บทที่ 189 ของที่ให้เปล่าล้วนไม่มีของดี!
บทที่ 189 ของที่ให้เปล่าล้วนไม่มีของดี!
โอสถหลอมรวมปีศาจขั้นสูงหนึ่งเม็ดมีราคาสิบล้านค่าพลังวิญญาณ เทียบเท่ากับหินวิญญาณระดับล่างได้หนึ่งร้อยล้าน ดังนั้นหลิงเยว่พูดถูกแล้วที่นางบอกว่าหัวหน้าตะขาบมรกตกินหินวิญญาณไปห้าร้อยล้าน!
หัวหน้าตะขาบมรกตมักรู้สึกว่าเจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยกำลังหาโอกาสหลอกลวงตนอยู่เสมอ นางคงไม่ได้คิดจะใช้ห้าร้อยล้านเพื่อซื้อเผ่าพันธุ์ตะขาบมรกตของตนหรอกกระมัง ฝันไปเถิด! เป็นไปไม่ได้!
แน่นอนว่า หลิงเยว่ไม่ได้หลอกลวงอย่างที่หัวหน้าตะขาบมรกตคิด นางเพียงทำความดีโดยไม่เอ่ยชื่อเสียงเท่านั้น แต่นิสัยของนางไม่ใช่ว่าจะทำความดีแล้วไม่ให้ใครรู้ นางต้องการให้หัวหน้าตะขาบมรกตรับรู้ถึงความดีของนาง!
“เห็นแก่เจ้าที่ทุ่มเทปกป้องข้าเช่นนี้ ข้าจึงไม่เอาหินวิญญาณจากเจ้าแล้วกัน”
แบบนี้ยังถือว่าใช้ได้ เขายังไม่ได้เรียกร้องค่ารักษาจากเจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยก็ถือว่าใจกว้างแล้ว!
หัวหน้าตะขาบมรกตฮึดฮัดแล้วเอื้อมมือออกมา “แล้วเค้กของข้าเล่า?”
“ไว้เดือนหน้า ข้ายังทำตอนนี้ไม่ได้” หลิงเยว่พูดแล้วพาเจ้าลูกไก่ทั้งสี่ตัวเดินจากไปอย่างคล่องแคล่วโดยไขว้แขนอยู่ข้างหลัง เลือดของนางมีค่าเพียงใด?จะให้เอามาทำเค้กง่ายดายเช่นนี้ได้อย่างไร!
ยิ่งไปกว่านั้น การใช้เลือดมาทำเค้กต้องใช้ความทุ่มเท และความพยายามอย่างยิ่ง เนื่องจากต้องใช้เลือดเป็นจำนวนมาก ดังนั้นอีกสิบกว่าวันค่อยว่ากันอีกทีเถิด
หัวหน้าตะขาบมรกตไม่ได้รบเร้า เขาเดาได้ว่าวัตถุดิบที่ใช้ทำเค้กดอกไม้นั้นคงไม่ธรรมดา เจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยเพิ่งจะใช้หินวิญญาณไปห้าร้อยล้าน หินวิญญาณของนางคงไม่เหลือมากนัก ฉะนั้นก็… ละเว้นนางไปก่อนชั่วคราวแล้วกัน
เมื่อหัวหน้าตะขาบมรกตฟื้นตัวแล้ว หลิงเยว่ก็ไม่ได้ไปที่ห้องเรียนอีกเลย แต่นางตรงไปที่หอประมูลตระกูลเซี่ยทันที
“แขกผู้มีเกียรติมาเยือนแล้ว!” เมื่อผู้จัดการเห็นเด็กชายตัวสูงและเด็กหญิงตัวเล็กเดินเข้ามา ดวงตาของเขาก็เปล่งประกาย เจ้าหน้าที่เดินเข้าไปต้อนรับอย่างอ่อนน้อม
หลิงเยว่ส่งเสียงตอบรับในลำคอ จากนั้นจึงยื่นมือที่สวมถุงมือสีดำออกมาจากใต้แขนเสื้อสีดำตัวโคร่งของนาง
ผู้จัดการยังคงยิ้มแย้ม นำบัตรสีทองอร่ามออกมา “นี่คือบัตรหินวิญญาณ หักค่าภาษีการประมูลไปสองส่วนแล้ว เหลือสี่พันหนึ่งร้อยยี่สิบล้านหินวิญญาณ”
หัวหน้าตะขาบมรกตได้ยินจำนวนเงินแล้วเบิกตากว้างภายใต้หมวก หินวิญญาณที่เจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยได้มานั้น ช่างง่ายดายเหลือเกิน!
ในขณะที่หัวหน้าตะขาบมรกตต้องทำงานอย่างหนักขายลูกหลานตะขาบมรกตเพื่อประทังชีวิต…
หลังจากได้รับเงินก้อนโต หลิงเยว่นึกอยากกลับไปทำชาหายากในทันที แม้ว่าขั้นตอนการทำจะยุ่งยากกว่าการทำเค้กโลหิต แต่คุณค่าที่ได้กลับสูงเกินกว่าที่นางคาดไว้เสียอีก
เพียงแค่ทำอีกสิบสองขวด นางก็จะได้ห้าหมื่นล้านค่าพลังวิญญาณ เพื่อซื้อหินหงส์ไฟให้เจ้าอีกาสุริยันตัวน้อยได้แล้ว!
อีกแค่สิบสองขวดเท่านั้น! เมื่อตอนแรกที่นางทำแค่หกขวดใช้เวลาเกือบสามปี และในครั้งนี้ที่สามารถขายได้ในราคานี้ก็อาศัยโชคช่วยอยู่ไม่น้อย ไม่เป็นอะไรการทำชาหายากเป็นเรื่องที่เร่งไม่ได้อยู่แล้ว
เพราะสมุนไพรวิญญาณที่ใช้ล้วนต้องปลูกในดินที่มีคุณสมบัติต่างกัน บนพื้นฐานคุณสมบัติเดิมของสมุนไพรจะต้องเพิ่มคุณสมบัติที่ไม่ใช่ของสมุนไพรอีกหนึ่งถึงสองอย่าง จากนั้นนำแก่นปราณอัคคีคั่วให้แห้งอย่างระมัดระวัง แล้วใช้แก่นปราณวารีแช่ออกมา ซึ่งมีความยากเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากตรองดูแล้ว หลิงเยว่และหัวหน้าตะขาบมรกตก็มาถึงหน้า… ตึกเก่าอันทรุดโทรม
ตึกนี้ยังคงเก่าทรุดโทรมเหมือนเดิม เพียงแต่ดูสะอาดกว่าเล็กน้อย เมื่อมองไปยังเสาที่มีรูโหว่ ราวระเบียงชั้นสองที่มีราวบันไดไม้ที่วางสลับไปมา ยังไม่ต้องพูดถึงประตูไม้สองบานที่มีขนาดไม่เท่ากันอีก!
หลิงเยว่ไม่สามารถบรรยายความรู้สึกตอนนี้ออกมาเป็นคำพูดได้ ที่นี่ต่างอะไรกับตึกโทรมที่ถูกเสียงหัวเราะของหัวหน้าตะขาบมรกตทำให้พังทลายลงมาได้?
หัวหน้าตะขาบมรกตหัวเราะอีกครั้ง
แต่ในครั้งนี้ตึกไม่ได้พังทลายลงมา แสดงว่าแข็งแรงกว่าตอนก่อนมากแล้ว นับว่ามีความแตกต่างอยู่บ้าง
ความรู้สึกดี ๆ ที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของหลิงเยว่หายไปสิ้น เมื่อได้เห็นภายในตึกเก่าทรุดโทรมที่ว่างเปล่า และบันไดขึ้นชั้นสองที่เป็นเพียงบันไดไม้ผุพัง
ของที่ให้เปล่าล้วนไม่มีของดีเสียจริง! อย่างไรก็ตาม นางคงคาดหวังไว้มากเกินไป!
ถึงจะไม่ได้ร้องขอสิ่งใดที่มันเลิศหรูอลังการ แต่ขอเพียงไม่ให้ดูโทรมขนาดนี้ก็พอ…
“ข้าว่าเจ้าควรฟังคำแนะนำของเหล่าศิษย์ อย่าได้เปิดร้านเลย เผื่อเกิดขาดทุนย่อยยับขึ้นมา เจ้าจะลำบากเอา” หัวหน้าตะขาบมรกตส่ายหัว มนุษย์ปกติมีหรือที่เดินมาสถานที่รกร้างเช่นนี้?
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นร้านที่คนทั่วหล้ารู้ดีว่าต้องคำสาป!
“ไม่ได้! ข้าจะไม่ยอมจำนนต่อความยากลำบาก และข้าจะเปิดร้านนี้ให้ได้!”
นึกถึงครานั้นที่นางยังไม่มีร้าน และต้องพึ่งพาการตั้งแผงขายอาหารปิ้งย่างในสำนักหลานเทียน จนสร้างชื่อเสียงให้ตนเองมาได้!
ครานี้นอกจากนางจะขายสุราสมุนไพรและอาหารปิ้งย่าง นางยังคิดจะเพิ่มอาหารอย่างอื่นเข้าไปอีก เมื่อถึงเวลานั้นกลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วถนน แล้วใครเล่าจะไม่กล้ามา!
กล่าวถึงผู้กล้า ตอนนี้ที่หน้าประตูมีผู้กล้าที่สวมชุดเกราะเต็มยศยืนอยู่
ดูรูปร่างแล้ว ราวกับว่า…
“ท่านอาจารย์ใหญ่หรือ?” หลิงเยว่เอ่ยถามดู
ท่านอาจารย์ใหญ่พยักหน้า สายตาเคร่งขรึม “เป็นอย่างไรบ้าง พอใจกับตึกหลังน้อยที่เพิ่งตกแต่งใหม่หรือไม่?”
เหตุใดหลิงเยว่จึงรู้สึกราวกับว่าน้ำเสียงของท่านอาจารย์ใหญ่แฝงไว้ซึ่งความภูมิใจเล็กน้อย
“ตึกหลังน้อยนี้ ท่านอาจารย์ใหญ่นำไม้แต่ละแผ่น เสาแต่ละต้นมาสร้างขึ้นเมื่อสิบวันที่แล้ว มิต้องกล่าวก็รู้ว่าข้ามีพรสวรรค์ด้านนี้อยู่ไม่ใช่น้อย”
หลิงเยว่และหัวหน้าตะขาบมรกต “…”
ความมั่นใจต้องมากมายเพียงใดจึงจะสามารถกล่าวคำเยินยอตนเองได้เช่นนี้
“ท่านอาจารย์ใหญ่ ข้าไม่คิดเลยว่าตึกหลังน้อยนี้จะเป็นผลงานของท่าน ช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
หัวหน้าตะขาบมรกตมองหลิงเยว่ด้วยหางตา เมื่อครู่ไม่ใช่เจ้าหรอกหรือที่เดินไปก็บ่นไปว่าที่แห่งนี้ราวกับกองขยะ!
คำพูดนี้ทำให้ท่านอาจารย์ใหญ่รู้สึกแปลกใจนัก แต่ก็บอกไม่ได้ว่าแปลกที่ใด เพราะท่านก็พอใจในผลงานของตนเองอยู่แล้วเช่นกัน!
มีเพียงหลิงเยว่เท่านั้นที่ให้ท่านอาจารย์ใหญ่ลงมือสร้างร้านด้วยมือของเขาเอง!
หากไม่ใช่เพราะว่าทุ่มเงินมหาศาลแล้วยังไม่สามารถจ้างช่างไม้แม้แต่คนเดียวให้มาสร้างร้านต้องสาปแห่งนี้ขึ้นใหม่ เขาจึงจำต้องลงมือด้วยตนเองอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านั้น เขาไม่เชื่อว่าที่แห่งจะมีสิ่งชั่วร้าย จนกระทั่งได้สร้างตึกหลังนี้ด้วยมือของตนเอง ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน ก็ได้ใช้เงินหินวิญญาณไปหลายพันล้านในหอประมูล เขาจึงได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความร้ายกาจของร้านต้องคำสาปนี้!
จนถึงตอนนี้ เขายังไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเข้าประตู เลยยืนพูดคุยกับหลิงเยว่อยู่ด้านนอกตึกเท่านั้น
“ออกมาข้างนอกก่อนเถิด ข้ามีของจะให้เจ้า” กล่าวจบ ท่านอาจารย์ใหญ่ก็อยู่บนถนนหน้าตึกผุพังหลังน้อยแล้ว ราวกับว่าหากอยู่ต่ออีกเพียงครู่ คำสาปจะยิ่งรุนแรงขึ้น!
หลิงเยว่ “…”
แม้แต่ท่านอาจารย์ใหญ่ยังเป็นเช่นนี้ นางเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าตนจะสามารถทำลายคำสาปและทำให้ร้านทรุดโทรมหลังน้อยนี้โด่งดังได้หรือไม่?
“ของอันใดหรือเจ้าคะ?” หลิงเยว่กำลังจะเดินเข้าไปใกล้ ท่านอาจารย์ใหญ่ก็ถอยหลังไปหลายก้าว แม้แต่หัวหน้าตะขาบมรกตก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกยิ้มปากเมื่อเห็นท่านอาจารย์ใหญ่กลัวคำสาปจนเข้ากระดูกดำเช่นนั้น
กล่องไม้สี่เหลี่ยมสีแดงเข้มถูกโยนใส่ในอ้อมกอดของหลิงเยว่ “ชุดคลุมนักกลั่นโอสถพิเศษขั้นหนึ่งของเจ้าเสร็จแล้ว ขอแสดงความยินดีด้วย ข้ายังมีธุระด่วน ฉะนั้น ข้าขอตัวก่อน!”
หลิงเยว่ไม่เคยรู้สึกตะลึงกับผู้ใดเช่นนี้มาก่อน แต่กล่องในอ้อมกอดของนางก็ทำให้ความตะลึงงันนั้นหายไปสิ้น
ขณะที่เปิดกล่อง แสงสว่างเจ็ดสีทำให้หลิงเยว่ตาพร่า นางมองชุดคลุมในกล่องอย่างเงียบงัน
หลิงเยว่สัมผัสได้ถึงเจตนาร้ายแรงกล้าของผู้ออกแบบชุดคลุมนักเล่นแร่แปรธาตุระดับพิเศษต่อนาง ไม่เช่นนั้นแล้ว เหตุใดจึงได้สร้างชุดกระโปรงยาวที่เต็มไปด้วยแสงอันเจิดจรัสออกมาได้ สีสันของชุดราวกับเด็กน้อยขีดเขียนอย่างไร้ระเบียบ
รูปแบบนั้นค่อนข้างสวยงาม แต่ตรงนี้เขียว ตรงนั้นแดง กลางลำตัวน้ำตาลและมีจุดดำเล็ก ๆ ประดับประดาเต็มไปหมด
ถ้าแค่นี้นางยังพอจะยอมรับได้ แต่เหตุใดกระโปรงถึงประกายแวววาวถึงเพียงนั้น!
หลิงเยว่กลุ้มใจยิ่งนัก นางจะกล้าใส่ชุดกระโปรงยาวแสบตาเช่นนี้ไปอวดลูกศิษย์ได้อย่างไร?
ใส่ออกไปไหนไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
“โอ้! ชุดนี้สวยงามยิ่งนัก!” หัวหน้าตะขาบมรกตหยิบเอาชุดคลุมมาสวมทับ เขาดูมีความสุขยิ่งนัก!
หลิงเยว่ “…”
นางไม่คาดคิดมาก่อน ทั้งที่อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน แต่นางไม่เคยรู้มาก่อนว่าหัวหน้าตะขาบมรกตมีความชื่นชอบที่แปลกประหลาดถึงเพียงนี้