บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน [符皇] – บทที่ 1320 เมืองคนบาป

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บทที่ 1320 เมืองคนบาป

บทที่ 1320 เมืองคนบาป

ท้องนภาเต็มไปด้วยสายลมและหิมะ มันมืดมิดราวกับสีดำขณะแผ่ซ่านไปทั่วพลังแห่งบาป

ในตอนนี้ ลำแสงสายหนึ่งทะยานขึ้นสู่ท้องนภา มันส่องแสงเจิดจ้าราวกับจะฉีกกระชากความมืดมิด ทำให้ขุนเขาธาราเต็มไปด้วยแสงสว่าง

คิคิ! คิคิ…!

เห็นได้ชัดว่าพลังบริสุทธิ์กำลังแผ่ขยายอยู่ภายในแสงอันไร้ที่สิ้นสุด มันกวาดผ่านหมู่เมฆที่เหลืออยู่พร้อมกับสายลม ก่อเกิดเป็นการทำลายล้างแล้วปกคลุมท้องนภาที่เต็มไปด้วยสายลมและหิมะ ซึ่งพลังแห่งบาปสีดำถูกแผดเผาจนสิ้น ทำให้เกิดเสียงคำรามดังกึกก้อง

เหตุการณ์นี้น่าสะพรึงเกินไป แสงสว่างไร้พรมแดนได้ชำระล้างบาปราวกับเทพกำลังตัดสินคนบาปนอกรีต มันเต็มไปด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ ร้อนแรง เจิดจ้าและโอ่อ่า

ทุกคนตกตะลึงจนรู้สึกหายใจไม่ออก

ทุกคนรวมถึงสาวงามซูซูและชายวัยกลางคนร่างกำยำต่างตกตะลึงกับเหตุการณ์ดังกล่าว พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าสิ่งนี้จะสามารถเกิดขึ้นได้จากคนเพียงคนเดียว

พรวด!

“อ๊าก!”

“บัดซบ!”

“เขาพบพวกเราได้อย่างไร?”

“แสงสว่าง! ชำระล้าง! หรือว่าเจ้าสิ่งบัดซบนี้จะเป็น…!”

เสียงแตกสลายหมองหม่นผสานเข้ากับเสียงร้องโหยหวนอันน่าสังเวช พวกมันพลันดังก้องไปทั่วบริเวณ

จากนั้น ทุกคนที่ตกตะลึงพบว่าในสายลมและหิมะที่ปกคลุมอยู่ในท้องนภาถูกชำระล้างด้วยแสงสว่าง ร่างที่เหมือนกับซากสุนัขตกลงสู่พื้นร่างแล้วร่างเล่า แต่ละร่างดูน่าเวทนาและดุร้ายซึ่งเต็มไปด้วยไอบาปสีดำทั่วทั้งร่างกาย

แต่ไม่ช้า ร่างเหล่านี้ก็ถูกแสงสว่างที่มีอยู่ทุกหนแห่งทำลายและชำระล้าง จากนั้นจึงแผดเผาร่างกายจนกลายเป็นเถ้าถ่านก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ผ่านไปสักพัก

สายลมและหิมะยังคงอยู่ แต่ไม่มีร่องรอยของบาปแม้แต่เศษเสี้ยวในขุนเขาธาราตลอดระยะรัศมีเก้าหมื่นลี้

หิมะสีขาวเงิน บริสุทธิ์และศักดิ์สิทธิ์ ไม่มืดมิดเหมือนก่อนหน้าอีกต่อไป

แสงสว่างสาดส่องเจิดจ้าขณะปกคลุมทุกคนที่อยู่ที่นี่ ประหนึ่งแสงอาทิตย์อันอบอุ่น อาบไล้ไปทั่วร่าง ทำให้หัวใจของทุกคนเต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นและสงบสุข

ไม่นานนักพวกเขาก็ตื่นจากความฝัน

แต่ร่างของเฉินซีก็หายไปแล้ว

“เมื่อครู่… พวกคนบาปเหล่านั้นที่กำลังไล่ตามพวกเรา… ซ่อนตัวอยู่แถวนี้หรือ?” ชายผู้หนึ่งกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

สิ้นคำ สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปเล็กน้อย หัวใจพลันสั่นสะท้าน ใช่แล้ว หากไม่ใช่เพราะชายหนุ่มเมื่อครู่ พวกเขาย่อมไม่ทราบว่าตนได้ตกอยู่ภายในวงล้อมไปแล้ว!

“ถ้าเขาไม่ลงมือ… พวกเรา… ก็คงจะจบสิ้นไปแล้ว…” ใครบางคนอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าสองสามครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถปกปิดความตกตะลึงได้

ทุกคนเงียบ เพราะต่างทราบดีว่าเป็นชายหนุ่มที่ให้การช่วยเหลือเมื่อครู่

เมื่อคิดถึงท่าทีปรปักษ์ของตนที่มีต่ออีกฝ่าย พวกเขาก็รู้สึกเสียใจขึ้นมา

มีเพียงซูซูที่เม้มริมฝีปากสีแดงสดแล้วพึมพำแผ่วเบา “ถึงแม้ข้าจะขาดประสบการณ์ แต่ก็ยังคงเชื่อมั่นว่าคนดีจะต้องได้รับการคุ้มครอง เหมือนอย่าง… เมื่อครู่”

ชายวัยกลางคนร่างกำยำผู้อยู่ข้างกายตกตะลึงและพูดไม่ออก ไม่อาจหาเหตุมาโต้แย้งซูซูได้

ในครั้งนี้ เป็นเพราะคำเตือนของซูซู จึงได้รับความช่วยเหลือ และรอดพ้นจากหายนะ!

“ข้าคิดว่าชายหนุ่มเมื่อครู่ช่างคล้ายกับ… เฉินซี?” ชายชราพลันเอ่ยอย่างลังเล “ถึงอย่างไร เขาก็เหมือนเฉินซีตามข่าวลือยิ่งนัก แถมยังควบคุมกฎเกณฑ์แห่งแสงสว่างได้ ซึ่งเฉินซีเคยแสดงพลังแห่งแสงสว่างตอนอยู่ที่สำนักศึกษาจักรพรรดิเต๋า”

เฉินซีหรือ?

ทุกคนตกตะลึงแล้วมองหน้ากัน พอคิดว่าชายหนุ่มผู้โด่งดังไปทั่วภพเซียน เขา… กลายเป็นสุริยันอันเจิดจ้าดวงที่เจ็ดของภพเซียนไปแล้ว!

“เขาเองสินะ ไม่แปลกเลยที่ทรงพลังขนาดนี้…” ซูซูตกตะลึงเช่นกัน ดวงตางดงามเต็มไปด้วยความหวังและสีสันอันเจิดจ้า

การช่วยกลุ่มของซูซูเป็นเพียงสิ่งที่เฉินซีกระทำอย่างเรียบง่าย หลังจากทำทั้งหมดนี้ เขาก็ไม่เก็บมาคิดจริงจัง ก่อนจะหันหลังแล้วยังคงทะยานไปยังเมืองอนันตรา

เมืองอนันตรา

ก่อนจะถึงจุดหมาย เฉินซีก็มองเห็นชั้นกลิ่นอายแห่งบาปประหนึ่งหมอกสีดำปกคลุมทั่วเมืองอนันตรา ทำให้ดูเหมือนสถานที่อันมืดมิดซึ่งมีอสูรร้ายพำนักอยู่

ช่างน่าสะพรึงยิ่ง!

บาปกลายเป็นหมู่เมฆปกคลุมท้องนภาและบดบังดวงอาทิตย์ จึงเห็นเพียงบาปร้ายซ่อนอยู่ทุกมุมเมือง จึงไม่แปลกที่มันจะถูกเรียกว่า “เมืองคนบาป”

ต่อให้อยู่ไกล เฉินซีก็มองเห็นเมืองอนันตราได้อย่างชัดเจน วงแสงสีดำแห่งบาปแต่ละวง เวียนวนไปมา เห็นได้ชัดว่าพวกมันคือคนบาปที่มือเปื้อนโลหิต

เฉินซีสะกดกลิ่นอายทั่วร่างเอาไว้เพื่อปกปิดพลังแห่งคุณธรรม ทำให้มันดูคลุมเครือ หากไม่ใช่ผู้ที่อยู่ขอบเขตเหนือกว่า ย่อมเป็นการยากที่จะสังเกตเห็นพละกำลังของเขา

หลังจากทำทั้งหมดนี้ ชายหนุ่มทะยานออกไปเพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองอนันตราซึ่งอยู่ไกลออกไป

ตามข้อมูลที่ได้มาจากเตียนเตี้ยน หญิงสาวผู้ลึกลับ ขอเพียงมาถึงภัตตาคารวิญญาณมังกรในเมืองอนันตราภายในสิบวัน อีกฝ่ายจะปรากฏตัวตามสัญญา

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เฉินซีเชื่อสนิทใจ เนื่องจากพละกำลังของอีกฝ่ายสุดหยั่ง การหลอกลวงเขาจึงนับเป็นเรื่องที่เสียเวลายิ่ง

“สหาย เจ้ากำลังจะเข้าเมืองหรือ?”

เมื่อเฉินซีมาถึงหน้าประตูเมืองอนันตรา ชายวัยกลางคนผู้มีคิ้วเจ้าเล่ห์ก็เดินเข้ามาถามด้วยความไม่มั่นใจ

“ใช่”

เฉินซีชำเลืองมองอีกฝ่ายแล้วเอ่ยคำ เขาสังเกตเห็นทันทีว่ามีกลิ่นอายของบาปเวียนวนอยู่รอบกายของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าเป็นคนบาปที่มือเปื้อนโลหิต

ทว่านี่คือเมืองอนันตรา เป็นสรวงสวรรค์ของคนบาป เฉินซีจึงไม่ได้มาที่นี่เพื่อสังหารและปกป้องความยุติธรรม เขาจึงไม่คิดสร้างเรื่องวุ่นวายกับอีกฝ่าย

ถึงอย่างไรหากลงมือสังหารขึ้นมา เขาอาจจะกลายเป็นศัตรูของคนบาปทั้งเมือง ถึงตอนนั้น ปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็จะลุกลามจนไม่เอื้อต่อจุดประสงค์ในการเดินทางในครั้งนี้

“โอ้ เช่นนั้นก็ง่ายเลย สหายคงมาเมืองอนันตราครั้งแรกสินะถึงยังไม่เข้าใจกฎของที่นี่ แต่พวกมันก็คือกฎ ทันทีที่ได้เรียนรู้ เจ้าก็จะคุ้นชินกับมันจนกลายเป็นเรื่องง่าย มันขึ้นอยู่กับว่าเจ้าอยู่ในร่องในรอยหรือไม่”

ชายวัยกลางคนผู้มีคิ้วเจ้าเล่ห์จับจ้องเฉินซีแล้วหรี่ตา ก่อนจะยื่นมือออกมาแล้วเอ่ยคำ “จ่ายมาก่อน… จ่ายศิลาอมตะมาหนึ่งพันก้อน แล้วข้าจะรับประกันให้ว่าเจ้าจะไม่ถูกกลั่นแกล้งตอนเข้าเมือง”

“ได้”

เฉินซีเหลือบมองรอบประตูเมืองก่อนจะพบสายตาจำนวนมากกำลังจ้องมองมาด้วยความมุ่งร้าย เขาจึงพยักหน้าตอบตกลงทันทีด้วยความคิดที่ว่าเสียเงินเพื่อเลี่ยงหายนะ

เมื่อเห็นเฉินซียอมจ่าย ชายวัยกลางคนผู้มีคิ้วเจ้าเล่ห์ก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึง เขาเกาศีรษะด้วยความงุนงงทันที “สหาย เจ้าน่าจะทราบอยู่แล้วว่าที่นี่คือเมืองคนบาป ถึงอย่างนั้นก็ยังมาที่นี่อีก แต่ถึงอย่างไรหน้าตาเจ้าก็ไม่ใช่คนพื้นที่ อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย…”

“ศิลาอมตะห้าพันก้อน พาข้าไปภัตตาคารวิญญาณมังกร” เฉินซีคิ้วขมวดพลางพูดขัดอีกฝ่าย

ไม่คิดเลยว่าจะถูกผู้อื่นเข้าใจผิดคิดว่าเป็นคนบาปที่กำลังหลบหนี แต่อีกฝ่ายเอาแต่พูดจาวกวนไปมาเพื่อศิลาอมตะ เขาจึงไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้

ขณะเอ่ยคำ ชายหนุ่มก็โยนถุงเก็บของให้

ดวงตาของชายวัยกลางคนทอประกาย เขายื่นมือออกไปรับแล้วซ่อนไว้เป็นอย่างดี จากนั้นก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “สหายช่างเป็นคนจิตใจกว้างขวาง ข้าชื่อหวงหลาง หากเกิดอะไรขึ้นในภายภาคหน้า เจ้าสามารถมาหาข้าได้ทุกเมื่อ”

สิ้นคำ เขาก็พาเฉินซีตรงเข้าเมือง

“กลิ่นอายของคนผู้นี้ดูแปลกประหลาดนัก หรือว่าจะเป็นนักล่าเซียน?”

“ข้าไม่รู้ แต่ถ้ากล้ามาที่นี่คนเดียว เกรงว่าคงต้องพึ่งพาใครสักคน สู้จับตาดูหมอนี่ที่ไม่อาจมองทะลุปรุโปร่งได้ดีกว่า”

“นี่ ถึงพวกข้าจะมีความอดทน แต่เจ้าหลี่เปาไม่ใช่ เจ้าคนเหยียบเรือสองแคมอย่างหวงหลางยังต้องร่วมมือกับหลี่เปาเลย แถมสายตาก็ไม่ดุร้ายเหมือนเมื่อก่อน หวังว่าครั้งนี้เขาจะไม่เจอปัญหาอะไร”

เบื้องหน้าประตูเมือง หลายคนต่างเย้ยหยันขณะมองเฉินซีตามหวงหลางเข้าไปในเมืองอนันตรา

เมืองอนันตราเต็มไปด้วยความปั่นป่วนและไร้กฎระเบียบ

หลังจากเข้าเมืองมาได้เพียงหนึ่งถ้วยชา เฉินซีก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารพวยพุ่ง หนึ่งคือคนสองกลุ่มที่กำลังต่อสู้บนท้องถนน สองคือชายขี้เมาที่ลวนลามหญิงสาวไม่สำเร็จก่อนจะโดนตบหน้าจนตาย สามเหลวไหลยิ่งกว่า อีกฝ่ายคือชายชราขอบเขตเซียนทองคำผู้กำลังพังภัตตาคารและฉีกทึ้งร่างเจ้าของทั้งเป็นเพียงเพราะอาหารและสุราไม่ถูกปาก วิธีการของเขาช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก

โดยสรุปแล้ว เมืองอนันตรามีความปั่นป่วนโกลาหลมากเกินไป มันเต็มไปด้วยพลังแห่งบาปประหนึ่งแดนชำระทมิฬซึ่งมีกลิ่นของความรุนแรงและโลหิตอยู่ทุกหนแห่ง

นี่มันบ้าเกินไปแล้ว!

ที่แห่งนี้ไม่มีระเบียบและกฎเกณฑ์ พละกำลังคือที่สุด คนบาปสามารถพบเห็นได้ตามท้องถนนและภัตตาคาร มันจึงควรค่ากับชื่อ “เมืองคนบาป”

“สหาย เจ้าเหมือนจะมาผิดทางหรือเปล่า?” เฉินซีพลันหยุดนิ่งขณะเอ่ยถามอย่างสงบ

“จะเป็นไปได้อย่างไร ข้างหน้านี่แหละคือภัตตาคารวิญญาณมังกร” หวงหลางตกตะลึงขณะรีบชี้ไปไกลพลางอธิบาย

“ข้างหน้าหลายพันลี้มีภัตตาคารทั้งสิ้นหกแห่ง แต่ไม่มีที่ไหนชื่อภัตตาคารวิญญาณมังกร หากเดินทางไปอีกห้าพันลี้ก็จะพบกับซากปรักหักพังโกลาหล มันกินบริเวณมากถึงแปดพันลี้ หลังจากนั้นก็จะเป็นมหาสมุทรไร้ที่สิ้นสุด ถ้าจำไม่ผิดเหมือนจะเรียกว่าทะเลอนันตรา”

เฉินซีหันศีรษะมามองหวงหลางแล้วเอ่ยคำ “นี่ไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง อธิบายซะ”

สีหน้าของหวงหลางพลันเปลี่ยนไป เขาไม่คาดคิดว่าญาณมหาเทวะอมตะของอีกฝ่ายจะครอบคลุมไกลถึงเพียงนั้น เขารู้สึกน้ำท่วมปาก ไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี

“เหอะ ถ้าเจ้าอธิบายไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะอธิบายให้ฟังเอง!”

ตอนนี้มีเสียงฮึดฮัดลอยมาตามถนนในระยะไกล เสียงของมันดังก้องประหนึ่งฟ้าคำราม ทันใดนั้นก็มีหลายสิบร่างปรากฏขึ้นจากทั้งสองด้านของถนน

ร่างเหล่านี้คล้ายกับซุ่มรออยู่นานแล้ว พวกเขามีทั้งชายหญิง ทั้งแก่และเด็ก ถึงขั้นมีสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดจากเผ่าพันธุ์อื่นอีกจำนวนมาก

แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือบนร่างเหล่านี้ล้วนเต็มไปด้วยพลังแห่งบาปที่แตกต่างกันออกไป โดยเฉพาะชายวัยกลางคนหัวล้านซึ่งเป็นผู้นำ พลังแห่งบาปเปลี่ยนสภาพเป็นเกราะสีดำปกคลุมทั่วร่าง ดูน่าสะพรึงยิ่งนัก

“ลูกพี่หลี่หรือ?”

หวงหลางตกตะลึงก่อนจะเริ่มออกวิ่ง

แต่ก่อนจะทันได้ลงมือ เฉินซียื่นมือไปคว้าคอของเขาไว้มั่น “ข้าจ่ายศิลาอมตะให้แล้ว แต่เจ้าคิดหนีหรือ มันไม่เสียมารยาทไปหน่อยหรืออย่างไร”

แม้น้ำเสียงจะสงบ แต่กลับเต็มไปด้วยพลังเย็นยะเยือกที่เกาะกุมหัวใจของทุกคน

เมื่อเหตุการณ์ปรากฏตรงหน้า เฉินซีจะไม่เข้าใจได้อย่างไรว่าคนเหล่านี้หมายหัวตน?

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

บันทึกเส้นทางจักรพรรดิเซียน

Status: Ongoing
เกิดมาถูกตราหน้าเป็นตัวซวยประจำเมือง แต่พวกเจ้าทั้งหมดจงเตรียมตัวไว้ ข้าเฉินซีผู้นี้จะทำให้พวกเจ้าก้มหัวศิโรราบภายใต้มหาเต๋ายันต์อักขระที่ข้าสร้าง!รายละเอียด เรื่องย่อ เฉินซี เด็กหนุ่มผู้ได้รับฉายา ‘ตัวซวยสุดขีด’ ประจำเมืองสนหมอก เขาคือผู่ที่ไม่ว่าเดินไปทางใดก็มีแต่ชาวบ้านหลีกทางให้เนื่องจากกลัวติดความโชคร้าย ยามเมื่อกำเนิดลืมตาดูโลกตระกูลเฉินของเขาที่เคยยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองสนหมอกถูกสังหารหมู่ตายไปนับพันจนเหลือคนแค่เพียงหยิบมือ จากนั้นไม่นานต่อมาบิดาและมารดาหายสาปสูญ ถัดมาเมื่อเติบโตจนรู้ความ สัญญามั่นหมายถูกฉีกต่อหน้าผู้คนทั้งนคร เหตุใดชีวิตข้าจึงเป็นเช่นนี้? หรือสวรรค์เกลียดชังเคียดข้า? ทว่าใยไม่ลงโทษข้าเพียงผู้เดียวแต่กลับดลบรรดาลให้เกิดหายนะแก่ผู้คนรอบข้างข้าด้วย ไม่ยุติธรรม! ข้าไม่ยินยอม! คอยดูเถิดสวรรค์ ข้าจะบรรลุเต๋ายันต์สาปส่งเจ้า ข้าจะทำลายผู้คนที่ย่ำยีตระกูลข้าให้สิ้น ข้าจะทำให้สรรพสิ่งทั้งสามโลกก้มกราบกรานข้า ประสานเสียงแซ่ซ้องเทิดทูนข้า ‘มหาจักรพรรดิอักขระยันต์’ นี่คือเรื่องราวของเด็กหนุ่มนามเฉินซี ผู้ถูกชะตาชีวิตบังคับให้ไม่อาจบ่มเพราะได้เฉกเช่นผู้คนทั่วไปแต่ต้องศึกษาวิชาเขียนยันต์อักขระ เพื่อขายประทังชีพให้แก่ครอบครัว ทว่าในยามดิ้นรนนั้นมันกลัยทำให้เขารู้แจ้งพื้นฐานในแขนงยันต์ยิ่งกว่าผู้ใดในเมืองซึ่งท้ายที่สุดมันทำให้เขากลับกลายเป็นมหาจักรพรรดิยันต์ผู้อยู่เหนือสามโลกเก้าสวรรค์!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท