ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 177 หายนะที่ไร้เหตุผล

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 177 หายนะที่ไร้เหตุผล

บทที่ 177 หายนะที่ไร้เหตุผล

ถนนสายชิงเฟิงเงียบสงบไร้ผู้คนสัญจรไปมา มีเพียงผู้คนที่ผ่านไปมาเป็นครั้งคราว และพวกเขามักจะหลีกเลี่ยงตึกเก่าทรุดโทรมแห่งนี้โดยไม่รู้ตัว แม้แต่สายตายังไม่กล้าเหลือบมอง

เหตุการณ์นี้ทำให้หลิงเยว่เชื่อสนิทใจว่าสิ่งที่พี่ชายคนนั้นพูดเมื่อครู่เป็นความจริง ยิ่งจ้องมองร้านค้าแห่งนี้มากเท่าไหร่ นางยิ่งรู้สึกถึงลางไม่ดีมากขึ้น มันต้องถูกสาปแช่งไว้แน่นอน!

ไม่แปลกใจเลยที่อาจารย์ใหญ่จะใจกว้างเช่นนั้น บางอย่างก็ไม่ควรรับมาไว้เป็นของตนเองจริง ๆ

“เจ้าเป็นเพียงคนยากจน ยังกลัวคำสาปอีกหรือ!”

หลิงเยว่ถูกคำพูดของหัวหน้าตะขาบมรกตทำให้พูดไม่ออก นางยากจนอย่างไร?

หลิงเยว่รู้ดีว่านางมีค่าใช้จ่ายสูง แต่อย่ามาดูถูกนางเช่นนี้! นางยังมีค่าพลังวิญญาณเพียงพอที่จะแลกซื้อหินวิญญาณ และหินวิญญาณเหล่านั้นสามารถนำมาทับหัวหน้าตะขาบมรกตตัวนี้ให้แบนราบได้เช่นกัน จะมีคนยากจนใดมั่งคั่งเช่นนางอีกหรือ?

หลังจากนั้นหลิงเยว่จึงตัดสินใจละทิ้งร้านค้าต้องคำสาปไว้ แล้วพาหัวหน้าตะขาบมรกตเดินไปทั่วทุกมุมเมืองเพื่อหาพื้นที่ซื้อร้านค้าเล็ก ๆ แต่นางกลับถูกบอกว่าคนต่างถิ่นไม่สามารถเช่าหรือซื้อได้ เว้นแต่จะมีชาวเมืองในท้องถิ่นที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงคอยค้ำประกันให้ นางจึงจะสามารถเปิดร้านค้าในเมืองฝู่ซางอันเจริญรุ่งเรืองแห่งนี้ได้!

หลิงเยว่โกรธจนตัวสั่น กฎระเบียบใดถึงไร้สาระเช่นนี้ ชัดเจนว่าดูถูกคนต่างถิ่นโดยแท้!

ดี ถ้าอย่างนั้นรอดูได้เลย!

“ไม่กลัวเสียทรัพย์แล้วหรือ?” หัวหน้าตะขาบมรกตซึ่งกลับมายังตึกเก่าโทรม กล่าวอย่างจนใจ

“ข้าคือผู้ใดกัน? ข้าเป็นหญิงสาวที่ฟ้ายังต้องยอมก้มหัวให้ แล้วยังต้องกลัวอะไรเช่นนั้นอีกหรือ?!”

หลิงเยว่ที่ผู้อัดอั้นด้วยความโกรธ พยายามสะกดความคิดว่านางคือบุตรสาวแห่งโชคชะตา แน่นอนว่าสวรรค์คงทนไม่ได้ที่เห็นร้านนี้ต้องทนทุกข์ทรมานมานานหลายพันปี จึงส่งนางมาช่วยเหลือตึกเก่าทรุดโทรมจากความทุกข์ยากแห่งนี้ นางเชื่อมั่นว่าโชคลาภอันยิ่งใหญ่ของนาง จะต้องทำให้ร้านค้าที่ถูกสาปแช่งมานานหลายพันปีนี้ประสบความสำเร็จและโด่งดังไปไกลได้อย่างแน่นอน!

อืม! ใช่แล้วต้องเป็นเช่นนั้น

หลิงเยว่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก นางเดินเข้าไปในตึกเก่าทรุดโทรมอย่างระมัดระวัง ผลักประตูที่เปิดแง้มไว้อย่างเบามือ…

ประตูค่อย ๆ เปิดออก ตามด้วยเสียงกริ๊ง จากนั้นมันก็พังทลายลงกับพื้น

หลิงเยว่ตกใจ พลันก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็วราวกับนกที่ตื่นตระหนก

โครม!

เท้าข้างที่ถอยหลังไปนั้นควบคุมแรงไม่ดี จึงเหยียบเข้าบนแผ่นไม้กระดานที่ผุกรอบ ขาข้างหนึ่งจมลงไปทำให้เสียหลัก ร่างกายของนางล้มไปข้างหลัง ศีรษะกระแทกเข้ากับบันไดไม้เกิดเสียงดังสนั่น เศษไม้พลันกระจายไปทั่วบริเวณ พร้อมฝุ่นควันที่ตลบกลบร่างของนางไว้

หลิงเยว่นอนแน่นิ่งราวกับศพ

เสียงหัวเราะอันบ้าคลั่งจากข้างกายร่างศพของหลิงเยว่ดังขึ้น ก่อนจะเกิดแรงสั่นสะเทือน จนประตูหน้าต่างและพื้นไม้เก่าพังทลายลงมา ฉับพลันตึกเล็ก ๆ ก็ถล่มลงมาส่งเสียงดังโครม!

หลิงเยว่จากไปอย่างสงบ…

หัวหน้าตะขาบมรกตมองกองซากไม้ที่ดูคล้ายหลุมศพของหลิงเยว่ แล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนน้ำตาไหลพราก

เจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยผู้นี้ช่างน่าขันเสียจริง

“ฮ่า ๆ ๆ”

โชคดีที่เขาฉลาด รู้ว่าตึกผุพังแห่งนี้กำลังจะถล่มลงมาจึงรีบวิ่งหนีออกมาเสียก่อน

มุมหนึ่งของตึกผุพังที่ถล่ม มีมือสีเทาโผล่ออกมาทีละข้าง ก่อนศีรษะจะค่อย ๆ โผล่ออกมาทีละน้อย หลิงเยว่เนื้อตัวมอมแมมหายใจหอบ นางไม่เข้าใจเสียเลย เพียงแค่ล้มลงไปชั่วครู่ หัวหน้าตะขาบมรกตก็แค่หัวเราะอยู่ข้าง ๆ เหตุใดตึกนี้ถึงรับน้ำหนักไม่ไหวแล้วพังลงมาเช่นนี้เล่า?!

เหตุการณ์แปลกประหลาดทำให้หลิงเยว่สงสัย นางไม่มีเวลาแม้แต่จะดึงร่างกายส่วนล่างของตนเองออกมาด้วยซ้ำ

“โดนทับจนเสียสติไปเลยหรือ?” หัวหน้าตะขาบมรกตนั่งอยู่ข้าง ๆ มองหลิงเยว่ที่ดูน่าสมเพชเช่นนี้ก็ยิ่งกลั้นขำไว้ไม่อยู่ เมื่อหัวหน้าตะขาบมรกตคิดจะช่วยเจ้ามนุษย์เปราะบางน้อย ทันใดนั้นคนที่โผล่แค่หัวขึ้นมาก็ถูกอะไรบางอย่างดึงกลับเข้าไปในซากปรักหักพังจนหายไปในพริบตา!

ความเร็วขนาดที่ทำให้หัวหน้าตะขาบมรกตไม่ทันได้ยื่นมือไปจับหลิงเยว่ไว้ด้วยซ้ำ!

“เดี๋ยวก่อน อะไรกัน!” หัวหน้าตะขาบมรกตได้ยินคำบ่นของหลิงเยว่ดังออกมา

กล้าดีอย่างไร ถึงได้แย่งเจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยไปต่อหน้าต่อตาของเขา ช่างน่าโมโหเสียจริง!

หัวหน้าตะขาบมรกตคายน้ำลายออกมา ทันใดนั้นซากปรักหักพังที่กองอยู่ราวกับภูเขาก็กลายเป็นของเหลวสีน้ำตาล เพียงพริบตาของเหลวนั้นค่อย ๆ แผ่ขยายออกไปโดยรอบ รวมถึงใต้พื้นที่มันไหลผ่านพลันถูกกัดกร่อนด้วยเช่นกัน

เสียงดังสนั่นทำให้ผู้บำเพ็ญที่ออกมาดูอย่างคึกคัก ต่างตกใจจนต้องถอยกรูด เมื่อเห็นหัวหน้าตะขาบมรกตแสดงพลังเช่นนี้ เนื่องจากกลัวว่าของเหลวนั้นจะมาโดนร่างของตนจนกลายเป็นของเหลวไปด้วย

“ท่าน… พวกท่านหยุดเถิด ถ้ายังทำเช่นนี้ต่อไป เห็นทีถนนชิงเฟิงคงพังหมดเป็นแน่!” ผู้ดูแลร้านขายโอสถที่อยู่ใกล้กับตึกที่พังทลายที่สุด ตะโกนจนเสียงแหบแห้ง

หัวหน้าตะขาบมรกตเหลือบมองคนเหล่านั้นอย่างเย็นชา ของเหลวที่กัดกร่อนและกำลังแผ่ขยายพลันหยุดนิ่ง เขาลุกขึ้นและตรงออกไปยังนอกเมืองฝู่ซางทันที

เมื่อฝูงชนที่มุงดูอยู่นั้น เห็นหัวหน้าตะขาบมรกตออกไปแล้ว ต่างทรุดตัวลงกับพื้นด้วยความอ่อนแรง ไม่รู้ว่าตัวอะไรที่แปลงร่างมา แค่คายน้ำลายก็…

ด้านหลิงเยว่ที่ถูกฉุดลากออกนอกเมือง ขณะนี้สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤต นางกำลังถูกใยแมงมุมพันธนาการเอาไว้ มันรัดแน่นเป็นวงกลมอยู่หลายชั้น จนเหลือแค่หัวที่โผล่ออกมาหายใจอย่างยากลำบาก ดูเหมือนว่าจะเป็นการปล่อยให้หลิงเยว่หายใจได้ชั่วคราวเท่านั้น เพราะนางรู้สึกได้ว่าใยแมงมุมกำลังหดตัว เพื่อจะรัดนางให้ขาดเป็นชิ้น ๆ

ช่างเป็นหายนะที่ไร้เหตุผลยิ่งนัก!

สิ่งที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าหลิงเยว่คือ แมงมุมยักษ์ที่มีความสูงเกือบหนึ่งจั้ง ลวดลายบนตัวสีสันสดใส สวยงาม แต่ว่าวิธีการของมันช่างโหดร้ายนัก ดวงตาสีฟ้ากำลังชื่นชมด้วยความพึงพอใจต่อมนุษย์ตัวน้อยที่ดิ้นรนอยู่ในกำมือของมัน

ผู้ใดจะคาดคิดว่าในเมืองฝู่ซางนั้นจะซ่อนแมงมุมไว้ด้วย

หลิงเยว่คิดว่านางอาจจะเจอกับสิ่งที่น่ากลัวอย่างภูตผี แต่ไม่คิดว่าจะเจอสัตว์ประหลาดซ่อนอยู่เช่นนี้

“แมงมุม… พี่สาว เรามาพูดคุยกันก่อนเถิด การต่อสู้มันช่าง… อะแฮ่ม! น่าเบื่อเกินไปเสียหน่อย” หลิงเยว่กำเมล็ดพันธุ์ในมือไว้แน่น พยายามใช้กลอุบายเพื่อยื้อเวลา นางจึงพยายามพูดคุยเกลี้ยกล่อมแมงมุมตนนั้น

“พี่สาวหรือ?” เสียงห้าวของผู้ชายดังมาจากท้องของแมงมุม ก่อนมันจะแผ่ใยแมงมุมพันรอบคอของหลิงเยว่ “ข้าเกลียดที่สุดเวลาถูกเรียกว่าพี่สาว”

ศีรษะของนางถูกใยแมงมุมพันเอาไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใยแมงมุมที่พันรอบคอของนาง มันเริ่มรัดแน่นขึ้นจนหลิงเยว่แทบหมดสติเพราะขาดอากาศหายใจ

เมื่อนางกำลังจะสิ้นใจ ใยแมงมุมหลากสีก็เริ่มมีต้นหญ้าเขียวขจีผุดขึ้นมาในพริบตา หญ้าเหล่านั้นดูดซับสารอาหารจากใยแมงมุม จนทำให้ใยแมงมุมที่พันรอบคอนางขาดออก และใยที่ถูกพันไว้รอบตัวของนางก็ค่อย ๆ หลุดออกเช่นกัน

“นี่มันอะไรกัน!” แมงมุมสีสันสดใสจ้องมองด้วยดวงตาสีน้ำเงิน ใยของมันเปราะบางไปตั้งแต่เมื่อไหร่?

ต้นหญ้าเขียวขจีเริ่มแผ่ขยายออก หลังจากที่หลิงเยว่สามารถหลบหนีออกมาได้ นางก็ปิดคอไว้แน่นและพยายามลุกขึ้นจากพื้น แต่แล้วก็ของเหลวขนาดใหญ่ก็พ่นทับร่างของนาง

ต้นหญ้ารอบ ๆ แผ่กิ่งก้านออกมาโอบล้อมหลิงเยว่ไว้เป็นชั้น ๆ ต้นหญ้าสีเขียวที่ถูกพิษสัมผัส ปล่อยควันดำออกมาและสลายตัวไปทีละชั้น

สิ่งนี้ทำให้แมงมุมโกรธยิ่งนัก มันอ้าปากกว้างขึ้น แล้วปล่อยพิษร้ายแรงใส่ต้นหญ้าเหล่านั้นทันที

แมงมุมตนนี้ฝึกฝนมาราวหนึ่งพันปี สังหารมนุษย์มาแล้วนับไม่ถ้วน แต่มันไม่เคยพบกับวิชาที่ชั่วร้ายเช่นนี้มาก่อน อย่างไรก็ตาม มันยังไม่รู้ว่ายังมีวิชาที่ชั่วร้ายยิ่งกว่านี้อีกหรือไม่?

ทันใดนั้น ดอกไม้สีขาวเล็ก ๆ ก็ผุดขึ้นที่ปลายเท้าของแมงมุมยักษ์ แล้วแผ่ขยายไปทั่วร่างกายของมันทีละดอก

เมื่อหัวหน้าตะขาบมรกตมาถึง เขาก็ได้พบกับแมงมุมที่มีดอกไม้บานสะพรั่งผุดขึ้นเต็มร่างกาย ต้องบอกเลยว่า แมงมุมตัวนี้ดูสวยงามนัก สีสันสดใสบนตัวของมัน ทำให้ดูโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง

ในส่วนของเจ้ามนุษย์เปราะบางน้อย น่าจะอยู่ในถุงสีเขียวใบนั้น สัญญาณชีพของนางดูค่อนข้างสม่ำเสมอ คงไม่จำเป็นต้องให้เขาช่วยแล้วกระมัง?

พวกมนุษย์ควรฝึกฝนไม่ใช่หรือ ถ้าเช่นนั้นรอให้เจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยผู้นี้ทนไม่ไหวจริง ๆ ค่อยปรากฏกายมาช่วยนางแล้วกัน!

หัวหน้าตะขาบมรกตใช้มือลูบคาง จากนั้นก็แอบซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้เพื่อดูเหตุการณ์ต่อไป

อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยเห็นการต่อสู้ที่น่าเบื่อหน่ายเช่นนี้มาก่อน ฝ่ายหนึ่งพยายามปล่อยพิษและปลูกดอกไม้สีขาวไปด้วย ส่วนอีกฝ่ายก็หมอบตัวอยู่ในพุ่มหญ้า นิ่งเฉยราวกับสุนัขแก่

ไม่รู้ว่าจะต้องต่อสู้กันอีกนานเพียงใด?!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท