บทที่ 197 หลิงเยว่อดกลั้นไม่อยู่แล้ว
บทที่ 197 หลิงเยว่อดกลั้นไม่อยู่แล้ว
เพียงครึ่งชั่วยามอาหารชุดใหญ่สำหรับท่านชายผู้มั่งคั่งก็เสร็จสมบูรณ์ โดยจานที่โดดเด่นคือปลาหั่นบางหลากสีสันที่วางอยู่ตรงกลาง และอาหารที่หอมกรุ่นคือปลาเผาร้อน ๆ เนื้อย่างเสียบไม้ และอาหารทะเลนานาชนิด อาหารหลากหลายสีสันถูกจัดวางบนโต๊ะ ชวนให้ผู้คนตาลายจนไม่รู้ว่าควรเริ่มกินจานไหนก่อนดี
“จานไหนอร่อยที่สุด?”
ท่านชายคนนั้นแสดงสีหน้าตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นอาหารหลากหลายชนิด ทั้งยังไม่เคยลิ้มลองมาก่อน
ฝูงชนที่มุงดูต่างแสดงสีหน้าตกใจเช่นกัน หากเทียบกับราคาแปดแสนแปดหมื่นหินวิญญาณระดับต่ำแล้วดูจะไม่แพงสักเท่าไหร่…
หึ! จะว่าไม่แพงก็กระไรอยู่ แปดแสนแปดหมื่นหินวิญญาณระดับต่ำ สามารถซื้อโอสถขั้นต่ำทั่วไปได้หมื่นเม็ดเชียวนะ!
“แต่ละอย่างรสชาติอร่อยแตกต่างกันไปเจ้าค่ะ”
ชายหนุ่มพลางมองหลิงเยว่ด้วยหางตา
“เนื่องจากท่านเป็นลูกค้าท่านแรกที่สั่งอาหารชุดใหญ่ ข้าจะมอบขนมหวานให้ท่านชิมด้วย” พูดจบ หลิงเยว่จึงยื่นเค้กชิ้นเล็กที่เย็นเฉียบออกมา เค้กชิ้นนั้นประดับด้วยผลไม้วิญญาณที่ดูประณีตและงดงามยิ่งนัก
ชายหนุ่มตัดสินใจว่าจะเริ่มกินจากขนมเค้กก่อน เขาใช้ช้อนตักเนื้อเค้กเข้าปาก สัมผัสนุ่มฟู รสหวานกลมกล่อมละมุนลิ้น ทั้งยังไม่หวานเลี่ยนจนเกินไป หนำซ้ำยังเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของนมและผลไม้ที่แปลกใหม่
“อื้ม!”
ท่านชายผู้นั้นกินจนแก้มป่อง พลางชี้ไปที่ขนมเค้ก ดวงตาของเขาเบิกกว้าง พยายามจะพูดแต่เค้กนั้นอร่อยเกินไปจนเขาไม่อยากกลืน
หลิงเยว่จึงส่งชานมสีทองกุหลาบให้เขาในทันที
ท่านชายดื่มชานมแล้วเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะดื่มรวดเดียวจนหมด!
“เยี่ยมมาก! อร่อยทั้งอาหารและเครื่องดื่ม!”
ลูกค้าโต๊ะข้าง ๆ ที่อาหารชุดใหญ่ยังมาไม่ถึงต่างจับตามองท่านชายผู้นี้อย่างละเอียดพบว่า สีหน้าและท่าทางของเขาไม่ได้เสแสร้งแต่อย่างใด ทั้งยังไม่มีทีท่ากวนโมโหเหมือนเช่นเคย หลิงเยว่อธิบายวิธีการแกะกุ้งและปูให้พวกเขาฟังว่าควรแกะอย่างไร และกินปลาดิบอย่างไรให้อร่อยที่สุด…
“เอาชุดเดิมใส่กล่องหนึ่งชุด ข้าจะเอาไปทานที่บ้านด้วย”
อาหารวิญญาณพิเศษบนโต๊ะลดลงอย่างรวดเร็วจากการกินอย่างเอร็ดอร่อยของท่านชายผู้นี้ หลิงเยว่เพิ่งเคยเห็นคนที่กินเก่งเช่นนี้เป็นครั้งแรก เมื่อครู่นางยังคิดจะถามอยู่ว่าเขากินหมดหรือไม่ แต่บัดนี้ดูเหมือนว่า… เขาอาจจะกินหมดจริง ๆ
ความจริงแล้ว หลิงเยว่เตรียมวัตถุดิบไว้ค่อนข้างเยอะ แต่ท่านอาจารย์ใหญ่ใช้อำนาจบังคับให้อาจารย์ในสำนักมาทานอาหารที่นี่ ทั้งยังมีพวกที่ตามมาก่อกวนอย่างซีชางและคนของเขาอีกกว่าสองร้อยคน รวมถึงอาหารชุดใหญ่ที่ขายไปแล้วถึงแปดชุด ทำให้วัตถุดิบเหล่านั้นหมดเกลี้ยงแล้ว
“อย่างไรนะ! หมดแล้วหรือ? แล้วเจ้ายังจะเปิดร้านด้วยเหตุใดกัน!?” ท่านชายโยนกระดองปูลงบนโต๊ะ พลางจ้องหน้า หลิงเยว่ด้วยความโกรธ ก่อนจะกินเนื้อปูที่เหลืออยู่ต่อไป
“เหตุใดเจ้าถึงมาที่นี่?” ใบหน้าของซีชางแปรเปลี่ยนเป็นความขุ่นเคืองทันที เมื่อเห็นลูกพี่ลูกน้องที่ทำตัวน่าอายเช่นนั้น
“ท่านพี่ซี!” ดวงตาของท่านชายเป็นประกาย เพียงไม่นานเขาก็ก้มมองกระดองปูในมือตนเอง แล้วหัวเราะแห้ง ๆ ออกมา “ได้ยินมาว่าท่านพี่อยู่ที่นี่ ข้าเลยคิดจะมาช่วยท่าน แต่ไม่นึกว่าอาหารจะอร่อยขนาดนี้…”
“ท่านพี่วางใจเถิด พอกินเสร็จแล้ว ข้าจะให้คนมาทำลายร้านทรุดโทรมนี่ให้เละทีเดียวเชียว!” ขณะกล่าวเช่นนี้ เขาก็ยังยึดมั่นว่าจะไม่ยอมให้เนื้อปูสูญเปล่า ท่านชายจึงดูดเนื้อปูในมือจนเกลี้ยง
ผู้คนที่อยู่ในร้านต่างเงียบกริบ ไม่คาดคิดว่าท่านชายผู้นี้จะตั้งใจมาพังร้านตั้งแต่แรก เดิมทีพวกเขาคิดว่าเป็นพวกที่เจ้าของร้านว่าจ้างมาเป็นลูกค้าเสียอีก แล้วดูลูกค้าที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ กำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยนั่นเถิด…
ซีชางอยากจะพาญาติผู้น้องที่น่าละอายผู้นี้ออกไปให้พ้น แต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะจากไปเพียงลำพัง
“ช้าก่อน เจ้าจะกินดั่งพระราชาเช่นนี้ไม่ได้!” หลิงเยว่ขวางทางซีชางที่กำลังจะเดินจากไป “เจ้ากับพวกพ้องมีอาหารชุดใหญ่ทั้งสิ้นยี่สิบห้าชุด เห็นแก่ที่เราเป็นศิษย์เป็นอาจารย์กัน ข้าจะคิดเพียงเจ้ายี่สิบล้านหินวิญญาณระดับต่ำเท่านั้น” และเพื่อป้องกันไม่ให้ซีชางพุ่งเข้ามาทำร้าย หลิงเยว่จึงได้ดึงอาจารย์ใหญ่เข้ามาเป็นผู้หนุนหลัง
ซีชางทำเพียงจ้องมองหลิงเยว่อยู่ชั่วครู่ แล้วก็ยื่นมือออกไป ในมือของเขาปรากฏให้เห็นถุงหินวิญญาณจำนวนหนึ่ง
“!!!”
ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้รับเงินได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ หลิงเยว่มองตามหลังซีชางที่ค่อย ๆ เลือนหายไปด้วยความงุนงง หรือว่าหลังจากได้ลิ้มรสอาหารมื้อนี้แล้ว เขาจะตัดสินใจกลับตัวเป็นคนดีอย่างนั้นหรือ?
อาจารย์ใหญ่มองตามด้วยความปลาบปลื้ม
“ท่านอาจารย์ใหญ่ ท่านโปรดชำระค่าอาหารด้วยเช่นกัน ข้าจะขอเรียกเก็บท่านเพียงห้าแสนเท่านั้น”
รอยยิ้มของอาจารย์ใหญ่แข็งค้างทันทีเมื่อได้ยินคำพูดของหลิงเยว่ “ข้าอุตส่าห์เสียสละเพื่อเจ้ามากขนาดนี้ ไม่เรียกร้องค่าตอบแทนก็นับว่าเมตตาเจ้าแล้ว นี่ยังจะเรียกเก็บหินวิญญาณจากข้าอีกหรือ? ฝันไปเถิด!”
อาจารย์ใหญ่เดินจากไปด้วยความขุ่นเคือง ทว่าเมื่อนึกถึงอาหารที่ยังกินไม่หมด เขาจึงย้อนกลับมาเก็บอาหารที่เหลือใส่ห่อ ท่วงท่าช่างคล่องแคล่วยิ่งนัก เมื่อห่อทุกอย่างเสร็จแล้วเขาก็เดินจากไปอย่างสง่างาม
เหล่าอาจารย์ทั้งหลายไม่รอให้หลิงเยว่เดินเข้ามาถาม เมื่อถึงเวลาจะกลับ พวกเขาต่างวางถุงหินวิญญาณเอาไว้หนึ่งถุง ทว่าบนโต๊ะมีเพียงหินวิญญาณเท่านั้น แล้วจานกับเตาย่างปลาของนางเล่า มันหายไปไหนหมด!
เหตุใดถึงไม่ยกโต๊ะและเก้าอี้ของนางไปด้วยกันเสียเลยเล่า!
“ท่านอาจารย์หลิง เอ่อ… ข้าว่าท่านออกไปดูข้างนอกเสียหน่อยดีกว่า” เซี่ยซิ่นรุ่ยที่พยายามกลั้นหัวเราะจนหน้าแดงก่ำเอ่ยขึ้น
ลานด้านนอกที่เดิมวางโต๊ะและเก้าอี้ไว้นั้นกลับว่างเปล่า มีเพียงถุงหินวิญญาณใบเล็ก ๆ ที่บ่งบอกว่าครั้งหนึ่งเคยมีสิ่งที่เรียกว่าโต๊ะและเก้าอี้ตั้งอยู่
“สามารถย้ายไปกินที่อื่นได้ด้วยหรือ?” ลูกค้าทั้งแปดโต๊ะบนริมถนนรู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก พูดตามจริงแล้ว การกินบนถนนของร้านต้องคำสาปนั้น ชวนให้หวาดกลัวอยู่ไม่น้อย บัดนี้เมื่อทุกคนได้ยินว่าสามารถยกไปกินที่บ้านได้ ยังไม่ทันที่หลิงเยว่จะได้ตอบ เพียงพริบตาเดียวถนนพลันว่างเปล่า ไม่เหลือทั้งคน โต๊ะ เก้าอี้ หรือแม้แต่จานชามด้วยซ้ำ!
กระทั่งผู้คนที่เฝ้าดูอยู่ล้นหลาม เมื่อเห็นว่าค่ำคืนจะมาเยือนก็สลายตัวกันไปจนหมดสิ้น
ใบหน้าของหลิงเยว่บัดนี้ช่างดูไร้ความรู้สึกเป็นอย่างยิ่ง “ยามที่ยกทุกอย่างไป พวกเขาไม่กลัวคำสาปกันแล้วหรือ?”
“แน่นอนว่าเป็นเพราะพวกเขากินหมดแล้ว คำสาปเพียงเล็กน้อยจึงไม่เป็นอะไร” จื่อเฉาอวี่เงยหน้ามองท้องฟ้า แย้มริมฝีปากหัวเราะอย่างเงียบ ๆ เมื่อเห็นหลิงเยว่อึดอัดใจ นางกลับรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
“ท่านอาจารย์หลิง พวกเราทำงานมาทั้งวันแล้ว ต้องมีค่าแรงใช่หรือไม่?” ลูกศิษย์คนหนึ่งยื่นมือออกมาอย่างอ่อนแรง
“ค่าแรงหรือ!?” เมื่อหลิงเยว่ได้ยินคำนี้แล้ว ถึงกับอดกลั้นอารมณ์ไว้ไม่อยู่ “พวกเจ้ายังอยากได้ค่าแรงอีกหรือ? ขณะเรียนก็ยังได้กินไปด้วย ข้ายังไม่คิดค่าแรงจากพวกเจ้าเลย!”
แม้ว่าวันนี้หลิงเยว่จะได้เงินที่ถูกกรรโชกคืนมาเกือบหมดแล้วก็ตาม แต่พรุ่งนี้กิจการจะซบเซาเพียงใด นางไม่อยากคิดเลยด้วยซ้ำ! ดังนั้น หากพวกเขาต้องการค่าแรง ก็ต้องรอให้ร้านนี้โด่งดังเสียก่อน เมื่อเป็นเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นค่าแรงหรือแม้แต่กำไร นางก็สามารถให้ได้ทั้งสิ้น!
“อาจารย์อย่าตกใจไป พวกเราไม่ต้องการค่าแรงแล้ว ไม่ต้องการแล้ว!”
“โอ๊ย! ช่างเหนื่อยเหลือเกิน ท่านอาจารย์พวกเราขอตัวกลับก่อน จะว่าไปแล้วที่นี่ถูกขนทุกอย่างไปหมดแล้วก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องเก็บกวาดอะไรเลย…”
จะไปก็ไปเถิด แต่ก่อนไปยังจะพูดแทงใจหลิงเยว่เช่นนี้อีก
ช่างน่าโมโหเสียจริง!
เพียงชั่วพริบตา ลูกศิษย์ต่างพากันเดินออกไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงหลิงเยว่และหัวหน้าตะขาบมรกตที่ยังนั่งจิ้มปลาเข้าปากกันอยู่
ร้านต้องคำสาปในยามค่ำคืนนั้นสว่างไสว ทว่าหลิงเยว่กลับรู้สึกว่ามันช่างเย็นยะเยือกยิ่งนัก นางจึงลากหัวหน้าตะขาบมรกตกลับไปยังสำนักโดยทันที หากให้นอนในร้านทรุดโทรมนั่นสู้กลับสำนักไปดูเจ้าไก่ตัวน้อยของนางไม่ดีกว่าหรือ?
เมื่อหลิงเยว่และหัวหน้าตะขาบมรกตจากไป ตึกเล็ก ๆ อันทรุดโทรมแห่งนี้ที่สว่างไสวเมื่อครู่ก็มืดลงราวกับว่าภาพความคึกคักเมื่อตอนกลางวันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน