“หยกที่ชนเผ่าเทวะโบราณหลงเหลือไว้งั้นหรือ?”หวงเสี่ยวหลงก็ตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย ทําไมถึงมีวัตถุโบราณที่เกี่ยวข้องกับชนเผ่าเทวะปรากฏขึ้นมาอีกหล่ะ?!
“นอกจาก ข้าเคยได้ยินว่าหยกชิ้นนี้เป็นของที่ราชายักษาโบราณหลงเหลือไว้ด้วย!”ในตอนนั้น การพูดคุยของโต๊ะข้างๆก็ดําเนินต่อไป
“ราชายักษาโบราณ! เป็นแบบนี้ได้เยี่ยงไร!” คนในโต๊ะที่กําลังนั่งฟังก็อุทานออกมาด้วยความสะพรึงกลัว
หวงเสี่ยวหลงเองยังว่ามันเหลือเชื่อเกินไป- ในสมัยโบราณนั้นมีราชาผู้ยิ่งใหญ่อยู่ทั้งหมด 6 คน และราชายักษาก็เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ทั้ง 6 คน ดังนั้น หยกของราชายักษาที่หลงเหลือไว้ซึ่งเป็นสมบัติล้ําค่ากลับถูกคนนําไปประมูลเนี่ยนะ?!
“บางที่ประมูลอาจจะสร้างข่าวปลอมเพื่อทําให้การประมูลตื่นเต้นขึ้นก็ได้? ใครจะเอาหยกของราชายักษามาประมูลกัน? คงมีแต่คนโง่เท่านั้นที่ทํา!”ได้มีคนอื่นอีกคนพูดขัดขึ้นด้วยความแคลงใจ
“ไม่มีใครรู้เรื่องนี้แน่ชัด แต่ข่าวลือบอกไว้ว่ามีชายสวมหน้ากากเป็นคนฝากหยกนั่นให้โรงประมูลทําการประมูล สามผู้ประเมินอาวุโสระดับสูงแห่งเมืองหมื่นเทวะได้ตรวจสอบหยกนั้นแล้วยืนยันว่าหยกนั้นเป็นหยกอันเดียวกับที่ราชายักษานําติดตัวไว้ตลอดเวลา ซึ่งมันเรียกว่าหยกราชายักษา”
“หยกที่ราชายักษานําติดตัวไว้ตลอดเวลา หยกราชายักษา?!” ทุกๆคนต่างก็ตกตะลึงขึ้น เรื่องหยกราชายักษานั้นได้ถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์โบราณที่กล่าวไว้ว่าหยกราชายักษานั้นได้บรรจุเคล็ดวิชาบ่มเพาะของราชายักษา ผู้ใดที่ได้บ่มเพาะเคล็ดวิชานี้จะมีพลังพลิกภูเขาถล่มปฐพีได้ดั่งใจ
ฉินหยาง หลี่เฟยและคนที่เหลือก็ตกใจที่หยกราชายักษาปรากฏขึ้นในงานประมูลครั้งนี้
“นายน้อย มันช่างเป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆที่เราได้มาพบหยกราชายักษาในงานประมูลครั้ง นี้!”ฉินหยางก็กล่าวออกมาอย่างตื่นเต้นและพูดออกมาอย่างเคารพ “ถ้าหากนายน้อยได้หยกราชายักษามาหล่ะก็พอถึงตอนนั้น…”
พอถึงจุดนี้ หวงเสี่ยวหลงก็โบกมือให้ฉินหยาง ฉินหยางจึงได้หยุดพูดในสิ่งที่จะพูดทันทีเมื่อ เขาเห็นว่าหวงเสี่ยวหลงส่ายหัว แม้ว่าข่าวลือที่กล่าวว่าหยกนั่นเป็นที่บันทึกเคล็ดวิชาบ่มเพาะของราชายักษา มันจะเย้ายวนมากเพียงใด สําหรับคนอย่างหวงเสี่ยวหลงที่มีเคล็ดวิชาต่อสู้ดาบเทพอสูร เคล็ดวิชาซมีเทวะ และพระคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นมันก็ไม่ได้ทําให้เขาสนใจเลยสักนิด
นอกจากนี้ หยกราชายักษาที่ถูกประมูลนั้นคงทําให้เกิดการแข่งขันอันดุเดือดจากผู้เชี่ยวชาญ อันทรงพลังมากมายอย่างแน่นอน แม้ว่าหวงเสี่ยวหลงจะประมูลได้มา เขาก็ไม่มีพลังพอจะปกป้องหยกราชายักษาไว้อยู่ดี
ครู่ต่อมา บริกรก็ได้เอาอาหารมาเสิร์ฟให้กลุ่มของหวงเสี่ยวหลง หลังจากนั้นพอทานอาหารเสร็จ หวงเสี่ยวหลงและคณะก็จ่ายเงินแล้วออกไปจากร้าน
ต่อมา หวงเสี่ยวหลงเดินเข้าไปในร้านๆหนึ่งและจ่ายเงินไปหนึ่งแสนเหรียญทองซื้อแผ่นที่ของดินแดนแห่งความโกลาหลที่มีรายละเอียดของสถานที่หลายแห่ง พอดูแผนที่ หวงเสี่ยวหลงก็ประหลาดใจที่พบว่าแม้กระทั่งแผนที่อันนี้ก็ไม่มีตําแหน่งที่ตั้งของภูเขาสี่ทะเล หวงเสี่ยวหลงจึงออก จากร้านแล้วไปร้านหนังสือพร้อมกับซื้อหนังสือที่เกี่ยวข้องกับดินแดนแห่งความโกลาหล จากนั้นเขาก็เอากลับมาอ่านที่ห้อง
งานประมูลจะเริ่มอีก 3 วันข้างหน้า ดังนั้นนอกจากบ่มเพาะแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็ใช้เวลา ไปกับการอ่านหนังสือเหล่านี้ หลังจากอ่านหนังสือไปมากมายรวมไปถึงข้อมูลที่เขาเคยค้นคว้ามา หวงเสี่ยวหลงก็สรุปได้ว่าภูเขาที่ชื่อว่าช่องเสือใจสลายที่อยู่ใกล้กับเมืองหมื่นเทวะนั้นคือหุบเขาสี่ทะเลที่เขาตามหาอยู่
“ช่องเสือใจสลาย” หวงเสี่ยวหลงก็พูดออกมาเสียงดัง
พอได้ตําแหน่งแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็เดินทางออกจากเมืองหมื่นเทวะแล้วมุ่งหน้าไปที่ช่องเสือใจสลายอย่างรวดเร็ว ช่องเสือใจสลายนั้นอยู่ไม่ไกลจากเมืองมากเท่าไหร่ ดังนั้นหวงเสี่ยวหลงสามารถไปกลับได้ภายในครึ่งวัน แต่ครั้งนี้เขานั้นไปตรวจสอบคนเดียวโดยทิ้งคนที่เหลือไว้ในเมือง
3 ชั่วโมงต่อมา หวงเสี่ยวหลงก็ได้มาหยุดอยู่หน้าภูเขาสูงลูกหนึ่งที่ดูคล้ายกับเสือ จากนั้นเขาก็เอาแผนที่ออกมาตรวจสอบพื้นที่รอบเพื่อยืนยันว่าที่แห่งนี้คือภูเขาช่องว่างเสือใจสลาย
จากนั้นเขาก็ได้พุ่งขึ้นมายืนอยู่บนยอดภูเขาช่องว่างเสือใจสลายในพริบตาย แล้วจึงทําการแผ่ขยายสัมผัสวิญญาณออกไปตรวจสอบพื้นที่รอบๆ แต่หลังจากตรวจสอบทุกซอกทุกมือในภูเขา ผ่านไป 1 ชั่วโมง เขาก็หาอะไรไม่พบเลย
“หรือว่าข้าคํานวลผิดพลาดไป?”หวงเสี่ยวหลงก็สงสัย
หวงเสี่ยวหลงก็ใช้สายตาสอดส่องรอบๆ สุดท้าย สายตาของเขาก็ได้ตกลงบนช่องว่างขนาดใหญ่ที่แบ่งภูเขาออกเป็นสองส่วน นอกจากลงไปข้างล่าง เขาก็คงมีแต่ต้องพลิกภูเขาแล้วหล่ะ จากนั้นเขาก็เดินไปริมขอบหน้าผานั่นแล้วมองลงไป แม้กระทั่งด้วยสายตาอันแหลมคมของหวงเสี่ยวหลง เขาก็มองเห็นได้ไกลสุดแค่ 20 เมตร ไกลกว่านั้นก็มองเห็นเพียงความมืดมิด
หวงเสี่ยวหลงได้ยื่นแขนออกไปแล้ว ดูดก้อนหินที่มีความกว้างไม่กี่เมตรเข้ามาแล้วขว้างลงหน้าผาไป ไม่ว่าจะรอนานเท่าไหร่ หวงเสี่ยวหลงก็ไม่ได้ยินเสียงสะท้อนจากกระทบของก้อนหินเลย
“นี่มัน?!” หวงเสี่ยวหลงก็ตกใจในขณะเดียวกันดวงตาของเขาก็เปล่งประกายออกมา
พอมองตรวจสอบจากไกลๆ ภูเขาช่องว่างเสือใจสลายนี้มันมีความสูงประมาณหลายร้อยเมตรตามปกติแล้ว หลังจากขว้างหินจากจุดสูงสุดลงมาถึงข้างล่างคงใช้เวลาไม่นานซึ่งมันจะทําให้เกิดเสียงสะท้อนจากหินที่ตกลงไปออกมาแต่ตอนนี้มันกลับไม่มีเสียงสะท้อนออกมา!
หรือว่ารอยแยกนี้มันเชื่อมกับเส้นทางใต้ดิน? มิฉะนั้น มันคงจะไร้เหตุผลเกินที่ไปก้อนหินที่ร่วงลงไปไม่ถึงพื้นสักที หวงเสี่ยวจึงยืนครุ่นคิดสักครู่ และในท้ายที่สุดเขาจึงตัดสินใจลงในรอยแยก
ดังนั้นหวงเสี่ยวหลงจึงกระโดดลงรอยแยกพร้อมกับใช้ปราณีและปราณภายในลดความเร็วในหล่นไปด้วย พอร่วงหล่นผ่านไปร้อยเมตร ระยะการมองเห็นของหวงเสี่ยวหลงก็เหลือเพียง 100 เมตร ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงหล่นลงไปในนั้นจู่ๆเขาก็สัมผัสได้ถึงลมเย็นพัดขึ้นมากระทบผิวของเขามาจากรอยแยก ทําให้หวงเสี่ยวหลงรู้สึกราวกับโดนคมกระบี่อันหนาเย็นเฉือนใส่อย่างเจ็บปวด
หวงเสี่ยวหลงตกตะลึงมาก เนื่องจากเขานั้นได้บรรลุระดับเซียนเทียนแล้ว ซึ่งหลังจากที่เขาบรรลุระดับเซียนเทียนขั้นสูง ทําให้ผิวหนังของเขาแข็งแกร่งและทนทานมากยิ่งกว่าผิวหนังของระดับเซียนเทียนขั้นที่ 8 ธรรมดาๆอีก และมันยังทําให้ดาบหอกฟันแทนไม่เข้าและต้องไม่ลืมว่าใน ร่างกายของเขาที่มีปราณเทพอสูรไหลเวียนอยู่นั้นเป็นปราณหยินที่หนาวเย็นที่สุด แต่เขากลับรู้สึกเจ็บปวดจากลมหนาวที่พัดขึ้นมากกันรอยแยกเนี่ยนะ? ลมหนาวนี่มันอะไรกันแน่?!
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงกําลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็ได้มีลมหนาวพัดขึ้นมาอีกรอบ เขาจึงได้เอี้ยวตัวหลบหลีกลมหนาวไปพร้อมกับความคุมความเร็วในการร่วงหล่นและตื่นตัวตลอดเวลา ยิ่งเขาลงไปมากเท่าไหร่ ลมหนาวที่พัดขึ้นมาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ใหญ่มากขึ้นและพัดขึ้นมาบ่อยขึ้น
ในเริ่มแรก มันมีเพียงหนึ่งถึงสองครั้ง ในขณะที่เขาร่วงหล่นลงไปเรื่อยๆ มันก็ได้เพิ่มขึ้นมาเป็น 10 ครั้งอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เพิ่มเป็น 20 ครั้ง ดังนั้นหวงเสี่ยวหลงจึงไม่มีทางเลือกนอกจาการปลดปล่อยปราณเทพอสูรออกมาเป็นกําแพงปราณป้องกันรอบตัวเขา อย่างไรก็ตามลมเย็นพวกนั้นก็พุ่งผ่านเข้ามาในกําแพงปราณได้ จึงทําให้หวงเสี่ยวหลงไม่สบายใจมากขึ้น
พอหล่นผ่านไป 600 เมตร หวงเสี่ยวหลงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้เปลี่ยนเป็นร่างเทพอสูรพร้อมกับเรียกมังกรดําออกมาทําการเปลี่ยนวิญญาณไปด้วย หลังจากนั้นพอถึง 1 พันเมตร หวงเสี่ยวหลงก็ได้เรียกจิตวิญญาณมังกรฟ้าออกมาแล้วทําการรวมร่าง แต่ไม่ว่าจะอย่างไร หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกราวกับเลือดในร่างของเขานั้นแข็งตัวและไม่สามารถไหลเวียนได้
1200 เมตรต่อมา หวงเสี่ยวหลง หวงเสี่ยวหลงก็หายใจไม่ได้ เขาจึงยกมือขึ้นมาแล้วโจมตีใส่กําแพงหินของรอยแยกแล้วเจาะเป็นหลุม จากนั้นเขาก็ใช้เวลาอีกหนึ่งชั่วโมงในการปืนรอย แยกกลับไปที่หน้าผาด้วยความโล่งอก งั้นก็นั้นเขาก็สะบัดตัวเพื่อทําลายชั้นน้ําแข็งที่เกาะตามตัว
หลังจากงานประมูลดูเหมือนว่าข้าจะต้องมาตรวจสอบที่นี่อีกรอบ หวงเสี่ยวหลงก็มองที่รอยแยกกั้นไร้ที่สิ้นสุดและครุ่นคิด
ตอนนี้ท้องฟ้าก็มืดแล้วซึ่งพรุ่งนี้จะเป็นวันที่เริ่มการประมูล ดังนั้นเขาจึงจําเป็นต้องรีบกลับไปที่เมืองอย่างเร่งด่วน
เขารู้สึกว่าที่กันรอยแยกอาจจะมีโลกใบอื่นอยู่ก็ได้