แรงกดดันจากปราณฉีของเกิงเคนก็ได้ระเบิดออกมา ทำให้เกิดแสงสว่างปรากฏขึ้นด้านหลังซึ่งได้เผยให้เห็นค้อนยักษ์!
จิตวิญญาณระดับ 10 ชั้นสูง ––ค้อนทะลายสวรรค์
เมื่อค้อนสายฟ้าปรากฏขึ้น หัวค้อนก็ได้หมุนวนอย่างรวดเร็วและได้ส่งเสียงฮัมๆในขณะที่ลอยอยู่เบื้องหลังเกิงเคน ซึ่งเสียงนี้ต่างทำให้ผู้ได้ยินถึงกับใจสั่น
เกิงเคนก็ได้ทำการเปลี่ยนวิญญาณทันทีซึ่งมันก็คือการร่วมร่างเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณต่อสู้หลังจากที่เขาเรียกจิตวิญญาณของตัวเองออกมา เฒ่าชราเกิงเคนที่เดิมมีขนาดเท่ากับคนแคระก็ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม 2 เท่าหลังจากทำการเปลี่ยนวิญญาณแล้ว เขานั้นถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเงินราวกับว่าเขานั้นกำลังสวมชุดเกราะสีเงินอยู่ และแขนของเขานั้นก็มีกล้ามและหนาราวกับที่จับของค้อนในขณะที่เขานั้นกำหมักแน่นเหมือนกับค้อนโลหะ
เกิงเคนก็คำรามและโมตีออกไปใส่ชายหนุ่มโดยไม่รีรอ พอร่างของเขาหายไป เขาก็ไปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าหวงเสี่ยวหลง จากนั้นก็ชกหมัดออกไป
“ใอ้สารเลว ตายซะ!”ดวงตาของเฒ่าชราเกเงเคนก็เปล่งประกายไปด้วยความดุร้าย
ด้วยสายตาที่แหลมคม เกิงเคนก็ตัดสินได้ว่าชายหนุ่มคนนี้ค่อนข้างเป็นศัตรูที่ทรงพลังคนนึงแม้ว่าจะเป็นแค่ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6ก็ตาม ดังนั้นเขาจึงได้ทำการเปลี่ยนวิญญาณทันทีหลังจากเรียกจิตวิญญาณต่อสู้และลงมือโจมตีก่อน
ตู่ซินและเติงกวงเหลียงก็ตกใจและต้องการวิ่งเข้าไปน้ำเสียงหวงเสี่ยวหลงนั้นได้หยุดการกระทำของพวกเขาก่อน “ไม่จำเป็นถอยไปด้านข้างแล้วจำตาดูสองคนนั้นไว้!”
แม้ว่าพวกขเจะตกตะลึง แต่ทั้งสองคนก็ตอบรับออกไปอย่างเคารพและถอยด้านข้างเพื่อปิดกั้นทางหนีไม่ให้ผู้อาวุโศนิกายพ่อมดนภาทั้งสองคนได้หลบหนีไป
หวงเสี่ยวหลงก็ยืนอยู่ที่เดิมอย่างที่เคย พอมองเห็นหมัดของคู่ต่อสู้ใกล้เข้ามา เขาก็เย้ยหยัน โดยไม่หลบหลีก หวงเสี่ยวหลงก็ไดกำหมัด และโจมตีออกมาด้วยฝ่ามือส่องสว่างไปด้วยปราณฉี ปะทะเข้ากับการโจมตีของศัตรูอย่างตรงไปตรงมา
พอเห็นผู้ฝึกระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6กระจอกๆอย่างหวงเสี่ยวหลงกล้าประลองพลังหมัดกับหมัดเหล็กของเขา ในใจของเกิงเคนก็เต็มไปด้วยความสุข แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นกลาง-สูง ต่หมัดของเขานั้นได้รวมเข้ากับค้อนทะลายสวรรค์หลังจากทำการเปลี่ยนวิญญาณ ตอนนี้หมัดของเขานั้นก็เหมือนกับเหล็กกล้าที่แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7ก็ยังไม่กล้าเสี่ยงปะทะด้วย
ในมุมมองของเขานั้น หวงเสี่ยวหลงกำลังแส่หาความตายเร็วขึ้นก็แค่นั้นเอง!
ภายใต้การเพ่งมองของคนอื่น หมัดทั้งสองได้เข้าปะทะกัน เสียงของมีคมปะทะกันก็ดึงขึ้นราวกับเสียงเหล็กเสียดสีกัน
ร่างของเกิงเคนก็ถูกผลักถอยออกไปไกลหลายก้าวโดยทิ้งรอยเท้าลึก20นิ้วไว้บนพื้น ในขณะเดียวกันก็เกิดรอยแตกหักบนพื้นลามไปทั่ว
หวงเสี่ยวหลงก็ถูกแรงปะทะผลักถอยไปมากกว่า 20 ก้าวแต่สิ่งที่แตกต่างระหว่างเขาและเกิงเคนก็คือรอยเท้าที่เขาได้สร้างขึ้นนั้นเบากว่า แถมไม่มีรอยแตกร้าวเกิดขึ้นบนพื้นซึ่งผลจากการถอยไปของหวงเสี่ยวหลง
“อ้า?!”พอเห็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ผู้อาวุโสแห่งนิกายพ่อมดนภาทั้งสองก็ตกใจกับหลักฐานนี้ อย่างไรก็ตามตู่ซินและเติงกวงเหลียงรู้สึกเหมือนๆกัน
ทั้งสองคนรู้ว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นแข็งแกร่งแต่ไม่เคยคิดเลยว่าความแข็งแกร่งของหวงเสี่ยวหลงนั้นจะเหนือกกว่าผู้อาวุโสสูงสุดแห่งนิกายพ่อมดนภา เกิงเคน
ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 กลาง- สูงนั้นกลับสู้กับผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7 กลาง-สูงได้อย่างมีเปรียบ นี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ! อย่างน้อยพวกเขาทั้ง 4 คนที่อยู่ในห้องโถงนี้ แม้กระทั่งด้วยตำแหน่งผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาอย่างพวกเขาก็ไม่มีทางทำเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าได้!
แต่ความตกใจที่พวกเขาได้รับนั้นก็เทียบกับของเกิงเคนไม่ได้
ในการปะทะกันเมื่อกี้นี้ เขานั้นเข้าใจความหน้ากลัวของชายหนุ่มคนนี้มากที่สุด
หมัดของเขานั้นแข็งราวกับเหล็กหลังจากที่ทำการเปลี่ยนวิญญาณ แต่ในการประทะเมื่อกี้ เขากับรู้สึกราวกับหมัดของเขานั้นได้พุ่งใส่กำแพงเหล็กที่แข็งแกร่งกว่าเขาหลายเท่า
ในขณะที่คนอื่นต่างตกใจอยู่นั้น หวงเสี่ยวหลงก็นิ่งและจ้องมองไปที่เกิงเคน แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง แต่การแลกเปลี่ยนนี้ทำให้ความมั่นใจของหวงเสี่ยวหลงลดลง
ถ้าหากการบ่มเพาะของเกิงเคนมากกว่านี้อีก เป็นเซียนเทียนขั้นที่ 7ปลายหล่ะก็ หวงเสี่ยวหลงอาจจะเลิกล้มความคิดเหล่านั้นไปทันที
เวลาที่เข้าใช้ฝึกเคล็ดวิชาซูมีเทวะนั้นยังน้อยเกินไป หวงเสี่ยวหลงก็ได้คิดกับตัวเอง แม้ว่าเขาจะฝึกเคล็ดวิชาเทวะซูมี่ไปเพียงเล็กน้อย แค่มันได้เพิ่มพลังป้องกันทางกายภาพและความทนทานของเนื้อหนังซึ่งเทียบได้กับเหล็กชั้นดี แต่เขาก็ยังห่างไกลจากระดับสมบูรณ์แบบอีกเยอะ
มิฉะนั้น หวงเสี่ยวหลงก็จะสามารถทำลายแขนของเกิงเคนด้วยคลื่นปะทะไปแล้ว ส่วนสำหรับหมัดของเกิงเคนั้น มันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากเศษเนื้อ
หวงเสี่ยวหลงก็เดินเข้าไปหาเกิงเคน ในทุกๆก้าวของเขา นั้น กลิ่นอายของเขาก็ได้เปลี่ยนไปในขณะที่เขาใช้งานร่างเทพอสูรพร้อมกับมีปีกปีศาจสีน้ำตาลอันดูผ่าเผยงอกขึ้นมาจากด้านหลังและได้มีพลังงานสีแดงดำบิดเกลียวเป็นพายุเข้าล้อมรอบร่างของหวงเสี่ยวหลง ในท้ายที่สุดผมของหวงเสี่ยวหลงก็ยาวขึ้นและเปลี่ยนเป็นสีขาวบริสุทธิ์ตั้งแต่ศีรษะไปจนปลายผม
พอเห็นการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย แรงกกดันและกลิ่นอายสังหารอันหนักหน่วงของหวงเสี่ยวหลง ก็ทำให้เกิงเคนรและผู้อาวุโสนิกายทั้งสองต่างตกใจอยู่ภายใน
ต่อหน้ากลิ่นอายสังหารที่ปล่อยออกมาจากหวงเสี่ยวหลงนั้น ได้ทำให้เกิงเคนรู้สึกหวาดกลัวและถอยหลังไปเองโดยไม่รู้ ในตอนนี้ เขารู้สึกเสียใจ เสียใจที่ติดตามตู่ซินและเติงกวงเหลียงมาที่นี่
ลึกลงไปในใจ เขาก็ตระหนักได้ว่าวันนี้เขาไม่มีทางหนีไปได้แน่
พอถูกต้อนจนมุม เกิงเคนก็โมโหและหมุนร่าง จากนั้นก็ได้ค้อนสีทองพุ่งออกมาจากร่างของเกิงเคนในขณะที่กลิ่นอายของเขานั้นพุ่งขึ้นสูงสุดซึ่งมันมากกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
ทุกๆคนตอนนี้รู้ดีว่าเกิงเคนนั้นรู้สึกหมดหวัง
และจู่ๆเกิงเคนก็ได้พุ่งเข้าใส่หงเสี่ยวหลง
ในขณะที่เกิงเคนพุ่งเข้าทุบหวงเสี่ยวหลงนั้น ความเร็วในการหมุนของเขาก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าราวกับเขาได้กลายเป็นค้อนยักษ์ ในขณะที่เขาหมุนตัว แรงกดดันมหาศาลก็เข้ากระแทกใส่ห้องโถงราวกับคลื่นยักษ์ซึ่งได้ทำให้ตู่ซิ เติงกวงเหลียงและผู้อาวุโสนิกายพ่อมนภาทั้งสองมองภาพลวงตาว่ามิติได้ถูกบิดเบือนจากแรงกดดัน
นี่ก็คือความสามารถของจิตวิญญาณต่อสู้ของเกิงเคน ค้อนกายา
พอรวมร่างกับจิตวิญญาณต่อสู้ของตัวเองอย่างสมบูรณ์ เขาก็จะกลายเป็นร่างค้อน พอหมุนตัวด้วยความเร็วสูงสุดก็จะสร้างพลังงานอันน่าหวาดหวั่นเข้าทำลายทุกสิ่งอย่างที่อยู่ใกล้มัน
แต่โชคร้ายที่เขาได้มาพบหวงเสี่ยวหลง
หวงเสี่ยวหลงก็ได้ดูถูก แล้วได้พุ่งยืดมือทั้งสองออกไป ทำให้เกิดวงแหวนสีทองมหาศาลลอยออกไป ทุกที่ที่หวงแหวนสีทองนี้ลอยผ่าน ทุกสิ่งอย่างก็จะหยุดการเคลื่อนไหว
รวมไปถึงเกิงเคน!
เกิงเคนก็แข็งค้างกลางอากาศ ทำให้พายุเชี่ยวกราดที่เขาสร้างขึ้นจากการหมุนตัวนั้นหายไปซึ่งเป็นผลให้ทุกสิ่งอย่างกลับคืนอย่างสงบเหมือนเมื่อก่อน
จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก้ได้พุ่งออกไปและชกใส่อกของเกิงเคน
เกิงเคนก็ไปหล่นลงไปกับพื้นพร้อมกับกรีดร้องออกมา
การหล่นลงของเกิงเคนทำให้ตู่ซินและเติงกวงเหลียงกลับคืนสู่ปกติ ทุกสิ่งทุกอย่างจบเร็วขนาดนี้เลยหรือ?!
“เจ้า เมื่อกี้ มันเคล็ดวิชาต่อสู้อะไรกัน?!”พอกระอีกเลือดออกจากาปก เกิงเคนก็จับหน้าออกและจ้องมองหวงเสี่ยวหลงอย่างหวาดกลัว
มันหยุด…ได้ทุกอย่าง!
นี่ก็เป็นหนึ่งในความสามารถในการควบคุมกฎมิติของผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะ
แต่หวงเสี่ยวหลงนั้นไม่ใช่ผู้ฝึกตนระดับเทวะ ด้วยเคล็ดวิชาต่อสู้นี้ ภายใต้ผู้ฝึกตนระดับเทวะเขาคนนั้นก็เรียกได้ว่าไร้พ่ายโดยสิ้นเชิง!
เกิงเคนนั้นไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนี้
ที่จริงแล้วแม้ว่าฝ่ามือผนึกพระเจ้านั้นอาจจะแข็งแกร่งมาก แต่มันก็ไม่ได้ไร้พ่ายเหมือนท่าเกิงเคนและคนอื่นคิด ตัวอย่างเช่น หากความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้มากกว่าหวงเสี่ยวหลง ผลของฝ่ามือผนึกพระเจ้าก็จะลดลง
พอยืนอยู่ตรงหน้าเกิงเคน หวงเสี่ยวหลงก็ถามไปว่า “ตอนนี้ เจ้ายังต้องการตำแหน่งเจ้าเมืองของเมืองปีศาจทมิฬอยู่ใหม?”
ใบหน้าของเกิงเคนก็บิดเบี้ยว ตอนนี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจได้แล้วว่าข้อเสนอของเขานั้นโง่เขลาและไร้สาระมากขนาดใหน
โดยไม่รอให้เกิงเคนตอบ หวงเสี่ยวก็ได้มองผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาทั้งสองคน
การกระทำของหวงเสี่ยวหลงทำให้เข่าของพวกเขาอ่อนแรง ร่วงลงไปคุกเข่าคำยับและขอร้องอ้อนวอนให้หวงเสี่ยวหลงปล่อยเขาไป
“นายน้อยได้โปรดไว้ชีวิตพวกเรา! อย่าฆ่าเราเลย พวกเราผิดไปแล้ว พวกเราเป็นฝ่ายผิด!”
“อย่าฆ่าพวกเจ้า พวกเจ้าผิด?”หวงเสี่ยหวลกง็ใช้สายตาอันเย็นชามองทั้งสอง
จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็ยกมือขึ้นและชี้นิ้วออกไป ทำให้เกิดปราณรูปทรงนิ้วมือพุ่งทะลุตรงกลางหน้าผากของทั้งสอง
และแล้วร่างไร้ชีวิตทั้งสองก็ได้ถูกทิ้งลงพื้น
“ในโลกนี้ ไม่มีสิ่งที่เรียกว่ายารักษาความเสียใจ โอกาสที่ข้าให้เจ้านั้นมีแค่ครั้งเดียว” หวงเสี่ยวหลงกก็พูดออกมาอย่างไม่เจาะจงและหันหลังกลับไปหาเกิงเคน