บทที่ 181 แย่งชิงสิ่งที่ชอบ ถ้าแย่งไม่ได้ก็ลากพวกไปแย่งด้วย!
บทที่ 181 แย่งชิงสิ่งที่ชอบ ถ้าแย่งไม่ได้ก็ลากพวกไปแย่งด้วย!
สิ่งใดคือชาแปลงกายที่ทำให้มนุษย์กลายเป็นต้นหญ้าแล้วสามารถหลบหนีได้ เจ้าไม่รู้จักชารู้แจ้งอย่างนั้นหรือ?
ไม่! ชาพวกนี้อยู่ระดับสูงกว่าชารู้แจ้งเสียอีก เพราะชารู้แจ้งเพียงช่วยให้จิตใจของผู้บำเพ็ญหลอมรวมเข้ากับดอกหญ้าเพื่อรับรู้สัจธรรมความเป็นธรรมชาติของมัน แต่ตอนที่เขาดื่มนั้นมันสามารถเปลี่ยนให้ผู้บำเพ็ญกลายเป็นร่างแห่งการตรัสรู้เพื่อรับรู้สิ่งต่าง ๆ ได้โดยตรง!
ความแตกต่างระหว่างทั้งสองอย่างนั้นช่างมากมายนัก!
ผู้ประเมินสมบัติหมายเลขหนึ่งที่ชนเข้ากับประตู ตอนนี้เขานั่งลงขัดสมาธิ พลางหวนนึกถึงกระบวนการที่เขาเปลี่ยนไปเป็นต้นหญ้าเล็ก ๆ ขณะที่พลังปราณรอบตัวเขาเริ่มรวมตัวกัน
นี่คือการรับรู้บางสิ่งบางอย่างแล้วอย่างนั้นหรือ?
ภาพนี้ทำให้ผู้ประเมินสมบัติหมายเลขสองและสามต่างพากันอิจฉาจนตาแดงก่ำ เหตุใดก่อนหน้านี้พวกเขาถึงไม่ลองดูก่อน!
ตอนนี้โอกาสในการตรัสรู้หลุดลอยไปเสียแล้ว อยากร้องไห้เสียงจริง แต่แล้วสายตาของพวกเขากลับไปหยุดอยู่ที่ขวดสีขาวสองขวดบนโต๊ะ ต้องใช้หินวิญญาณกี่ก้อนถึงจะซื้อเพียงไม่กี่หยดได้
“หนุ่มน้อย ชารู้แจ้งที่สามารถแปลงกายได้นั้นมันมีค่ายิ่งนัก เจ้าต้องการนำมันมาประมูลจริงหรือ?”
ผู้ประเมินสมบัติหมายเลขสอง แม้เขาจะอยากได้มาก แต่ก็ต้องเตือนเด็กหนุ่มผู้นี้เสียหน่อย ผู้ที่มีการบ่มเพาะสูงเท่าใด ก็ยิ่งมีโอกาสตรัสรู้น้อยลงเท่านั้น และการตรัสรู้เพียงครั้งเดียวอาจเทียบเท่ากับการบ่มเพาะนานกว่าร้อยปี!
ชารู้แจ้งที่สามารถแปลงกายได้? เรียกเช่นนั้นหรือ? ฟังดูดีทีเดียว
หลิงเยว่ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนพยักหน้า สองขวดนี้มีมากสุดแค่สิบหยด ซึ่งนางยังมีอีกเหยือกใหญ่ ยังไม่รวมกับที่ให้ศิษย์พี่ร่วมสำนักและโม่จวินเจ๋ออีกด้วย
ดังนั้น นางจึงไม่ได้ขาดแคลนแต่อย่างใด
โม่จวินเจ๋อและศิษย์พี่สามที่เคยดื่มไปแล้ว ไม่รู้ว่าชาชนิดนี้มีค่ามาก อาจเป็นเพราะตอนนั้นสถานการณ์คับขันเลยไม่ได้คิดอะไรมากกระมัง
“ถ้าเช่นนั้นข้าขอแนะนำว่า ท่านสามารถนำชารู้แจ้งที่แปลงกายได้นี้มาประมูลแบบหยดต่อหยดได้ เสนอราคาเริ่มต้นที่หนึ่งหยดต่อหนึ่งล้านหินวิญญาณ”
“!!!”
การขายชาทีละหยด เป็นสิ่งที่หลิงเยว่ไม่คาดคิดมาก่อน
แต่เอาเถิด ผู้ประเมินสมบัติเขาแนะนำเช่นนี้ก็ควรฟังและทำตาม
ก่อนจากไป หลิงเยว่ชี้ไปที่ผู้ประเมินสมบัติหมายเลขหนึ่งที่ยังคงอยู่ในภวังค์แห่งการตรัสรู้ “อีกสิบวันเมื่อการประมูลเริ่มขึ้น ข้าจะกลับมาอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้นอย่าลืมเตรียมหินวิญญาณไว้ให้พร้อมเล่า”
“รับทราบขอรับ”
“ดียิ่ง”
ผู้ประเมินสมบัติหมายเลขสองและสาม ต่างพยักหน้าพร้อมกับก้มหัวคำนับเคารพนางอย่างสุดซึ้ง
พวกเขาจะเตรียมหินวิญญาณไว้แล้วเข้าร่วมในการประมูลด้วย การให้หลิงเยว่ประมูลเป็นหยดก็เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวเช่นกัน เพราะอัตราความสำเร็จในการประมูลของพวกเขาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
“เซี่ยซิ่นรุ่ย ข้าได้ยินมาว่าหอประมูลของเจ้าได้รับชาหายากที่สามารถแปลงกายได้หรือ เขาว่าเป็นชาที่หาได้ยากยิ่งกว่าจะพบได้ในรอบพันปี ข่าวนี้จริงเท็จเพียงใดกัน?”
เพียงหนึ่งวัน ข่าวที่ว่าหอประมูลของตระกูลเซี่ยจะนำชาที่สามารถแปลงกายได้มาประมูลในอีกเก้าวันข้างหน้าก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองฝู่ซางราวกับพายุหมุน ทั้งเมืองต่างตื่นเต้นกันยกใหญ่
เดิมทีชาที่สามารถช่วยในการตรัสรู้ก็ถือเป็นของล้ำค่าอยู่แล้ว แต่คราวนี้หอประมูลกลับบอกว่าไม่เพียงแต่ชาจะช่วยในการตรัสรู้เท่านั้น ทว่ายังสามารถแปลงกายได้อีกด้วย เรื่องเช่นนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
“จริง” เซี่ยซิ่นรุ่ยพยักหน้าอย่างจริงจัง “ผู้ประเมินที่ได้ทดลองดื่ม เวลานี้ยังอยู่ในห้องเก็บของล้ำค่าเพื่อตรัสรู้”
เหล่าศิษย์สหายร่วมชั้นที่ยืนล้อมรอบเซี่ยซิ่นรุ่ยต่างพากันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ของล้ำค่าเช่นนี้ยังนำมาให้ทดลองดื่มอีก ผู้ที่นำของชิ้นนี้ออกมาช่างใจกว้างยิ่งนัก
หลิงเยว่ผู้ใจกว้างในเวลานี้ไม่ว่าจะไปที่ใดก็ได้ยินแต่เรื่องราวของชาแปลงกาย ลองดูเถิดว่าการป่าวประกาศนี้ยิ่งใหญ่เพียงใด ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดถึงต้องรออีกสิบวันถึงจะเริ่มการประมูลอย่างเป็นทางการ เพราะต้องการเรียกกระแสนิยมกันก่อนนี่เอง สมกับเป็นผู้ลงทุนในกิจการค้าขายเสียจริง
“แล้วยังมีชาเหลืออยู่หรือไม่ ข้าขอชิมสักหน่อย” ทันใดนั้นหัวหน้าตะขาบมรกตก็เอ่ยปากขึ้น หลิงเยว่จึงมอบถ้วยเล็ก ๆ ให้กับเขา เพื่อเป็นการไม่ทำให้ชื่อเสียงในความใจกว้างของนางต้องเสื่อมเสีย
“รู้หรือไม่ว่าในถ้วยนี้มีกี่หยด? สิบหยดเชียวนะ! เพียงจิบเดียวเจ้าก็สามารถดื่มได้หนึ่งในสิบล้านหินวิญญาณ มีผู้ใดจะทำแบบข้าได้อีก?!”
หัวหน้าตะขาบมรกตจ้องมองชาสีทองอ่อน ๆ ทันใดนั้นเขารู้สึกไม่อยากดื่มแล้ว ด้วยเกรงว่าเจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยจะขอหินวิญญาณจากเขา ตนไม่มีหินวิญญาณอยู่แม้แต่ครึ่งก้อน ในโลกของเผ่าพันธุ์ตะขาบมรกต มักจะแย่งชิงสิ่งที่ชอบ ถ้าแย่งไม่ได้ก็ลากพวกไปแย่งด้วยเพียงเท่านั้น!
หลิงเยว่มองออกว่าหัวหน้าตะขาบมรกตกำลังลังเล “วางใจเถิด ข้าจะไม่ขอหินวิญญาณจากเจ้า ความจริงแล้วพวกเราสองคนสนิทกันยิ่งนักเปรียบเป็นสหายร่วมชีวิต!”
สหายร่วมชีวิต…
แววตาของหัวหน้าตะขาบมรกตประกายความซับซ้อนเพียงครู่ จากนั้นก็เงยหน้าดื่มชาจนหมดถ้วย!
เมื่อชาเข้าปาก รสชาติของสมุนไพรวิญญาณผสานเข้ากับหัวหน้าตะขาบมรกตผู้กินพืชในเขตแดนลับสัตว์อสูรมานับไม่ถ้วน ยังไม่ทันได้แยกแยะรสชาติ ร่างกายของเขาก็หายวับไปในทันที
“หัวหน้า ท่านหายไปที่ใด!”
ตะขาบมรกตตัวแรกที่พบว่าหัวหน้าขาดการติดต่อไปก็ร้อนใจจนมึนงง จากนั้นฝูงตะขาบมรกตสี่ปีกก็บินโฉบไปมารอบ ๆ หลิงเยว่ บางตัวถึงกับจิกที่ใบหน้าของนาง ดวงตาถั่วเขียวจ้องนางอย่างดุร้าย ราวกับว่าถ้าหัวหน้าของพวกมันเป็นอะไรไป คงหนีไม่พ้นความเกี่ยวข้องกับเจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยเป็นแน่!
“เขาอยู่ตรงนี้”
หลิงเยว่นั่งลงแล้วกระชากต้นหญ้าตัวแข็งทื่อที่ซ่อนตัวอยู่ในพงหญ้าขึ้นมา
ต้นหญ้าที่ถูกกระชากสะบัดมือของหลิงเยว่ออก จากนั้นก็ใช้รากเดินเป็นวงกลมดูคล้ายกับมนุษย์อย่างแปลกประหลาด ราวกับว่ามันพบของเล่นใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจเข้าเสียแล้ว
ต้นหญ้าเดินไปทางใด ฝูงตะขาบมรกตก็จะตามไปด้วย ต้นหญ้าต้นนั้นมีกลิ่นอายของหัวหน้าพวกมันจริง ๆ แม้กลิ่นนั้นจะบางเบาก็ตาม…
เวลาสิบวันสำหรับการสั่งสอนศิษย์ของหลิงเยว่และวันแห่งการกินดื่มที่แสนสำราญก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
การประมูลของหอประมูลตระกูลเซี่ยคึกคักเป็นอย่างยิ่ง จำนวนคนในเมืองฝู่ซางที่คับคั่งอยู่แล้วยิ่งหนาแน่นขึ้นกว่าเดิมเสียอีก และเกือบทั้งหมดมาเพราะชารู้แจ้งที่สามารถแปลงกายได้
หลิงเยว่ในคราบของเด็กหนุ่มที่ปลอมตัวมา นางเห็นใบหน้าคุ้นเคยมากมาย ทั้งอาจารย์ใหญ่แห่งสำนักกลั่นโอสถ ผู้อาวุโสการกลั่นโอสถและเถาวั่ง รวมถึงอาจารย์ในสำนักอีกจำนวนมาก ขณะนั้นท่านผู้หญิงเซี่ยก็พาลูกชายและลูกสาวเดินผ่านหน้านางพอดี มีแม้กระทั่งศิษย์ในชั้นเรียนของนาง และเหล่าศิษย์ในสำนัก…
พวกเจ้ามาอยู่ที่นี่กันครบเลยหรือ?
หลิงเยว่ร้องอุทานด้วยความตกใจ
ผู้ประเมินสมบัติหมายเลขหนึ่งรออยู่ที่ประตูตั้งแต่เช้าแล้ว เมื่อเห็นคู่หูสูงเตี้ยเดินเข้ามา ดวงตาของเขาก็เป็นประกาย เขาอยากเข้าไปพูดคุยกับพวกเขาทั้งคู่มาก แต่ตอนนี้สายตาเกือบทุกคู่ต่างจดจ่ออยู่ที่เขา ผู้ประเมินสมบัติคนนั้นจึงไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวโดยประมาท เกรงว่าจะทำให้หลิงเยว่เดือดร้อน
เขาจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเท่านั้น
สมกับเป็นผู้จัดการที่ฉลาดหลักแหลม เขาพาหัวหน้าตะขาบมรกตและหลิงเยว่ไปยังห้องส่วนตัวสำหรับผู้ประมูล
ในห้องส่วนตัวมีการจัดเตรียมขนมวิญญาณพิเศษที่แสนคุ้นเคยเอาไว้ ทั้งยังยังมีสุราผลไม้วิญญาณพิเศษอีกด้วย
ไม่คิดเลยว่าก่อนหน้านี้ ท่านผู้หญิงเซี่ยตบอกอย่างมั่นใจว่าจะช่วยกระจายข่าวเรื่องอาหารวิญญาณพิเศษ สุราสมุนไพรและสุราผลไม้ให้ทั่วถึง เพื่อให้หลิงเยว่และลูกศิษย์ของนางได้รับเงินจนเต็มอิ่ม
นึกไม่ถึงว่านางจะใช้วิธีนี้
หลิงเยว่ที่เพิ่งภูมิใจกับพรสวรรค์ทางการค้าของตนเอง พลันรู้สึกอับอายขึ้นทันที
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูอย่างระมัดระวังดังมาจากนอกห้องส่วนตัว ราวกับกลัวว่าจะมีคนจับได้
หัวหน้าตะขาบมรกตเปิดประตูโดยไม่ใส่ใจ เด็กหญิงตัวน้อยวิ่งพรวดเข้ามาในห้องส่วนตัว แล้วปิดประตูอย่างแน่นหนา
“อาจารย์หลิง!”
ฮวนฮวนน้อยปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ พร้อมกับกินขนมดอกท้อบนโต๊ะอย่างมีความสุข
“เจ้าจำข้าได้อย่างไร?”
หลิงเยว่ถอดหมวกออก เผยให้เห็นใบหน้าเปี่ยมสุขยิ่งนัก จนทำให้ขนมดอกท้อที่กำลังถูกกัดอยู่ในมือของฮวนฮวนหลุดลงบนโต๊ะ
“ผีหลอก!”
หัวหน้าตะขาบมรกตหัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ
หลิงเยว่ “…”
ฮวนฮวนรีบลูบหน้าอกด้วยความตกใจ นางถอนหายใจยาว ๆ จากนั้นมองซ้ายขวา ก่อนจะเข้าไปใกล้หลิงเยว่แล้วกระซิบว่า “อาจารย์หลิง ข้าจะบอกความลับอย่างหนึ่ง ข้าไม่เคยบอกท่านพ่อ ท่านแม่ หรือแม้แต่พี่ชายเลยนะเจ้าคะ!”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” หลิงเยว่เอนตัวเข้ามาด้วยความอยากรู้
“ข้าเคยพบปะผู้คนมามากมาย แต่มีเพียงอาจารย์ผู้เดียวเท่านั้นที่มีเมล็ดพันธุ์!”
เมล็ดพันธุ์หรือ?
เมล็ดพันธุ์อะไรกัน?
“แต่ว่าเมล็ดพันธุ์ของอาจารย์มีแค่ครึ่งเดียว ช่างแปลกยิ่งนัก” แววตาใสซื่อของฮวนฮวนเต็มไปด้วยความสงสัย
หลิงเยว่ “???”