ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 149 ไม่อาจมีผู้ใดกล้าทำร้ายวิญญาณผู้พิทักษ์… ใช่หรือไม่?

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 149 ไม่อาจมีผู้ใดกล้าทำร้ายวิญญาณผู้พิทักษ์… ใช่หรือไม่?

บทที่ 149 ไม่อาจมีผู้ใดกล้าทำร้ายวิญญาณผู้พิทักษ์… ใช่หรือไม่?

หลังจากนั้น หลิงเยว่จึงตัดสินใจว่าจะจากไปจากหุบเขาโบราณตะวันตกแห่งนี้ทันที

ไม่ได้หินวิญญาณมาสักก้อนก็ช่างเถิด นางเกือบเอาชีวิตเข้าไปทิ้งแล้ว และจะไม่มีวันกลับมาอีก!

ด้านของเจ้าหัวหน้าตะขาบมรกตเองก็เรียกเผ่าพันธุ์ของมันกลับมาแล้ว โดยไม่ลืมหิ้วเห็ดทองคำยักษ์ที่โยนทิ้งไว้ข้าง ๆ ไปด้วย

จินหนิงที่อยู่ในม่านอาคมขมวดคิ้วแน่น ผู้บำเพ็ญที่เก่งที่สุดถูกเจ้ามังกรดำจู่โจมจนตายไปแล้ว วิญญาณผู้พิทักษ์หกตนและผู้บำเพ็ญที่แข็งแกร่งทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบคน กลับต้องพ่ายแพ้เช่นนี้หรือ!

“ท่านราชา จะปล่อยพวกเขาไปเช่นนี้หรือ? แล้วเรื่องน้องสาวจะทำอย่างไร?” วิญญาณผู้พิทักษ์ข้างกายพูดด้วยความกังวล

ใช่ จะปล่อยให้พวกเขาพาน้องสาวไปหรือ?

ทั้งยังกลายเป็นคนรับใช้ด้วย!

จินหนิงไม่สามารถยอมรับได้!

“หยุดก่อน”

พวกเขาหยุดเดินแล้วหันกลับมาพร้อมกัน

“อย่างไร หรือเจ้าจะติดตามพวกเราไปด้วย”

หัวหน้าตะขาบมรกตตาเป็นประกาย เทียบกับเห็ดยักษ์แล้วมันชอบวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยตนนี้เสียยิ่งกว่า

“ไม่”

“น้องสาวของข้า พวกเจ้าต้องการสิ่งใดถึงจะยอมปล่อยนางไป พวกข้ามีของวิเศษล้ำค่ามากมายนัก!” ราชาวิญญาณผู้พิทักษ์พูด

ตอนนี้หลิงเยว่จึงคลายความสงสัยได้แล้ว เพราะนางผู้นั้นนามว่าเฝิ่นอี ได้มอบน้ำเลี้ยงจากต้นเลือดมังกรอายุหมื่นปีให้กับนางอย่างง่ายดายนัก

ของขวัญที่นางมอบให้โม่จวินเจ๋อไปแล้ว จะให้เอากลับมาเพื่อแลกเปลี่ยนย่อมไม่ใช่นิสัยของนาง ยิ่งไปกว่านั้นเมื่ออีกฝ่ายเป็นถึงวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อย ในวันข้างหน้าวิชาอักขระอาคมของนางจะต้องก้าวหน้ากว่านี้เป็นแน่ นั่นเป็นของวิเศษที่ทั้งสวรรค์และโลกก็ไม่อาจนำมาแลกเปลี่ยนได้

“ไม่แลก!” เมื่อได้ยินคำปฏิเสธนี้ โม่จวินเจ๋อก็เผยรอยยิ้มออกมา

“ข้าจะดูแลนางเป็นอย่างดี ลาก่อน”

เจ้าอีกาสุริยันตัวน้อยส่งเสียงฮึดฮัด จากนั้นก็แปลงร่างกลายเป็นลำแสงสีแดงพุ่งเข้าสู่ร่างของหลิงเยว่ นางต้องพักฟื้นตนเองให้ดี และบำเพ็ญเพียรอย่างจริงจังเพื่อยกระดับของตนเอง ไม่เช่นนั้นกว่าจะอยู่ครบอายุขัย ชะตาชีวิตของนางอาจจะจบสิ้นลงก่อนก็เป็นได้

ร่างทั้งสี่เล็กลงไปเรื่อย ๆ ในสายตาของจินหนิง จนกระทั่งพวกเขาถูกกลืนหายไปโดยต้นไม้ขนาดใหญ่ ในที่สุดพวกเขาก็ลับสายตาไป

“ท่านราชา”

น้องชายยังไม่ทันได้พูด จินหนิงก็ห้ามไว้เสียก่อน

อักขระไม่มีผลต่อร่างของพวกเขา แม้แต่คนรับใช้จำนวนมากมายก็ยังไม่สามารถจัดการได้ จินหนิงจึงต้องปล่อยตัวพวกเขาไปชั่วคราวเท่านั้น

เมื่อถึงเวลาอันควร เขาจะไปตามล่าพวกนั้นด้วยตนเอง!

จินหนิงมั่นใจว่าไม่มีมนุษย์ผู้ใดจะกล้าทำร้ายวิญญาณผู้พิทักษ์…

ทว่าเมื่อนึกถึงบาดแผลที่คอของน้องสาว จินหนิงจึงเริ่มไม่แน่ใจ… แต่ถึงจะไม่แน่ใจอย่างไร เขาก็ไม่มีทางเลือกมากนัก

มีหลิงเยว่ผู้มีกายาต้านหายนะนำทาง การออกจากหุบเขาโบราณตะวันตกนั้นก็ง่ายดายยิ่ง

ตลอดทางพวกเขาได้พบกับผู้บำเพ็ญมากมาย แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด พวกเขากลับวิ่งหนีทันทีที่สบตากับพวกเขาทั้งสี่คน ยิ่งเรียกก็ยิ่งวิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น

หลิงเยว่จ้องมองหัวหน้าตะขาบมรกตและเจ้ามังกรดำ ต้องเป็นเพราะเจ้าสองตนนี้แน่ที่ทำให้ผู้คนตกใจกลัว นางและชายหนุ่มจะออกจากเส้นทางในหุบเขาโบราณได้อย่างปลอดภัยก็ต่อเมื่อพวกนั้นคอยดูแลอยู่เคียงข้าง

ระหว่างทางเลือกที่ต้องแลกหินวิญญาณกับชีวิตมนุษย์ หลิงเยว่เลือกที่จะปกป้องชีวิตมากกว่า

นางจึงได้แต่เก็บสมุนไพรวิญญาณและสัตว์อสูรที่พบระหว่างทางมาด้วย ถือเป็นการชดเชยจิตใจที่เปราะบางของนาง

หนึ่งเดือนผ่านไป คนป่าทั้งสองคนกับสัตว์ป่าอีกสองตัว ในที่สุดก็ออกจากหุบเขาโบราณตะวันตกได้สำเร็จ หากนับเวลาที่อยู่ในนั้นด้วยแล้ว พวกเขาเสียเวลาไปถึงครึ่งปี

หลิงเยว่นอนแผ่อยู่บนหาดทราย

“ช่างหิวเสียจริง เจ้ามนุษย์เปราะบาง รีบลุกขึ้นมาทำอะไรให้กินหน่อยเถิด”

หัวหน้าตะขาบมรกตที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มองไปยังปูบนหาดทราย นึกถึงปูที่เคยกินไปก่อนหน้านี้ แล้วน้ำลายก็พลันไหลออกมา

แม้ว่าในป่าหลิงเยว่จะเคยย่างเนื้อสัตว์อสูรหรือต้มน้ำแกงปลา แต่ก็เป็นเพียงบางครั้งเท่านั้น พวกเขามักจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับการเดินทาง

หลิงเยว่เองก็อยากกิน แต่ไม่อยากขยับตัวเอาเสียเลย

“เจ้าไปหาของสดมาก่อนเถิด ข้าจะนอนสักงีบ”

หลิงเยว่พูดจบก็หลับตาลง จิตวิญญาณของนางกำลังสำรวจเข้าไปในตันเถียน มองดูราชาดอกไม้เกล็ดหิมะดำที่หลับใหลอยู่ประมาณห้าเดือน ก่อนหน้านี้ที่หมู่บ้านต้าสี่ ตอนที่นางเกิดอุบัติเหตุขึ้น ราชาดอกไม้ก็ได้ดื่มเลือดของนาง ทำให้กลีบดอกไม้สีดำสนิทกลายเป็นสีแดง ตอนนี้หลังจากที่กินเถาวัลย์วิญญาณครึ่งเทวะเข้าไปแล้ว มันก็… เปลี่ยนรูปลักษณ์ไปอีก

จะพูดอย่างไรดี ราชาดอกไม้ดูเหมือนยังคงเป็นดอกไม้ ทว่าดูเหมือนไม่ใช่ราชาดอกไม้อีกต่อไป…

หลิงเยว่รู้สึกตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสุดท้ายของราชาดอกไม้ยิ่งนัก นางเหลือบมองเจ้าอีกาตัวน้อยที่นอนหลับราวกับก้อนไฟเล็ก ๆ อีกครั้ง ก่อนที่จะดึงจิตวิญญาณกลับมา จากนั้นนางก็นอนหลับไป

“ที่นี่คือที่ใดกัน?!”

น้ำเสียงอ่อนหวานเต็มไปด้วยความตกใจดังออกมาจากปลายแขนเสื้อของโม่จวินเจ๋อ จากนั้นศีรษะเล็ก ๆ ก็โผล่ออกมา แต่เมื่อมองเห็นทิวทัศน์ด้านนอกแล้วพลันก็หดกลับอย่างรวดเร็ว

นาง นาง… ดูเหมือนจะถูกนำตัวออกจากหุบเขาโบราณตะวันตกแล้ว!

จะทำอย่างไร ต้องทำอย่างไรดี พวกพี่ชายละทิ้งนางแล้วหรือ?

เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว วิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยก็เริ่มร้องไห้ออกมา ขณะที่ร้องไห้อยู่นั้นนางก็ลูบคลำบาดแผลที่คอ หากโครงสร้างร่างกายของวิญญาณผู้พิทักษ์ไม่แตกต่างจากเหล่ามนุษย์ นางคงได้ไปพบกับบรรพบุรุษนานแล้ว ฮือ…

มนุษย์ช่างน่ากลัวเหลือเกิน นางอยากกลับบ้านแล้ว

โม่จวินเจ๋อจับวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยออกมาจากปลายแขนเสื้อ เขายังไม่ได้ทำสิ่งใด นางก็ร้องไห้เสียแล้วหรือ?

“วิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อย” เมื่อหัวหน้าตะขาบมรกตเห็นวิญญาณผู้พิทักษ์พลันรู้สึกตื่นเต้นยิ่งนัก “อย่าร้องไห้เลย เดี๋ยวข้าจะทำของอร่อยให้เจ้ากินเอง ในป่าแห่งนั้นมีอะไรดีกัน โลกภายนอกต่างหากที่น่าตื่นเต้น!”

โม่จวินเจ๋อมองไปที่หัวหน้าตะขาบมรกต พลางคิดว่ามันน่าตื่นเต้นเพียงนั้นเชียวหรือ?

เมื่อลองนึกดูแล้ว มันก็ช่างน่าตื่นเต้นและเร้าใจจริง ๆ หากศัตรูที่เผชิญหน้าไม่เก่งกาจถึงเพียงนั้น มันจะยิ่งน่าตื่นเต้นกว่านี้ยิ่งนัก

เจ้ามังกรดำอยากจะหัวเราะเยาะเย้ยหยัน น่าตื่นเต้นอย่างไรกัน เมื่อเทียบกับโลกภายนอกแล้ว มันอยากกลับไปยังหุบเขาโบราณนั่นเสียมากกว่า

“ของอร่อยหรือ?” วิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยมีท่าทีสงสัย อร่อยเพียงใดกัน แต่จะอร่อยเท่าน้ำเลี้ยงของต้นไม้ที่มีอายุนับหมื่นปีได้หรือ?

โม่จวินเจ๋อได้ยินความคิดในใจของผู้รับใช้ตัวน้อย จึงหยิบถ้วยชานมสมุนไพรวิญญาณออกมาจากแหวนมิติ

“นี่คือสิ่งใด?”

วิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยนอนคว่ำอยู่บนขอบถ้วยไม้ไผ่ มองดูของเหลวสีชมพูด้วยความสงสัย จมูกของนางรับรู้ถึงกลิ่นหอมหวานผสมกับกลิ่นหอมของพืชสมุนไพร ทว่ากลับมีกลิ่นอื่นแฝงอยู่ด้วย ซึ่งนางไม่อาจแยกออกได้

“ชานมสมุนไพร เจ้าสามารถดื่มได้”

วิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยต้านทานความเย้ายวนใจของชานมสมุนไพรวิญญาณไม่ไหว จึงแลบลิ้นออกมาจิบเล็กน้อย ดวงตาสีชมพูเบิกกว้างขึ้นทันที

อร่อยยิ่งนัก!

แต่… พลังวิญญาณน้อยเหลือเกิน เมื่อเทียบกับน้ำเลี้ยงแล้วมันช่างต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ไม่รู้เหตุใด นางจึงอดใจไม่ได้ จากเพียงจิบเล็กน้อย กลายเป็นดื่มแล้วดื่มอีก ใจหนึ่งก็เพลิดเพลิน อีกใจหนึ่งก็ต่อต้าน

“เจ้ามนุษย์เปราะบาง ตื่นได้แล้ว…”

หัวหน้าตะขาบมรกตกำลังจะยื่นมือไปเขย่าตัวหลิงเยว่ แต่ยังไม่ทันได้แตะโดนตัวของนาง ก็โดนโม่จวินเจ๋อปัดมือออกเสียก่อน

“เจ้ารู้ว่านางเป็นมนุษย์ที่เปราะบาง ก็ควรรู้อยู่แก่ใจว่านางอ่อนแอเพียงใด ปล่อยให้นางนอนหลับต่อไปอีกหน่อยเถิด”

นอนหลับอีกหน่อยของโม่จวินเจ๋อนั้นคือสามวันต่อมา

หลังจากรอคอยมาถึงสามวัน หัวหน้าตะขาบมรกตก็ทนไม่ไหว ก่อนจะร้องคำรามออกมาดังลั่น จนหลิงเยว่สะดุ้งตื่น

“หัวหน้าตะขาบมรกตเจ้าเสียสติไปแล้วหรือ เหตุใดต้องร้องเสียงดังถึงเพียงนี้ด้วย”

หลิงเยว่คิดว่าเป็นการโจมตีของศัตรู แต่เมื่อเห็นทะเลอันเงียบสงบเบื้องหน้า ร่างกายอันตึงเครียดจึงผ่อนคลายลง

ครั้นรู้ว่านางหลับไปนานถึงสามวัน ก็เกิดความรู้สึกละอายใจ จนรีบลุกขึ้นมาทำอาหารทะเลง่าย ๆ เพื่อปลอบประโลมเจ้าหัวหน้าตะขาบมรกต

“โอ้! ช่างน่าเกลียดยิ่งนัก พวกเจ้ากินลงไปได้อย่างไร?” วิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยชี้ไปที่อาหารทะเลแล้วร้องเสียงแหลม

“เฮ้อ! มนุษย์ช่างน่าสงสาร กินได้แค่ของที่ไร้ค่าพวกนี้”

“อี๋! อันนี้หอยอะไรไม่รู้ แต่มันช่างน่าเกลียดจนข้าไม่อยากจะมองแล้ว รีบเอาออกไปเสีย”

หลิงเยว่ “…”

นางกลายเป็นผู้รับใช้แล้ว ยังมาพูดจาหยิ่งยโสเช่นนี้ พวกเขาย่อมไม่เอาออกให้อย่างแน่นอน และจะกินของไร้ค่าให้ดูเสียตอนนี้เลย

มนุษย์สองคน หัวหน้าตะขาบมรกต เจ้ามังกรดำ และวิญญาณผู้พิทักษ์ ใช้เวลาอีกสองวันอยู่ที่ชายหาด กินอิ่มหนำสำราญและเก็บอาหารทะเลมาได้จำนวนมาก หลังจากนั้นพวกเขาก็ขึ้นบนหลังของหัวหน้าตะขาบมรกต แล้วมุ่งหน้าออกไปทางตอนเหนือ

ไม่รู้ว่าเจ้าตะขาบตัวที่สองจะแปลงร่างได้สำเร็จหรือไม่?

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท