แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ร่างของหลินหยูก็ร่วงลงกับพื้น เมื่อเขาล้มลงนั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างอย่างไม่เชื่อ! จนกระทั่งจุดจบของชีวิต เขาคิดไม่ออกว่าหวงเสี่ยวหลงมั่นใจถึงขนาดใหนกถึงกล้าฆ่าเขาในเมืองปีศาจทมิฬ
“ศิษย์พี่สาม!”
“ศิษย์พี่สาม!”
เกาฉิงและหวูหงกังก็ดูมึนงงในขณะที่ร่างของหลินหยูหล่นลงไปกับพื้น แต่ในเวลานั้นพวกเขาก็ส่ายหัวอย่างและตัวแข็งทื่อด้วยความตกใจ ซึ่งพวกเขาก็ได้แสดงหน่าสีหน้าน่าเกลียดออกมาในขณะทีพวกเขารีบวิ่งไปข้างหลินหยูและร้องไห้ออกมา
ไม่ว่าพวกเขาจะร้องไห้กี่ครั้ง ก็ไม่มีการตอบสนองจากหลินหยูเลยสักนิด
จากจุดอื่น หวงเสี่ยวหลงก็ค่อยๆเดินเข้าหาพวกเขาอย่างช้าๆ ซึ่งทำให้พวกเขาล้มลงด้วยความหวาดกลัว
หลังจากแอบลอบโจมตีเมื่อกี้ พวกเขารู้แล้วว่าพวกเขานั้นไร้พลังที่จะหนีรอดจากเงื้อมมือของหวงเสี่ยวหลงได้
“ทำไมพวกเจ้าไม่คุกเข่ายอมจำนนแก่นายน้อยเล่า?!”ตู่ซินและเติงกวงเหลียงก็ก้าวออกมา ณ ช่วงนั้นและสั่งเกาฉิงและหวูหงกัง
ใบหน้าของเกาฉิงและหวูหงกังก็มีความลังเลและความหวาดกลัวสลับไปมา นี่พวกเขาไม่มีตัวเลือกจนกระทั่งต้องยอมจำนนแก่ชายหนุ่มผมดำคนนี้งั้นหรือ?
แต่ผลของการทรยศนิกาย่พอมนภานั้นคือ…!
อีกทางหนึ่งคือ หากเขาไม่ยอมจำนน มันก็มีแต่ต้องตายอย่างแน่นอน พวกเขาก็ใช้ดวงตามองไปที่ร่างอันเย็นเฉียบของหลินหยูที่อยู่บนพื้นไม่ห่างไกลไปจากพวกเขา
หวงเสี่ยวหลงยังคงอดทนรอการตัดสินใจของพวกเขาอย่างไม่รีบร้อน
“ดี ข้ายินดียอมจำนนและรับใช้เจ้าเป็นนายของข้า!”ไม่นานนัก เกาฉิงก้พูดออกมาด้วยแฝงความลังเล ในท้ายที่สุด เขาก็เลือกที่จะยอมจำนนแก่หวงเสี่ยวหลง และเลือกมีชีวิตอยู่ต่อ
หวูหงกังก็มองดูเกาฉิงยอมจำนน ทำให้ความมุ่งมั่นของเขาถูกสั่นคลอน จากนั้นเขาก็ถอนหายใจอยู่ภายในและพูดออกมาแบบเดียวกัน “ข้าก็เต็มใจยอมจำนนด้วยเหมือนกัน”
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้าพึงพอใจกับผลลัพธ์นี้
ไม่มีใครคนใหนอยากตาย ต่อหน้าตัวเลือกเป็นตาย ในหนึ่งหมื่นคน เก้าพันเก้ารอยเก้าสิบเก้าคนนั้นเลือกที่จะยอมจำนน ประนีประนอมและยอมแพ้
“เปิดเผยทะเลปราณของเจ้าซะ ข้าจะประทับตราจิตวิญญาณลงไว้”หวงเสี่ยวหลงก็สั่งการอย่างไม่แยแส
“ประทับตราจิตวิญญาณ!”เกาฉิงและหวูหงกังก็ตกตะลึงและหวาดกลัว
เคล็ดวิชาอย่างการประทับจิตวิญญาณนั้น เกาฉิงและหวูหงกังเคยได้ยินมาผ่านๆ พวกเขานั้นได้หันหน้าไปหาตู่ซินและเติงกวงเหลียง และในเวลานี้ ในที่สุดพวกเขาก็เข่ใจแล้วว่าทำไมศิษย์พี่ของพวกเขานั้นถึงรับใช้หวงเสี่ยวหลงอย่างเต็มใจ
“ถูกแล้ว ข้าได้ประทับตราจิตวิญญาณลงในทะเลปราณของพวกนั้น”พอสังเกตเห็นการแสดงออกทางสีหน้าของพวกนั้น หวงเสี่ยวหลงก็พูดออกไป และคำพูดของเขานั้นก็เป็นการยืนยันถึงความสงสัยของพวกเขา
และแล้ว เกาฉิงและหวูหงกังก็ลังเลและสงสัยขึ้นอีกครั้ง
ในตอนแรก เกาฉิงและหวูหงกังก็มีความคิดเดียวกันกับที่ตู่ซินและเติงกวงเหลียงนั้นเคยมีในตอนแรก ตอนแรกพวกเขาจะแกล้งยอมจำนนต่อหวงเสี่ยวหลงและหาโอกาสจัดการหวงเสี่ยวหลงทีหลัง แต่ถ้าหากพวกเขาถูกประทับตราจิตวิญญาณหล่ะก็ ชีวิตของพวกเขานั้นจะต้องถูกหวงเสี่ยวหลงควบคุมไปตลอดชีวิต และพอถึงตอนนั้น พวกเขาก็จะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเต็มใจรับใช้หวงเสี่ยวหลง
ไม่ว่าจะมีความคิดพุ่งขึ้นในมาใจของเขากี่ครั้ง ในท้ายที่สุดเกาฉิงและหวูหงกังก็ต้องเปิดทะเลปราณ เมื่อทั้งสองสลายกำแพงป้องกันทะเลปราณต่อหน้าหวงเสี่ยวหลงแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็ได้ทำการผสมเคล็ดวิชาเชิดหุ่นโบราณและบัญญัติวิญญาณในการสร้างตราจิตวิญญาณและประทับลงในทะเลปราณของทั้งสอง
พอถึงขั้นนี้ ทั้งเกาฉิงและหวูหงกังก็อยู่ภายใต้การควบคุมของหวงเสี่ยวหลงอย่างเต็มที่ เมื่อเสร็จลง หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกโล่ง ถ้าหากทั้งสามคนปฏิเสธยอมจำนนหล่ะก็ เขาก็คงไม่มีทางเลือกนอกเสียกจากฆ่าทั้งสามคน และมันก็เป็นผลลัพธ์ที่ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
หลังจากประทับตราจิตวิญญาณ หวงเสี่ยวหลงก็ได้เอาโอสถวิญญาณระดับ 6 มาให้ทั้งสอง พอเห็นโอสถวิญญาณระดับ 6 ในมือของตัวเอง เกาฉิงและหวูหงกังก็รู้สึกตื่นเต้น จากนั้นพวกเขาก็รีบทำความเคารพอย่างสุดซึ้ง
พอสั่งการให้ทั้งสี่จัดการศพหลินหยูและเรื่องอื่นๆ เขาก็บอกให้เกาฉิงและหวูหงกังกลับไปราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ดูเหมือนว่าข้าจะต้องเร่งแผนการให้เร็วขึ้นเสียแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็ได้ครุ่นคิดกับตัวเอง
หวงเสี่ยวหลงได้บอกให้เกาฉิงและหวูหงกังจัดฉากการตายของหลินหยู และบอกคนภายนอกว่าหลินหยูนั้นได้ออกไปทำภารกิจ และบางทีเขาอาจจะไม่กลับมาสักพัก ด้วยวิธี เฉินเสี่ยวเทียนก็จะไม่รู้สึกสงสัยในตอนนี้แต่ถ้าหากผ่านไปนานกว่านี้หล่ก็ มันคงจะไม่ยากที่เฉินเสียวเทียนจะพบสิ่งผิดปกติ
ดังนั้นหวงเสี่ยวหลงจึงได้จะเข้าควบคุมผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาคนอื่นใน 2 เดือน ซึ่งรวมไปถึงเกิงเคนด้วย!
แต่แล้วแม้ว่าเฉินเสี่ยวเทียนจะสงสัย แต่แผนการของเขาก็ได้ลุล่วงไปแล้ว เฉินเสี่ยวเทียนคนเดียวคงไม่สามารถทำอะไรได้นัก
ต่อมา หวงเสี่ยวหลงก็ได้เข้าไปในหุบเขาเทวะซูมี่และทำการฟื้นฟูพลังจิตที่เหือดแห้งในขณะที่เขาบ่มเพาะเคล็ดวิชาซูมี่เทวะ เคล็ดวิชาเทพอสูร และพระคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น
5 วันต่อมา พลังจิตของหวงเสี่ยวลหงก็ฟื้นฟูขึ้นมาเต็มที่ จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็ได้สั่งการให้ตู่ซินและเติงกวงเหลียงจัดงานเลี้ยงขึ้นอีกครั้งซึ่งครั้งนี้เป็นการชวนเหล่าผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภามา
ตู่ซินและเติงกวงเหลียงนั้นเป็นศิษย์อาวุโสลำดับที่หนึ่ง และสอง ดังนั้น ในนิกายพ่อมดนภาทั้งสองคนจึงเป็นที่เคารพนับถือ ทำให้คำเชิญของพวกเขานั้นต่างได้รับการตอบรับและไว้หน้าซึ่งผู้อาวุโสในนิกายหลายคนก็ได้เข้ามาร่วมงานเลี้ยงนี้
คำเชิญของพวกเขานั้นไม่ได้ทำให้ผู้อาวุโสคนอื่นเกิดความสงสัย อย่างไรก็ตาม หวงเสี่ยวหลงก็ได้จำกัดจำนวนคนไว้ที่ 3คนต่อครั้ง
อาศัยความแข็งแกร่งของพลังจิตในปัจจุบันของเขานั้น ทำให้หวงเสี่ยวหลงประทับตราจิตวิญญาณลงในตัวพวกเขาได้เพียง 3 คนในเวลาเดียวกันเท่านั้น
20 วันต่อมา หวงเสี่ยวหลงได้ทำการประทับตราจิตวิญญาณลงในร่างของอาวุโสนิกายพ่อมดนภาทั้งหมด 18 คน ซึ่งได้รวม 4 คนนี้เข้าไปด้วยนั่นคือ––ตู่ซิน เติงกวงเหลียง เกาฉิง และหวูหงกัง ผู้อาวุโสนิกายพ่อมนภานั้นมีทั้งหมด 24 คน โดยมีผู้อาวุโส 18 คนยอมจำนนแก่เขา นั่นหมายความว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นได้ควบคุมกำลังส่วนใหญ่ของนิกายแล้วซึ่งเหลืออยู่เพียงแค่ 6 คนเท่านั้นที่เขายังไม่ได้ควบคุม
อีก 10 วันข้าจะได้ควบคุมผู้อาวุโสในนิกายได้ทั้งหมด หวงเสี่ยวหลงก็ได้คำนวณในใจ
มาพอถึงจุดนี้ ทุกสิ่งอย่างก็ได้มาสู่บทสรุป
…..
ในเมืองปีศาจทมิฬทางด้านเหนือที่มีคฤหาสน์ยิ่งใหญ่ตั้งอยู่ซึ่งมันมีขนาดใหญ่มากกว่าคฤหาสน์ของตู่ซินและเติงกวงเหลียง กำแพงทั้งสี่ทิศนั้นเป็นสีแดงเพลิงและบนพื้นนั้นมีดอกไม้สีแดงเพลิงขนาดใหญ่เบ่งบางนับไม่ถ้วน
ภายในห้องโถงของคฤหาสน์แห่งนี้นั้นมีชายชราตัวเล็กแต่งชุดที่หรูหราสีแดงเพลิง ชายชราคนนี้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้อาวุโสสูงสุดแห่งนิกายพ่อมดนภา เกิงเคน เขาเป็นชราตัวขนาดคนแคระที่ดูธรรมดามากๆ
“เมื่อกี้เจ้าบอกว่า ทุกๆ 5 วัน ตู่ซินและเติงกวงเหลียงได้จัดงานเลี้ยงและเชิญผู้อาวุโสนิกายเราครั้งละ 3 คนงั้นหรือ?”เกิงเคนก็ถามผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภา หวังเจียงที่อยู่ด้านข้างเขา
“ใช่แล้วขอรับ ท่านผู้อาวุโสสูงสุด”หวังเจียงก็พูดยืนยันอย่างเคารพ
เกิงเคนก็ขมวดคิ้วแน่น “แล้วเป้าหมายของพวกมันเล่า?”
หวังเจียงก็หัวเราะ “ในอีกสองเดือนจะเป็นวันที่นิกายพ่อมดนภาของเรานั้นจะส่งตัวแทนเข้าไปในสุสานพ่อมด ในความคิดของข้า พอถึงตอนนั้น พวกมันทั้งสองคงต้องการให้สนับสนุนและหวังจะให้เจ้าพวกนั้นช่วย พวกมันมีเทคนิคอะไรกันถึงทำสามารถทำแบบนั้นได้กัน?”
เกิงเคนก็ส่ายหัว “ข้ารู้สึกว่ามันจะไม่ง่ายอย่างนั้นสิ ลองตรวจสอบเพิ่มดูว่า พวกมันพูดอะไรกับพวกผู้อาวุโสที่พวกมันได้เชิญไปกันแน่”
“ได้ขอรับ ท่านผู้อาวุโสสูงสุด”หวังเจียงก็ตอบรับด้วยความเคารพอย่างสูง
“ตู่ซินและเติงกวงเหลียงมันได้ชวนไปแล้ว 18 คน แต่ยังคงเหลืออยู่อีก 6คน” เกิงเคนพูดอกมาอย่างเคร่งขรึม “ถ้าหากไม่ผิดหล่ะก็ พวกมันจะต้องเชิญผู้อาวุโสอีก 3 คน และเมื่อพวกมันทำ เจ้าต้องมารายงานข้า”
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด ท่านวางแผนจะทำอะไรงั้นหรือ?”หวังเจียงก็ถามออกมาอย่างระมัดระวัง
ดวงตาของเกิงเคนก็เปล่งประกาย “ข้าต้องการไปดูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
5วันผ่านไป
หวงเสี่ยวก็ได้ออกมาจากหุบเขาเทวะซูมี่ การบ่มเพาะของเขาในตอนนี้ก็คือการเพิ่มความแข็งแกร่งของพลังจิตของเขา
นอกจากนี้ ในที่สุดเคล็ดวิชาเทพอสูรของหวงเสี่ยวหลงนั้นก็ได้ทะลวงเข้าสู่ระดับ 4 แล้ว พอออกมาจากมิติของหุบเขาเทวะซูมี่ หวงเสี่ยวหลงก็ได้ทำการไหลเวียนปราณเทพอสูร ทำให้เกิดรอยแยกตรงกลางหน้าผากและเผยให้เห็นดวงตาสีแดงราวกับโลหิตอันสดใส
เนตรนรก!!
หวงเสี่ยวหลงก็ใช้ดวงตาใหม่ตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบๆและทุกสิ่งอย่างภายในคฤหาสน์ซึ่งทำให้เขามองเห็นได้อย่างชัดเจน
แม้กระทั่งด้านหลังกำแพงหินไปหลายเมตร เขาก็ยังมองเห็นได้ชัด