“เจียงเทียนหัวได้ส่งฉุยหมิงมาหาพวกเรา มันต้องการจะพูดคุยเรื่องพันธมิตรต่อต้านนิกายเก้าอสูรงั้นหรือ?”หวงเสี่ยวหลงก็มองเฉินเสี่ยวเทียนข้างเขา
“ใช่ขอรับ นายน้อย!”เฉินเสี่ยวเทียนก็พูดยืนยัน
“ตอนนี้ฉุยหมิงอยู่ที่ใหน?”หวงเสี่ยวหลงได้ถามขึ้นมาอีกรอบ
“ตอนนี้เขาอยู่นอกห้องโถงหลักขอรับ”เฉินเสี่ยวเทียนตอบออกมา
หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้า ตั้งแต่ 2 เดือนก่อน หวงเสี่ยวหลงได้คาดเดาไว้ว่าสถาบันกลืนกินโลหิตพยายามจะเป็นพันธมิตรกับนิกายพ่อมดนภา ความขัดแย้งระหว่างสถาบันกลืนกินโลหิตและนิกายเก้าอสูรนั้นได้ผลักดันให้สถาบันกลืนกินโลหิตมาถึงจุดตกต่ำที่ต้องปะทะนิกายเก้าอสูรที่แข็งแกร่งว่า อย่างน้อยพวกเขายังเหลือตัวเลือกที่จะเป็นพันธมิตรกับนิกายพ่อมดนภา
“นายน้อย เราจะดำเนินการอย่างไรดี?”เฉินเสี่ยวเทียนก็ถามอย่างระมัดระวัง
“บอกเขาให้กลับไป”หวงเสี่ยวหลงก็พูดออกมาอย่างจริงจัง “บอกเขาว่าหากสถาบันกลืนกินโลหิตต้องการเป็นพันธมิตรกับนิกายพ่อมดนภาหล่ะก็ เจียงเทียนหัวจะต้องมาด้วยตัวเองพร้อมกับของขวัญ”
เฉินเสี่ยวก็ตกตะลึง เขาคิดว่าหวงเสี่ยวหลงจะเห็นด้วยเสียอีก
บอกให้เจียงเทียนหัวมาด้วยตัวเองงั้นหรือ? สถานะและตัวตนของเจียงเทียนหัวในเมืองปีศาจทมิฬนั้นเขานั้นเป็นผู้มีอิทธิพลมากกว่าเฉินเสี่ยวเทียนซะอีก แต่เจียงเทียนหัวจะต้องนำของขวัญมาด้วยงั้นหรือ?
“ได้ขอรับ นายน้อย”แม้ว่าเขาจะรู้สึกสับสน เฉินเสี่ยวเทียนก็ไม่กล้าจะไม่ทำตามที่หวงเสี่ยวหลงสั่ง เขาได้ทำความเคารพและออกไปแล้วเดินทางไปห้องโถงหลัก
เมื่อเฉินเสี่ยวเทียนเดินทางไปถึงห้องโถงหลัก เขาก็มองเห็นฉุยหมิงที่กำลังนั่งอยู่จิบชาอย่างสบายๆ
ฉุยหมิงนั้นไม่ได้ลุกยืนแม้ว่าเขาจะสังเกตเห็นเฉินเสี่ยวเทียนเดินเข้ามาแล้วก็ตาม เขานั้นได้ดื่มด่ำไปกับชาและพูดออกมาว่า “ประมุขเฉิน ท่านคิดว่าอย่างไร?” ในความคิดของฉุยหมิง ประมุขนิกายพ่อมดนภาจะต้องตกลงเห็ฯด้วยต่อคำขอของพวกเขาแน่นอน มิฉะนั้น เมื่อนิกายเก้าอสูรถอนรากถอนโคนสถาบันกลืนกินโลหิตแล้วหล่ะก็ มันจะเป็นเรื่องยากที่นิกายพ่อมดนภาจะเหลือรอดอยู่ในเมืองปีศาจทมิฬ ในท้ายที่สุดนิกายพ่อมดนภาก็จะตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกับสถาบันกลืนกินโลหิต
พอมองเห็นฉุยหมิงจิบชาต่ออย่างสบายใจ เฉินเสี่ยวเทียนก็เย้ยหยันอย่างลับๆ “ถ้าหากสถาบันกลืนกินโลหิตต้องการเป็นพันธมิตรกับพวกเราหล่ะก็ จงให้เจียงเทียนหัวมาพร้อมกับของขวัญเสียเถิด”
ฉุยหมิงที่พึ่งจะจิบชาก็ถือถ้วยชาอยู่กลางอากาศในขณะที่จ้องมองเฉินเสี่ยวเทียนอย่างมึนงงไปชั่วขณะราวกับเขาไม่คาดคิดว่าเฉินเสี่ยวเทียนจะปฎิเสธมาจริงๆ
ให้เจียงเทียนหัวมาพร้อมของขวัญงั้นหรือ? สีหน้าของฉุยหมิงก็กลายเป็นหม่นหมองเมื่อเขาเข้าใจความหมายภายใต้คำพูดของเฉินเสี่ยวเทียน
“ประมุขเฉิน เจ้าแน่ใจว่าเจ้าต้องการให้ประมุขเจียงเทียนหัวมาด้วยตัวเองพร้อมกับของขวัญงั้นหรือ?”ใบหน้าของฉุยหมิงก็กลายเป็นหน้าเกลียด
เฉินเสี่ยวเทียนก็โต้กลับอย่างง่ายๆ “ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ใช่คนหูหนวก”
“เจ้า!”ฉุยหมิงที่โมโหก็ลุกขึ้นมาจากที่นั่ง
“อะไร เจ้าต้องการเป็นคนเริ่มสู้งั้นหรือ?”เฉินเสี่ยวเทียนก็ยั่วยุอีกฝ่าย
ฉุยหมิงก็ระงับความโกรธอย่างยากลำบาก เขาก็พูดใส่เฉินเสี่ยวเทียนว่า “ดี ดี ข้าจะกลัยไปรายงานคำพูดของเจ้าแก่ประมุขเจียง ประมุขเฉิน ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่เสียใจกับการตัดสินใจในวันนี้!”
“เสียใจงั้นหรือ?”เฉินเสี่ยวเทียน “ไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้”
ไปให้พ้นหน้าซะ! ใบหน้าของฉุยหมิงก็แดงขึ้นแต่เขาไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เขาได้ออกจากห้องโถงหลักแล้วมุ่งหน้าไปศูนย์หลักของสถาบันกลืนกินโลหิต
ห้องโถงของศูนย์หลักสถาบันกลืนกินโลหิต
“เฉินเสี่ยวเทียนพูดแบบนั้นจริงๆหรือ เขาต้องการให้ข้าไปเป็นการส่วนตัวพร้อมกับของขวัญงั้นหรือ?”เมื่อเจียงเทียนหัวได้ยินรายงานของฉุยหมิง เขาก็ประหลาดใจ และสีหน้าของเขาก็เริ่มมืดครึ้มพร้อมๆกัน
“ท่านประมุข เฉินเสี่ยวเทียนคนนี้มันอวดดีเกินไปแล้ว!”ผู้อาวุโสสถาบันกลืนกินโลหิตคนหนึ่งก็ได้โมโหขึ้นมา “เนแค่ประมุขนิกายพ่อมดนภากระจอกๆกล้าพูดคำด้านๆแบบนั้นออกมา บอกให้ประมุขของพวกเราไปหาเป็นการส่วนตัวพร้อมกับของขวัญงั้นหรือ! ตอนนี้เราไปล้างบางนิกายพ่อมดนภาสารเลวนี่เป็นนิกายแรกเถอะ!”
“ใช่แล้ว พวกเราจะทำลายพวกมันก่อนเลย!” ผู้อาวุโสนิกายสถาบันกลืนกินโลหิตคนอื่นก็ได้พูดขึ้นน้ำเสียงโมโห
ในตอนนั้น ฉุยหมิงก็ก้าวเข้ามา “ท่านประมุข มันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะกำจัดเฉินเสี่ยวเทียนและยึดนิกายพ่อมดนภา หลังจากนั้น เราก็จะแข็งแกร่งพอจะสู้กับนิกายเก้าอสูร ไม่ใช่ว่ามันคือการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวงั้นหรือ?”
“ใช่แล้ว ท่านประมุข หลังจากควบคุมนิกายพ่อมดนภา พวกเราก็จะทำกลายนิกายเก้าอสูร จากนั้นเมืองปีศาจทมิฬก็จะกลายเป็นของพวกเรา!”ผู้อาวุโสคนอื่นๆก็ได้พูดสนับสนุนการแนะนำของฉุยหมิง
เจียงเทียนหัวยกมือขึ้นและโบกมือให้ทุกคนใจเย็น เขาได้มองกวาดฝูงชนแล้วพูดไปว่า “การจะดูดกลืนนิกายพ่อมดนภานั้นจะเกิดขึ้นแน่นอนไม่ช้าก็เร็ว แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา” กายาปีศาจอมตะของเขานั้นยังไม่ถึงขั้นสมบูรณ์
“มันถึงเวลาที่หลี่หยุนหัวและหลิวหลี่หยางจะกลับมาแล้วไม่ใช่หรือ?”เจียงเทียนหัวก็ถามขึ้น
“ใช่แล้ว ท่านประมุข ผู้อาวุโสหลิวหลี่หยางได้ส่งข้อความาเมื่อวานก่อนเขาบอกว่าในอีกหนึ่งเดือนพวกเขาจะกลับมาพร้อมหินจิตวิญญาณแห่งคำสาปจากดินแดนแห่งความตาย” ฉุยหมิงได้รายงานขึ้น
เพื่อไม่ให้เจียงเทียนหัวเกิดความสงสัย หวงเสี่ยวหงได้สั่งการให้หลิวหลี่หยางส่งข่าวกลับไปสถาบันกลืนกินโลหิตตลอดเวลา
พอได้ยินข่าวนี้ เจียงเทียนหัวก็พยักหน่า “ให้เฉินเสี่ยวเทียนใช้ขีวิตอย่างสบายใจไปก่อนสองเดือน”
“แล้ว ท่านประมุข ตอนนี้พวกเราควรจะทำอะไรดี?”ฉุยหมิงได้ถามขึ้น
เจียงเทียนหัวก็กวาดมองห้องโถงหลัก และสายตาของเขาก็ได้ไปจับจ้องที่ร่างของฉุยหมิงในที่สุดแล้วพูดออกมาว่า “ภายในนิกายพ่อมดนภา เฉินเสี่ยวเทียนไม่ใช่ผู้ตัดสินใจในท้ายที่สุดสินะ”
ฉุยหมิงก็ดวงตาเปล่งประกาย “ท่านประมุขหมายถึงเกิงเคนงั้นหรือ?”
เจียงเทียนหัวก็ยิ้มอ่อนออกมา “ถูกแล้ว”
“ใช่แล้ว ท่านประมุข ข้ารู้แล้วว่าจะทำอะไร”ฉุยหมิงก็ได้ตอบ พอก้มหัวทำความเคารพ ฉุยหมิงก็ได้ออกไปจากห้องโถงและมุ่งหน้าไปคฤหาสน์ของเกิงเคน
แม้ว่าเจียงเทียนหัวจะไม่ใส่ใจในรายละเอียดมากนัก ฉุยหมิงก็เข้าใจในความต้องการของเขา––นั่นคือการเป็นพันธมิตรกับเกิงเคน ภายในนิกายพ่อมดนภานั้นสถานะและอิทธิพลของเกิงเคนนั้นเทียบได้กับเฉินเสี่ยวเทียนเลย ดังนั้นการร่วมมือกับเกิงเคนก็จะได้ผลลัพธ์ในแง่เดียวกัน ถ้าหากเกิงเคนเต็มใจร่วมมือกับสถาบันกลืนกินโลหิตหล่ะก็ ตัดสินจากหลายๆแง่ การเป็นพันธมิตรกันมันคงเป็นสิ่งที่ดีกว่าการร่วมมือกับเฉินเสี่ยวเทียน เพราะความสัมพันธ์ระหว่างเขาและเกิงเคนนั้นดีกันมาโดยตลอด
พอเข้าในคฤหาสน์ของเกิงเคน ฉุยหมิงก็ได้เข้าในห้องโถงหลักและจิบชารอคอยเกิงเคน ครู่ต่อมา ฉุยหมิงก็มองเกิงเคนเข้าในห้องโถงหลักจากด้านนอก
“พี่เกิงเคน ข้าไม่ได้พบท่านหลายเดือนแล้ว ใบหน้าของท่านยังเปล่งปลั่งเหมือนเดิม” พอเห็นเกิงเคนเดินเข้ามา ฉุยหมิงก็ลุกขึ้นยืนทักทายของเขาด้วยรอยยิ้ม
อย่างไรก็ตามปฎิกิริยาของเกิงเคนนั้นก็ค่อนข้างจะเมินเฉยแล้วนั่งลงหลังจากหันไปมองฉุยหมิง รอยยิ้มของฉุยหมิงก็แข็งข้าง อึดอัดและอับอาย จากนั้นเขาก็กลับไปนั่งลงที่เดิม
“ผู้แทนประมุขฉุยหมิงมีธุระอะไรถึงมาเยี่ยมเยียนคฤหาสน์ของข้า?”เกิงเคนก็พูดตัดบทแล้วถามฉุยหมิงอย่างตรงๆในขณะที่เขานั่งลง
ฉุยหมิงมองเกิเงคนและพูดจุดประสงค์ออกไปพร้อมกับเพิ่มว่า “ประมุขของพวกเราได้พูดมาว่า เมื่อประมุขได้ครอบครองเมืองปีศาจทมิฬ เขาจะต้องปฏิบัติกับพี่เกิงเคนอย่างดีเลย”
“ครอบครองเมืองปีศาจทมิฬงั้นหรือ?”ริมฝีปากของเกิงเคนก็ยกขึ้นยิ้มแบบยั่วยุในขณะที่เขาจ้องมองฉุยหมิง “มาหาข้าเมื่อเจ้าควบคุมเมืองปีศาจทมิฬได้แล้ว เราค่อยคุยกัน”
“ฉุยหมิงก็แข็งค้าง “พี่เกิงเคนหมายถึง?”
“เจ้าไม่เข้าใจงั้นหรือ?”เกิงเคนก็เย้ยหยันอย่างเย็นชา ประมุขของเราหมายถึงอะไร นั่นก็คือสิ่งที่ข้าหมายถึงด้วย”
ทันที ใบหน้าของฉุยหมิงก็แข็งค้าง ไม่ใช่ว่าเกิงเคนและเฉินเสี่ยวเทียนเป็นศัตรูกันหรือ? แล้วตอนี้พวกเขากลับร่วมมือกับเฉินเสี่ยวเทียนต่อหน้างั้นหรือ?
“เชิญไปได้ ข้าไม่ส่ง”มาถึงจุดนี้ เกิงเคนก็ยืนขึ้นและแสดงให้ฉุยหมิงเห็นว่าเขาไม่ต้อนรับ แม้ว่าเกิงเคนจะไม่ได้ใช้คำว่า ‘ไสหัวไป’เหมือนเฉินสี่ยวเทียน ที่จริงแล้วมันก็มีความหายเดียวกัน
ฉุยหมิงก็ยืนขึ้นด้วยความโกรธแค้นสุมอก แต่นท้ายที่สุดเขาก็กลับนิ่งเงียบแล้วออกไปจากคฤาสน์ของเกิงเคน
…..
ศูนย์หลักสถาบันกลืนกินโลหิต
“เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ?!”ใบหน้าของเจียงเทียนหัวก็มืดมนถึงขีดสุดเมื่อได้ยินการรายงานของฉุยหมิง
“เกิงเคนพูดว่า…”ฉุยหมิงลังเลแล้วจึงพูดไปว่า “เฉินเสี่ยวเทียนหมายถึงอะไร นั่นก็คือสิ่งที่ข้าหมายถึงด้วย”