ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 185 เรื่องการหลบหนี นางไม่แพ้ผู้ใด!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 185 เรื่องการหลบหนี นางไม่แพ้ผู้ใด!

บทที่ 185 เรื่องการหลบหนี นางไม่แพ้ผู้ใด!

“อาจารย์หลิง ฮวนฮวนฝันนานมากเจ้าค่ะ!”

ระบบบอกว่าอีกสามวันฮวนฮวนจะกลับคืนร่างมนุษย์ได้อีกครั้ง และเป็นเช่นนั้นจริง

ทันทีที่คืนร่างมนุษย์ นิสัยนักกินของนางก็กลับมาอีกครั้ง ฮวนฮวนน้อยกำลังเคี้ยวขาไก่ย่าง พลางเล่าความฝันของนางให้ฟัง

“ฮวนฮวนฝันว่าตัวเองกลายเป็นดอกไม้สีแดง!”

เด็กน้อยกินจนปากมันเยิ้ม นางเช็ดปากที่เลอะเทอะอย่างลวก ๆ แล้วหัวเราะร่าอย่างมีความสุข “ฮวนฮวนจะเป็นดอกไม้ได้อย่างไร ฮ่า ๆ!”

“แล้วในฝันที่กลายเป็นดอกไม้นั้นน่าเบื่อยิ่งนัก รอบ ๆ มีแต่หมอกดำเยอะแยะไปหมด ทั้งยังเหม็นอีกต่างหาก แต่ฮวนฮวนก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ จนเผลอไปสูดหมอกดำเข้าไป” ฮวนฮวนเบ้ปากด้วยความรังเกียจ พลางฉีกขาไก่ย่างโรยยี่หร่าเข้าปากคำโต “อย่างไร การกินเนื้อนี้ก็อร่อยกว่าเยอะเลย!”

หลิงเยว่ไม่รู้จะตอบฮวนฮวนที่เป็นเช่นนี้ว่าอย่างไรดี

หากสิ่งที่ระบบบอกนั้นเป็นความจริง หลิงเยว่ก็ควรจับมือเด็กหญิงให้แน่นขึ้น

“เราควรกลับกันได้แล้ว”

นี่เป็นประโยคที่หัวหน้าตะขาบมรกตรอคอย เขาทนอยู่ในป่ารกร้างมามากเกินพอแล้ว!

ระหว่างทางหลิงเยว่ได้บอกฮวนฮวนว่าพวกนางนั้นออกมาล่าสัตว์!

ส่วนเรื่องที่กลายร่างเป็นดอกไม้อสูรโลหิต ก็ปล่อยให้ฮวนฮวนคิดว่าเป็นแค่ความฝันไปก่อนแล้วกัน

ฮวนฮวนนั่งอยู่บนยานบิน เหลียวหลังกลับไปมองเชิงเขาที่พวกนางเพิ่งจากมา ต้นไม้ที่เหี่ยวเฉาเป็นบริเวณกว้างดึงดูดความสนใจของนางเป็นอย่างยิ่ง ต้นไม้เหล่านั้น… ราวกับถูกอะไรบางอย่างดูดเอาพลังชีวิตไปจนหมดสิ้น

“อาจารย์หลิง นั่นมันเกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ?”

ฮวนฮวนชี้ไปที่ป่าเหี่ยวเฉาด้วยความหวาดกลัว

มนุษย์ตัวน้อยนี้ดูเหมือนจะลืมไปแล้ว ว่านั่นคือผลงานตอนที่นางเมา หัวหน้าตะขาบมรกตจ้องฮวนฮวน แล้วรู้สึกว่ากลิ่นอายที่นางดูดซับจากต้นไม้นั้นช่างคุ้นเคย แต่กลับนึกไม่ออกว่าเคยได้กลิ่นนั้นที่ใด?

“ข้าก็ไม่รู้ ตอนพวกเราเข้ามาก็เป็นเช่นนี้แล้ว”

หลิงเยว่พูดโดยไม่คิด นางรู้ว่าแม้จะพูดความจริง ฮวนฮวนคงไม่เชื่อว่านางที่มีขอบเขตการบำเพ็ญเพียงเริ่มกลั่นลมปราณจะสามารถทำสิ่งนี้ได้

ไม่สิ แท้จริงแล้วฮวนฮวน… อยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณถึงขั้นที่แปดแล้ว เด็กอายุไม่ถึงเจ็ดขวบ แต่กลับอยู่ในขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นที่แปด หลิงเยว่รู้สึกอิจฉาจนตาแดง

ขณะนั้น คนทั้งสองกับตะขาบมรกตตัวหนึ่งก็มาถึงประตูจวนตระกูลเซี่ย

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความรู้สึกของผู้เป็นแม่หรือว่าเป็นเรื่องบังเอิญ ฮูหยินเซี่ยกำลังเดินออกมาจากประตูจวนพอดี

“ท่านแม่!”

ทันทีที่ฮวนฮวนเห็นผู้เป็นแม่ นางก็เข้ากอดฮูหยินเซี่ยไว้แน่นราวกับปลาหมึก

“ฮูหยินเซี่ย ข้าพาฮวนฮวนกลับมาส่งอย่างปลอดภัยแล้ว”

ฮูหยินเซี่ยกอดลูกสาวเอาไว้ กำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่างกับหลิงเยว่ แต่ร่างกายของนางกลับแข็งค้างทันที จากนั้นก็มองหลิงเยว่ด้วยสายตาที่เหลือเชื่อ

แม้แต่คำพูดก็ยังติดขัด

“อาจารย์… อาจารย์หลิง… ฮวน… ฮวน… การบำเพ็ญเป็นอย่างไร?”

“ข้าให้สุราสมุนไพรวิญญาณพิเศษแก่นาง”

นอกจากสุราสมุนไพรวิญญาณพิเศษแล้ว ยังมีชารู้แจ้งและโลหิตของข้าด้วย

แต่ว่าจะพูดได้เช่นนั้นหรือ? พูดไม่ได้เด็ดขาด! ดังนั้น ต้องให้สุราสมุนไพรวิญญาณพิเศษเป็นแพะรับบาปต่อไป

“โอ้โห! เหล้าสมุนไพรชนิดใดกัน ทำให้มนุษย์ที่ฝึกปราณขั้นต้นก้าวกระโดดขึ้นไปถึงขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นที่แปดได้เช่นนี้” ฮูหยินเซี่ยเอ่ยด้วยความเหลือเชื่อ พลางลูบคลำมือลูกสาวอย่างถี่ถ้วน

ใช่แล้ว! ขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นที่แปดอย่างแน่นอน!

ลมปราณในร่างกายนั้นเปี่ยมล้น ไร้ซึ่งพิษของโอสถแม้แต่น้อย ที่สำคัญสภาพร่างกายยังดีเยี่ยม!

เมื่อได้ยินเสียงภรรยาร้องโวยวาย ผู้เป็นสามีจึงปรากฏตัวขึ้น เขาเหลือบมองฮวนฮวนก่อนจะย้ายสายตาไปยังหลิงเยว่ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มวาววับล้ำลึก

“เป็นสุราชนิดนี้… พวกท่านลองดูเถิด” หลิงเยว่พยายามข่มเสียงอันสั่นเทานั้นให้นิ่งเรียบที่สุด ทว่าแววตาของนายท่านตระกูลเซี่ยช่างน่ากลัวเหลือเกิน เมื่อดูจากปฏิกิริยาที่แตกต่างกันของสามีภรรยาตระกูลเซี่ยแล้ว นางพอจะเดาได้ว่าโลหิตอสูรครึ่งหนึ่งของฮวนฮวนมาจากผู้ใด

“ข้าขอตัวก่อน!”

เมื่อวางไหสุราลง หลิงเยว่ก็ฉุดหัวหน้าตะขาบมรกตวิ่งพรวดออกไปข้างนอก เกรงว่าหากวิ่งช้ากว่านี้ อาจถูกนายท่านตระกูลเซี่ยผู้นี้ฆ่าตายได้!

ผู้เป็นพ่อยกเท้ากำลังจะไล่ตามไป แต่เขารู้สึกว่าโลหิตอสูรในตัวฮวนฮวนกำลังตื่นขึ้น

เมื่อเทียบกับหลิงเยว่แล้ว ลูกสาวของเขาย่อมสำคัญกว่า!

ท่านพ่อเซี่ยคว้าตัวลูกสาวด้วยสีหน้าเย็นเยียบแล้วตรงดิ่งไปยังห้องบำเพ็ญ ความเร็วของเขาราวกับสายฟ้าฟาด จนภรรยาไม่มีโอกาสที่จะไล่ตาม

“อาการกำเริบอีกแล้ว!”

ผู้เป็นแม่ละความคิดที่จะแย่งชิงตัวลูกสาวไปแล้ว นางอุ้มไหสุราที่หลิงเยว่ทิ้งไว้ด้วยความชื่นบาน พลางยกฝาขึ้นเพียงเล็กน้อย ปราณอันเข้มข้นแทบจะพัดร่างกายอันผอมบางของนางปลิวไปแล้ว

แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการกล่าวเกินจริง แต่สุราสมุนไพรวิญญาณพิเศษไหนี้ แตกต่างจากหลายสิบชนิดที่นางเคยดื่มมา

อย่างสิ้นเชิง! สุรานี้มีระดับที่สูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด!

เพียงอึกเดียวก็แทบจะทำให้วิญญาณล่องลอยเลยแล้ว!

สายตาของท่านแม่เซี่ยเบิกโพลงอย่างตกตะลึง ถ้าเป็นสุราสมุนไพรชนิดนี้ การที่ลูกสาวคนเล็กของนางสามารถก้าวข้ามไปยังขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นแปดได้ภายในเวลาสามวัน คงพอจะอธิบายได้

แต่ว่า…

ท่านแม่เซี่ยเขย่าจอกสุราพร้อมกับสีหน้าครุ่นคิด เมื่อเห็นความผิดปกติของสามี คาดว่าคงจะไม่ได้ดื่มเพียงแค่สุราสมุนไพรวิญญาณพิเศษที่หายากเพียงอย่างเดียวเป็นแน่

“เจ้าทำได้อย่างไร?”

หลิงเยว่เพิ่งจะกลับมาถึงห้อง ยังไม่ทันได้หายใจหายคอ บุคคลที่นั่งอยู่ในเงามืดก็เอ่ยถามทันที ทำให้นางเปิดประตูห้องออกไปโดยไม่รู้ตัว

ท่าทีการหลบหนีช่างคล่องแคล่วราวกับว่าเคยฝึกฝนมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

นายท่านตระกูลเซี่ย “???”

ตอนที่หลิงเยว่ปิดประตูห้อง ตนเองได้ลงอาคมกำกับเอาไว้แล้วแท้ ๆ เชียว

ท่านชายตระกูลเซี่ยเห็นว่าการวางอำนาจของเขาไม่สำเร็จ จึงตัดสินใจเดินจากไปก่อน เพราะในสำนักกลั่นโอสถมีผู้อาวุโสที่เก่งกล้ามากมาย จึงความเสี่ยงสูง โดยเฉพาะหลิงเยว่… ที่ไม่ได้คิดร้ายต่อฮวนฮวน แต่ตรงกันข้ามนางกลับช่วยเหลือฮวนฮวนและเขาไว้

อีกครู่คงจะหาโอกาสได้กระมัง…

หลิงเยว่ตามหาหัวหน้ามรกตที่กำลังรับประทานอาหารอยู่อย่างเอร็ดอร่อยในห้องเรียนพิเศษ

“สหายที่ดีของข้า ข้าได้พบกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเข้าแล้ว ช่วงนี้ช่วยดูแลข้าหน่อยเถิด”

หลิงเยว่ยังไม่เคยเผชิญหน้ากับอสูรโดยตรง และนายท่านตระกูลเซี่ยก็เป็นอสูรที่สามารถซ่อนตัวอยู่ในเมืองฝู่ซางได้นานหลายปีโดยที่ไม่ถูกค้นพบ แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเก่งกาจเพียงใด

การไปตามหัวหน้าตะขาบมรกตเป็นเหตุผลที่ไม่เพียงพอ หลิงเยว่จึงคิดหาข้ออ้างให้เซี่ยซิ่นรุ่ยอยู่ที่สำนักสักสองสามวัน หากท่านชายตระกูลเซี่ยตั้งใจจะสังหารนางจริง นางก็จะ… ให้ลูกชายของเขาจัดการเสียเอง!

เมื่อมีเครื่องรางชั้นสูงทั้งสองปกป้องอยู่ข้างกาย จิตใจของหลิงเยว่ก็สงบลงได้บ้าง

“อาจารย์หลิง ฮวนฮวนกลับมาแล้วหรือ?” เซี่ยซิ่นรุ่ยไม่รอให้หลิงเยว่ตอบก็อยากจะกลับไปหาฮวนฮวนแล้ว เพราะไม่ได้เจอกันมาตั้งสามวัน เขาคิดถึงน้องสาวยิ่งนัก

“ช้าก่อน พรุ่งนี้เจ้าก็จะได้พบนางเอง ข้าเพิ่งค้นพบอาหารวิญญาณพิเศษที่มีสรรพคุณทางโอสถสูงและรสชาติดีเยี่ยม พวกเจ้าควรอยู่ในห้องเรียนเพื่อค้นคว้ากันต่อเถิด”

หลังจากที่เซี่ยซิ่นรุ่ยได้ยินก็ล้มเลิกความคิดที่จะกลับบ้าน และตั้งตารอการสอนของอาจารย์อย่างมุ่งมั่น

หลิงเยว่ซื้อสัตว์อสูร ไข่ แป้งบดจากรวงข้าววิญญาณพิเศษ และอื่น ๆ จากร้านค้าของระบบ

เหล่าศิษย์กำลังมองดู ไข่และสัตว์อสูรที่กองเป็นภูเขา แล้วเอ่ยว่า “ท่านอาจารย์หลิง ภูเขาไข่ และสัตว์อสูรพวกนี้ใช่ที่อาจารย์ออกไปเก็บมาเมื่อสามวันนี้หรือไม่?”

“ใช่” หลิงเยว่ไม่มีอาการหน้าแดงหรือหายใจหอบแม้แต่น้อย

นางไปเก็บสัตว์อสูรและไข่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ เหตุใดเขาจึงไม่รู้?

หัวหน้าตะขาบมรกตจ้องหลิงเยว่เขม็ง พวกเขาไม่ได้นั่งเฉย ๆ อยู่ที่เชิงเขานอกเมืองถึงสามวันหรอกหรือ?

“เดี๋ยวจะทำของอร่อยให้เจ้ากิน!” หลิงเยว่ยิ้มอย่างรู้สึกผิด

การทำเค้กนั้นไม่ยาก เมื่อให้นักกลั่นโอสถเป็นคนทำแล้วยิ่งง่ายขึ้นอีก หลิงเยว่สาธิตวิธีทำเค้กจากสัตว์อสูรและสมุนไพรวิญญาณพิเศษให้กับเหล่าศิษย์อย่างจริงจัง

กลิ่นหอมหวานของเค้กที่อบจนได้ที่และกลิ่นของสมุนไพรวิญญาณพิเศษทำให้หัวหน้าตะขาบมรกตแทบจะลืมตัว อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นเค้กที่มีรูปร่างคล้ายสัตว์อสูรในมือของหลิงเยว่ ตะขาบมรกตสี่ปีกบนท้องฟ้าพลันหายไป

นั่นคือสิ่งใดกัน!?

ใช่พวกพ้องของมันหรือไม่!?

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท