ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 188 หึ! หากนางไม่ร่ำรวยแล้วผู้ใดจะร่ำรวยเล่า!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 188 หึ! หากนางไม่ร่ำรวยแล้วผู้ใดจะร่ำรวยเล่า!

บทที่ 188 หึ! หากนางไม่ร่ำรวยแล้วผู้ใดจะร่ำรวยเล่า!

หลิงเยว่พยักหน้าพลางเร่งเร้าให้ฮวนฮวนรีบทานเค้กเข้าไป

ฮวนฮวนน้อยลังเลอยู่นาน จนพระอาทิตย์เกือบจะลับขอบฟ้าแล้ว จึงได้แลบลิ้นออกมาเลียเนื้อครีมชั้นบน อร่อยจนนางยิ้มตาหยี คราวนี้ไม่ต้องให้ใครเร่งเร้านางอีกต่อไป นางก็ค่อย ๆ กินเค้กที่มีขนาดเท่ากับศีรษะของนางจนหมด เศษครีมบนจานที่ใช้รองเค้กก็ถูกกินจนหมดเกลี้ยง

“อาจารย์หลิง…”

ฮวนฮวนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นนางก็รู้สึกหน้ามืดและล้มลงไป

ฮูหยินเซี่ยโอบกอดลูกสาวไว้ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล ปราณกำลังจะแทรกซึมเข้าสู่ร่างของฮวนฮวน แต่กลับถูกดีดออกมาอย่างรุนแรง ไม่สามารถเข้าไปได้เลย!

นายท่านตระกูลเซี่ยก็ประสบเคราะห์กรรมเดียวกัน

คนทั้งสอง ไม่สิ! คนทั้งสามต่างหันสายตาไปทางหลิงเยว่อย่างพร้อมเพรียง

“รีบพาฮวนฮวนไปห้องบำเพ็ญก่อนเถิด ช้ากว่านี้… จะไม่ทันการแล้ว”

ฮูหยินและนายท่านตระกูลเซี่ยที่รีบอุ้มฮวนฮวนไว้พลันหายตัวไปในทันที

เซี่ยซิ่นรุ่ย “…”

เซี่ยซิ่นรุ่ยรู้สึกราวกับว่าพวกเขามีเรื่องบางอย่างปิดบังเขาอยู่!

“อาจารย์ ฮวนฮวนกินแล้วเหตุใดถึงหมดสติไปเล่า!”

“เค้กก้อนนั้นมีพลังปราณมากเกินไป ฮวนฮวนรับไม่ไหวก็เลยหมดสติ” หลิงเยว่อธิบายไปเพียงสั้น ๆ แล้วพาหัวหน้าตะขาบมรกตจากไป

นางก็อยากจะไปดูฮวนฮวนเหมือนกัน แต่ดูจากท่าทีหวงลูกของสามีภรรยาคู่นั้นแล้ว คงหมดหวัง!

เซี่ยซิ่นรุ่ยยังไม่ปักใจเชื่อ แต่ไม่อาจหาเหตุผลอื่นมาแทนได้

หลังจากฮวนฮวนถูกอุ้มเข้าไปในห้องบำเพ็ญ นางก็ได้กลายร่างเป็นดอกไม้… ครึ่งหนึ่งเป็นสีแดง อีกครึ่งหนึ่งเป็นสีดำ สีแดงกำลังแผ่กระจายกลืนกินสีดำอย่างช้า ๆ

สีสันดอกไม้ที่แท้จริงของฮวนฮวนนั้นคือครึ่งแดงครึ่งดำ ส่วนดอกไม้สีแดงสดที่เกิดจากการใช้ชารู้แจ้งก่อนหน้านั้นคือ รูปลักษณ์ที่แท้จริงของดอกไม้โลหิตอสูร

“ได้ผลจริง ๆ …”

ดวงตาของฮูหยินเซี่ยร้อนผ่าว เดิมทีนางได้เตรียมใจไว้แล้วว่าจะปล่อยให้นางมีความสุขจนกว่าจะอายุครบสิบแปดปี แล้วจึง… จากไปอย่างสงบ

แต่ในฐานะผู้เป็นแม่ จะมีสักกี่คนที่สามารถเผชิญความตายของลูกได้อย่างสงบกัน?

ตั้งแต่ฮวนฮวนถือกำเนิด พวกเขาก็แสวงหาวิธีแก้ไขมาโดยตลอด และหนทางเดียวที่จะแก้ไขได้ เป็นหนทางที่พวกเขาไม่สามารถกระทำได้สำเร็จ แม้จะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างก็ตาม

ตอนนี้…

แววตาของนายท่านตระกูลเซี่ยอ่อนโยนลง ทั้งสองเฝ้ามองฮวนฮวนด้วยความปลาบปลื้มใจ

แม้กระทั่งเมื่อจบลง สีแดงของดอกไม้จะกลืนสีดำไปได้เพียงเล็กน้อย แต่พวกเขาก็พอใจแล้ว!

ทันทีที่หลิงเยว่กับหัวหน้าตะขาบมรกตก้าวเข้ามาในห้อง หัวหน้าตะขาบมรกตก็กุมหน้าอกของมันแล้วพ่นเลือดสีดำออกมา

“หัวหน้าตะขาบมรกต เจ้าเป็นอะไรไป? อย่าทำให้ข้าตกใจเช่นนี้!” หลิงเยว่ตื่นตระหนก นางโอบกอดหัวหน้าตะขาบมรกตที่แม้แต่ร่างมนุษย์ก็ยังคงสภาพไว้ไม่ได้

คำพูดของหลิงเยว่ไม่ได้รับการตอบสนอง ร่างของหัวหน้าตะขาบมรกตมีหมอกสีดำพวยพุ่งอยู่รอบตัว เห็นได้ชัดว่ามวลพลังอสูรที่มันกลืนกินไปก่อนหน้านี้ยังไม่ได้รับการกลั่น

“ระบบ ต้องใช้โอสถอะไรบ้าง? บอกข้ามา ข้าจะซื้อมันทั้งหมด ไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่ก็ตาม!”

[โอสถหลอมรวมปีศาจขั้นสูง สรรพคุณ : สามารถหลอมรวมพลังอสูรกลายเป็นพลังปราณได้อย่างรวดเร็ว มีเฉพาะสัตว์อสูรเท่านั้นที่ใช้ได้เท่านั้น ราคาสิบล้านค่าพลังวิญญาณ ซื้อหรือไม่?]

“ซื้อห้าเม็ด!” ด้วยเกรงว่าจะไม่เพียงพอ หลิงเยว่จึงซื้อห้าเม็ดในคราวเดียว จากนั้นนางก็อ้าปากของหัวหน้าตะขาบมรกตออก แล้วป้อนโอสถเข้าไป

หลังจากนั้น หลิงเยว่ก็ล้มตัวลงนอนกับพื้น นางไม่กล้าหลับ เอาแต่จ้องมองการเปลี่ยนแปลงของหัวหน้าตะขาบมรกตด้วยสายตาที่แน่วแน่ เมื่อเห็นว่าพลังอสูรเริ่มจางลงและถูกดูดซับเข้าสู่ร่างของหัวหน้าตะขาบมรกตแล้ว นางก็โล่งใจ

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น หลิงเยว่เลิกการบำเพ็ญแล้วเหลือบมองหัวหน้าตะขาบมรกตที่ไม่มีพลังอสูรหลงเหลือแล้ว แต่เขายังคงหลับใหลอยู่ จากนั้นนางก็เดินออกจากห้องไป

ไม่นานนัก ตะขาบมรกตทั้งห้าก็มาถึงห้อง แล้วนอนหมอบเฝ้าอยู่ข้างหัวหัวหน้าตะขาบมรกตโดยไม่ขยับเขยื้อน

วันที่สาม หัวหน้าตะขาบมรกตก็ยังไม่ฟื้น แต่สภาพร่างกายนั้นนับว่าดีขึ้นบ้าง และในวันที่สี่ หลิงเยว่ก็ประสบความสำเร็จในการเร่งการเจริญเติบโตกำเนิดสัตว์อสูรตัวแรก นั่นคือไก่ทองคำ สัตว์อสูรระดับล่าง โดยมีรูปร่างเหมือนลูกไก่ทั่วไป

“อาจารย์หลิง ท่านไปหาลูกไก่มาจากที่ใด?”

“หรือว่าวันนี้จะสอนให้เราเอาลูกไก่มาทำเป็นอาหารกันอย่างนั้นหรือ…” เหล่าลูกศิษย์มองไก่ทองคำที่ยืนอยู่บนบ่าของหลิงเยว่ด้วยความสงสัย ไก่ทองคำชูคอขึ้นอย่างหยิ่งยโสราวกับกำลังตรวจตราอาณาเขตของมัน “เนื้อมันก็ไม่ได้มีเยอะเท่าใดนัก!”

“วัน ๆ คิดแต่จะกิน ข้าขอเตือนพวกเจ้าไว้ก่อนว่า ห้ามคิดจะแตะต้องมันเด็ดขาด!”

ลูกไก่ตัวแรกที่เร่งการเจริญเติบโตจนถือกำเนิดขึ้นมานี้ นางจะต้องเลี้ยงดูอย่างดีแน่นอน หลิงเยว่อุ้มลูกไก่ไว้ในอ้อมแขน นางรักมันราวกับของวิเศษหายาก ผู้ใดที่ไม่รู้ คงคิดว่ามันเป็นสัตว์หายากชนิดหนึ่งเป็นแน่!

เหล่าศิษย์มองลูกไก่ตัวน้อยที่ดูโง่เขลาและไร้เดียงสาด้วยสายตาดูแคลน เพราะมันแทบจะไม่มีเนื้อเลย พวกเขาจะไปสนใจมันได้อย่างไร?

“ว่าแต่ร้านแห่งใหม่ของข้าจะตกแต่งเสร็จในเร็ววันนี้แล้ว พวกเจ้าคนใดอยากได้หินวิญญาณก็รีบมาลงชื่อเสีย”

หลิงเยว่หยิบเอาพู่กันและกระดาษออกมา ทว่ารอไปครึ่งค่อนวัน เหล่าศิษย์ก็ยังคงทำหน้าที่ของตนเองต่อไปโดยไม่ได้สนใจนางเลยแม้แต่น้อย

“พวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร?”

เถียนฉู่ฉู่ถึงกับตัวสั่นเทาเมื่อถูกผู้เป็นอาจารย์ถามเช่นนั้น เธอก้มหน้าลงแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “อาจารย์เจ้าคะ… ร้านนั้น ท่านมั่นใจแล้วหรือว่าจะสามารถทำหินวิญญาณได้”

“ท่านอาจารย์ ร้านนั่นถูกสาป ทั้งเมืองต่างรู้กันทั้งสิ้น ยุงบินผ่านมายังต้องอ้อมไปอีกทาง… ไม่มีผู้ใดกล้ามาอุดหนุนอย่างแน่นอน”

“ถูกต้องแล้ว ท่านอาจารย์หลิงขอความกรุณาเถิด” มีศิษย์คนหนึ่งยกมืออ้อนวอนหลิงเยว่

หลิงเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะจ้องสายตาไปที่จื่อเฉาอวี่ นางสืบเชื้อสายมาจากตระกูลต้องคำสาป นางต้องรู้เป็นแน่ว่าสถานที่แห่งนี้ต้องคำสาปจริงดังคำร่ำลือหรือไม่?

“เฉาอวี่เจ้าจงบอกพวกเขาไปเถิดว่าที่นั่นถูกสาปจริงหรือไม่?”

ผู้ใดเรียกนางว่าเฉาอวี่ แล้วผู้ใดคือเฉาอวี่กัน?

จื่อเฉาอวี่มุ่งมั่นก้มหน้าก้มตาดำเนินการฟักไข่สัตว์อสูร โดยไม่พูดอะไร

ดี! ดียิ่งนัก! พวกศิษย์กบฏเหล่านี้ นางตั้งใจจะนำพาพวกเขาไปสู่ความมั่งคั่งด้วยกันแท้ ๆ ทว่าโอกาสอันดีเช่นนี้พวกเขากลับไม่รู้จักไขว่คว้าไว้แล้วอย่ามาโทษยามที่นางร่ำรวยอยู่เพียงผู้เดียวเชียว!

หลิงเยว่โยนคำขู่ทิ้งไว้ นางยังคงโมโห แต่ก็ไม่ลืมที่จะพาลูกไก่ตัวน้อยที่รักของตนเองไปด้วย ท่าทางเช่นนั้นสร้างความขบขันให้กับบรรดาศิษย์ทั้งหลายเป็นอย่างมาก

“ขออวยพรให้ท่านอาจารย์หลิงร่ำรวยยิ่งขึ้น!”

ด้านหลังของนางมีเสียงคำอวยพรอันกึกก้อง จนทำให้หลิงเยว่ถึงกับเซถลา

หึ! หากนางไม่ร่ำรวยแล้วผู้ใดจะร่ำรวยเล่า!

ถึงตอนนั้นนางจะใช้หินวิญญาณขว้างปาจนพวกเขาต้องร่ำไห้ให้ได้เลย!

หลิงเยว่ผู้โกรธเกรี้ยวหวังจะออกไปดูร้านเล็ก ๆ อันซอมซ่อ แต่ไร้เงาหัวหน้าตะขาบมรกตไปด้วยแล้วนางย่อมใจฝ่อ นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจกลับเข้าไปบำเพ็ญเพื่อเร่งให้ไข่ฟักต่อ

ลูกไก่มีเพียงตัวเดียว ช่างอ้างว้างเสียเหลือเกิน…

ซ้ำร้ายกว่านั้น หลิงเยว่ยังเลียริมฝีปากมองลูกไก่ที่หน้าตาจิ้มลิ้มแล้วอดสงสัยไม่ได้ว่า สัตว์อสูรที่นางเร่งให้ฟักด้วยวิชาเร่งการเจริญเติบโตนั้น จะมีรสชาติเป็นอย่างไร?

เมื่อกิเลสเข้าครอบงำ หลิงเยว่จึงไม่แวะไปหาหัวหน้าตะขาบมรกตแล้ว นางรีบสาวเท้าเข้าห้องที่อยู่ข้าง ๆ และจมอยู่กับการฝึกฝนวิชาเพื่อทำการฟักไข่ต่อไป!

เมื่อประสบความสำเร็จครั้งหนึ่งแล้ว หลิงเยว่ก็สามารถทำให้ลูกไก่ฟักเป็นตัวที่สองได้อย่างราบรื่น ภายในคืนเดียวก็เร่งฟักไข่ได้ลูกไก่ถึงสามตัว รวมทั้งสิ้นเป็นสี่ตัวแล้ว ทุกตัวล้วนงดงามยิ่งนัก!

“เจ้ามนุษย์เปราะบางน้อย คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะตกต่ำถึงขนาดมาเล่นกับลูกไก่เช่นนี้”

หลิงเยว่เงยหน้ามองลูกไก่ตัวน้อยที่ยืนเรียงกันบนบ่า แต่ก็ไม่ตอบกลับ นางแค่เดินวนเวียนไปรอบ ๆ หัวหน้าตะขาบมรกต แล้วถามด้วยความสงสัยว่า “เจ้าหายดีแล้วหรือ?”

“ใช่ เจ้าป้อนสิ่งใดให้ข้า?”

หัวหน้าตะขาบมรกตรู้สถานการณ์ของตนดี ตามสภาพร่างกายที่อ่อนแอในยามนี้ของตนแล้ว หากได้กลืนกินมวลพลังอสูรเข้าไป จำต้องนอนพักฟื้นเป็นปีถึงจะตื่นขึ้นมาได้ ทว่าตอนนี้ตนกลับนอนพักไปเพียงหกวันก็ฟื้นตัวเสียแล้ว ทั้งยังรู้สึกว่าร่างกายแข็งแรงกว่าเดิมอีกด้วย

“ข้าป้อนเจ้าด้วยหินวิญญาณห้าร้อยล้าน”

หัวหน้าตะขาบมรกต “?”

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท