ตอนที่ 180 เสื้อบุฝ้าย
นักเรียนหลายคนเองก็ได้สติ
“สวรรค์ คุณหนูโค่วดูนรลักษณ์เป็นจริงๆ!”
“มหัศจรรย์เกินไปแล้ว ไม่เพียงมองออกว่ากู่อวี้มีเคราะห์เลือดตกยางออก ยังมองออกว่าเขาจะเกิดเหตุอย่างไร!”
“พวกเจ้าไม่รู้สึกว่าคุณหนูโค่วแจกข้าวต้มเพื่อช่วยกู่อวี้ จะใช้เงินก้อนโตไปหน่อยหรือ”
ต้องใช้เงินเท่าไรกันนะ!
หลายคนหันไปมองนักเรียนที่เอ่ยขึ้น
“เป็นอันใดไปหรือ ข้าพูดผิดหรือ”
“เจ้าไม่ได้พูดผิด” นักเรียนที่เท้าคางอยู่ลื่นหลุด พึมพำว่า “ที่แท้ข่าวลือว่าคุณหนูโค่วรวยมากเป็นความจริง”
จังซวี่ส่งเสียงกระแอมไอ “อย่านอกเรื่อง ข้ารับปากเก็บเป็นความลับให้คุณหนูโค่ว พวกเจ้าไม่ได้บอกผู้อื่นใช่ไหม”
หลายคนเลิ่กลั่กมองกันไปมา เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า สายตาเลื่อนลอย
จังซวี่ร้อนใจขึ้นมา “พวกเจ้าได้บอกผู้อื่นไปแล้ว?”
เดิมก็พูดกันไปโดยไม่ทันคิด แต่คุณหนูโค่วดูนรลักษณ์เป็นจริงๆ ตอนนี้เขาคิดจะสานสัมพันธ์กับบุคคลสูงส่งผู้นี้!
“ผู้ใดพูดออกไป”
พอจังซวี่เค้นถาม ทุกคนก็พากันปฏิเสธ “ข้าไม่ได้พูด!”
จังซวี่ลุกขึ้นยืน
“พี่จัง พี่ไปไหนน่ะ”
“ยังจะไปไหน ก็ไปหาคุณหนูโค่วไงเล่า!”
เห็นจังซวี่เดินออกไป คนที่เหลือได้แต่สบตากันไปมา ก่อนจะรีบตามออกไป
พวกเขาเองก็อยากพบคุณหนูโค่วผู้พยากรณ์แม่นยำ!
เสื้อผ้าพวกนี้ทยอยซื้อมาเมื่อหลายวันก่อน เพราะเวลาเร่งด่วน จำนวนยังไม่ค่อยครบ ดีที่คุณหนูโค่วมีร้านเสื้อผ้าของตนเอง สั่งให้ช่างตัดเย็บรีบเย็บออกมาแล้ว
อากาศหนาวในเดือนสิบสอง หากต้องกินน้อยดื่มน้อยในระยะเวลาสั้นๆ ก็ยังพอทนไหว แต่ไม่มีบ้านให้พักพิงและขาดเครื่องป้องกันความหนาว อาจทำให้คนหนาวตายได้
“ถนนมีหิมะกองหนา รถวิ่งช้าหน่อย” ซินโย่วมาส่งหน้าร้านหนังสือพร้อมกำชับหัวหน้าหยาง
“ท่านเจ้าของร้านวางใจ รับรองว่าทำตามคำสั่งท่าน นำเสื้อบุฝ้ายเหล่านี้ไปส่งถึงมืออย่างแน่นอนขอรับ” หัวหน้าหยางตบหน้าอกรับรอง
หากบอกว่าเริ่มแรกที่เขารู้สึกซาบซึ้งใจที่คุณหนูโค่วช่วยชีวิตไว้ ตอนนี้ก็ความเลื่อมใสเพิ่มอีกมาก
เจ้าของร้านช่างเป็นดังเทพธิดาจริง!
ร้านค้าสองข้างทางกับคนเดินผ่านไปมาเห็นรถม้าบรรทุกของเต็มคันแล่นผ่านไป ก็พากันเอ่ยชม
“มิน่าคุณหนูโค่วดูแลการค้าร้านหนังสือชิงซงให้รุ่งเรืองได้ เพราะใจกุศลได้รับผลตอบแทน!”
“ใช่ ผู้ใดจะคิดว่าคุณหนูคนหนึ่งจะใจกว้างได้เพียงนี้”
“ได้ยินแล้วหรือยังบ้านเรือนแถบเป่ยโหลวฝางถูกหิมะถล่มทับ โชคดีที่คุณหนูโค่วไปแจกข้าวต้มที่นั่น ผู้คนมารอรับข้าวต้มกันข้างนอกจึงได้พ้นเคราะห์นี้มาได้”
“จริงหรือ?”
“จะเท็จได้อย่างไร นักเรียนหลายคนในสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนพูดกันอยู่”
“นี่เรียกว่าสั่งสมบุญบารมีมากมายเลยนะ”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ ซินโย่วไม่ได้หยุดฟัง ตอนหันหลังกลับเข้าร้านหนังสือก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกดัง
“คุณหนูโค่ว คุณหนูโค่ว…”
ซินโย่วหันไปมอง
“คุณชายจัง?”
จังซวี่วิ่งมาตรงหน้าหอบหายใจเอ่ยว่า “คุณหนูโค่ว ข้าได้ยินมาแล้ว!”
จังซวี่พบว่ามีคนอยู่รายรอบไม่ได้น้อย ก็หรี่เสียงลงเอ่ยว่า “คิดไม่ถึงว่าเจ้าดูนรลักษณ์เป็นจริงๆ!”
ซินโย่วมุมปากกระตุก
ก็มิต้องรีบร้อนมาพูดเรื่องนี้ไหม
“แค็ก แค็ก คุณหนูโค่ว วันนั้นบอกว่าระยะนี้ข้าค่อนข้างราบรื่น จริงหรือ”
ซินโย่วเพ่งมองจังซวี่ทีหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อย “อืม”
จังซวี่เผยรอยยิ้มผ่อนคลาย
ใกล้จะสอบประจำเดือนแล้ว ส่วนใหญ่เขาจะถูกตีทุกเดือน ครั้งนี้ถึงกับรอดไปได้
ซินโย่วยังมีงานมากมายรออยู่ ไม่มีเวลามาคุยเล่นกับคุณชายพวกนี้ กวาดตามองไปเห็นนักเรียนหลายคนตามหลังเขามา ก็ถามขึ้นเบาๆ ว่า “คุณชายจังเก็บความลับให้ข้าใช่ไหม”
จังซวี่ยิ้มค้าง รีบเอ่ยว่า “คุณหนูโค่วไปทำงานของท่านเถอะ ข้ากลับไปเรียนที่สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ก่อน”
ไม่รอให้ซินโย่วเอ่ยอีก จังซวี่ก็รีบเดินไปหานักเรียนที่ตามหลังเขามาพลางส่งยิ้มให้ซินโย่ว
“คุณหนู คุณชายจังผู้นี้ต้องพูดเรื่องท่านดูนรลักษณ์เป็นออกไปอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหลียนขมวดคิ้ว
ซินโย่วยิ้มกล่าวว่า “ไม่ต้องสนใจพวกเขา พวกเรากลับไปจัดการบัญชี ส่งคนไปร้านเสื้อผ้าถามความคืบหน้า”
ในมือซินโย่วมีบัญชีสามชุด หนึ่งชุดของร้านหนังสือชิงซง กำไรร้านหนังสือ นางจัดสรรได้ตามใจต้องการ อีกชุดคือร้านค้าสิบกว่าร้านของโค่วชิงชิง ร้านค้าเหล่านี้มอบให้ฟางหมัวมัวดูแล เป็นสองคนสนิทที่สุดของโค่วชิงชิงที่นางหลงเหลืออยู่บนโลกใบนี้ ยังมีอีกชุดจดบันทึกเงินก้อนทองก้อนของโค่วชิงชิง
เงินเหล่านี้ได้ขอความเห็นจากเสี่ยวเหลียนแล้ว จะนำมาช่วยเหลือผู้ประสบภัย ตอนนี้แถวบ้านกู่อวี้ประสบภัย ก็นำเงินนี้มาใช้ในเรื่องที่ควรใช้พอดี
นอกจากบริเวณแถบนี้แล้ว เมืองหลวงย่อมมีพื้นที่ประสบภัยอื่น แต่พื้นที่นอกเมืองหลวงก็มิกล้านึกภาพต่อแล้ว
ซินโย่วไม่อาจให้ความช่วยเหลือทุกคนได้ ได้แต่ทำสุดความสามารถ ให้สมกับความสามารถพิเศษที่ตนมี และให้สมกับสมบัติก้อนนี้ของโค่วชิงชิง
ตอนรีบเดินเข้าไปในร้านหนังสือ ซินโย่วก็ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นเคย พอหันไปก็เห็นเฮ่อชิงเซียวในชุดแดง
เขานำลูกน้องมาไม่น้อย พกดาบยาวที่เอว ดูแล้วเพียงแค่ผ่านทางมา
“ใต้เท้าเฮ่อ” ซินโย่วเดินไปหา
“เรื่องที่เป่ยโหลวฝาง ข้าได้ยินมาแล้ว” ความจริงเฮ่อชิงเซียวไม่ได้พบซินโย่วหลายวันแล้ว แต่รู้ความเคลื่อนไหวหลายวันนี้ของร้านหนังสือชิงซงกระจ่าง
สถานะเช่นเขา หลายเรื่องเกรงว่าไม่ตั้งใจสอบถาม ก็จะมีคนแอบมารายงานเขา
“เพิ่งเห็นรถม้าไม่น้อยขนของไป ร้านหนังสือส่งไปทางนั้นหรือ”
ซินโย่วพยักหน้า
“พอดีข้าจะไปเป่ยโหลวฝาง หากคุณหนูโค่วต้องการให้สังเกตเรื่องใด ก็บอกข้าได้”
ซินโย่วคาดไม่ถึงอยู่บ้าง “ใต้เท้าเฮ่อจะไปเป่ยโหลวฝาง?”
“ฝ่าบาททรงรับรู้ว่าเกิดแผ่นดินไหวจากในวัง รับสั่งให้แต่ละหน่วยงานตรวจสอบสภาพเหตุการณ์ในเมืองหลวง ให้การดูแลผู้ประสบภัย ตามข่าวที่ได้มาในตอนนี้ บ้านเรือนแถบเป่ยโหลวฝางพังถล่มลงมารุนแรงที่สุด ข้าพาลูกน้องไปให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ จัดการดูแลเรื่องศูนย์พักพิงผู้ประสบภัยชั่วคราวก่อน …” เฮ่อชิงเซียวเอ่ยถึงการจัดการของราชสำนัก
การสร้างบ้านเรือนใหม่ต้องใช้เวลา หากปล่อยให้ผู้ประสบภัยนอนกลางหิมะ แม้ไม่ถูกทับตายก็คงได้หนาวตาย
ซินโย่วได้ยินการจัดการของราชสำนัก ก็โล่งใจแทนพวกมารดากู่อวี้ “ก็ไม่ได้มีอันใด หากใต้เท้าเฮ่อสะดวก ก็ช่วยดูเรื่องการแจกจ่ายเสื้อบุฝ้าย อย่าได้เกิดเหตุแย่งชิง”
เสื้อบุฝ้ายสำหรับชาวบ้านแล้วไม่ใช่ของราคาถูก ชาวบ้านยากจนจะมีเสื้อบุฝ้ายสักตัวก็เรียกว่าสิ้นเปลืองมาก ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงยามเกิดภัยพิบัติเช่นตอนนี้
“ได้” เฮ่อชิงเซียวพยักหน้า มองซินโย่วลุ่มลึกทีหนึ่ง “คุณหนูโค่วเกรงใจไปแล้ว”
มองตามเฮ่อชิงเซียวนำลูกน้องรีบไป ซินโย่วก็หันไปจัดการงานต่อ
ยามนี้บรรยากาศทางฝั่งเป่ยโหลวฝางเศร้ารันทดอยู่บ้าง
“พังหมดแล้ว พังไปหมดแล้ว…” มีคนปาดน้ำตาปวดใจ
“แล้วคืนนี้จะทำอย่างไร”
“ท่านแม่ ข้าขุดพบเสื้อตัวหนาชุดหนึ่ง!”
“รีบเอาเสื้อกั๊กที่ข้าสวมอยู่ห่อให้ลูกเร็ว เด็กตัวเล็กทนหนาวไม่ไหว”
“พวกเจ้าดูนั่น รถม้ามากมาย!”
คนที่อยู่ใกล้พากันล้อมวงเข้ามา พอถามกระจ่างแล้วก็ซาบซึ้งใจอย่างที่สุด “คุณหนูโค่วส่งเสื้อบุฝ้ายมา คุณหนูโค่วส่งเสื้อบุฝ้ายมา!”
“ขอสวรรค์คุ้มครองให้คุณหนูโค่วอายุยืน!”
เฮ่อชิงเซียวเร่งเดินทางมาถึงเป่ยโหลวฝาง ก็ได้เห็นภาพคนกำลังรับเสื้อบุฝ้ายและพากันขอบคุณคุณหนูโค่ว