได้อยู่ต่อ เมื่อเห็นฮูหยินจ้าวจากไป นางก็รีบออกไปกับสาวใช้ทันที

จ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ต้องการที่จะสอนบทเรียนที่รุนแรงกับนาง แต่เนื่องจากตนเองไม่ได้สวมเสื้อผ้า นางจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเฝ้าดูจานหงอวี้วิ่งหนีไป

พี่เลี้ยงที่อยู่ข้าง ๆ พาจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ไปที่ด้านหลังของฉากกั้นทันทีเพื่อช่วยจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์แต่งตัว มุมปากของนางยกขึ้น แต่ในขณะที่นางก้มศีรษะและพบว่าพี่เลี้ยงนั้นกำลังทำหน้าตาบูดบึ้งอยู่

ระหว่างทางไปศาลบรรพบุรุษ จ้าวจื่อเจี๋ยและจ้าวอวิ๋นเอ๋อร์ต่างก็ก้มหน้าเหมือนไก่ที่พ่ายแพ้ ในระหว่างการเดินทาง ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรสักคำ

ท่าทางของจ้าวจื่อเจี๋ยในขณะนี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก

ผ้าพันแผลนั้นเต็มไปด้วยเลือด ดูเหมือนว่าบาดแผลบนร่างกายของเขาจะปริออก

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

Status: Ongoing
กู้เสี่ยวหวานเป็นสาวนักวิจัยด้านการเกษตรวัยเฉียดสามสิบผู้เพียบพร้อม​ในทุกด้าน​ เว้นแต่ด้านความรักที่ยังไม่มาทักทาย​ จนพ่อแม่กลุ้มใจและจัดนัดบอดให้หลายหน และความซวยก็มาเยือนในนัดบอดครั้งนี้​ หลังได้รับโทรศัพท์​จากหัวหน้าทีมวิจัยว่าการทดลองล้มเหลว​ ทำให้เธอต้องรีบทำการทดลองก่อนเวลานัดบอด​ จนประสบอุบัติเหตุ​โทรศัพท์​มือถือระเบิดกลางห้องแลบและพาตัวเธอทะลุมิติ​มาเกิดใหม่ในร่างสาวน้อยสมัยราชวงศ์ชิงผู้แบกภาระเลี้ยงดูน้องๆ​ ท่ามกลางครอบครัวที่เต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น​

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท